Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อยากถามเพื่อนๆน้องๆว่าในปัจจุบันยังมีหุ้นที่มีเงินสด+เงินลงทุนชั่วคราวหักหนี้สินทั้งหมดแล้วยังเหลือมากกว่าราคาหุ้นในกระดานเหลืออยู่ไหม?

bsec ใกล้เคียงไหมครับ
วีไอลองลงขันเข้าไปเทคทำแบบเบิร์กไชด์ดูสิครับ

แต่เจ้าของคงไม่ขายให้

สามัญชน เขียน:bsec ใกล้เคียงไหมครับ
วีไอลองลงขันเข้าไปเทคทำแบบเบิร์กไชด์ดูสิครับ

แต่เจ้าของคงไม่ขายให้

:lol:

ืน่าจะมี tender แบบที่จะซื้อหุ้น 50% ถ้าได้ไม่ถึงไม่ซื้อเลยสักหุ้นน่าจะดี

bsecก็เป็นตัวหนึ่ง ยังมีอีกไหมครับพวกหุ้นนอกกระแสที่ไม่ค่อยมีคนมอง

ดูจากงบ bsec นี่เงินสดน่าจะมากสุดถ้าเทียบกับราคาหุ้นครับ ตัวอื่นที่ผมเห็นก็มี TIW อีกตัวครับ งบล่าสุดมีเงินสดอยู่ 84 บาทต่อหุ้น เทียบกับราคาในกระดานอยู่ 100 ต้นๆ แล้วก็ไม่มีหนี้ด้วยครับ

ขอเดาครับพี่tooyen ใช่ spg หรือเปล่าครับ

ตัวนี้เซียนviหลายคนเคยลงทุนในอดีตตอนนั้นเงินเทียบเท่าเงินสดน้อยกว่าปัจจุบัน ราคาที่ดินและโรงงานน้อยกว่าปัจจุบันมีอย่างเดียวที่มากกว่าคือราคาหุ้น แต่ไม่รู้ว่ามันจะถูกเรื้อรังเหมือนอดีตหรือเปล่า? ผมว่าหลายคนต้องรู้แล้วว่าตัวไหน

bsec ถ้าช่วยกันซื้อสงสัยกระโดดเป็นเด้ง

MFC พอจะเขาข่ายไม่ครับ แม้เงินสดจะน้อยกว่าbsec แต่กำไรเพิ่ม และจ่ายปันผลมาตลอด

นอกเรื่องนิดนะครับ ผมแนะนำลงทุนให้หุ้น performance ดี ดีกว่าครับ

asset ไม่ = performance

บริษัทที่คุณต้องหาอย่างเดวคือ ability to continuously exponentially maximize sharesholder wealth

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:นอกเรื่องนิดนะครับ ผมแนะนำลงทุนให้หุ้น performance ดี ดีกว่าครับ

asset ไม่ = performance

บริษัทที่คุณต้องหาอย่างเดวคือ ability to continuously exponentially maximize sharesholder wealth

การลงทุนมีหลากหลายแบบ อันนี้เป็นแบบปรมาจารย์เกรแฮมครับ ช่วงนี้หุ้นเข้าใหม่วิ่งกันอุตลุด หุ้นประเภทสินทรัพย์สูงมากจนล้นเป็นหลายเท่าแบบนี้อาจจะยังไม่เหมาะก็ได้ แต่สำหรับผมถือเป็นหุ้นที่ไม่มีความเสี่ยง เดี๋ยวรอประชุมผู้ถือหุ้นปลายเดือนม.ค.นี้ให้มั่นใจก่อน ผมจะมาบอกจุดกลับตัวของมันครับ แต่ไม่ได้แนะให้ซื้อนะครับ

หรือจะเป็น M_T_O ครับพี่tooyen

หุ้นสินทรัพย์มากบางตัวน่าลงทุน
หลายๆตัวไม่น่าลงทุน
เพราะสินทรัพย์ที่ว่านั้นไม่ได้สร้างคุณประโยชน์ใดให้กับผู้ถือหุ้น
อาจจะด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นคือเป็นจากตัวผู้บริหารหรือจากผู้ถือหุ้นใหญ่
เรียกว่าทรัพย์สินนั้นถูกล็อคไว้
ทำให้หุ้นเหล่านี้นอกจากไม่สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นแล้ว ยังทำให้ขาดทุนยับได้ด้วยซ้ำ
ตัวอย่างหุ้น Bxxxxxxxxx ที่ฮิตกันเมื่ิ4-5 ปีก่อน วันนี้หลายคนยังติดอยู่เลย ขายตอนนี้ก็ขาดทุนยับ

หุ้น Txxxxxxxxxxxในอดีตขายตอนนี้ก็ขาดทุนอีกเหมือนกัน
หุ้นตัวนี้เมื่อก่อนเอาเฉพาะสินทรัพย์หมุนเวียนลบด้วยหนี้สินทั้งหมด
(โดยไม่เอาทรัพย์สินไม่หมุนเวียนมาคิด ซึ่งก็มีอีกเยอะ)
มูลค่าที่ได้. ก็ยังมากกว่าราคาหุ้นตอนนั้นเยอะ
หลายคนก็ซื้อเข้าไป เพราะตรงตามสูตรเกรแฮมเป๊ะ
แต่ราคาหุ้นก็สาละวันเตี้ยลง. สินทรัพย์ที่มากในวันนั้นก็กลายเป็นไม่มากแล้วในวันนี้
เพราะกิจการแย่ลงเรื่อยๆ พอขาดทุนเรื่อยๆ
ก็เหมือนเราไปแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีที่ทำงานไม่เป็น. เป็นแต่ใข้จ่ายอย่างเดียว
ที่สำคัญที่สุดคือไม่ยอมให้เราไปแตะต้องทรัพย์เหล่านั้นแม้เท่าปลายก้อย. แล้วจะไปแต่งทำไม
จุดจบเป็นอย่างไรเราคงพอจะเดาออกไม่ยาก

หุ้น Sxxxxxxxxxxxxx ก็เป็นอีกตัวอย่างที่มีทรัพย์สินเยอะ
แต่ก็เหมือนเดิม คือเจ้าของไม่ยอมทำอะไรกับทรัพย์นั้น และล็อคไว้ไม่ให้ใครๆไปทำอะไรๆได้
เขาเก็บไว้ให้ลูกหลานเขาเสพประโยชน์ตามเท่านั้น เขาเข้าตลาดก็ด้วยจุดประสงค์อื่นซึ่งไม่ใช่การระดมทุน
ราคาหุ้นก็ไม่ได้ไปไหนไกล. อาจจะขึ้นไปบ้างเพราะมีวีไอมองเห็นเหมือนที่เกรแฮมสอนไว้
แต่นานวันเข้าเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้นวีไอก็ถอนตัวออกมา ยอมขายในราคาเท่าทุน(ดีที่ไม่ขาดทุน)
แล้วก็มีวีไอรุ่นถัดไปหลงเข้าไปอีก. และก็ซ้ำรอยเดิม แล้วก็หมุนเวียนไปไม่จบไม่สิ้น
แต่ตัวนี้ยังดีหน่อยตรงที่บริษัทไม่ได้แย่ถึงขั้นขาดทุน

หุ้นทรัพย์สินมากที่ว่ามีบางตัวน่าซื้อนั้น
จะต้องมีปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย
คือกำลังจะเกิดเหตุการณ์ปลดล็อคทรัพย์สินนั้นจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ถ้าเรารู้ก็น่าซื้อ. ถ้าไม่รู้ก็ปล่อยไป
หรือถ้าไม่รู้ก็จะต้องซื้อหุ้นแบบนี้ไว้ในพอร์ทหลายๆตัว
เกรแฮมแนะนำว่าไม่ควรจะน้อยกว่า 20 ตัว ไม่ใช่ซื้อแค่ตัวเดียวหรือ 4-5 ตัว
เพราะโอกาสที่ทรัพย์สินจะถูกปลดล็อค. ไม่ได้มากเลย

m_t_oเป็นหุ้นที่ดีมีเงินสดมากพอดูแต่ไม่มากกว่าราคาหุ้นครับ น้อง wasan_yu

ณ.Q4'53
LRH ที่เฮียมีอยู่ก็อาจเข้าข่าย DTC จ่ายเงินแล้ว
แต่หุ้นน้องใหม่อย่าง SYMC ก็น่าสนใจและมีโอกาสครับเฮียตู้....ฮิๆ

เรื่อง Assets Play ฝนมองว่า องค์ประกอบหลัก ของต่างประเทศ เทียบกับประเทศไทยต่างกันพอสมควรค่ะ

Graham หลักการเลือกคือหุ้น Net - Net
ส่วน Buffet ก็เคยลงทุนหุ้น Net - Net และ หุ้นที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดมากๆ
เช่นกลุ่มประกัน โดย Buffet เอาเงินส่วนนั้นมาลงทุนต่อ

องค์ประกอบหลัก ของทั้ง Graham และ Buffet
คือความสามารถในการควบคุมบริษัท หรือ การมี Hostile takeover แล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นๆแจกผู้ถือหุ้น

ซึ่งต่างกับนักลงทุนรายย่อย ในประเทศไทย
ที่การซื้อหุ้นนั้นไม่ทำให้มีอำนาจควบคุมบริษัท และ การ Hostile takeover ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าใหร่นักค่ะ
รวมทั้งผู้บริหารมีช่องทางในการถ่ายเทความมั่งคั่งของบริษัท ก่อนที่จะมาถึงมีรายย่อยไม่ยากนักค่ะ

แต่ถ้าพี่หมอสามัญชน กับ พี่หมอมุขลงขันกันซื้อเกิน 50%
อย่าลืมส่งเสียงมาถึงฝนด้วยนะคะ

ลองมาดูประเด็นที่ทำให้ BSEC น่าสนในห้องร้อยคนร้อยหุ้นดูนะครับ พี่ chaitorn และพี่ๆหลายคนสรุปไว้ดีมากเลย เงินสดล้นถึงแม้ว่าธุรกิจหลักจะเพิ่งเริ่มกลับมาทำกำไร แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เรียกว่าดูแต่ PE คงไม่ได้ แต่ ณ จุดนี้เรียกว่า downside risk ต่ำมากๆแล้ว ที่นี้ถ้าเป็นแค่หุ้น assets play ทั่วๆไปผมว่าก็ยังไม่ถือว่าน่าสนใจ แต่ประเด็นของ BSEC คือการเปิดเสรีในระยะเวลาอันใกล้จะเป็นตัวเร่งว่าจะมีการปลดปล่อยมูลค่ากันอย่างไรครับ ลองเชิญท่านที่สนใจเข้าไปศึกษาได้ครับ ข้อมูลแน่นทีเดียว ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเรื่องราคาหุ้นกันเท่าไหร่ด้วยครับ

AFC กลุ่มสิ่งทอ แต่กำไรไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่นะ

หุ้นเงินสดเยอะ และสินทรัพย์ที่เป็น Current Asset

เหมาะที่จะใช้ประเมิน downside risk ของ วาณิชธนกิจ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทประกันภัย

เนื่องจากสินทรัพย์ที่มีสามารถประเมินได้ตรงตัว

นั่นเป็นสาเหตุที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ใช้ในการประเ้มิน เช่นธนาคาร เช่นเวลล์ฟาร์เกอร์

การใช้ ROA จะดีกว่า ROE ในกรณีนี้

.......................................................

ส่วนการที่บริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมนั้นจะใช้ CA มาเป็นตัวประเมิน ต้องดูว่า CA นั้นเพิ่มมูลค่าต่อยอดหรือไม่ หรือ CA นั้นเป็นเพียง sunk อยู่ในกระเป๋าแต่เพียงอย่างเดียว

ปริมาณ CA ที่มีควรดูจาก liquidity ประกอบ

แต่ถ้าจะให้ง่ายใช้ DCF ก็จะเห็นภาพง่ายขึ้น

ดังที่หมอฝนกล่าวมา

บัฟเฟตต์นั้นใช้วิธีดูกระแสเงินสดที่เกิดในอนาคต

ถ้าเราจะพูดเป็นภาษาง่าย ๆ

เราควร convert cash flow โดย ซัมเงินในอนาคตเป็นหนึ่งที่เวลาปัจจุบัน ใช้ MARR = i%

แล้วกำหนด present worth (i%) = sum i=0 ถึง n At (1+i) ยกกำลัง -t

อันนี้จะง่ายขึ้นครับ

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม บริษัทที่นั่งทับเงินสดไว้มาก ๆ ผมไม่ค่อยชอบเพราะมองว่าบริหารสินทรัพย์ไม่ดี ถ้าไม่เอาเงินไปลงทุนธุรกิจต่อ ก็ควรต้องจ่ายปันผลออกมา ไม่อย่างนั้นผบห.ต้องมีเหตุผลที่ดีมาก ๆในการเก็บเงินสดไว้เยอะ ๆ อันนี้ผมว่าเป็นฝีมือการบริหารของผบห. เพราะผมถือว่าบริษัทฯไม่ใช่ธนาคาร

หรือบริษัทที่มีสินทรัพย์เยอะ แต่ไม่ก่อประโยชน์อันใดต่อธุรกิจเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะปลดปล่อยมูลค่าออกมา

ถ้าเป็นในอเมริกาสมัยที่ LBO ฮิต ๆกัน หุ้นที่มีเงินสดเยอะมีโอกาสโดนเทคโอเวอร์สูงมาก ถ้าอย่างนี้ยังพอมีโอกาสได้อะไรบ้างสำหรับผู้ถือหุ้น

HANA เข้าข่ายมั้ยครับ

Fon^^ เขียน:
แต่ถ้าพี่หมอสามัญชน กับ พี่หมอมุขลงขันกันซื้อเกิน 50%
อย่าลืมส่งเสียงมาถึงฝนด้วยนะคะ

หมอฝนอย่าลืมกระซิบบอกผมด้วยนะครับ

ประเ็ด็นที่น่าถามคือ
เงินสดมากเพราะมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจมากหรือเปล่า

ขอขอบคุณ คุณหมอสามัญชน คุณหมอฝน น้องNevercry.boyและทุกๆท่านที่ช่วยเติมเต็มกระทู้ให้มีมุมมองครบสมบูรณ์ขึ้นครับ

ผมมาเพิ่มมุมมองอีกตัวหนึ่งล่ะกัน

เงินสดถืออยู่มาก แสดงว่า
ผู้บริหารมองเห็นว่า ต้องการใช้เงินไปทำอะไรซักอย่างหรือเปล่า
เช่น เงินทุนหมุนเวียนของกิจการ นำเงินไปลงทุนอะไรเพิ่มเติม เป็นแบงค์ค้ำประกันในอนาคตเพื่อเปิดงานใหม่ต่อไป
เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้ หากเงินถือไว้แล้วไม่ใช่ประโยชน์มันก็ค่าเสียโอกาสที่ไม่นำเงินนั้นไปใช้งาน
หากมองว่า ถือเงินไว้ในรูปของบัญชีเงินฝากแ้ล้ว มันก็มีดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยมันก็ต่ำติดติดในตอนนี้อยู่ดี
เป็นการเสียโอกาสหรือไม่

คำถามต่อไปคือ ทำไมกิจการเหล่านั้นต้องการถือเงินสดมากขนาดนั้นด้วย
บ้างกิจการเป็นกิจการที่เสี่ยงมากๆ เช่น การลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆที่ซื้อขายตลอดเวลา เป็นต้น
ความเสี่ยงที่มีนั้นสะท้อนไปถึงผลตอบแทนด้วย
Risk -> Return ถึงเสี่ยงสูงยิ่งได้ผลตอบแทนที่ดีไปด้วย
อันนี้ ตอนวิกฤติช่วงที่แล้ว PE ของหุ้น ต่ำติดดิน แต่รู้ไหมว่า ตอนนั้นคือ ทุกคนกลัวว่า บริษัทกำลังหายไปหรือเปล่า
Risk มันสูง ทำให้ นักลงทุนเรียกร้อง Return สูงไปด้วย

แค่นั้นเอง

เปิดประเด็นอีกด้านหนึ่งเรื่องการถือครองแล้วเสียโอกาส
และ เรื่องของความเสี่ยงให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือเปล่า

อืม..... น่าสนใจครับ น่าสนใจ.....
กระซิบบอกผมด้วยคนนะ ฮิฮิฮิ

ดูจาก signature คุณ tooyen น่าจะเป็นหุ้น "electric fan" ครับ

เป็นบริษัทที่เคยทำพัดลมเพดาน แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงหาธุรกิจใหม่ ผมก็ยังไม่รู้ว่า บริษัทจะทำอะไรต่อไปในอนาคต ?

ไม่ใช่บ.ทำพัดลมเพดานครับคุณTOM98