Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แล้วถ้าอยากเล่นหุ้นให้ได้กำไรปีละ 20 เปอร์เซนต์ จำเป็นต้องฉลาดมากรึเปล่าครับ ผมจบราชภัฏมาครับ เกรดไม่ถึง 2.5 ด้วย ไม่ว่าจะต้องใจเรียนอย่างไร เกรดก็ไม่เคยถึง สามสักเทอม ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีใครชม ผมว่าฉลาดเลย

ตอนนี้เรียนป โท อาจารย์ที่ปรึกษายังบอกเลย อาจจะจบไม่ทันเพื่อน อาจารย์อยากให้ผมอ่านหนังสือวันละแปดชั่วโมง เพราะดูจากงาน สารนิพนธ์ผมแล้วห่วยมาก ขนาดอ่านวันแปดชั่วโมงก็อาจจะจบไม่ทันเพื่อน แต่อาจจะใช่เวลาปีหนึ่ง อย่างต่ำ หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจจะใช่เวลานานกว่านั้น

สรุปว่า เล่นหุ้นให้ได้กำไร หรือชนะตลาดได้ มันจำเป็นต้องฉลาดกว่าคนปกติรึเปล่าครับ เพราะเห็นคนเขียนหนังสือหุ้นบ้างคน ก็จบการศึกษามาสูงครับ

ไม่น่าจะเกี่ยวกันนะคะ ความรู้มันเรียนทันกันได้จร้า  :D  :D  :D

ผมจบแค่ปริญญาตรีครับ
คุณกำลังเรียนปริญญาโท แสดงว่าฉลาดกว่าผม

แต่ที่จริงแล้วการประสบความสำเร็จในเรื่องใดๆก็ตาม มันไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดอย่างเดียวหรอก
มันอยู่ที่ว่าคุณกำลังเล่นในเกมของคุณอยู่หรือเปล่า

ลงทุนให้ประสบความสำเร็จ EQ สำคัญกว่า IQ ครับ
เรียนเก่งไปแต่ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตลาดชี้นำไม่ได้ โอกาสที่จะชนะตลาดก็ยากครับ
ลงทุนมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

ตอนนี้ผมก็ยังเล่นหุ้นไม่ถึงปี  แต่ก็ได้กำไรอยู่เพราะตลาดมันดี
แต่ก็อาศัยหลักการตีแตกในหนังสือ ของดร นิเวศละครับ แต่เห็นในหนังสือที่เกี่ยวกับหุ้น บอกว่าระยะเวลาแค่นี้บอกไม่ได้ครับ ต้องใช้เวลาสิบปีในการพิสูจน์ฝืมือของตัวเอง หนังสือเล่มนี้ผมว่าอ่านเข้าใจง่าย
แต่พอผมไปอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวิเคาะห์งบการเงินที่ไร หรืออะไรที่มันวิชาการมากๆ หน่อย มึน งงทุกทีเลยครับ เช่น การบริหารมูลค่าเพิ่ม เชิงเศรษฐศาสตร์ ผู้เขียน เอกชัย บุญยาทิษฐาน หรือ อ่านงบการเงินให้เป็น ของ ดร ภาพร เอกอรรถพร

ถ้าคุณสนใจผมว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ทำผลตอบแทนในตลาดหุ้นได้ดีครับ

ถ้ามันเป็นเรื่องที่คุณสนใจและใส่ใจนะครับ

โดยเฉลี่ย 20% ต่อปีนี่ ผมว่าคุณทำได้แบบสบายๆเลยล่ะครับ

คนฉลาดไอคิวสูงเจ๊งหุ้นก็น่าจะมีเยอะ คนที่ไม่ค่อยฉลาดก็อาจหมดตัวได้เหมือนกัน สรุปไม่เก่งเรียนเเต่อาจเก่งลงทุนก็ได้นะครับ

ไม่จำเป็น
คนที่เก่งในการเรียนอาจจะไม่สามารถเข้าสังคมได้
แต่คนไม่เก่งสามารถอยู่รอดไ้ด้เสมอ

ผมว่า ปัญญา กับ อมรมณ์ สำคัญที่สูดสำหรับการลงทุน

แต่เรียนเก่งหรือไม่เก่ง เอาตัวรอดจบมาได้ หรูแล้วครับ

นิวตันยังเจ๊งหุ้นเลยครับ

เล่นหุ้นมันขึ้นอยู่กับ ความไฝ่รู้ ประสบการณ์ และดวง ครับ

ไม่เกี่ยวกับ IQ เท่าไหร่หรอก

คนเจ๊งหุ้นที่เ็ป็นหมอ วิศวะ สถาปนิก มีเยอะแยะไปครับ

คุณต้องมีความรู้เรื่องธุรกิจครับ การผลิต การตลาด การเงิน การบัญชี การบริหารจัดการ ฯลฯ (Business Analysis)
คุณต้องสามารถประเมินมูลค่าธุรกิจออกมาได้ (Intrinsic Value)
คุณต้องเผื่อความปลอดภัยไว้ โดยซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ประเมินได้ให้มากที่สุด (Margin of Safety)
คุณต้องเข้าใจกระบวนการต่างๆของตลาดหุ้น ที่มา ที่ไป เหตุ ผล และตัวแปรต่างๆ (Mr.Market)

จะทำอย่างนั้นได้คุณต้องมี
ข้อมูล (อยู่ที่ความขยันในการติดตามข่าวสาร บทความ บทวิจัย บทวิเคราะห์ ข้อมูลบริษัทต่างๆให้มากที่สุด)
การวิเคราะห์ (อยู่ที่ประสบการณ์ในการลงทุน ที่จะทำให้เราเฉียบคมขึ้น)
ความรู้และสไตล์ในการลงทุน (อยู่ที่การค้นคว้า ตำรับตำรา อ่าน ทดลอง ประเมินผล)
การควบคุมอารมณ์ พฤติกรรมให้เหมาะสม (อยู่ที่การเข้าใจจิตวิทยาของตัวเอง ผู้อื่น รู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน มีสติ สัมปชัญญะ)
เป็นวินัยที่สำคัญที่จะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดี และมีผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ

เบื้องหลัง IQ สูง เรียนเก่ง ส่วนใหญ่กว่า 99% เป็นผลจากความขยัน อดทน มุมานะ รักในสิ่งที่ทำ
มีศรัทธา มีความพากเพียร มีสติ จดจ่อจดจำในสิ่งที่ทำ มีการวิเคราะห์ ประเมินผลของสิ่งที่เราทำว่าขาดตกบกพร่อง
อะไรอย่างไรไปบ้าง แล้วจะต้องเติมเต็ม หรือพัฒนาสิ่งเหล่านั้นอย่างไรจึงจะทำได้ดีขึ้น และยิ่งๆขึ้นต่อไป
ไม่มีใครทำให้กันได้ครับ ถ้าอยากเก่งต้องขยัน เช่น อ่านหนังสือครั้งแรกไม่เข้าใจ ก็อ่านซ้ำมันไป สอง-สามรอบ
ถ้าไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้เพิ่มเติม กลับมาอ่านใหม่ สิบรอบก็ต้องอ่าน ยี่สิบรอบก็ต้องอ่าน ยังไงมันก็ต้องเข้าใจมากขึ้นแน่นอน
ที่สำคัญต้องอดทน ก้าวข้ามความท้อแท้ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไปให้ได้

หนทางง่ายๆที่จะทำให้เรามีความเข้าใจการลงทุนมากขึ้น คือเลียนแบบนักลงทุนเก่งๆครับ ว่าเค้ามีแนวทางในการทำงานอย่างไร
อะไรที่เค้าทำเป็นประจำ อ่านหนังสือเล่มไหน มีความรู้พื้นฐานอย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไร จากนั้นก็มาดูที่ตัวเราเอง
ว่าเราถนัดอย่างไหน และจะต่อยอดด้านไหนได้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราลงทุนได้ประสบความสำเร็จครับ

แหมแค่20%เองไม่น่าเกินความสามารถวีไอไปได้หรอกครับ ถ้าเป็นเท่าๆตัวค่อยว่าไปอย่าง :lol:

ทักษะ ใช้คนละอย่างกันครับ ระหว่างเรียนกับ เล่นหุ้น
โดยส่วนตัวแล้วคนที่เป็นสายวิทย์แล้วมาเล่นหุ้นควรศึกษาด้านจิตวิทยา ประวัติศาสตรเพิ่ม
เล่นเกมส์ที่เกี่ยวกับจิตวิทยาเช่น โปกเกอร์ บริด จะช่วยได้มาก

ไม่ต้องฉลาอตลอดเวลา
ให้ฉลาดตอนตลาดทำตัวโง่ๆ ก็ประสพความสำเร็จได้แล้ว

พยายามเข้าครับ

ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เคยอ่านหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์ ที่เค้าให้ กลุ่มนักเรียนประถม กลุ่มนึง มาเลือกหุ้นกลุ่มนึง ปรากฏในระยะยาว ( จำไม่ได้ว่ากี่ปี ) ผลงานออกมาได้ดีกว่า พวกกองทุนที่บริหารโดยพวกหัวกะทิ ในตลาดหุ้นอีกนะครับ ขาดลอยด้วย ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกัน

การวิจัยพบว่า iq กับอัตราการประสบความสำเร็จในการศึกษาเกี่ยวข้องกันสูงมาก

ส่วน iq กับการลงทุนมีความสัมพันธ์กัน แต่น้อยกว่า เพราะมี variables อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกเยอะครับ

มีตัวอย่างศึกษาเยอะ อ่านได้ตาม paper ทางจิตวิทยาทั่วไป

สิ่งที่สำคัญกว่าคือ หลายครั้งเราพบบ่อย ๆ ว่าคน iq สูง ๆ เรียนแพ้ iq ต่ำ ๆ ครับ

เพราะมีปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้องอีก เช่นความพยายาม อุตสาหะ วินัย และการบริหารอารมณ์

เหมือนกับการลงทุนยังไงยังงั้นเลยครับ

ความรู้ก็สำคัญ ความฉลาดก็สำคัญ ความขยันก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือที่สุดคือคุณใช้มันอย่างไร!!!
เหมือนกับนักมวยที่หมัดหนัก แต่ต่อยไม่โดนก็ไร้บอย นักมวยที่หมัดเบามาก แต่โดนปลายคาง ยังไงก็ร่วง
หมัดเบา ก็เสมือนความรู้ที่เบา แต่รู้จักใช้มัน ก็สำเร็จได้ง่ายๆ สำคัญคือคุณรู็จักใช้มัน!!!
ความรู้แค่ + - * / ผมว่าก็เพียงพอกับการลงทุนแล้ว แต่ต้องใช้มันให้เป็นครับ รู้ไหมครับคนที่ได้ผลตอบแทนมากที่สุดในประเทศ อาจจะเกรดน้อยกว่าคุณอีก และอาจไม่ได้จบ หมอ วิศวะ หรือการเงินด้วยซ้ำ และเซียนบางท่านไม่จบม6ด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งนี้การันตรีแล้วว่า การใช้ความรู้ที่มีสำคัญกว่าความรู้ที่มี

การเล่นหุ้นให้ได้20% นั้นยากไหม?
คุณลองหาบริษัทที่ROE>30%ทุกปีซัก5ปีติด และดูเป็นธุรกิจที่กำไรเสถียรหน่อย
แล้วดูราคาซิ ว่ามีตัวไหนบ้างที่โตน้อยกว่า20%ทบต้น

roe > 30percent คืออะไร ผมยังดูไม่เป็นเลยครับ ตอนนี้ผมดูเป็นแต่พีอี ครับ แต่ขอบคุณ ทุกท่าน ที่ให้กำลังใจผมนะครับ

cyber-shot เขียน:แล้วถ้าอยากเล่นหุ้นให้ได้กำไรปีละ 20 เปอร์เซนต์ จำเป็นต้องฉลาดมากรึเปล่าครับ ผมจบราชภัฏมาครับ เกรดไม่ถึง 2.5 ด้วย ไม่ว่าจะต้องใจเรียนอย่างไร เกรดก็ไม่เคยถึง สามสักเทอม ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีใครชม ผมว่าฉลาดเลย

ตอนนี้เรียนป โท อาจารย์ที่ปรึกษายังบอกเลย อาจจะจบไม่ทันเพื่อน อาจารย์อยากให้ผมอ่านหนังสือวันละแปดชั่วโมง เพราะดูจากงาน สารนิพนธ์ผมแล้วห่วยมาก ขนาดอ่านวันแปดชั่วโมงก็อาจจะจบไม่ทันเพื่อน แต่อาจจะใช่เวลาปีหนึ่ง อย่างต่ำ หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจจะใช่เวลานานกว่านั้น

สรุปว่า เล่นหุ้นให้ได้กำไร หรือชนะตลาดได้ มันจำเป็นต้องฉลาดกว่าคนปกติรึเปล่าครับ เพราะเห็นคนเขียนหนังสือหุ้นบ้างคน ก็จบการศึกษามาสูงครับ

ผมจบ ก.ศ.น ม.6 เองครับ เพิ่งลงทุนได้ 1ปีพอดี แต่แพ้setครับได้กำไรประมาณ27%แต่ผมก็พอใจแล้วครับความรู้มีเท่าไรก็ควรจะได้เท่านั้น

น่าแปลกที่ USA มีนักเศรษฐศาสตร์มากมาย
แต่แล้วเค้าก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่า Warren E.Buffett ครับ

หลายครั้งที่การคิดง่ายๆ
ลงทุนในสิ่งที่เรารู้จัก
จะสร้างผลตอบแทน และสร้างความสบายใจได้มากกว่าการลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจครับ

ลองอ่านหนังสือ 50 idea ของพี่สุมาอี้ หรือ หนังสือ One up on wall street หรือ ตีแตก ดูนะครับผม

มีความสุขและมีสติกับการลงทุนนะครับ

IQ ต้องมีเเต่ไม่จำเป็นต้องสูงมาก เเต่ IQ สูง EQ ต่ำ จบเห่เเน่นอนครับ

Tibular เขียน:คุณต้องมีความรู้เรื่องธุรกิจครับ การผลิต การตลาด การเงิน การบัญชี การบริหารจัดการ ฯลฯ (Business Analysis)
คุณต้องสามารถประเมินมูลค่าธุรกิจออกมาได้ (Intrinsic Value)
คุณต้องเผื่อความปลอดภัยไว้ โดยซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ประเมินได้ให้มากที่สุด (Margin of Safety)
คุณต้องเข้าใจกระบวนการต่างๆของตลาดหุ้น ที่มา ที่ไป เหตุ ผล และตัวแปรต่างๆ (Mr.Market)

จะทำอย่างนั้นได้คุณต้องมี
ข้อมูล (อยู่ที่ความขยันในการติดตามข่าวสาร บทความ บทวิจัย บทวิเคราะห์ ข้อมูลบริษัทต่างๆให้มากที่สุด)
การวิเคราะห์ (อยู่ที่ประสบการณ์ในการลงทุน ที่จะทำให้เราเฉียบคมขึ้น)
ความรู้และสไตล์ในการลงทุน (อยู่ที่การค้นคว้า ตำรับตำรา อ่าน ทดลอง ประเมินผล)
การควบคุมอารมณ์ พฤติกรรมให้เหมาะสม (อยู่ที่การเข้าใจจิตวิทยาของตัวเอง ผู้อื่น รู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน มีสติ สัมปชัญญะ)
เป็นวินัยที่สำคัญที่จะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดี และมีผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ

เบื้องหลัง IQ สูง เรียนเก่ง ส่วนใหญ่กว่า 99% เป็นผลจากความขยัน อดทน มุมานะ รักในสิ่งที่ทำ
มีศรัทธา มีความพากเพียร มีสติ จดจ่อจดจำในสิ่งที่ทำ มีการวิเคราะห์ ประเมินผลของสิ่งที่เราทำว่าขาดตกบกพร่อง
อะไรอย่างไรไปบ้าง แล้วจะต้องเติมเต็ม หรือพัฒนาสิ่งเหล่านั้นอย่างไรจึงจะทำได้ดีขึ้น และยิ่งๆขึ้นต่อไป
ไม่มีใครทำให้กันได้ครับ ถ้าอยากเก่งต้องขยัน เช่น อ่านหนังสือครั้งแรกไม่เข้าใจ ก็อ่านซ้ำมันไป สอง-สามรอบ
ถ้าไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้เพิ่มเติม กลับมาอ่านใหม่ สิบรอบก็ต้องอ่าน ยี่สิบรอบก็ต้องอ่าน ยังไงมันก็ต้องเข้าใจมากขึ้นแน่นอน
ที่สำคัญต้องอดทน ก้าวข้ามความท้อแท้ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไปให้ได้

หนทางง่ายๆที่จะทำให้เรามีความเข้าใจการลงทุนมากขึ้น คือเลียนแบบนักลงทุนเก่งๆครับ ว่าเค้ามีแนวทางในการทำงานอย่างไร
อะไรที่เค้าทำเป็นประจำ อ่านหนังสือเล่มไหน มีความรู้พื้นฐานอย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไร จากนั้นก็มาดูที่ตัวเราเอง
ว่าเราถนัดอย่างไหน และจะต่อยอดด้านไหนได้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราลงทุนได้ประสบความสำเร็จครับ

เขียนได้เห็นภาพและครอบคลุมมากๆ เลยครับ

คำตอบก็อย่างที่หลายคนบอกก็คือ "ไม่"
เรื่องนี้ปีเตอร์ ลินช์ให้ความสำคัญมาก ถึงกับเน้นออกมาเป็นบทๆ

"หลักการของเขาก็คือ นักลงทุนทั่วไปสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานและชีวิตของตนเอง และสามารถเลือกหุ้นที่ชนะตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าๆ กับมืออาชีพในวอลสตรีท นักลงทุนสมัครเล่นยังสามารถทำเงินได้มหาศาลจากบริษัทธรรมดาที่เข้าใจง่าย ที่เขาพบเห็นอยู่ทุกวัน ลินซ์ บอกว่าโอกาสในการลงทุนมีมากมายสำหรับคนธรรมดา คุณจะสามารถค้นพบบริษัทที่มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จก่อนนักวิเคราะห์มืออาชีพ ข้อได้เปรียบนี้คือสิ่งที่จะสร้างหุ้น "สิบเด้ง" ซึ่งก็คือหุ้นที่ขึ้นไป 10 เท่าตัว หรือกว่านั้นและทำให้พอร์ตของหุ้นธรรมดากลายเป็นพอร์ตที่มีผลงานที่ดีเยี่ยม"

ไปอ่านหนังสือ One up on street ที่อ.นิเวศน์แปลออกมา "เหนือกว่าวอลสตรีท"
http://www.se-ed.com/eshop/Products/Det ... 6169033219

http://www.se-ed.com/eshop/Products/Det ... 9749348918

เล่มนี้แปลโดยพี่ WEB

ลืมบอกไปว่า "เหนือกว่าวอลสตรีท"
แปลความหมายก็คือลงทุนได้กำไรเหนือกว่าค่าเฉลี่ยตลาด โดยเลือก "กิจการ" ที่ทำกำไรเหนือกว่าตลาด และหาจังหวะซื้อ-ดูจังหวะขายในการที่ทำกำไร

ซึ่งก็คืิอ "เล่นหุ้นให้ชนะตลาด" อย่างที่เจ้าของกระทู้ถามนั่นเอง

If you want to beat the market you just have to know how the inside of the market works. Just like how a doctor must learn the internal organs of a person.

จะบอกว่าชนะตลาด ไม่จำเป็นหรอกครับ ลิงปาเป้าก็เคยชนะตลาดได้

แต่ถ้าเรื่องชนะตลาดในระยะยาวๆ ขอเป็น Contrarian นิดนึง ว่าต้องฉลาดครับ ไม่ใช่ต้องฉลาดขนาดอัจฉริยะ แต่ต้องฉลาดคือต้องอ่านหนังสือเป็น หาความรู้เป็น ต้องเอาความรู้ที่มีมาวิเคราะห์หาเหตุผล เพื่อการตัดสินใจการลงทุนเองได้ ถ้าจะซื้อหุ้นไปแบบบื้อๆตามเซียน ก็คงจะแพ้ตลาดเหมือนเดิมแหละครับ

ถ้าไม่เชื่อผม อย่างน้อยก็เชื่อ Buffett ครับ
If you have a 150 IQ, sell 30 points to someone else. You need to be smart, but not a genius. What’s most important is inner peace; you have to be able to think for yourself. It's not a complicated game. -- Warren Buffett

noooon010 เขียน:น่าแปลกที่ USA มีนักเศรษฐศาสตร์มากมาย
แต่แล้วเค้าก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่า Warren E.Buffett ครับ

ตรงนี้ผมเห็นต่างนิดหนึ่งนะครับพี่
1.บัฟเฟตไม่ได้โด่งดังเพราะได้ผลตอบแทนดีที่สุดในตลาดนะครับ แต่บัฟเฟตโด่งดังเพราะพาคนไปรวยเยอะที่สุดในโลก และเป็นนักลงทุนที่เงินเยอะที่สุดในโลกครับ
2.ความสำเร็จของบัพเฟตไม่ได้มาจากการเลือกหุ้นอย่างเดียวนะครับ แต่มาจากการที่บัฟเฟตระดมทุนและสัญญาว่าจะให้6%ทุกปี ดังนั้นตรงนี้คล้ายๆกับการเล่นมาร์จิ้นดีๆนี่เอง แต่เป็นมาร์จิ้นที่ไม่Force sell ดังนั้นความเก่งของบัฟเฟตไม่ได้มีแค่Stock selection แต่มีเรื่องMoney Management ด้วยครับ
3.และผมก็เชื่อว่าคนที่สร้างผมตอบแทนได้มากกว่าบัฟเฟตในอเมริกาไม่เป็นหมื่นๆคน และหนึ่งในนั้นก็น่าจะมีนักเศรษฐศาสตร์อยู๋ไม่น้อยเลยทีเดียว หรือเปรียบเมืองไทยอาจจะเปรียบได้กับดร.ที่โด่งดังจากเขียนหนังสือviของไทยเล่มแรก และกลายเป็นบิดาของVIในประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะสร้างผมตอบแทนน้อยกว่าดร.นะครับ เพราะยังมีเซียนอีกเยอะที่ซุ่มตัวและไม่โด่งดังเท่า อย่างในTVIก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
4.สรุป ไม่ได้บอกว่าเล่นหุ้นต้องเรียนสูงนะครับ ยังคงความคิดเดิมครับไม่ต้องเรียนเก่งก็เก่งหุ้นได้เพราะหุ้นมีทั้ง Stock selection, Money management, Timing และ Phychology ส่วนความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ช่วยได้แค่ไม่ถึง20%ของทั้งหมดด้วยซ้ำ