Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมได้ลองศึกษาประวัติของพี่หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน
ผมแปลกใจมากว่าพี่ๆหลายคนกลับเป็นวิศวกรมากกว่านักการเงิน
อะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่ๆเหล่านั้นมีความรู้มีความสามารถมากกว่านักการเงิน

เพราะวิศวะสอนให้เชื่อด้วย"เหตุผล"ที่พิสูจน์ได้ แล้วมี"วินัย"ในการนำไปปฏิบัติ

แต่ของแบบนี้ฝึกกันได้ แม้ไม่ได้เรียนวิศวะมาก็ตาม

ความกล้า ความบ้า ความทะเยอทะยาน

ไม่รู้ ไม่ใช่วิศวะ แต่เดาๆเอาว่า
1. เข้าเรียนวิศวะได้ น่าจะแปลว่าเป็นคนค่อนข้างฉลาด น่าจะอ่านหนังสือเป็น หาความรู้เป็น
2. ไม่กลัวการคำนวณ ถีงแม้ว่าพวกคำนวณในการลงทุนไม่ได้ยากมาก สายศิลป์บางคนคำนวณอะไรไม่เป็นเลย ง่ายๆก็คำนวณไม่ได้ ลองให้มาลงทุน ก็คงจะเจ๊งก่อนเพื่อน
3. วิศวะ(และหมอ)เป็นอาชีพที่มีเงินเดือนเยอะ น่าจะมีเงินเดือนเหลือมาลงทุนมากกว่าอาชีพอื่น มีประสบการณ์การลงทุนมากกว่าอาชีพอื่น

คิดว่าศาสตร์ที่เรียนด้านการเงินการลงทุน ส่วนใหญ่พวก modern finance ขัดเเย้งกับ เเนวความคิดที่ของคนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นมั้งครับ

ไม่เกี่ยวมั้งครับ

ปล.
ถ้าสำรวจข้อมูลทางสถิติจริงๆ
อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้

ไม่รู้เหมือนกันว่าคนจบวิศวะ ประสบความสำเร็จมากกว่าจริงหรือเปล่า
แต่เท่าที่เรียนมา วิชาทางสายวิทย์ มักเน้นให้คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ และเป็นลำดับขั้นตอน

อีกอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในตลาด มันอยู่ที่ความรู้ หลักการในการลงทุน วินัยและสภาพจิตใจด้วยครับ

ญาติผมทำงานแบงค์ ยังนั่งซื้อๆ ขายๆ อยู่เลย กำไรมั่ง ขาดทุนมั่ง คละๆ ไป

น่าจะอยู่ที่ความขยันหมั่นเพียร และช่วงจังหวะเวลา กับความนิ่ง นะครับ ไม่น่าจะเกี่ยวกับวิศวะเลย

simplelife เขียน:ไม่รู้ ไม่ใช่วิศวะ แต่เดาๆเอาว่า
...วิศวะ(และหมอ)เป็นอาชีพที่มีเงินเดือนเยอะ น่าจะมีเงินเดือนเหลือมาลงทุนมากกว่าอาชีพอื่น มีประสบการณ์การลงทุนมากกว่าอาชีพอื่น

ข้อนี้น่าสนใจครับ น่าจะมีส่วนนะผมว่า

เรียนมาโดย ใช้ ตรรกะเป็นสำคัญ เชื่อในเหตุและผล
แต่ผมว่าจบอะไรไม่สำคัญ เพราะความรู้มันทันกันได้ครับ

ปล. Buffett ไม่จบวิศวะ เค้ายังประสบความสำเร็จได้เลย

เอ้อ วิศวกรสมัยนี้เงินเดือนไม่ได้เยอะอย่างที่คิดนะครับ จะว่ากันชัดๆ ก็คือผมเงินเดือน start ที่ 14k ครับ หรือเท่ากับเงินเดือน start ของวิศวกรเมื่อ 10 ปีก่อนครับ ตลอด 10 ปีนี้ไม่มีการปรับฐานตามเงินเฟ้อแต่อย่างใด แต่มันก็แล้วแต่สถานที่ ความสามารถ อายุงาน และอื่นๆ ด้วยนะครับ

ที่เอามาแชร์ให้ฟังเพราะตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วครับ

ผมค่อนข้างเชื่อตามคุณ ส.สลึงมากกว่าครับ ว่าเราอาจจะคิดกันไปเองก็ได้ เพราะไม่ได้มีหลักฐาน งานวิจัย หรือการทำสถิติอย่างจริงจัง มาสนับสนุนแม้แต่น้อย ซึ่งก็น่าคิดนะครับว่า ในการลงทุนนั้น เราได้ทำแบบนี้ตอนที่เลือกซื้อหุ้นรึเปล่า

แซวขำๆ นะครับ :lovl:

ในฐานะ วิศวะ ผมคิดว่าไม่เกี่ยวนะครับว่าวิศวะ จะประสบความสำเร็จมากกว่า ที่เราคิดกันแบบนั้น เพราะเรารู้จักาคนจบวิศวะหลาย ๆ คนในเว็บนี้ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า
ส่วนที่บอกว่า วิศวะ เงินเดือนเยอะก็อาจเป็นไปได้ ผมคิดว่าคนจบวิศวะส่วนใหญ่ มีเงินเดือนเยอะกว่าคนอาชีพอื่น ๆ ในอายุงานเท่า ๆ กันครับ

ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องเงินเดือนครับ

ขอยืนยันว่าวิศวะไม่ได้เงินเดือนมากกว่านักการเงินครับ

อันนี้ผมนั่งเทียนเอานะครับ เพราะผมเรียนทั้งวิศวะและบริหารเอกการเงิน

1. วิชาคำนวณ ถ้าเทียบในคณะบริหารด้วยกัน คนที่มีฐานมาจากวิศวะ มักจะกินขาด
นำโด่งแบบทิ้งห่าง เข้าใจอะไรไว การคำนวณแทบเรียกว่ากินหมู การคำนวณทางบริหาร
มันง่ายกว่าทางวิศวะมากๆ

2. จากบทความฮาวทูพิคสต๊อกของชาลีมังเจอร์ บอกว่าคุณต้องมีหลายโมเดลในหัว ถ้าเรียนแต่บริหาร
ก็มีโมเดลเดียว คือตลาดมีประสิทธิภาพ กับ maximize profit ซึ่งขัดหลักความจริงมาก
ในขณะที่วิศวะ โมเดลที่เรียนก่อนเลยคือ margin of safety สร้างอะไรต้องเผื่อไม่งั้นมันพังหละ
คุกลูกเดียว วิศวะจึงระมัดระวังกว่า(นิสัยกลัวคุกถ้าคิดไม่รอบคอบและไม่มีส่วนเผื่อมันติดมา)

3. ยังคงอยู่ที่คอนเซป max profit นั่นหละ ใช่ว่าวิศวะจะไม่max แต่มันต้องใส่ส่วนเผื่อเข้าไปด้วย
จะสร้างให้รถวิ่ง 20ตัน ต้องออกแบบให้รับได้40 ดีไม่ดี50เผื่อผู้รับเหมาห่วย เผื่อมากก็ไม่ได้ขาดทุน
เผื่อน้อยก็อันตราย

4. วิศวะมองความเปลี่ยนแปลงกระทบทั้งระบบ บริหารมองกระทบเป็นจุด
เช่นถ้าเราวางแท๊งน้ำไว้บนตึก อย่างนี้ต้องดีไซน์ใหม่หมด ในขณะที่บริหารอาจไม่สน เอาสะดวกรวดเร็วเข้าว่า

ในการเรียนบริหารนั้น ผมเรียนอยู่พบว่ามีหลายโมเดลที่ค่อนข้างขัดความจริง บางอย่างถึงกับเกือบไร้สาระทีเดียว
สิ่งที่คนท่องจำและใช้กันมาช้านานแล้วไม่ค่อยจะถูกนักเริ่มจาก หลักพื้นฐานสิบข้อของเศรษฐศาสตร์เลย
และCAPMของไฟแนนซ์ วิชาพฤติกรรมองค์กร การวิเคราะห์เชิงปริมาณ(อันนี้เข้าใจเลยว่ากราฟเทคนิคัลมามายังไง พอเรียนวิชานี้แล้วคุณจะสร้างกราฟเทคนิคอลอะไรก็ได้ จากนั้นก็จะหมดศรัทธามันทันที ว่ามันมั่วมานี่หว่า)

วิชาที่มีประโยชน์มากๆแต่คนส่วนใหญ่ขยาดเห็นจะเป็นบัญชีบริหารนี่หละครับ ช่วยได้มากเลย

คนจบวิศวะ --> ประสบสำเร็จในการลงทุน = คนล้มเหลวในการลงทุน --> ไม่จบวิศวะ

ไม่น่าจะถูกต้องนะครับ

ความอึดความฮึดเหนือชาวบ้านเวลาจะศึกษาอะไรจริงจัง มองอะไรเห็นเป็นตัวเลข เข้าใจกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมทำให้มองเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจ (ป.ล.ผมก็เรียนวิศวะเหมือนกัน) :lovl:

โลจิคสองเรปบนไม่ถูกครับ
เป็นแค่ความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์นิดหน่อยเท่านั้น

บัฟเฟตก็ไม่ได้จบวิศวะจริงไหม?เขาจบเศรษฐศาสตร์

ชาลีก็จบกฏหมาย

ส่วนลินซ์จบวรรณคดี

โซรอสไม่รู้จบไร แต่ไม่ใช่การเงิน

Warantact เขียน:โลจิคสองเรปบนไม่ถูกครับ
เป็นแค่ความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์นิดหน่อยเท่านั้น

บัฟเฟตก็ไม่ได้จบวิศวะจริงไหม?เขาจบเศรษฐศาสตร์

ชาลีก็จบกฏหมาย

ส่วนลินซ์จบวรรณคดี

โซรอสไม่รู้จบไร แต่ไม่ใช่การเงิน

จอร์จ โซรอส จบ London School of Economics

http://en.wikipedia.org/wiki/George_Soros

Warantact เขียน:โลจิคสองเรปบนไม่ถูกครับ
เป็นแค่ความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์นิดหน่อยเท่านั้น

บัฟเฟตก็ไม่ได้จบวิศวะจริงไหม?เขาจบเศรษฐศาสตร์

ชาลีก็จบกฏหมาย

ส่วนลินซ์จบวรรณคดี

โซรอสไม่รู้จบไร แต่ไม่ใช่การเงิน

lynch ไม่ได้จบวรรณคดีนะครับ จบ mba เนี่ยแหละครับ จาก Wharton เลย

ถ้าลองไปศึกษาดูในทางกลับกัน ในกลุ่มคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็อาจจะมีวิศวกรเป็นประชากรส่วนใหญ่เหมือนกันก็ได้นะคะ

สภาพจิตใจก็เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญมากๆ ที่จะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้น ในความเห็นผมว่า การเรียนจบสาขาไหนแล้วจะประสบความสำเร็จในการลงทุนมากกว่าสาขาอื่นๆ ไม่น่าเกี่ยวกัน
น่าจะลองสำรวจนักลงทุนแนว vi ในเวปของเราที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนซัก 20-30 ท่าน ว่าจบจากด้านใด ข้อมูลน่าจะชัดเจนกว่า :lol:


----------------
ความรู้ คู่คุณธรรม

margin of safety ของวิศวะนี่เจอตั้งแต่ปี 2 เลยครับ

เรียนไปโดยไม่รู้ว่ามันคือ margin of safety ของหุ้น

เวลาสอบผมมักจะเผื่อโน้น เผื่อนี่ ไว้เยอะ บางทีเสา

โตกว่าเพื่อนเยอะเลยครับ

เพราะ วิศวกร อย่างเรา ไม่มีเวลามาตามตลาดไงครับ
เลยไม่ถูก อารมยืตลาดเข้าครอบงำ
55555 :lol: :lol:

แก้เครียดนะครับ อย่าสงสัย อะไรแบบนี้เลย
เอาเวลาไปศึกษาบริษัทดีกว่า

แล้วแต่กลุ่มสังคมด้วยกระมังครับ
อย่างกลุ่มคนผมรู้จักเป็นหมอมากกว่าวิศวะ

ผมจบ วิศวะ แล้วก็ พ่อจบหมออ่า แต่ก็ไม่กล้าบอกว่าเก่งมากนะ

แต่พี่คนนึงจบการเงินมา เข้าไปทำงานเกี่ยวกับเงินโดยตรง

ผมคิดว่า ส่วนนึงที่นักการเงินแพ้ เพราะว่ามักจะเจอกับข่าวแล้วก็ลูกค้า ซื้อขายรุ้มร้าวตลอดเวลา

ทำให้การซื้อขายแบบ ลงทุนเน้นคุณค่า ทำได้ยากมาก

นึกๆดู ถ้ามีคนมาเป่าหูทุกวัน ผมก็คงคล้อยตามล่ะ ^^

ผมว่าดูจากปริมาณที่มีการสำรวจเป็นกิจจลักษณะดีกว่านะครับ ถ้าจะให้เห็นผลจริงๆ
ส่วนผมเองเรียนกฎหมาย ก็ไม่ค่อยจะเห็นนักกฎหมายเข้ามาลงทุนหุ้นสักเท่าไหร่ นอกจากอาจารย์ที่ท่านสอนกฎหมายหุ้นส่วน-บริษัท กับทนายที่ท่านมีรายได้สูงๆ ซึ่งบางท่านเก่งครับ ดูงบการเงินก็ได้ ไปเป็นอาจารย์พิเศษในคณะพาณิชย์ด้วยซ้ำ

- ไม่กลัวการ คำนวน วิเคราะห์
- กล้าได้กล้าเสียบนพื้นฐานของเหตุผล
- ชอบลองผิดลองถูก จนได้แนวทางของตัวเองไม่ยึดแต่ตำราอย่างเดียว
- ชอบเข้าสังคม เพื่อนเยอะ(ขี้เมา) เห็นอะไรกว้างขึ้น
- ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ผิดต้องแก้ไข
- เน้นวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ
- ทำอะไรแผลงๆที่คนอื่นเค้าไม่ทำกัน คิดแตกต่าง
- บ้าบิ่นมากกว่า ชอบเอาชนะ
- ผิดแล้วต้องจำ ขยำแล้วต้องได้

คนที่เล่นหุ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แล้วคณะที่ผู้ชายเยอะสุดคือวิดวะครับ
และเป็นคณะที่คนจบเยอะมาก ยิ่งถ้าคนเหล่านั้นพอมีฐานะ
อยู่แล้วบ้างไรบ้าง ก็จะเป็นอย่างที่เห็นกันนี่ล่ะครับ