Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

... ไม่ใช่กูรู แต่ขอตอบ
อยู่ที่หวังอะไรครับ DiY หรือ GAP หรือทั้ง 2 อย่าง (ซึ่งคนส่วนใหญ่ ก็หวังทั้ง 2 อย่างป
ผมว่าเป้าหมายของเรา จะเป็นตัวส่งสัญญาณให้เราเอง ว่าเราเลือกหุ้นถูกหรือผิด

อีกอย่างนะครับ "ในกรณีที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี" ผมว่านะ ถ้าเป็นอยางนี้ ราคาหุ้นมันคง "ฝืน" ไม่ได้หรอกมั๊งครับ มันควรจะสะท้อนราคาเข้าหาความจริง

เอาหลักคิดอย่างนี้สิครับ สมมุติบริษัทเติบโตดีใช่ไหมครับ ณ ปีปัจจุบัน บริษัทให้ผลตอบแทนต่อนักลงทุนที่ 10% พอปีถัดไปบริษัทมีรายได้และผลกำไรเติบโตดี อันส่งผลให้ปีนั้นถูกคาดการณ์ว่า บริษัทจะสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ปันผลได้สูง ทำให้คิด DiY เป็น 13%, ผมถามว่า ณ ตรงจุดนั้น นักลงทุนที่ลงทุนอยู่ในหุ้นตัวนี้ และนักลงทุนที่อยู่รอบนอกที่เฝ้าระวังอยู่ เขาทั้ง 2 กลุ่ม จะไม่คิดลงทุนเพิ่ม(หรือหาจังหวะทำกำไร) กันหรือครับ แน่นอนว่าย่อมทำให้เกิดการให้มูลค่าหุ้นไปที่ราคาใหม่ที่เป็นบวกมากขึ้นใช่ไหมครับ

ผมเชื่อว่า หากเราซื้อหุ้นไปแล้ว ผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เราพอใจ ถือว่าเลือกหุ้นถูกต้องครับ..แม้ว่าราคาไม่ไปไหน นั่นคือ โอกาสให้ซื้อหุ้นเพิ่มครับ ขอให้ผลประกอบการดีขึ้น...

แต่ว่า ถ้าซื้อหุ้นไปแล้ว ผลประกอบการดิ่งเหว..อันนี้สิ เรียกว่า ซื้อหุ้นผิด..

beater of market เขียน:ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

ไม่ใช่กูรู เหมือนกัน

ขอฝากมุมมองอย่างนี้ครับ
ต้องดู คุณภาพของการเติบโตด้วยครับ
หากโตแต่ยอดขายเพิ่มทุกปี แต่กำไรโตในอัตราที่ช้ากว่า
เนื่องจากต้นทุน รวมทั้งรายจ่ายเพิ่มเป็นเงาตามตัว
มันไม่แปลกหรอก ที่ราคาไม่ไปไหน

นักลงทุนเขาชอบกำไรมากกว่าการโต :lol:

beater of market เขียน:ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

ผมใช้หลักง่ายๆในการดูว่าเราเลือกหุ้นถูกหรือผิดตรงที่...
1สิ่งต่างๆของภาพใหญ่ในกิจการเป็นไปตามที่เราคิดหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องถามข้อสอง
2ราคาที่เราซื้อมีmosหรือเปล่า
ถ้าทั้งสองยังเหมือนเดิม ราคาหุ้นในระยะสั้นคงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องว่าเราคิดถูกหรือผิดครับ
หลายๆครั้งผมคิดถูกแต่ราคาหุ้นของนายตลาดประเมินผิด ในระยะถัดมาราคาหุ้นก็ตอบสนองกำไรเองครับ
แต่หลักสำคัญอีกเรื่องคือเราจะลงทุนในระยะเวลาเท่าไหร่ เราควรจะมีเป้าหมายในหุ้นแต่ละตัว เพราะหุ้นหลายๆตัวมี "ระเบิดเวลา" นับถอยหลังอยู่ หรือหุ้นหลายตัวมี "วัฎจักร" ของมัน เราจึงต้องรู้จริงในตัวธุรกิจ เพราะหลายครั้งเราคิดกับนายตลาดคิดไม่เหมือนกัน เราอาจจะไปรับของถูกหรือของแพงก็ได้ครับ จึงมักมีคนกล่าวไว้ว่า "วิกฤตกับโอกาส เป็นเพื่อนซี้กัน ไปไหนไปด้วยกันเสมอ " ซึ่งผมว่าก็จริงครับ
โชคดีปีกระต่ายครับ

beater of market เขียน:ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

ฟังดูเหมือนกับคำถามนี้ถูกสมมติขึ้นนะครับ

ถ้าธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตที่ดี
แล้วจริงๆการเติบโตดีจริงหรือเปล่าครับ
เพราะการถือหุ้นมาแล้ว 1-2 ปี เราก็จะได้เห็นงบการเงินออกมาแล้ว 4-8 ครั้งโดยประมาณ
และจะพิสูจน์เองว่าแนวโน้มดีจริงๆตามที่เราหวังไหม

ถ้าเป็นเหตุการณ์จริง

ผลประกอบการก็ดีเยี่ยมอย่างที่คาด
การที่ราคาหุ้นไม่ไปไหนก็อาจจะมีสาเหตุอย่างที่นริศตอบ
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ราคาหุ้นมัน fair หรือ overvalue ไปไกลแล้ว
มันก็ไม่ขึ้น

ผมว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นตามคาด นั่นแหละเลือกผิด

beater of market เขียน:ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

เอาใหม่ตั้งคำถามใหม่

beater of market เขียน:ถามกูรูว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกหุ้นผิด เช่น ราคาไม่ไปไหนเลยเป็น เวลานาน เช่น 1-2 ปี ทั้งๆ ที่ธุรกิจมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี

แสดงว่าเป็น Future tense ใช่มั๊ยครับ แสดงว่า หุ้นตัวนี้ราคาในปีที่แล้วและอีกหนึ่งปีก่อนปีที่แล้ว ราคาไม่ไปไหนเลย

และต่อด้วยประโยค ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจมี แนวโน้ม ในการเติบโตที่ดี เป็น complex sentence ใช่มั๊ย?

และมี ประโยค "ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจมี แนวโน้ม ในการเติบโตที่ดี" มาขยาย นาม คือคำว่า "หุ้นตัวนี้"

สิ่งที่เกิดไปแล้วจริง ๆ คือ
หุ้นตัวนี้ราคาในปีที่แล้วและอีกหนึ่งปีก่อนปีที่แล้ว ราคาไม่ไปไหนเลย

แต่มี someone คาดการณ์ ณ เวลาปัจจุบันว่า
"ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจมี แนวโน้ม ในการเติบโตที่ดี"

แสดงว่า someone นั้นพูด ณ เวลาปัจจุบันถึงอนาคตของหุ้นตัวนี้ ว่า มี แนวโน้ม ในการเติบโตที่ดี

แสดงว่าเรายังไม่รู้สิครับ ว่าธุรกิจนี้ดีรึเปล่า?

หรือสิ่งที่ someone พูดไว้ ณ เวลาปัจจุบันจริง รึเปล่า?

จริงมั๊ยครับ?

งั้นอย่าพึ่งรีบตีตนไปเลยครับว่าซื้อหุ้นมาผิด

ถ้าแนวโน้มกำไรดี และเราคิดว่าเราวิเคราะห์มาดีแล้ว ถ้าเป็นผมจะถือต่อครับ ยกตัวอย่างตัวนึงที่เคยถือ กำไรโตมาตลอด แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนตอนนั้นก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน แต่พอผ่านมา 2 ปีก็เข้าสู่ช่วงปลดแอกครับ ก็คือ SVI นั้นเอง ลองไปอ่านกระทู้ตอนเก่าๆดูก็ได้ครับช่วงนั้นคนถือก็คงอึดอัดเหมือนกัน

เท่าที่ผมรู้ก็มีหลายตัวนะครับที่ออกแนวมีกำไรสมํ่าเสมอ มีปันผล แต่ราคาไม่ไปไหนเช่น tc aprint svoa ซึ่งผมว่าในบางครั้งตลาดก็อาจจะไม่สะท้อนมูลค่าจริงๆของบริษัทเสมอไปนะ ซึ่งก็แสดงว่าราคาหุ้นนิ่งๆก็ไม่ได้หมายความว่าเราเลือกหุ้นผิดนะครับ

บางตัวเลือกไม่ผิด แต่เห็นหุ้นเกียร์ว่างแบบที่ Dr.เคยบอกไว้

เปิดร้านขายอาหารมาห้าปี ลงทุนตอนแรกไป 2 แสน ปีแรกกำไรดีคนแน่นร้านคนต่อคิวกันกิน มีคนมาขอเซ้งร้านต่อให้เงิน 5 แสน ปีที่สองปีที่สามทรงๆ ปีที่สี่ขายดี ปีที่ห้าขายดีขึ้นไปอีก ระหว่างทางมีคนมาขอเซ้งต่อ 3 แสน บ้าง 4 แสนบ้าง ล่าสุดมีคนมาขอซื้ออีกแล้วที่ 5 แสน

ถามว่า ร้านเราผิด ธุรกิจนี้ไม่ดี? ถ้าร้านยังมีกำไรดีขึ้นเรื่อยๆ เราเอาเงินเดือน/กระแสเงินสดออกมาใช้ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(ปันผล) แล้วจะ worried อะไร แค่เห็นร้านเสื้อฝั่งตรงข้ามเขามาคนมาเซ้งไปที่ 6 แสน ทั้งๆที่เพิ่งเปิดมาสองปี เจ๊แกบอกว่าทุน 4 แสน? เราต้องมานั่งวัดทุกปีเหรอครับ ว่าตลาดให้ราคาร้านเราเท่าไร ต้องมานั่งตีอกชกหัวว่า รู้งี้ไปทำร้านเสื้อดีกว่า เหรอครับ

ปล. ผมจะคิดอีกอย่าง ถ้าทำมาหลายปี ร้านมันสวยขึ้นจริง ใหญ่ขึ้นจริง ลูกค้าเยอะ กำไรเยอะขึ้น แต่เอาเงินออกมาไม่ได้ซักกะบาท เงินมันตึงไปหมด ทุกวันนี้ยังกินยังต้องทนใช้เงินเดือนละ 9000- เหมือนตอนเปิดร้านใหม่ๆ

boat37564 เขียน:เท่าที่ผมรู้ก็มีหลายตัวนะครับที่ออกแนวมีกำไรสมํ่าเสมอ มีปันผล แต่ราคาไม่ไปไหนเช่น tc aprint svoa ซึ่งผมว่าในบางครั้งตลาดก็อาจจะไม่สะท้อนมูลค่าจริงๆของบริษัทเสมอไปนะ ซึ่งก็แสดงว่าราคาหุ้นนิ่งๆก็ไม่ได้หมายความว่าเราเลือกหุ้นผิดนะครับ

ผมว่ากำไรสม่ำเสมอ หรือเท่าเดิม ราคาหุ้นเท่าเดิมก็น่าจะเหมาะสมแล้วนี่ครับ ดังนั้นถ้าเราหวังว่าราคาหุ้นจะขึ้นจากกิจการที่กำไรและปันผลไม่เพิ่ม ผมว่าเราน่าจะหวังผิดนะครับ

ราคาไม่ไปไหน 1ปี 2ปี ไม่ได้เกี่ยวกับความถูกความแพง
ดูกรณีวอชิงตัวโพสท์ของคุณปู่สิครับ

ถามกลับว่า หุ้นแบบไหนละครับที่เลือก?

1.หุ้นGrowth ถ้าepsมันโตทุกที ราคาไม่ขึ้น แสดงว่าPEเข้าใกล้0นะครับ เป็นอย่างนั้นอยู๋หรือปล่า? (ถ้าเป็นpmมาบอกด่วนนะครับ^^)

2.เลือกหุ้นก้นบุหรี่ มองว่าวันหนึ่งจะมีคนเห็นค่า อาจจะถูกเรื้อรังได้ โดยมากผมว่าจะเลือกกลุ่มนี้ต้องมีstoryที่เป็นตัวเร่งเพราะไม่งั้นคงถูกเรื้อรัง ดังนั้นเราก็มองว่าstoryนั้นออกมาหรือยัง ถ้าออกมาแล้วมันไม่ไป แสดงว่าเราอาจจะมองตลาดผิดไปในการให้ความสำคัญกับตัวเร่งนั้น....หุ้นดีPEต่ำ หลายคนเลือกเพราะPEต่ำ แต่หากepsไม่โต Pก็ต้องคงที่เพื่อรักษาให้PEคงที่ นั่นก็ไม่แปลกที่ราคามันจะไม่ขึ้นนะครับ^^

ดังนั้นผมมองว่าปัจจัยในการขึ้นของราคามี2อย่าง
1.เชิงปริมาณ มาในรูปกำไรของบริษัทที่เพิ่มขึ้น แม้นPEสูง แต่epsโตมาก Pก็จะตามไปเอง
2.เชิงคุณภาพ มาในรูปการเปลี่ยนแปลงPE อันนี้ก็ต้องมีตัวเร่ง เช่นพลิกขาดทุนเป็นกำไร เปลี่ยนผู้บริหาร ล้างขาดทุนสะสมแจกปันผล เข้าSET50 หรืออะไรซักอย่าง

ผมมองว่าviใหม่ๆติดตรงนี้หลายคน มักชอบเล่นเชิงคุณภาพ แต่ไม่มีstoryกว่าจะให้ตลาดเห็นคุณค่าอาจจะนานและเสียโอกาสไป เหมือนจะให้คนเห็นค่าแต่กลับนั่งเงียบในเงามืด

และผมว่าบางครั้งเราอาจจะเลือกหุ้นถูก แต่ไม่ถูกที่สุดก็ได้ ซึ่งผมว่าแบ่งเวลาจากที่มาคิดว่าทำไมหุ้นเราไม่ขึ้น มาดูว่าหุ้นคนอื่นขึ้นเพราะอะไรเขามองยังไงตลาดมองอย่างไรน่าจะดีกว่าปะครับ^^

ปล.ผมก็พูดไปงั้นๆนะ คุณยังดีเลือกผิดแล้วคงที่ ผมเลือกผิดแล้วร่วงกร๊ากกกก

ในตลาดมีหุ้นหลายร้อยตัว
ถ้าเราเลือกได้ถูกต้องจริงๆ
ในระยะยาวมันควรให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด

ใช่หรือเปล่า ?

ปล.
ต่อให้ราคาหุ้นไม่ขึ้น
แต่ถ้าผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าตลาด
ผมมองว่ามันก็เป็นการลงทุนที่ดีได้เช่นกันครับ