Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หากจะซื้อหุ้นโดยหวังแต่ (มองในแง่)เงินปันผลอย่างเดียว ต้องระวังกับดักให้ดีว่า ปันผลที่เห็นสูงๆ จะจ่ายได้ดีอย่างนี้ไปตลอดอีกนานหรือไม่
โดยทั่วไปบริษัทจะเอากำไรที่ได้ส่วนหนึ่งมาจ่ายเป็นเงินปันผล เรามีวิธีในการดูและวิเคราะห์เงินปันผลดังนี้

ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการคำนวณ (ข้อมูลนี้ควรจะดูย้อนหลังหลายๆปี)
-เงินปันผลจ่าย
-กำไรสุทธิ
-ยอดขาย
-จำนวนหุ้นสามัญ(ที่ชำระครบแล้ว) หน่วยเป็นหุ้น
-ราคาหุ้นในตลาดขณะนั้น

การวิเคราะห์

ยอดขาย / จำนวนหุ้น (บาทต่อหุ้น)

กำไรสุทธิ / จำนวนหุ้น (บาทต่อหุ้น)

เงินปันผลที่จ่าย(รวมทั้งปี) / จำนวนหุ้น (บาท/หุ้น)
ค่ายิ่งสูงยิ่งดี

ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล (เท่า)
= กำไรสุทธิ / เงินปันผล
กำไรสุทธิเทียบกับเงินปันผล (ค่ายิ่งสูงมาหลายๆปี แสดงว่าโอกาสที่จะจ่ายปันผลสม่ำเสมอมีมากกว่า)
แต่การสูงมากก็แปลอีกความหมายได้ว่า บริษัทมีกำไรมากแต่จ่ายปันผลน้อย (บริษัทเก็บกำไรไว้กับตัวเองมากโดยไม่จ่ายปันผลออกมา)

เงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิ (%)
= (เงินปันผล x100) / กำไรสุทธิ
ส่วนกลับของบรรทัดข้างบนในรูป % เป็นการดูว่าจ่ายปันผลเป็นสัดส่วนเท่าใดจากกำไรที่ได้ บริษัทที่จ่ายปันผลมากๆ เงินที่เหลือเก็บจะน้อย
ถ้าไม่มีโครงการลงทุนหรือหนี้ก็แล้วไป บางบริษัทที่จ่ายปันผลเกิน 100% ของกำไรที่ได้โดยเอากำไรสะสมมาจ่าย ก็พึงเตือนตัวเองไว้ว่า
คงจะทำอย่างนี้ไม่ได้นานนัก

อัตราการปันผลเทียบกับราคาหุ้นขณะนั้น (% ต่อปี)
dividen yield (เงินปันผลต่อหุ้น x 100) / ราคาหุ้น

จำนวนปีที่จะได้ทุนคืนจากปันผลอย่างเดียวอัตรานี้ (ปี)
=100 / อัตราเงินปันผลต่อปี (ณ ราคาหุ้นขณะนั้น)
คือการมองว่าถ้าหวังเงินปันผลอย่างเดียวไม่สนcapital gain กี่ปีจะได้ทุนคืนจากเงินที่ลงไป แต่อย่างไรก็ตามถ้าบริษัทที่ซื้อเป็นบริษัทดีและโต
เงินปันผลมักจะเพิ่มทุกปี + capital gain ก็มักจะเพิ่มด้วย (ระยะยาวราคาหุ้นแปรตามผลกำไรและการเติบโตของบริษัท - ตามทฤษฎีVI)
นอกจากนี้ ค่านี้(หน่วยเป็นปี)มักจะมากกว่าค่า P/E (ซึ่งมองหน่วยเป็นปีได้เหมือนกัน) เพราะปันผลมักน้อยกว่ากำไรที่ได้
ดังนั้นถ้ารอปันผลอย่างเดียวก็มักจะต้องรอนานปีกว่ารอกำไรโตจนเท่าทุน

นอกจากนี้การจ่ายปันผลยังสัมพันธ์กับกระแสเงินสดจริงๆด้วย ไม่ใช่แค่กำไรสุทธิทางบัญชีอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องพิจารณา
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน(OCF), กระแสเงินสดอิสระ(FCF), และกำไรสะสมในงบดุล(retained earning) ด้วย

ตัวอย่าง บริษัท ผลิตไฟฟ้า EGCO

ปี 2005 /ปี 2006 /ปี 2007 /ปี 2008 /ปี 2009

เงินปันผลจ่าย (ล้านบาท) 1,706.53 / 2,149.61/ 2,241.01 /2,753.17 /2,707.53
กำไรสุทธิ (ล้านบาท) 4,092.51 /6,035.82 /8,402.05 /6,926.71 /7,935.60
ยอดขาย (Sale) 15619.52 15694.78 /17612.85 /10939.4 /10319.66 /9145.07
จำนวนหุ้นสามัญ(ที่ชำระครบแล้ว) 526465000 /526465000 /526465000 /526465000 /526465000

ราคาหุ้นในตลาดขณะนั้น ณ สิ้นปี 81 /95.5 /112 /68.5 /79.25

การวิเคราะห์จะได้ดังนี้

ยอดขาย / จำนวนหุ้น 29.81 /33.45 /20.78 /19.60 /17.37
(บาทต่อหุ้น)

EPS (กำไรสุทธิต่อหุ้น) 7.77 /11.46 /15.96 / 13.16 / 15.07
(บาท/หุ้น)

เงินปันผล / จำนวนหุ้น 3.24 / 4.08 / 4.21 / 5.23 / 5.14
(บาท/หุ้น)

ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล 2.40 / 2.81 / 3.79 / 2.52 / 2.93
อย่างสมํ่าเสมอ (เท่า)

เงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิ 41.70 / 35.61 / 26.67/ 39.75/ 34.12
(%)

อัตราการปันผลเทียบกับราคาหุ้นขณะนั้น 4.00 /4.28 / 3.75 / 7.63 / 6.49
(%)

จำนวนปีที่จะได้ทุนคืนจากปันผล 24.99 / 23.39 /26.63 /13.10 / 15.41
อย่างเดียวอัตรานี้(ปี)

P/E Ratio 10.42 / 8.33 / 7.02 / 5.21 / 5.26


อย่าลืมทำอย่างนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยดูว่าหวังเงินปันผลอย่างเดียวจะคุ้มหรือไม่

ทีนี้ ลองแปลความหมายของขึ้อมูลที่ได้

ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสูงสมํ่าเสมอดีมาหลายปี 2.xx เท่ามาตลอด แต่มาดูอย่างอื่นต่อ

สมมติ ถ้าซื้อหุ้นที่ ปี 2009 ที่ราคา 79.25 บาท แล้วรอปันผล ต้องรอ 15.41ปี ถึงจะได้ทุนคืน
(ลงทุน 79.25 บาท ปันผล 5.14บาท ดังนั้น 79.25 / 5.14 = 15.41 ปี)

ขณะมองในแง่ของ P/E Ratio ณ ราคานี้ = 5.26 นั่นคือ ถ้าลงทุนซื้อหุ้นที่ราคานี้ ถ้าบริษัทได้กำไรคงที่เท่านี้ อีก 5.26 ปี จะได้คืนทุน
(กำไร 15.07 บาท x 5.26 ปี = 79.25 บาท)

กรณีถ้าไม่ปันผลเลย แต่จริงๆแล้วกำไรที่ได้ก็สะสมอยู่กับบริษัท ถ้าราคาหุ้นยังไม่ขึ้นตามกำไรที่ได้ ตามทฤษฎีของVI เช่นตลาดเปลี่ยนเป็น
ขาลงพอดี ผู้ถือหุ้นก็อาจจะรู้สึกว่ายังไม่ได้ทุนคืนหรือรู้สึกว่าตนขาดทุนด้วยซํ้า

ดังนั้นการจ่ายปันผลซึ่งมักจะจ่ายมาจากส่วนหนึ่งของกำไรที่ได้จึงเป็นตัวทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกดีขึ้นว่าได้ผลตอบแทนมาบ้าง
ตลอดระยะเวลาที่ถือหุ้นเอาไว้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ารอนานๆโดยไม่ได้อะไรเลย(ปันผล) อะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัทบ้าง

ส่วนการไม่ปันผลเลยหรือปันผลน้อยๆมีข้อเสียอยู่หลายประการ เช่น
1 เราก็ไม่รู้ว่ากำไรที่โชว์ให้เห็นในงบการเงิน มันของจริงหรือเปล่า ทำไมบริษัทไม่แบ่งเค็กให้เรากินบ้าง

2 อย่างที่กล่าวข้างต้น ถ้าเป็นช่วงหุ้นตก ทั้งที่บริษัทยังกำไรดี บางคนชอบคิดว่าตัวเองขาดทุนแล้ว

3 บางบริษัทเก็บกำไรไว้ขยายกิจการหรือลงทุนต่อโดยไม่ปันผลออกมา
3.1 ถ้าโครงการลงทุนผลลัพธ์ออกมาดี ผู้ถือหุ้นก็โชคดีไป ค่อยรู้สึกคุ้มค่ากับการอดเปรี้ยวไว้กินหวานมาตั้งนาน
3.2 แต่ถ้าโครงการที่ลงทุนเจ๊งไม่เป็นท่า ไอ้เงินของเราที่ฝากอยู่กับเขา แทนทีที่จะได้กลับคืนมาในรูปปันผล
ในช่วงที่ผ่านๆมาบ้าง ก็ต้องมลายหายสิ้นไปกับโครงการตำนํ้าพริกละลายแม่นํ้า
3.3 ข้อนี้จึงสำคัญมาก ต้องหัดดูให้ออกให้ได้ เวลาบริษัทจะลงทุนเพิ่มขยายกิจการต่อว่า ไอ้ธุรกิจที่จะไปลงทุนมีแนวโน้มมีอนาคตหรือไม่

พอจะนึกออกและแนะนำได้เพียงแค่นี้ครับ

สวัสดีครับ ข้อมูลที่คุณนำมาสอนวิเคราะห์ สามารถนำไปเลือกคัดสรรหุ้นได้เลยหรือไม่ครับ
แล้วข้อมูลที่ว่า เอามาจากไหนเหรอครับ ผมไม่ทราบจริงๆครับ

ผมรู้สึกว่าตอนเริ่มต้นทำไมมันยากจังเลยครับ คำนวณเยอะแยะไปหมดเลย
พอมาเจอที่คุณสอนวิเคราะห์รู้สึกว่าเข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลย

หนังสือที่เริ่มต้นสำหรับมือใหม่ในการเลือกหุ้น เล่มไหนบ้างครับที่อ่านแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก

แนะนำผมหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

ข้อมูลงบการเงินย้อนหลังผมดูจาก
http://www.cgsec.co.th/Default.aspx?pg=CmFinancial

ส่วนข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลังดูจากที่นี่ครับ
http://performance.morningstar.com/stoc ... ry_page&t=becl&region=THA&culture=en-US&s=
ตรงตัวแดงแก้เป็นชื่อย่อบริษัท(หุ้น)ที่เราอยากดู

ในส่วนการคำนวณ ผมใช้ excel นะครับ แค่ป้อนข้อมูลข้างต้นที่ต้องการเข้าไป

-เงินปันผลจ่าย
-กำไรสุทธิ
-ยอดขาย
-จำนวนหุ้นสามัญ(ที่ชำระครบแล้ว) หน่วยเป็นหุ้น
-ราคาหุ้นในตลาดขณะนั้น

แล้วให้มันคำนวณออกมาเอง


สำหรับคำถามว่าข้อมูลแค่นี้ใช้เลือกหุ้นได้ไหม คงไม่พอครับ คงต้องดูอย่างอื่นอีกมาก

ส่วนที่แนะนำนี้ มองในแง่เงินปันผลอย่างเดืยว เป็นการนะนำให้น้องใหม่เข้าใจภาพรวมของการดูงบ
การการเงินมากขึ้นบางส่วน และแค่เป็นตัวช่วยเพิ่มขึ้นอีกอย่างในการเลือกหุ้นเท่านั้น

ขอสรุปปัจจัยที่จะเกี่ยวกับปันผลก็จะมี ราคาหุ้นที่เราซื้อ, กำไรสุทธิของบริษัทและแนวโน้ม
และความสมําเสมอของมัน, จำนวนหุ้น, นโยบายปันผล

ถ้าซื้อได้หุ้นที่ราคาถูกมาก ปันผลไม่กี่ปีก็คงคุ้มทุนที่ลงไป ถึงบริษํทจะไม่โตก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเราไม่ได้หุ้นถูกๆ หวังปันผลอย่างเดืยวคงต้องรอนานเป็นชาติ

"เล่นหุ้นควรหวังส่วนต่างของราคาซื้อขายมากกว่าครับ ผมขอสรุปอย่างนี้เลยแล้วกัน"

งั้นผมรบกวน ขอไฟล์ Excel หน่อยได้ไหมครับ

กำลังเปิดบัญชี แต่ไม่มีความรู้เลยครับ

55 ผมไม่เก่งคอมพิวเตอร์เลยครับ จะส่งไฟล์ให้ทางไหนดี สรุปใครจะเอา ขอ e-mailแล้วกันครับ
แต่ถ้าคนอื่นขอต่อหลายๆคนแล้วผมจะทำอย่างไรดี ถึงจะส่งทีละเยอะได้ ทำไม่เป็นครับ
ใครรู้สอนด้วยละกัน

dedtanong@hotmail ครับ

ขอบคุณมากนะครับ สำหรับความรู้ดีๆ^^ จะได้เริ่มต้นลงทุนสักทีครับ

รบกวนขอไลฟ์ Excel ได้ไม๊คะ รบกวนส่งที่ E-mail [email protected] ค่ะ

ส่วน link ที่เปิดดูราคาย้อนหลัง ลองเปิดแล้ว ไม่สามารถเปิดหน้า web ได้ เหมือนว่ารายละเอียดลอง link ไม่ครบ รบกวนลงรายละเอียดของ link ให้ใหม่ได้ไม๊คะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ผมขอด้วยคนนะครับ ไฟล์excel

[email protected]

ส่วนอีเมล์ ถ้าผมจำไม่ผิด ใส่ คอมม่า ( , ) ขั้นระหว่างอีเมล์ ในช่อง cc และ bcc ครับ ใน ฮอตเมล์

ขอด้วยไดไหมครับ
[email protected]

ขอด้วยครับพี่ ที่ [email protected] ครับ ขอบคุณหลายๆๆเด้อครับ

ขอรบกวนด้วยคนครับ
[email protected]
ขอบคุณมากครับ

ขอรบกวนไว้ศึกษาเป็นวิทยาทานด้วยครับ [email protected]

[email protected]
รบกวนขอไว้เป็นแนวทางการวิเคราะห์ครับ ขอบคุณครับ

ขอไฟล์ด้วยครับ [email protected]

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ขอด้วยคนครับ [email protected]

คุณ navapon เป็นหมอเหรอครับ ^^
เจอเพื่อนละ อิอิ ผมก็มือใหม่เหมือนกัน เพิ่งเริ่มสนใจในหุ้นเอง สดๆร้อนๆเลย

ผมส่งไฟล์ไปให้คนที่ต้องการแล้วนะครับ ทำบุญส่งต่อความรู้จะได้รวยๆยิ่งขึ้น
ผมเชื่อในคำที่ว่า "ยิ่งให้ เรายิ่งได้รับ"

รบกวนขอไฟล์ไว้ศึกษาด้วยครับ
[email protected]

รบกวนขอไว้ศึกษาด้วยครับ
[email protected]

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม
จะลองศึกษาดูครับผม

[email protected]

ขอบคุณครับพี่

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ

ขอด้วยคนครับ [email protected] ขอบคุณครับ.....

[email protected]

รบกวนด้วยครับมือใหม่หัดวิเคราะห์ครับ (ผมอ่อนexel มากไม่รู้จะผูกสูตรยังไงครับ)
ขอบคุณครับ

รบกวนขอไฟล์ไว้ศึกษาด้วยคนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
[email protected]

ของคุณมากครับ มือใหม่ครับ [email protected]

ขอด้วยครับ [email protected]