หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 11:20 pm
โดย giftcypig1
สวัสดีครับ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ท่านผู้รู้ทุกท่าน
พอดีผมสงสัย และเสริชหาในบอร์ด แต่ยังไม่พบคำตอบ คำถามนี้อาจมีคนเคยถามแล้ว แต่
ขอถามอีกครั้งนะครับ ดังนี้
-ปัจจุบันหาจะลงทุนแนว vi หุ้นพื้นฐานดี หากเป็นหุ้นตัวใหญ่ อาจจะได้กำไรเฉลี่ย 15%ต่อปี และ หากเป็นหุ้นตัวเล็กอาจจะได้กำไร 30% ต่อปี เมื่อเทียบกับเราไปหาหุ้นที่พอใช้ได้แต่เล่นแบบเก็งกำไรโดยใช้กราฟ แต่เล่นรอบใหญ่ ๆ ตามรอบของกราฟ สมมติฐานว่าน่าจะทำกำไรได้หลายรอบต่อปี (โดยมีสติ และไม่โลภ และ ขยันทำการบ้านตลอด) พี่ ๆ คิดว่าลงทุนวิธีไหนน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ ผมสงสัยว่าที่ผ่านมามีผู้ลงทุนโดยใช้เทคนิค(กราฟ)
โดยขยันทำการบ้าน และ ไม่โลภ เก็งกำไรไม่บ่อย โดยเน้นรอบใหญ่ ๆ จะสามารถสร้างผล
ตอบแทนได้มากกว่าแนว vi หรือไม่ครับ โดยดูจากค่าเฉลี่ยใน 1 ปี

ขอบคุณมากครับ ทุกท่านที่ตอบให้ความกระจ่าง ขอให้ทุกท่านสมหวังในทุกสิ่งนะครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 11:43 pm
โดย ส.สลึง
พี่คิดว่าผลตอบแทนที่ต่างกัน
เป็นเพราะวิธีการหรือครับ

คนที่เขาใช้วิธีเดียวกัน
ยังได้ผลตอบแทนไม่เท่ากันเลย

ผมคิดว่าสาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ วิธีการ นะ
แต่เป็น การนำไปใช้ ของแต่ละคน :roll:

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 11:51 pm
โดย BalsamiC
อยากแนะนำให้ลองอ่านบทความนี้ดูก่อนครับ :D

http://www.thaivi.com/2010/10/570/

ปล. ผมเป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับย่อหน้าก่อนสุดท้ายครับ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์ของจขกทที่มีเงื่อนเวลาภายใน 1 ปีอ่ะนะครับ :(

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 2:41 am
โดย END
giftcypig1 เขียน: ลงทุนแนว vi หุ้นหุ้นตัวใหญ่อาจจะได้กำไรเฉลี่ย 15%ต่อปี
และ หากเป็นหุ้นตัวเล็กอาจจะได้กำไร 30% ต่อปี
เมื่อเทียบกับเราไปหาหุ้นที่พอใช้ได้แต่เล่นแบบเก็งกำไรโดยใช้กราฟ
แต่เล่นรอบใหญ่ ๆ ตามรอบของกราฟ สมมติฐานว่าน่าจะทำกำไรได้หลายรอบต่อปี
(โดยมีสติ และไม่โลภ และ ขยันทำการบ้านตลอด)
พี่ ๆ คิดว่าลงทุนวิธีไหนน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ
ถ้าพูดถึงการหาหุ้นพอใช้ได้ และเก็งกำไรรอบใหญ่ๆตามกราฟ ผมคิดว่ามันก็แล้วแต่สถานการณ์ครับ

1. สถานการณ์ที่เปลี่ยนจากตลาดหมีสู่ตลาดกระทิง
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้ มีโอกาสมากครับที่คนที่เล่นรอบโดยใช้กราฟจะ
ได้ผลตอบแทนที่ดี และ คุ้มค่า ซึ่งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าในปีนั้นๆ จะได้ผลตอบแทนไม่น้อย
กว่า 100% แต่ถึงกระนั้นส่วนต่างราคาก็จะแพ้คนที่ถือมาต้องแต่ยุคตลาดหมีอยู่ดี

2. สถานการณ์กลาง - ปลาย ตลาดกระทิง
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้ถ้ามีสติ ไม่โลภ และขยันทำการบ้านจริง
ๆ ก็ยังสามารถทำกำไรได้อยู่แต่ก็คงไม่มากเท่าสถานการณ์แรก เหตุเพราะ INDICATOR
หลายๆ ตัวของกราฟเริ่มส่งสัญญาณ OVER แล้วทำให้ความมั่นใจในการตัดสินใจลดลง
แต่ยังไงก็ยังมีโอกาสได้กำไรมากกว่าขาดทุน สถานณ์ในช่วงนี้ อาจจะทำให้คนที่เล่นหุ้น
โดยใช้กราฟเปลี่ยนไปเป็น VI จำเป็นได้เพราะเกิดดอยหลายๆดอยให้ติด แต่โจทย์
บังคับว่า "มีสติ" เฉพาะฉะนั้นก็ต้องมีการตัดขาดทุนสลับกับกำไร (โจทย์ไม่ได้บังคับให้ถูกตลอด)
ส่วนคนที่เป็น VI ที่ถือมาต้องแต่สถานณ์การที่ 1 ก็คงจะยิ้มกันทั่วหน้าอย่างน้อยก็ยิ้มกับ
ส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น 2 - 3เด้ง (บางครั้งมันก็ไม่ได้ขึ้นมาจากพื้นฐานเสมอไป แต่ยิ้มได้เพราะ ฟันโฟร์)

3. สถานณ์การ SIDEWAY
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟถ้าเก่งจริงๆ จะได้เปรียบมากกว่าการเริ่มถือแบบ VI เพราะการกระโดดไปสู่
ตัวนู้ตัวนี้จะสนุกมาก และ แถมความเสียวความเครียจมาให้อีก ประกอบกับต้องตัดสินใจให้แม่นและดี
คนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้เวลาขายไม่ต้องคิดหนัก (เพราะขายตามเทคนิคเทรนไลน์อยู่แล้ว) แต่เวลา
จะเข้าไปรับตอนนี้ซิเสียวสุดๆ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะถึงจุดกลับตัวตอนไหน กลับจริงหรือกลับหลอก ช่วง
เข้าไปรับตอนนี้ละ ถ้าถูกก็เฮไป ถ้าผิดก็หน้าเสีย แถวช่วงเล่นรอบด้วยกราฟในตลาด SIDEWAY จะทำให้
เรามีต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าคอมมิชั้นอีกด้วย
แต่สำหรับคนที่เป็น VI ช่วงนี้ถ้าไม่ถือหุ้น 100% ก็เอาเวลาไปศึกษาและอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติม
บางทีท่านๆเล่านี้ก็กำลังว่าแผนการใหญ่อยู่ก็เป็นได้

4. สถานณ์การตลาดกระทิงไปสู่ตลาดหมี
ช่วงนี้ถ้าเราเล่นรอบด้วยกราฟเราจะเจ๊งมากที่สุด และ เจ๊งยิ่งกว่า % ของตลาดด้วย
เพราะว่ามันจะมีการขึ้นหลอกเราอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราเข้าตามมัน วัน สองวัน มันก็หมดแรงอยู่
ดี แต่คนที่เป็น VI ที่ถือหุ้นมาต้องแต่สถานการณ์ที่ 1 ช่วงนี้ก็จะเป็นบททดสอบที่ดีว่า
เราเป็น VI ขนานแท้หรือพวกชอบแอบอ้าง บางทีหุ้นพื้นฐานดีก็ยังลงได้กับตลาดแบบนี้
ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีว่าVI จะกินส่วนต่างหรือกิน ปันผล

ผมสงสัยว่าที่ผ่านมามีผู้ลงทุนโดยใช้เทคนิค(กราฟ)
โดยขยันทำการบ้าน และ ไม่โลภ เก็งกำไรไม่บ่อย โดยเน้นรอบใหญ่ ๆ
จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าแนว vi หรือไม่ครับ
โดยดูจากค่าเฉลี่ยใน 1 ปี
ในประเด็นนี้ ผมของออกตัวก่อนว่า ผมพึ่งลงทุนมาได้ 6 เดือน โดยใช้การลงทุนเชิงประยุกต์
(พื้นฐาน+เทคนิค+VOL+ฟันโฟร์+มวลชน) แต่จะนำกราฟมาใช้ในการตัดสินใจประกอบกว่า
40% (รายละเอียดทั้งหมดผมเคยเขียนลงในห้องเทคนิคของเวปแล้ว)
ผมจะเก็งกำไรเป็นรอบเดือน ต้องแต่เดือนสิงคมจนถึงปัจจุบัน ผมทำให้เงิน 2...... กลายเป็น 7.5..... บาท
ภายใน 6 เดือน (เคยนำพอร์ตการลงทุนโพตส์ไว้ในห้องเทคนิคแล้ว)

ส่วนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า VI หรือไม่ จากสถิติที่ผมเคยเก็บมาและ
เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในห้องเทคนิค การลงทุนด้วยกราฟ ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มาก
กว่าคนที่ถือแบบ VI มาต้องแต่ตลาดหมี และอีกหลายๆสถานการณ์ ขอโทษที่ไม่สามารถ
โพตส์กราฟสถิติเปรียบเทียบให้ดูได้ เนื่องจากกฎใหม่ของทางเวปห้ามโพตส์กราฟ

แน่นอนถ้าคิดเป็นในระยะสั้นเปรียบเทียบแบบปีต่อปี ในบางปีคนที่เล่นรอบด้วยกราฟ
ก็อาจจะชนะคนที่ถือแบบ VI แบบเทียบกันไม่ติด แต่หากมองในระยะยาวแล้ว คนที่เล่น
รอบด้วยกราฟ จะแพ้คนที่ถือแบบ VI แน่นอน ฟันธง! (ลองสังเกตุจากเซียนกราฟหลายๆคนในเมืองไทยดู)

====================================
เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 3:16 am
โดย Real-VI
END เขียน:
giftcypig1 เขียน: ลงทุนแนว vi หุ้นหุ้นตัวใหญ่อาจจะได้กำไรเฉลี่ย 15%ต่อปี
และ หากเป็นหุ้นตัวเล็กอาจจะได้กำไร 30% ต่อปี
เมื่อเทียบกับเราไปหาหุ้นที่พอใช้ได้แต่เล่นแบบเก็งกำไรโดยใช้กราฟ
แต่เล่นรอบใหญ่ ๆ ตามรอบของกราฟ สมมติฐานว่าน่าจะทำกำไรได้หลายรอบต่อปี
(โดยมีสติ และไม่โลภ และ ขยันทำการบ้านตลอด)
พี่ ๆ คิดว่าลงทุนวิธีไหนน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ
ถ้าพูดถึงการหาหุ้นพอใช้ได้ และเก็งกำไรรอบใหญ่ๆตามกราฟ ผมคิดว่ามันก็แล้วแต่สถานการณ์ครับ

1. สถานการณ์ที่เปลี่ยนจากตลาดหมีสู่ตลาดกระทิง
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้ มีโอกาสมากครับที่คนที่เล่นรอบโดยใช้กราฟจะ
ได้ผลตอบแทนที่ดี และ คุ้มค่า ซึ่งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าในปีนั้นๆ จะได้ผลตอบแทนไม่น้อย
กว่า 100% แต่ถึงกระนั้นส่วนต่างราคาก็จะแพ้คนที่ถือมาต้องแต่ยุคตลาดหมีอยู่ดี

2. สถานการณ์กลาง - ปลาย ตลาดกระทิง
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้ถ้ามีสติ ไม่โลภ และขยันทำการบ้านจริง
ๆ ก็ยังสามารถทำกำไรได้อยู่แต่ก็คงไม่มากเท่าสถานการณ์แรก เหตุเพราะ INDICATOR
หลายๆ ตัวของกราฟเริ่มส่งสัญญาณ OVER แล้วทำให้ความมั่นใจในการตัดสินใจลดลง
แต่ยังไงก็ยังมีโอกาสได้กำไรมากกว่าขาดทุน สถานณ์ในช่วงนี้ อาจจะทำให้คนที่เล่นหุ้น
โดยใช้กราฟเปลี่ยนไปเป็น VI จำเป็นได้เพราะเกิดดอยหลายๆดอยให้ติด แต่โจทย์
บังคับว่า "มีสติ" เฉพาะฉะนั้นก็ต้องมีการตัดขาดทุนสลับกับกำไร (โจทย์ไม่ได้บังคับให้ถูกตลอด)
ส่วนคนที่เป็น VI ที่ถือมาต้องแต่สถานณ์การที่ 1 ก็คงจะยิ้มกันทั่วหน้าอย่างน้อยก็ยิ้มกับ
ส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น 2 - 3เด้ง (บางครั้งมันก็ไม่ได้ขึ้นมาจากพื้นฐานเสมอไป แต่ยิ้มได้เพราะ ฟันโฟร์)

3. สถานณ์การ SIDEWAY
สำหรับคนที่เล่นรอบด้วยกราฟถ้าเก่งจริงๆ จะได้เปรียบมากกว่าการเริ่มถือแบบ VI เพราะการกระโดดไปสู่
ตัวนู้ตัวนี้จะสนุกมาก และ แถมความเสียวความเครียจมาให้อีก ประกอบกับต้องตัดสินใจให้แม่นและดี
คนที่เล่นรอบด้วยกราฟช่วงนี้เวลาขายไม่ต้องคิดหนัก (เพราะขายตามเทคนิคเทรนไลน์อยู่แล้ว) แต่เวลา
จะเข้าไปรับตอนนี้ซิเสียวสุดๆ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะถึงจุดกลับตัวตอนไหน กลับจริงหรือกลับหลอก ช่วง
เข้าไปรับตอนนี้ละ ถ้าถูกก็เฮไป ถ้าผิดก็หน้าเสีย แถวช่วงเล่นรอบด้วยกราฟในตลาด SIDEWAY จะทำให้
เรามีต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าคอมมิชั้นอีกด้วย
แต่สำหรับคนที่เป็น VI ช่วงนี้ถ้าไม่ถือหุ้น 100% ก็เอาเวลาไปศึกษาและอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติม
บางทีท่านๆเล่านี้ก็กำลังว่าแผนการใหญ่อยู่ก็เป็นได้

4. สถานณ์การตลาดกระทิงไปสู่ตลาดหมี
ช่วงนี้ถ้าเราเล่นรอบด้วยกราฟเราจะเจ๊งมากที่สุด และ เจ๊งยิ่งกว่า % ของตลาดด้วย
เพราะว่ามันจะมีการขึ้นหลอกเราอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราเข้าตามมัน วัน สองวัน มันก็หมดแรงอยู่
ดี แต่คนที่เป็น VI ที่ถือหุ้นมาต้องแต่สถานการณ์ที่ 1 ช่วงนี้ก็จะเป็นบททดสอบที่ดีว่า
เราเป็น VI ขนานแท้หรือพวกชอบแอบอ้าง บางทีหุ้นพื้นฐานดีก็ยังลงได้กับตลาดแบบนี้
ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีว่าVI จะกินส่วนต่างหรือกิน ปันผล

ผมสงสัยว่าที่ผ่านมามีผู้ลงทุนโดยใช้เทคนิค(กราฟ)
โดยขยันทำการบ้าน และ ไม่โลภ เก็งกำไรไม่บ่อย โดยเน้นรอบใหญ่ ๆ
จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าแนว vi หรือไม่ครับ
โดยดูจากค่าเฉลี่ยใน 1 ปี
ในประเด็นนี้ ผมของออกตัวก่อนว่า ผมพึ่งลงทุนมาได้ 6 เดือน โดยใช้การลงทุนเชิงประยุกต์
(พื้นฐาน+เทคนิค+VOL+ฟันโฟร์+มวลชน) แต่จะนำกราฟมาใช้ในการตัดสินใจประกอบกว่า
40% (รายละเอียดทั้งหมดผมเคยเขียนลงในห้องเทคนิคของเวปแล้ว)
ผมจะเก็งกำไรเป็นรอบเดือน ต้องแต่เดือนสิงคมจนถึงปัจจุบัน ผมทำให้เงิน 2...... กลายเป็น 7.5..... บาท
ภายใน 6 เดือน (เคยนำพอร์ตการลงทุนโพตส์ไว้ในห้องเทคนิคแล้ว)

ส่วนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า VI หรือไม่ จากสถิติที่ผมเคยเก็บมาและ
เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในห้องเทคนิค การลงทุนด้วยกราฟ ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มาก
กว่าคนที่ถือแบบ VI มาต้องแต่ตลาดหมี และอีกหลายๆสถานการณ์ ขอโทษที่ไม่สามารถ
โพตส์กราฟสถิติเปรียบเทียบให้ดูได้ เนื่องจากกฎใหม่ของทางเวปห้ามโพตส์กราฟ

แน่นอนถ้าคิดเป็นในระยะสั้นเปรียบเทียบแบบปีต่อปี ในบางปีคนที่เล่นรอบด้วยกราฟ
ก็อาจจะชนะคนที่ถือแบบ VI แบบเทียบกันไม่ติด แต่หากมองในระยะยาวแล้ว คนที่เล่น
รอบด้วยกราฟ จะแพ้คนที่ถือแบบ VI แน่นอน ฟันธง! (ลองสังเกตุจากเซียนกราฟหลายๆคนในเมืองไทยดู)

====================================
เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ
เป็นความรุ้อย่างยิ่ง ขอบคุณครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 5:46 am
โดย j2methai
ขอบคุณครับ 6 เดือนได้ขนาดนี้เก่งมากครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 12:01 am
โดย jantanee
วิธีที่คุณว่ามาคล้ายๆ
กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ ตกแต่งสวน ของคุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์
คลายเครียดเรโช ลงทุนแนว VSOP ของคุณเอนโดฟิน
DSM ของคุณเด่นศรี

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 12:59 am
โดย END
คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์
ผมรู้จักครับ แต่ไม่เคยอ่านหนังสือท่าน รู้แต่ว่าแนวคิดก็คือการกินปันผล

VSOP
ของท่านคลายเครียด ผมรู้จักครับ เคยดูในรายการ money talk สนใจ
อยากศึกษาเหมือนกันครับแต่ว่าหนังสือขาดตลาด ก็ได้แต่อ่านใน พันธ์ทิพเอา
แต่ก็ไม่แตกฉานเท่าไร

DSM
คุณเด่นศรี อันนี้ผมไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อ ลองหาใน GOOGLE ดู
แนวคิดน่าสนใจ แต่หารายละเอียดไม่ได้แล้ว รบกวนคุณ jantanee แนะนำ
วิธีการ DSM ให้ด้วยครับ

ส่วนหลักการ เก็งกำไร แนะนำให้ลองอ่านกระทู้ของ อาจารย์ปลา ในพันธ์ทิพ
ดูครับ มีแนวคิดน่าสนใจและสามารถต่อยอดได้

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 9:51 am
โดย นพพร
ชีวิตหลังจากนี้ วัดไม่ได้จากปีเดียว

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 11, 2010 2:32 pm
โดย Viscabarcelona
อธิบายยากนะครับ

กราฟจริงๆแล้วไม่ได้ใช้เก็งกำไร บางคนใช้เลือกลงทุนระยะยาว ระยะสั้น
แต่มีคนเข้าใจกันไปเองว่าต้องเป็นระยะสั้น เป็นรอบๆ

บางคนเค้าก็ใช้กราฟซื้อตอนราคาที่เป็นตลาดหมี ก็มีกันเยอะ

เล่นตามกราฟ เทคนิค ถ้าแม่นจริง+ขยัน กำไรมากกว่าครับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว
กราฟเล่นได้ทั้งขาขึ้น ขาลง ครับ โดยเฉพาะ ไซด์เวย์นี่กินผลต่างเยอะ

คนเล่นไม่แม่นก็กำจัดความเสี่ยงไม่เล่นขาลงได้ครับ เพราะกำไรมาก่อนหน้านี้

แต่ถ้าเล่นแบบ VI จะดูแลง่ายกว่า สบายใจกว่า เพราะต้นทุนต่ำ ไม่เครียด
โฟกัสแค่จุดที่ลงทุน


ผมว่าเลือกที่จะอยู่ตรงกลางดูน่าจะเหมาะสมสุดนะครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 19, 2010 12:39 am
โดย boat37564
ผมว่ายากมากนะครับ หากจะเล่นเก็งกำไร เนื่องจากมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกับราคาหุ้นระยะสั้น ในความคิดผมหาดูแค่กราฟอย่างเดียวคงมีโอกาสผิดพลาดสูงนะครับ ยิ่งตลาดหุ้นในประเทศเราเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงคาดเดายากมาก
ส่วนที่ถามว่าแบบไหนสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่ากันใน 1 ปี ผมว่าอยู่กับความสามารถของคุณว่าสามารถเก็งกำไรได้ดีขนาดไหน ถ้าคุณทำได้ดีต้องเหนือกว่า VI 1ปีอยู่แล้วครับ แต่อย่างที่หลายๆคนบอกครับในระยะยาว Vi คือสุดยอดครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 19, 2010 5:13 pm
โดย chowbe76
สวัสดีครับ

ไม่มีปีไหนเลยนะครับ ที่วอร์เร็น บัฟเฟต ทำกำไรได้ถึง100%
แต่สิ่งที่เค้าทำ
คือเฉลี่ย22%เป็นเวลา30กว่าปีครับ

Re: ระหว่างเก็งกำไรโดยใช้กราฟ กับ แนว vi ภายใน 1 ปี

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 20, 2010 3:08 pm
โดย simplelife
Viscabarcelona เขียน:อธิบายยากนะครับ

กราฟจริงๆแล้วไม่ได้ใช้เก็งกำไร บางคนใช้เลือกลงทุนระยะยาว ระยะสั้น
แต่มีคนเข้าใจกันไปเองว่าต้องเป็นระยะสั้น เป็นรอบๆ

บางคนเค้าก็ใช้กราฟซื้อตอนราคาที่เป็นตลาดหมี ก็มีกันเยอะ
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกราฟ แต่เคยอ่านผ่านๆมาบ้าง ผมสงสัยครับ ว่ากราฟชนิดไหน บอกให้ซื้อหุ้นตอนราคาตกติดๆกันเป็นเดือนๆ ไม่มีกราฟอะไรตัดขึ้นหรือแม้แต่ทำท่าว่าจะลงน้อยลง แล้วจะซื้อได้ยังไง RSI อะไรนั่นมันต่ำจริง แต่ถ้ามันต่ำตั้งแต่เริ่มต้น bear market ใหม่ๆแล้ว แล้วมันต่ำไปตลอดหลายเดือน

ยกเว้นว่าราคามันโงหัวมานิดนึง ก็เลยซื้อ แล้วตกต่อ คนถือก็"ทนถือแบบติดดอย" (ที่พยายามหลอกตัวเองว่าืถือเป็น VI) รอมาจนถึงตรงนี้ก็เลยกำไรบานเบอะ