Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คำถามคลาสสิก ขอถามอีกครั้งครับ

ทั้งสองอย่างครับพี่
ตัวที่ถืออยู่ถ้าตกลงมาก็เซ็งๆ แต่ก็ตกไม่มากเท่า set
ส่วนตัวที่สนใจไม่มีโอกาสซื้อเพราะราคาไปแรง ตอนนี้ก็ถอยลงมารับ เราก็ดีใจ ได้ซื้อเข่าพอร์ท

แต่เหนืออื่นใด ตังค์หมดครับ

คนที่ถือยาวมากๆ ไม่ได้คิดจะขาย
- ยังมีตังค์เหลือ ->ก็ต้องดีใจ
- ไม่มีตังค์แล้ว -> เฉยๆ
คนที่ชอบสลับตัว
- กำลังจะขายอีกตัว -> หาตัวลงพอดี ดีใจ
-กำลังจะขายตัวนี้แหละ -> เสียใจ

เฉยๆ
พยายามควบคุมให้ใช้อารมณ์น้อยที่สุด แต่ใช้เหตุผลให้ได้มากที่สุด

ไม่เสียใจเพราะมันตกจนชินแล้วครับ :lovl:

ต้องดูว่าตกเพราะว่าอะไรครับ
ผลกระทบนั้นเป็นผลกระทบระยะสั้นหรือระยะยาว
แล้วราคาที่ตกมานั้นมี MOS ระดับที่พอใจ ก็นานาจิตตังคับ

การที่หุ้นตกเราย่อมมีความเสียใจมากกว่าการดีใจเป็นธรรมดา
การที่หุ้นของเรายิ่งตกมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆความคิดความอ่าน
ที่เคยวิเคราะห์มาดีหนักหนาก็ทำให้เกิดความสับสนเกิดการวิตก
ครุ่นคิดเกิดขึ้นมาต่างๆนาๆแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกลับมาคิดถึงหนทาง
วิธีปฏิบัติที่เรายึดการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามันมีหลักการของมัน
อย่างมีเหตุมีผลอันนี้ไม่ต้องสงสัยและใช้ได้ทุกยุกทุกสมัยไม่ว่าจะ
เป็นตลาดขาขึ้นหรือขาลงก็ใช้ร่วมกันได้ตลอดและนำมาปรับใช้
ให้เกิดความเหมาะสมแก่ตนเองการลงทุนผมย่อมกระจายความ
เสี่ยงอยู่แล้วไม่กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
เพียงอย่างเดียว..สิ่งที่เราเห็นได้หุ้นมักตกในเปอร์เซนต์ที่ไม่เท่า
กันอยู่แล้ว(ผมมักถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์ตลอดเวลา)ไม่ค่อยมีเงินสด
ก็ได้แต่ใช้วิธีการปรับพอร์ตหุ้นที่มีอยู่ให้เกิดความเหมาะสมและให้
เรามีความสุขในช่วงนั้นๆ

ถ้าเราไม่ถือแล้วเล็งไว้ก็ดีใจดิครับ แต่ถืออยู่แล้วตก ก็ขึ้นอยู่ว่าช่วงสั้นผมนั้นเฉย ถ้ายาวเป็นไตรมาสกลับไปศึกษาเพิ่มทำอะไรผิดกันนี่ ส่วนเรื่องเสียใจเป็นเรื่องปกติ

thaloengsak เขียน:เฉยๆ
พยายามควบคุมให้ใช้อารมณ์น้อยที่สุด แต่ใช้เหตุผลให้ได้มากที่สุด

ผมอยากจะเป็นแบบนี้ให้ได้ครับ

ไม่ต้องดีใจหรือเสียใจ

ผมว่าควรที่จะเฉยๆครับ

Most of the time, Mr. Market is unpredictable

ไม่ทั้งสองอย่าง
นานทีดูที

เฉยๆคะ แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ทำการบ้านไว้แล้ว
จัดเก็บไว้ อย่าให้เสีย..

หุ้นมันขึ้นๆลงๆทุกวัน ตามอารมณ์ไม่ทัน ก็เลยตามอารมณ์ตัวเองง่ายกว่า

ดีใจ... เพราะ Mr.Marketผู้มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้มาเสนอสินค้าราคาแสนถูกให้ถึงหน้าบ้าน
เราควรคิดว่าตลาดเป็นผู้รับใช้เรา ไม่ใช่ผู้นำเรา

เสียใจครับ

เพิ่งเข้ามาอ่านหัวข้อนี้ครับ

ผมมีความเห็นตามนี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45963

สรุปว่า ขึ้นก็ดีลงก็ดีครับ

สำหรับผมผมจะดีใจมากๆๆ เวลาที่จะขึ้นแล้วดีมีเวลาเดียว คือเวลาที่ผมจะขาย

นอกนั้นต่ำดีกว่าหมด


ถ้าลงมาเหลือ0ได้เลยยิ่งดี บริษัทดี ไม่มีหนี้ roeสูง สมมติผมซื้อจนหมดพอร์ทแล้ว
ราคามันลงมาเหลือ0 ขาดทุน100%ยิ่งดีใหญ่ เพราะหุ้นที่เหลือทั้งบริษัทผมจะเทคหมด หวานๆๆ

เสียใจเพราะ ตังค์หมดนี่แหล่ะครับ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้

ยังไม่ชินอีกหรือ ??

หุ้นขึ้นเอาขึ้นเอาแล้วเราไม่ได้ซื้อมันทรมานกว่า..ผมว่า
มันเหมือนกับว่าเรามองคนอื่นเค้าได้กำไรแล้วเราได้แต่นั่งน้ำลายยืด

สองตัวขึ้นมาแล้ว 70%,80% สักระยะหนึ่งเลยขายไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่มีในส่วนนั้นเพราะราคาเกิน 2 เท่าของp/bv แล้วน่าจะพอเพียงระดับนึง ที่เหลือ 30% ถ้าขึ้นต่อค่อยไปขายในจุดเปลี่ยนสำคัญอีกที แต่ถ้าลงมาใกล้ๆราคาที่เคยซื้อหรือต่ำกว่ายิ่งดี จะรับไว้เข้าพอร์ต ตอนนี้เลยรับตัวอื่นที่ p/bv ยังต่ำ 1 เท่า จากประสบการณ์กำไรไว้ก่อนถือปลอดภัยดีครับ ยิ่งตอนนี้สถานการณ์การเมืองเริ่มวังเวงอีกแล้ว ถ้าตกลงลึกแล้วแม้เข้าใจได้ว่าราคาจะกลับมาที่เดิมได้ แต่ไม่รู้ตอนไหน แล้วจะเสียดาย เสียโอกาส หรือใครจะช่วยแย้งหน่อยครับ จะได้แนวทางอื่นบ้าง

"ทฤษฎี" กับ "ความเป็นจริง"...ย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา
แต่เราควนหมั่นฝึกฝนตนเองครับ
อย่าให้ "สีเขียว-เหลือง-แดง" มามีผลต่อจิตใตและความรู้สึกของเรามากจนเกินไป

ในทาง "ทฤษฎี" แล้ว ผมว่า...
เราน่าจะใช้หลักการ PDCA นะครับ
คือ Plan-Do-Check-Act

Plan = วิเคราะห์ ลอกงาน หรือทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
Do = ลงมือซื้อหุ้นนั้นเข้าพอร์ต
Check = เมื่อหุ้นตก! เราก็ควรเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ และความเป็นไปได้ต่างๆ โดยมองให้รอบด้าน ในทุกๆมุมมอง
Act = คือ แก้ไข ปรับพอร์ต หรือวางเฉย(ตามที่เราเห็นว่าเหมาะสม)



ฝึก...การคิดให้เป็น Loop แบบนี้ไปเรื่อยๆ หมั่นตรวจสอบอยู่เป็นประจำ
ฝึก...การไม่ต้องเฝ้ามองทุกวินาที แต่เราแค่ถอยออกมาดูอยู่ห่างๆ
ฝึก...การวางเฉยต่อสีเขียวเหลืองแดง และความบ้านคลั่งของนายตลาด

ต้องรับออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่า...
ที่พูดมาทั้งหมด ผมเองก็ยังทำไม่ค่อยได้เหมือนกันนะครับ
กำลังฝึกตนเองอยู่เช่นกัน
(^_^)

เว็บนี้ดีตรงนี้แหละครับ ความคิดเห็นดีๆมากมาย ถือว่าแลกเปลี่ยนและช่วยกันตรวจสอบตัวเองครับ

เสียใจครับ

แต่ถ้ามีตัง แล้วมีธุรกิจดีที่อยากเป็นเจ้าของ
ขายให้ในราคาที่เหมาะสม
ก็ขอซื้อเพิ่ม
(แต่อีกละครับ
ส่วนใหญ่ตอนจังหวะดีๆ มากๆ ตังจะหมดก่อน)

ตามวลีที่
บารอน ร็อธไชลด์ นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นลอนดอนต้นคริสต์ศตวรรษ 19 พูดไว้ในจดหมายถึงเพื่อนสนิทในฟรังเฟิร์ตว่า ?

"ให้ซื้อหุ้นเมื่อเลือดนองพื้นถนน แม้ว่าเลือดนั้นจะเป็นของคุณเอง?"

อาจจะไม่ตรงกับเนื้อเรื่องเริ่มแรกที่เดียว
แต่ผมว่าก็ยังน่าจะเป็นวลีที่พอจะนำมาใช้ได้

เพื่อจะได้ดีใจทีหลัง

หุ้นที่มีขึ้นมีลงในช่วงสั้น ๆ ก็ปรกตินี่ครับ
VI ไม่น่าจะเล่นหุ้นรายวัน ไม่ใช่เหรอ
ตกยาว ๆ ทางเดียวนี่สิน่าเป็นห่วง ตอนหล่นจาก 1700 ไง

VI ควรจะทำยังไงไม่รู้ มันไม่ใช่ลูกเสือต้องมีกฎระเบียบว่าต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น บางคนก็คงจะเห็นว่าเป็นโอกาส บางคนก็คงเห็นว่าเสียดาย"รู้งี้ น่าขายไปก่อน" แต่ก็คงมีบางคนก็คงไม่ได้ดูราคาทุกวัน อยากขึ้นก็ขึ้นไปอยากลงก็ลงไป อ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวบริษัท/อุตสาหกรรมไปเรื่อยๆ

Kenny Jung เขียน:หุ้นที่มีขึ้นมีลงในช่วงสั้น ๆ ก็ปรกตินี่ครับ
VI ไม่น่าจะเล่นหุ้นรายวัน ไม่ใช่เหรอ
ตกยาว ๆ ทางเดียวนี่สิน่าเป็นห่วง ตอนหล่นจาก 1700 ไง

ถามกลับหน่อย แล้วท่ามันไปไม่ถึง 1700 อย่างที่พี่กรณ์บอกหละครับ ? สมมติว่านี่มันคือยอดสุดแล้วที่ SET จะขึ้นมาถึง คุณจะทำยังไง หรือคุณจะรู้ได้ยังไงว่านี่มันยอดสุดแล้ว ตอนนี้น่าเป็นห่วงหรือเปล่า ?

ขอตอบตามตรงว่าเสียใจคับ แต่เป็นเพราะทำใจได้มากกว่า
เลยไม่ด่วนตัดสินใจทำอะไรให้เสียผลประโยชน์จากความอดทนที่ควรจะได้รับไปซะก่อน
จึงอยู่กับมันได้คับ

เรื่องอดทนผมขอย้ำว่า ควรอดทนกับหุ้นที่ดีสมเหตุสมผล สมหลักฐานที่มีในรายงานและที่เราเห็นได้นะคับ ไม่ใช่อดทนกับหุ้นที่กำลังจะตาย เดี๋ยวเสียตังค์ฟรีคับ

ขอออกตัวก่อน ผมยังไม่กล้าแทนตัวเองว่าเป็น VI แล้วหรือยัง แต่ขอแสดงความเห็นด้วยคน

ต้องขอขยายเหตุการณ์ก่อน ว่า หุ้นตก! นี้หมายถึงตกแบบไหน

หนึ่ง แน่นอนถ้าหุ้นตก เพราะ Mr.Market อารมณ์เสียละก็ Mr.VI ต้องดีใจเป็นแน่

สอง แต่ถ้าหุ้นตก เพราะ ตัว VI มีมุมมองที่ผิดพลาดจากการวิเคราะห์เอง การเสียใจก็คงเกิดขึ้นไม่ใช้เรื่องแปลกอะไร ขึ้นอยู่กับว่า Mr.VI จะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การการลงทุนให้กับ Mr.VI เอง ครับ

สรุป หุ้นตก!..value investor ควรจะดีใจหรือเสียใจ? ความเห็นของผมคือ ดีใจครับ

พยายามจะไม่เสียใจ หรือดีใจ ตั้งสติ มองหาเหตุ แล้วมองลงไปอ่าน motto ตัวเอง

ธรรมชาติของหุ้น มีขึ้นและมีลง
ส่วนธรรมชาติของมนุษย์ มีดีใจและเสียใจ
แต่รู้สึกว่าเสียใจบ่อยกว่า เพราะความโลภ