Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ไม่ทราบว่าจะประวัติการจ่ายปันผลของ PRANDA ย้อนหลังเกิน 5 ปี ได้ที่ไหนครับ
บริษัทนี้เข้าตลาดปี 90
ผมเจอแต่ว่า จ่ายปันผล 2 ปี
แล้ว 3 ปีก่อนหน้านั้นไม่จ่ายปันผลเลย
แล้วก่อนหน้านั้นไม่ทราบว่าจ่ายปันผลหรือเปล่า
ใครทราบวิธีหาข้อมูลช่วยตอบด้วยครับ
ผมเข้าไปหาใน set กับ settrade กับ web ของ PRANDA แล้ว หาไม่เจอครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์

เท่าที่ผมทราบ หลังจากปรับโครงสร้างหนี้แล้วเพิ่งจะจ่ายปันผลมาได้สองปีเองครับ

เมล์ไปถามได้เลยครับ [email protected]
หรือ www.pranda.co.th
ถ้าโทรไปก็ติดต่อ คุณศิลา โลหกุล, ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์

ขอบคุณครับ
ผมสนใจตัวนี้เพราะ P/BV=0.73 P/E=2.89 ปันผลช8.71 ราคาปิด=5.55 (อูจากหนังสือพิมพ์ (25/6/03))
ถ้าจะซื้อเป็นปันผล ไม่ทราบว่ามีข้อควรระวังอะไรบ้างครับ
ถ้าเป็นตามที่คุณดูดาวบอกไว้ แสดงว่าตั้งแต่เข้าตลาดปี 90 แล้วไม่เคยจ่ายปันผลเลย เพิ่งจะมาจ่าย 2 ปีนี้ อย่างนี้ จะมีแนวโน้มจ่ายไปเรื่อย ๆ ไหมครับ การที่จ่าย 2 ปีติดกันจากที่ไม่เคยจ่ายแลยตั้งแต่เข้าตลาด แลดงว่ามีแนวโน้มจะจ่ายต่อเนื่องหรือเปล่าครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์

อีกข้อนะครับ ผมอ่านผ่านไป
ที่ว่าปรับโครงสร้างหนี้ เกิดอะไรกับ PRANDA เมื่อ 2 ปีที่แล้วหรือครับ

XD DATE PAYMENT DIVIDEND/SHARE PERIOD
26/03/2002 08/05/2002 2.50 01/01/2001 - 31/12/2001
03/04/2003 14/05/2003 0.50 01/01/2002 - 31/12/2002

ผมทราบมาอย่างหนึ่งว่า warrant ของตัวนี้สามารถใช้สิทธิได้ทุกเดือนนะครับที่ราคา 2.80 บาท ซึ่งถ้าผลประกอบการดีและราคา war ถูกกว่า เขาก็จะใช้สิทธิกันและทำให้เราที่ถือหุ้นได้รับประโยชน์น้อยลงไป แต่ก็เป็นแค่ความเห็นของผมนะครับ

ยินดีต้อนรับสู่ชมรมคนรักหมีครับ คุณอนุสรณ์

การเพิ่มทุนของ pranda มีนัยสำคัญเป็นอย่างมากครับ เพราะตามสัญญาการเพิ่มทุน ต้องออกวอร์แรนต์เป็นจำนวน 1:1 (100% ของหุ้นทั้งหมด) ผู้ที่เพิ่มทุนคือกองทุนสยามอินเวสเมนต์ฟันด์ 2 (ของ ฟินันซ่า) เพิ่มทุนในต้นทุน 2.8 บาทต่อหุ้น (พาร์ 1) ครับ หลังจากเพิ่มทุนแล้วก็คลอดวอร์แรนต์ pranda-w(ลูกหมี) เท่ากับกองทุนนี้มีต้นทุนแม่หมี 2.8 และลูกหมี 0.0 บาทตามลำดับ

เวลาผมพิจารณา P/E ของแพรนด้า ผมใช้ 2 คูณครับ สำหรับปันผลก็หาร 2
ส่วนP/B ผมใช้ P / ((BVปัจจุบัน + 2.8 )/2) ครับ เพราะคิดเผื่อวอร์แรนต์แปลงสภาพหมด สำหรับการลงทุนเพื่อรับปันผล ไม่ควรซื้อหุ้นในเวลาตลาดดีๆครับ เพราะทำให้ต้นทุนแพงเกินไป
ควรจะลงทุนในเวลาที่ตลาดตกต่ำจะดีกว่าครับ

กองทุนสยามอินเวสเมนต์ฟันด์ มีต้นทุนหุ้นที่ต่ำมาก หากกระหน่ำเทขายอาจจะทำให้ราคาตกหนักครับ ถ้าคุณเจอกับสถานการณ์นั้นจริง ต้องอดทนครับ อย่าใจอ่อนขายตามเด็ดขาด หุ้นที่มีกองทุนหรือรายใหญ่ที่กำลังถอนทุนนั้นถ้าไม่ตกต่ำมากๆ ราคาก็จะไม่ไปไหนอยู่นานทีเดียว

อยากบอกตรงๆว่าผมเอาใจออกห่าง pranda ไปบ้างแล้วครับ แต่ถ้าราคาลงหนักๆก็จะซื้อเพิ่มครับ

ลองคิดดูเล่นๆครับ ที่ 5.55

P/BV = 0.73
BV = 5.55/0.73 = 7.6 บาท

P/E = 2.89
EPS = 5.55 / 2.89 = 1.90

pranda-w หมดอายุปี 2007 (May) - 4 ปี
สมมุต ให้ growth 10% และปันผล 50% ต่อไปตลอด 4 ปี (ไม่มี exercise จนปีสุดท้าย)

ปีที่................. EPS....................ปันผล....................BV
1(03)________1.9*1.1=2.09____2.09/2=1.045_____7.6+1.045=8.64
2(04)________2.30____________1.15____________9.79
3(05)________2.53____________1.26____________11
4(06)________2.78____________1.39____________12.39

4 dilute (/2)___1.39____________0.69____________6.29

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า pranda สามารถทำได้ดีหรือแย่กว่า 10%growth ต่อปี

สูตรพอใช้ได้มั้ยครับ

ขอบคุณคุณนักดูดาว คุณTOMOKI คุณ champ คุณ THiNK มากครับ โดยเฉพาะคุณนักดูดาว อุตส่าห์เข้ามาตอบให้ตั้งสองรอบ ผมได้วิธีคิดไปเยอะเลยครับ พิมพ์เก็บไว้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองยังทำการบ้านน้อยไป คงต้องไปพิจารณาอีกรอบ
แล้วจะมารบกวนอีกครับ
อนุสรณ์

ผมลองเมล์ไปถามตามที่คุณนักดูดาวบอกแล้วครับ เลยลองเอามาให้ดูกัน

ผมชักกังวลกับ Pranda แฮะ หยุดจ่ายไปตั้ง 7 ปี มีใครคิดว่ายังไงลองโพสต์มาคุยกันครับ
ผมเองมีเงินไม่มาก และหวังออมกับการปันผล เลยต้องคิดหนัก
แต่ Pranda ก็ตอบตรงไปตรงมาดี
อนุสรณ์

From: "Investor Relations" <[email protected]> | This is not spam | Add to Address Book
To: "'Anusorn Swasdee'" <[email protected]>
Subject: RE:_สอบถามนโยบายจ่ ายเงินปันผล
Date: Tue, 1 Jul 2003 09:23:39 +0700

เรียน คุณอนุสรณ์

ก่อนอื่นบริษัทฯขอแสดงความขอบคุณที่ท่านได้สอบถามและให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมทุ
นกับบริษัทฯของเรา บริษัทฯมีนโยบายที่สำคัญ และยึดถือมาโดยตลอดคือ
ให้ความเสมอภาคของผู้ถือหุ้นทุกรายไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
หรือรายย่อย
ทุกท่านมีความเท่าเทียมกันในฐานะเจ้าของบริษัทฯ

ตามที่ท่านได้สอบถามเรื่องนโยบายการจ่ายเงินปันผลมานั้น
บริษัทฯได้เข้าเป็น
บริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน
2533
และได้ทำการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 7 ครั้ง ในปี พ.ศ.
2533-2537 และ2544-2545 ตามลำดับ ในส่วนของนโยบายปันผล บริษัทฯขอชี้แจงว่า
หลักการการพิจารณาจ่ายปันผลในแต่ละปี จะให้ปันผลได้ไม่เกินร้อยละ 60
ของกำไรจากผลประกอบการในปีนั้น ๆ
ซึ่งเป็นไปตามสภาพการณ์ของสถานภาพทางการเงินของบริษัทฯและผลกำไรจากการประกอบการ
ซึ่งจุดยืนที่บริษัทฯยึดมั่นมาตลอด
คือสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น
(maximzing shareholders value) ของผลตอบแทนจากการลงทุน
เพื่อให้การลงทุนในหุ้นของบริษัทฯเป็นการลงทุนระยะยาว
ตอบต่อคำถามที่ทางบริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ที่ตราไว
้จากราคา10 บาท เป็น 1 บาท ทั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องในการซื้อ-ขาย
รวมทั้งการเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้มเดิมตามจำนว
นหุ้นที่ถืออยู่

หากท่านมีคำถามเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ทาง e-mail: [email protected]
และท่านสามารถค้นหาข้อมูลทั่วไปของบริษัทฯได้ที่ http://www.pranda.co.th
หรือ
http://www.set.or.th ในหมวดอักษรย่อ PRANDA สำหรับข้อมูลด้านการเงิน
และมติคณะกรรมการ-ผู้ถือหุ้น ท้ายนี้บริษัทฯขอแสดงความขอบคุณสำหรับคำถามมา
ณ
ที่นี้

ขอแสดงความนับถือ

ศิลา โลหกุล
(เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์)



-----ข้อความต้นฉบับ-----
จาก: Anusorn Swasdee [SMTP:[email protected]]
ส่งเมื่อ: 27 มิถุนายน 2546 11:04
ถึง: [email protected]
เรื่อง: สอบถามนโยบายจ่ายเงินปันผล

สวัสดีครับ
ผมสนใจหุ้นของ PRANDA ครับ
ขอเรียนถามดังนี้ครับ
1. ถ้าเข้าใจไม่ผิด บริษัท Pranda เข้าตลาดหลักทรัพย์ปี
90 และไม่เคยจ่ายปันผลเลยจนกระทั่ง 2
ปีที่ผ่านมานี้ใช่ไหมครับ
2. ต่อไปบริษัทจะจ่ายปันผลทุกปีหรือไม่ครับ
3. ทำไมบริษัทจึงแตกราคาหุ้นเมื่อปีที่แล้วครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อนุสรณ์

ถ้าจะซื้อหุ้นปันผล นอกจากงบการเงินที่แข็งแกร่งแล้ว ผมคิดว่าต้องเลือกบริษัทที่มีความมั่นคงพอสมควรในการประกอบธุรกิจ สินค้าหรือบริการที่จำเป็นต้องมีอย่างพวก กลุ่มพลังงาน จำเป็นต้องใช้แน่นอน แต่หุ้นเริ่มแพงแล้ว, กลุ่มประกันภัย จำเป็นสำหรับรถยนต์ อาคาร การขนส่ง .. กลุ่มอาหารก็ดีครับ

สำหรับธุรกิจเครื่องประดับ ผมลงทุนส่วนหนึ่งของพอร์ต เพราะคิดว่าคนไทยเราได้เปรียบด้านฝีมืออยู่มาก และมีการสนับสนุนที่ดีพอควรจากรัฐบาล (อุตสาหกรรมแฟชั่น สิ่งทอ เครื่องหนัง เครื่องประดับ) อย่างไรก็ตามเครื่องประดับไม่ใช่สินค้าจำเป็นที่จะต้องซื้อ ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำก็แย่ไปด้วยครับ

สำหรับผลตอบแทน ไม่จำเป็นต้องได้ %Yield สูงสุดหรอกครับ ลงทุนในหุ้นที่ไม่แพงนักเทียบกับมูลค่า กำไรพอควรแต่ถือยาวได้อย่างสบายใจก็พอ

คุณอนุสรณ์ครับ ลองแวะอ่านกระทู้ "หุ้นที่ถือแล้วสบายใจ คุณมีไหม"