หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 4:17 pm
โดย BAZUGA
มีบริษัทฯประกันชีวิตเพียงสองแห่งเท่านั้น ได้แก่ SCNYL,BLA ที่จดทะเบียนใน ตลท.ทำไม..ทำไมไม่มีบริษัทฯอื่นเข้าจดทะเบียนบ้าง ทั้งที่โครงสร้างรายได้ และกำไรก็ไปวัดไปวาได้ โครงสร้างผู้ถ์อหุ้นก็แข็งแกร่ง ใครพอจะทราบช่วยบอกที
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 5:54 pm
โดย pornchai_w
ผมก็รออยู่เหมือนกัน อยากให้เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามาบ้าง
ชอบที่เป็นบริษัทหัวคิดทันสมัย นี่ก็เพิ่งร่วมมือกับ Central เอาไปขายในห้างอีก
หากลูกค้ากู้เงินกับ KBank ลูกค้าก็ทำประกันกับ เมืองไทยประกันชีวิต และ เมืองไทยประกันภัย
ตอนนี้เลยเก็บ MTI ไปพลางๆ
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 7:00 pm
โดย BAZUGA
pornchai_w เขียน:ผมก็รออยู่เหมือนกัน อยากให้เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามาบ้าง
ชอบที่เป็นบริษัทหัวคิดทันสมัย นี่ก็เพิ่งร่วมมือกับ Central เอาไปขายในห้างอีก
หากลูกค้ากู้เงินกับ KBank ลูกค้าก็ทำประกันกับ เมืองไทยประกันชีวิต และ เมืองไทยประกันภัย
ตอนนี้เลยเก็บ MTI ไปพลางๆ
น่าเสียดายนะครับ ที่MTIไม่ได้ถือหุ้นในMTLนะครับ ไม่เช่นนั้น ผมขอร่วมวงด้วยคนครับ
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 10:22 pm
โดย prodigy
อีก 2-3 ปี ไทยสมุทรประกันชีวิตจะเข้าตลาดครับ ถึงตอนนั้นผม่อยตัดสินใจว่าจะซื้อดีหรือไม่ เพราะผมทำงานที่นั่น
ตอนนี้ก็กำลังพัฒนากันอยู่แต่ asset บริษัทเยอะมากจนกลายเป็นภาระ อันนี้เราก็พยายามลด cost พร้อมๆกับผลักดันยอดขายอยู่
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 11:03 pm
โดย miracle
มีหลายบริษัทที่เข้าตลาดแล้ว Tender offer ออกไป
ที่จำได้คือ AACP และ พรูเด็นเชียล
ที่ไม่เอาเข้าเพราะเข้ามาได้อะไรหรือ
ตอนนี้ต้องลุ้นว่า คปภ เอาจริงหรือเปล่า
เพราะบริษัทประกันชีวิตต้องแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน
แล้วบริษัทตัดสินใจว่า เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดีหรือเปล่าล่ะ
ส่วนกรณีของไทยสมุทรประกันชีวิต
ในสายตาของผมนั้น
ส่วนแบ่งการตลาดรวมน้อยไปครับ
ตัวนี้เน้นที่ประกันชีวิตกลุ่มที่เป็นอุตสาหกรรม (ต่อสัญญาแบบปีต่อปี)
ไม่ดีเหมือน SCNYL และ BLA ที่ดูภาพรวมเป็นอันดับ 4 และ 5 ของประเทศไทย
(ไม่นับเจ้า AIA ที่เป็นที่หนึ่ง ทิ้งกระจาย) ส่วนที่ 2 และ 3 ก็หายใจรดต้นคอกัน
ระหว่าง ไทยประกันชีวิตและเมืองไทยประกันชีวิต
ถือว่า ไทยสมุทรประักันชีวิตเข้ามาต้องดูจำนวนหุ้นที่เข้ามาด้วยมากหรือเปล่า
ถ้าหุ้นน้อยก็น่าสนใจเหมือนกัน
และที่น่าสนใจถัดมาคือราคา IPO ว่า Discount เท่าไร
อย่างไงก็ตาม หุ้นมันไปขึ้นอยู่กับหลักทางเศรษฐศาสตร์คือ Supply และ Demand อยู่ดี
ความต้องการซื้อของผู้ลงทุนและความต้องการขายสำหรับคนที่หุ้น
หนีอย่างไงก็ไม่พ้นอยู่ดี
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 3:42 pm
โดย kosakorn
ตามกฎหมาย อีกประมาณ 5 ปี ทุกบริษัทประกันภัยต้องเป็น บมจ.ครับ
แต่เข้าตลาดได้หรือไม่
ต้องลงรายละเอียดตามกฎเกณฑ์ของ SET ครับ
อนาคตจะมีการควบรวมกันมากขึ้น
ปัจจุบัน
บ.ประกันภัยที่เป็นมหาชน แต่ยังเข้าตลาดไม่ได้
เป็นเพราะกิจการยังมีการขาดทุนสะสมต่อเนื่องอยู่ครับ
ขาด ตก บกพร่อง ขออภัยครับ
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 4:25 pm
โดย picklife
การเข้าตลาด=การเพิ่มทุน ปะครับถ้าไม่มีโครงการลงทุนอะไรมากๆๆๆๆจริงๆ หรืออยากโตแบบก้าวกระโดดจริงๆ การเพิ่มทุนก็คือการเพิ่มตัวหารมาโดยใช่เหตุปะครับ แล้วถ้าเงินเยอะมากๆจะมีผลให้รายได้โตแบบทวีคูณหรอปล่าว ถ้าเอาเงินมาเก็บไว้ หรือลงทุนแล้วไม่successมากๆ ก็ไม่น่าเข้าตลาดปะครับ??? ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ชัดเจนที่ไม่เข้าตลาดหุ้น ผมมองว่าคำถามที่คนมักจะถามมากกว่าทำไมไม่เข้าตลาด คือเข้าตลาดมาทำไม? มองอะไร?
ผมอาจจะคิดง่ายๆไปหน่อย รอผู้รู็มาชี้แนะครับ
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 7:48 pm
โดย kosakorn
เพิ่มเติมครับ credit นสพ.ตลาดวิเคราะห์ครับ
เส้นทาง'ประกัน&มหาชน'
คำว่า "มหาชน" ที่จะนำมาพ่วงท้ายชื่อบริษัทประกันภัย ทั้งฝั่งชีวิต และวินาศภัย ได้บทสรุปออกมาจากปากของ "จันทรา บูรณฤกษ์" เลขาธิการคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ "คปภ." แล้วว่า ภายใน 5 ปี บริษัทประกันภัยทั้งประกันวินาศภัย และประกันชีวิต ต้องแปรสภาพเป็น "บริษัทมหาชน"
...การเป็นบริษัท "มหาชน" ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ในวงการประกัน เพราะถือเป็น "เหล้าเก่าในขวดใหม่" ที่หยิบยกขึ้นมาคุยกัน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกระแสออกมาบ้างแล้วว่า จะมีการ "ไล่ต้อน" บริษัทประกันให้เข้าระบบ "มหาชน" ให้หมด
เพราะในอดีตชอบทำเรื่องเละเทะกันดีนัก!!
แต่สุดท้าย เรื่องก็หายเข้ากลีบเมฆ
จนในที่สุด "เรื่องก็แดงขึ้นมาอีก" ในยุครัฐบาล หลังครม. มีความเห็นชอบให้บริษัทประกันต้องแปรสภาพเป็น "มหาชน" ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะบริษัทประกันที่จดทะเบียนในประเทศไทย
...เรื่องดังกล่าว ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ จนทำให้หลายคน สงสัยว่า ทำไมประกันต้องเป็น "มหาชน"??
"ข้อดีของการเป็นบริษัทมหาชน จะทำให้บริษัทประกันมีความมั่นคง เพราะจะเป็นการรวมตัวกัน จะไม่มีปัญหาเรื่องเงินกองทุน เงินสำรอง และการขาดสภาพคล่อง ส่วนข้อเสียคือ บริษัทเล็กๆ บางบริษัทก็น่าเห็นใจ โดยเฉพาะบริษัทที่เปิดมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งตรงนี้เขาจะต้องมีการปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เป็นมาตรฐาน และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่สากลมากขึ้น"
นี่คือ คำอธิบายจากเลขาธิการคปภ.
ส่วนความคิดเห็นทางฝั่งเอกชน ส่วนใหญ่ก็คิดคล้ายกันคือ หากให้แปรสภาพเป็น "มหาชน" ทุกคนก็พร้อมอยู่แล้ว เพราะตอนนี้หลายบริษัทแทบจะเป็นระบบ "มหาชน" อยู่แล้ว
นายอรัญ ศรีว่องไทย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย ได้เล่าถึงเรื่องนี้ว่า การที่บริษัทประกันต้องแปรสภาพเป็น "มหาชน" ภายใน 5 ปี ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะคำว่า "บริษัทมหาชน" ไม่ได้แปรว่าต้องเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งโดยหลักแล้วเพียงแค่กระจายหุ้นตัวเอง ให้ครบตามกำหนดของกฎหมาย และก็มีเงื่อนไขในการจัดการประชุมแค่นั้นเอง ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่ "คปภ." กำหนดมาในการทำงานของธุรกิจประกันภัยวันนี้ บางอย่าง มีมากกว่ากฎหมายของคำว่า "มหาชน" ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เขายังบอกว่า ถ้าเป็นเรื่อง "มหาชน" ทุกบริษัทไม่ซีเรียส และเขายังมองว่า 5 ปี ยังมากไป เพียง 3 ปีก็คงจะเพียงพอแล้ว
เพราะตอนนี้ก็ไม่เห็นว่า ใครออกมาร้องโหวกเหวกโวยวาย ไม่เห็นด้วยกับ การเป็น "มหาชน" สักราย!!
"วันนี้ทุกบริษัทเริ่มมองตัวเอง ว่าจะต้องทำอย่างไง ให้แข่งขันได้ ฉะนั้นในการที่จะมีมหาชนเข้ามา ผมมองว่าตัวนี้จะเป็นตัวช่วยในการทำงานด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้ระบบการทำงานมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้น ตรงนี้ ไม่มีปัญหาสำหรับธุรกิจประกันภัย และผมคิดว่าทุกบริษัทน่าจะทำเสร็จก่อนกำหนด 5 ปี ด้วยซ้ำ"
...จากคำบอกเล่าของ "อรัญ" พอที่จะคลำทางออกได้ว่า เส้นทาง"ประกัน&มหาชน" คงจะได้เห็นในไม่ช้านี้
ผมว่ามองในแง่ดี
ก็จะเหลือบริษัทที่มั่นคงจริง ๆ ให้บริการประชาชนครับ หวังว่า....
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 8:24 pm
โดย thalucoz
นายอรัญ ศรีว่องไทย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย ได้เล่าถึงเรื่องนี้ว่า การที่บริษัทประกันต้องแปรสภาพเป็น "มหาชน" ภายใน 5 ปี ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และเรื่องที่น่าเป็นห่วง
เพราะคำว่า "บริษัทมหาชน" ไม่ได้แปรว่าต้องเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งโดยหลักแล้วเพียงแค่กระจายหุ้นตัวเอง ให้ครบตามกำหนดของกฎหมาย และก็มีเงื่อนไขในการจัดการประชุมแค่นั้นเอง ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่ "คปภ." กำหนดมาในการทำงานของธุรกิจประกันภัยวันนี้ บางอย่าง มีมากกว่ากฎหมายของคำว่า "มหาชน" ด้วยซ้ำ
ผมว่าเรื่องนี้คงทำให้เรานั่งอิจฉา อยู่ปริบ ๆ กับผู้บริหารกะพนักงานแน่ ๆ สรุปอาจจะ " อด " ได้ครับ
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 8:29 pm
โดย kopoko
ผมว่าอด ถ้าไม่จำเป็นต้องระดมทุนมากมายคงไม่เข้า
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 11:12 pm
โดย ninja-ken
kosakorn เขียน:ตามกฎหมาย อีกประมาณ 5 ปี ทุกบริษัทประกันภัยต้องเป็น บมจ.ครับ
แต่เข้าตลาดได้หรือไม่
ต้องลงรายละเอียดตามกฎเกณฑ์ของ SET ครับ
อนาคตจะมีการควบรวมกันมากขึ้น
ปัจจุบัน
บ.ประกันภัยที่เป็นมหาชน แต่ยังเข้าตลาดไม่ได้
เป็นเพราะกิจการยังมีการขาดทุนสะสมต่อเนื่องอยู่ครับ
ขาด ตก บกพร่อง ขออภัยครับ
ผมว่า บ.ประกันชีวิต คงจะไม่มีขาดทุนสะสมมั่งครับ ดังนั้น คงจะนำไปจดทะเบียนได้หน่า ยกเว้น ผถห.เดิม ไม่อยากแบ่งผลประโยชน์ให้ใคร หรือโดนบีบจากการแข่งขันของอุตสหกรรมเดียว
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 29, 2010 12:06 am
โดย miracle
สิ่งที่ทำไว้ ทั้งดีและไม่ดีก็ต้องตรวจสอบ
เพราะว่า คำว่า มหาชนมีการตรวจสอบที่ดีกว่าธรรมดา
นอกจากว่า ไว้ใจกันมากเกินไป
ดังเช่นในอดีต บริษัทมหาชนที่มีปัญหาเพราะผู้ตรวจสอบไว้ใจผู้บริหารมากเกินไป
ไม่ตรวจสอบให้สมชื่อว่า ผู้ตรวจสอบ
อีกอย่างหนึ่ง
สมบัติของข้า ไม่ต้องการให้ใครมาเชยชม
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 29, 2010 12:45 am
โดย ninja-ken
อีกอย่างหนึ่ง
สมบัติของข้า ไม่ต้องการให้ใครมาเชยชม
ประโยคนี้สิสำคัญมากกว่าเหตุผลอื่น.....ฮึม..น่าคิดต่อนะว่า
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น