Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าใครซักคนมีเงินในกระเป๋ามากๆ มากพอที่จะจ่ายด้วยเงินสดในครั้งเดียว สำหรับค่าสินค้าราคาสูงจัดที่จะซื้อมาขายทำเงินต่อไปในอนาคตได้มหาศาลแบบไม่สะเทือน แต่เค้าเลือกที่จะเก็บเงินก้อนนั้นไว้ และไปกู้เงินก้อนโตระยะยาวจากธนาคารเพื่อซื้อสินค้านั้นแทน

ผมอยากทราบว่า มันมีเทคนิคหรือชั้นเชิงทางธุรกิจอะไรที่ ทางเลือกแบบหลังนั้นดีกว่า

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

บางคนบอกผมว่า

เค้ารอบคอบไปจนคำนึงถึงเวลาธุรกิจล้ม เงินที่หายไปจะได้ไม่ใช่เงินเค้า (หอบเงินหนี)

คือ ผลักภาระให้เป็นความเดือดร้อนของธนาคารแทน อยากได้คืนให้ตามฟ้องเอาทีหลัง

มันจะออกมาในรูปนี้จริงหรือครับ

ถ้าคุณมีเงินสดจำนวนหนึ่ง
แล้วไปกู้เงินมาจ่ายที่ดอกเบี้ย7%
แสดงว่าคุณต้องนำเงินสดนั่นไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า7%
มันก็คุ้มค่าครับ
เท่านั้นเอง

ที่ผมสงสัยเพราะว่า เจ้าเงินนั้นนอนนิ่งๆ ไม่ได้นำเอาไปลงทุนอะไรอื่นเพิ่มเติมเป็นเรื่องเป็นราวหลายปีนะสิครับ

ต้นทุนทางการเงินของ บจ แบ่งเป็น
1ต้นทุนของทุน
2ต้นทุนของการกู้

ซึ่งทำไมต้องกู้เพราะต้นทุนการกู้ยืมจะถูกกว่าต้นทุนส่วนของทุนมาก เอาง่ายๆว่าทำไมการกู้ถึงต้นทุนถูกกว่าเงินจากกระเป๋าเจ้าของ ลองคิดตามความเสี่ยงนะครับ ต้นทุนจากการควักเงินเองถือว่าเสี่ยงมากกว่าการกู้ยืม ตามสิทธิการไล่บี้เรียกเงินในกรณีที่บริษัทผิดกิจการ เจ้าหนี้จะมาก่อนส่วนทุน ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนปล่อยกู้ยอมได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่ากลุ่มที่เป็นเจ้าของเพราะความเสี่ยงของคุณน้อยกว่านั่นเอง

ถ้าอยากเห็นแบบเป็นตัวเลขลองคิด WACC (หาวิธีคำนวณได้จาก Google หรือหนังสือการเงินทั่วไป) ต้นทุนทางการเงินของ บจ. ออกมาดูครับ จะเห็นว่าส่วนของการกู้ยืมจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าส่วนทุนเสมอ ถึงได้มีการกู้ยืมกันแต่กู้มากไปก็ไม่ดีนะ :lovl:

เสริมได้เสมอครับ

แยกเป็นเงินกู้กับเงินกู ถ้าเงินกูเอาไปทำกำไรได้มากกว่าเงินกู้ ก็จะเอาเงินกูไปซื้อสดทำไม เอาไปทำกำไร แล้วเอาเงินกู้มาใช้ไปดีกว่า

การมีหนี้
ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
ประเด็นคือ
กู้เงินมาแล้วเอาเงินไปทำอะไร
บริหารยังไง
ใช้จ่ายอย่างไรมากกว่า

เรื่องเงินกู้ที่มาจากเจ้าหนี้
จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเงินที่มาจากส่วนของเจ้าของ

เพราะเจ้าหนี้
ต้องการดอกเบี้ย

ในขณะที่เจ้าของ
ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ย

เพราะหากเจ้าของออกตังค์ไปก่อน
แล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าเจ้าหนี้
เจ้าของจะทำธุรกิจไปทำไม
สู้เอาเงินไปปล่อยให้คนอื่นเขากู้
แล้วทานดอกเบี้ย
ไม่ดีกว่าหรือ ?

ปล.
ส่วนตัว ผมคิดว่า หนี้ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครับ