Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

น่าจะบอกชื่อหุ้นได้ เพราะ มันคงขึ้นมามากแล้ว
คงไม่ใช่การเชียร์หุ้นให้ใครซื้อตาม
ใครคิดจะซื้อตามหุ้นที่ขึ้นมามากแล้ว ก็ต้องคิดถึง down side ให้มากๆ
การที่บอกชื่อหุ้นทำให้การจินตนาการง่ายขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามก็แล้วแต่ ท่านผู้ใจดีจะให้ข้อมูล
เท่าทีอยากจะอธิบาย
มีสิ่งที่น่าสนใจในการเลือกหุ้น ที่ราคาขึ้นมา มากกว่า 100% คือ
1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
เลือกเพราะคิดว่าเป็นหุ้นปันผลที่ดีครับ และมีโอกาสปันผลได้มากขึ้นอีก
ดูแล้ว
Q1/51 eps=11.62
Q2/51 eps=2.1
Q3/51 eps=3.99
ดังนั้น eps 9M = 17.71 ปันผลที่ 50%ของกำไร คือ 8.85 บาท
ราคาตอนนั้นขายถูกๆเพียง 30 บาท ถ้า Q4 ไม่ขาดทุนเท่ากับผมจะได้ปันผลเกือบๆ 30 เปอร์เซ็นต์
ปรากฎว่าทั้งปี eps 19.38 ปันผลได้ 9.7 บาท มากกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ
ในงบปี 52 eps 42.47 ปันผล 21.25 บาท

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
ไม่ได้ตั้งใจถือได้นานครับ ถือรอปันผล ตอบตรงๆครับตอนนั้นความรู้ด้าน VI ผมน้อยมาก แม้ตอนนี้ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ ก็ถือว่ามีโชคด้วยส่วนหนึ่งครับผม

3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต
100% ของพอร์ตครับ

คุณ Dekfaifah หมายถึงหุ้น KYE นะครับ
เฮ้อ ตอนนั้น มันหลงหูหลงตาผมไปได้อย่างไร เสียดายจัง

PTL ครับ ซื้อ 10 บาท ขาย 40
ซื้อเพราะ PE ต่ำ ประมาณ 5 มั้ง กำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกิน 20 % ถือนานเพราะกำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส

CPN ครับซื้อตอนโดนเผา

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น

ซื้อ MCS ไว้ 2-3 ปีตั้งแต่ก่อน subprime แล้วพอตอนนั้นกองทุนรายใหญ่เค้าขายแทบจะเทกระจาดลงมาเหลือ 1.8 บาท ผมพยายามหาข้อเสียที่จะกระทบกับปัจจัยพื้นฐานแต่ไม่เจอจริง ๆ และอัตราปันผลตอนนั้นเทียบกับราคาประมาณ 20-25% ก็เลยรีดเงินเท่าที่ความสามารถจะหาได้มากวาดซื้อตั้งแต่ 1.8-3 บาทไว้พอสมควร

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น

ก็ถือไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ยังเป็นกิจการที่ดี อัตราผลตอบแทน (ปันผล) เหมาะสมครับ
3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต

ประมาณ 45% ของพอร์ต

UPF

ผมซื้อช่วงเดือนธค 52 @ 60 บาท ตอนนั้น EPS 9 mo = 10 บาท ผมคาดว่างบน่าจะเห็น 12 บาท - -> expected div = 11 บาท ปันผลเกือบ 20%

สุดท้ายงบออกมา 15 บาท ปัน 14 บาท ราคาพุ่งไปถึง 120

ต้นปี52 ซื้อ

PF ที่ 2.3 - 2.4 บาท ขายปลายปีใกล้ 5 บา

KTC ซื้อที่8บาท ขายที่ 14 บาท แต่ปริมาณเยอะหน่อยครับ เลยได้เป็นเนื้อ

MINT ซื้อที่7บาท ขายหมดแถว13บาท

ทั้ง 3 ตัวซื้อและขายในปี 52 ทั้งหมด ตอนนี้ไม่ได้ถือหุ้นทั้ง3 ตัวแล้ว ผลตอบแทนจากหุ้นแต่ละตัวไกล้เคียงกันเมื่อคำนวนเป็น เม็ดเงิน

ลืมบอกไปครับตอนนั้นใช้หลักการเลือกหุ้นแบบก้นบุหรี่ เน้น p/e ,p/bv ต่ำ

TCCC ครับ
ต้นทุน 7บาทกว่า เป็น10% ของพอร์ต ตอนนี้มีมูลค่า 25%
เหตุผลก็คล้ายกับหลายท่านในนี้ ซื้อเหวี่ยงแหด้วยเพราะมีหุ้นประมาณ 10 ตัว แต่ตัวนี้ขึ้นมากที่สุด และเพิ่งขึ้นมากปีที่ผ่านมานี่เอง แต่ก็ยังไม่ได้ขาย
ตัวนี้มีเหตุผลเล็กๆอยู่ด้วยอันหนึ่ง คือผู้บริหารเป็นชาวญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ค่อนข้างสบายใจในการถือยาว
เวลามีคนถามว่า ถือหุ้นอะไรอยู่เหรอ ผมตอบอย่างภาคภูมิใจ " หัววัว คันไถ"

Amataทำกำไรมากที่สุดครับ(ส่วนหนึ่งเพราะแต่ก่อนถือไว้ค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับตัวอื่น) ทุนเฉลี่ย 3.6 บาทกว่าๆ
ทยอยขาย2ช่วง ทยอยขายช่วงแรกไป60%ขายแถวๆึ7-8บาทปลายๆช่วงกลางปี52
ขายที่เหลือช่วงราคา11-12บาทประมาณปลายๆปีที่แล้ว (ขายไปไม่นานมันวิ่งขึ้น15-16บาทในเวลาไม่กี่วัน )

1.ซื้อเพราะหวังTurn Aroundกับโดยส่วนตัวชอบผู้บริหารครับ ให้ข้อมูลตรงไปตรงมาดี นอกจากนี้ธุรกิจพวกนี้มีที่ดินเป็นสินทรัพย์ ต่อให้เจอวิกฤติมากๆสินทรัพย์ก็คงไม่ด้อยค่าขนาดเป็น0 และมองแล้วว่าธุรกิจคงไม่ได้ไปแล้วไปลับหรือถูกตลอดกาลเพราะประเทศไทยยังไงก็เป็นที่สนใจในการตั้งฐานการผลิต(โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น) ถ้าทางญี่ปุ่นเลือกมาลงทุนในไทย นิคมอุตสาหกรรมอมตะคงเป็นอันดับแรกๆครับ (เหตุผลอีกส่วนนึงเมื่อลองย้อนกลับมานั่งคิดดูที่ตัดสินใจซื้ออาจจะเป็นเพราะตัวเองติดHookราคาของอมตะในอดีตก็ได้ครับ)

2.เพราะตัวในพอร์ตตัวอื่น หรือหุ้นตัวอื่นที่สนใจมองแล้วupsideไม่เยอะเท่าAmataครับ(ตรงนี้ผมเทียบกับความสามารถในการทำกำไร ขายที่ดินได้ของอมตะในอดีตแล้วconvertกลับเป็นราคาเอาแบบง่ายๆเลยครับ ไม่ได้ดูอะไรลึกซึ้งเลยแหะๆ) ที่ขายเพราะปรับพอร์ตไปเก็บCPNกับSynexเพิ่ม

3.ประมาณ40%ของขนาดพอร์ตครับ

แก้ไขนิดครับ พิมพ์ผิด ประมาณกลางปี53ครับ

SPALI

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
ปันผลสูง เมื่อเทียบกะราคาตอนนั้น และ PE ต่ำ

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
หวังว่า จะมีการปรับ PE เพราะ ดูแล้วไม่มีอะไรด้อยกว่า เมื่อเทียบกะตัวอื่น ๆ ในกลุ่ม ที่ PE เยอะกว่า

3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต
50% ครับ

อ่านประสบการณ์ของพี่ๆ แล้ว ทำให้ผมรู้เลยว่า ต้องพัฒนาอีกเยอะ ครับ


ประสบการณ์ขายหมู
KCE <2.00
GLOBAL <5.5
OFM < 8.XX

ขายหมูตัวใหญ่ที่สุด ROBINS <3.x เมื่อหลายปีก่อน

ขอบคุณครับ

เพิ่งหัดเล่นมาไม่ถึง สองปี เพียงแต่มีพี่โชคดีและน้องฟลุ๊คอยู่ข้างๆ เลยได้ตังค์
มีสิ่งที่น่าสนใจในการเลือกหุ้น ที่ราคาขึ้นมา มากกว่า 100% คือ
1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
เลือก Hmpro เหตุผลคือ บริษัทยังไปได้ต่อ และตอนนั้นราคาถูกเมื่อเทียบกับ ศักยภาพที่มันมี แถมมีแต่ข่าวร้ายว่า เกิดวิกฤติซับไพร์ม อสังหาจะแย่ คงมีคนชอปของแต่งบ้านน้อยลง ยังจำบทความวิจัย ของบริษัทหนึ่งได้อยู่เลยว่า ให้ราคา ต่ำ มากแต่ไม่สนใจ คิดเทียบกับตัวเองว่า ยังต้องไปซื้อของเขาใช้อยู่ประจำ เลยซื้อหุ้นเขามาด้วยเลย ตอนซื้อประมาณ 5 บาทกว่าๆ ก่อนปันผลหุ้น 10 ต่อ 9
2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
หาเหตุผลขายไม่เจอ แต่มีแอบเอาไป สวิทช์บางส่วน ทุกวันนี้ มีแต่หุ้นปันผลของ Hmproที่ไม่มีต้นทุนแล้ว
3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต[/quote]
ตอนนั้น 1 ใน 5 เพราะเพิ่งหัดเล่นเลยกระจายความเสี่ยงไปอีก 4 ตัวเท่าๆกัน

ซื้อ GFPT ตอนราคา 3 บาท (ปรับราคาพาร์แล้ว)
ตอนนี้ก็ยังถืออยู่ครับ

บอกตามตรงว่าฟลุ๊กที่ซื้อเก็บไว้
มีคนแนะนำมา ก็เลยไปดูต่ออีกนิดๆหน่อยๆ
ดูแค่ PE < 5 , BV < 1 , Div 8%
และทำธุรกิจที่เราพอจะรู้จัก ติดตามได้ไม่ยากนัก

ตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียน:ซื้อ GFPT ตอนราคา 3 บาท (ปรับราคาพาร์แล้ว)
ตอนนี้ก็ยังถืออยู่ครับ

บอกตามตรงว่าฟลุ๊กที่ซื้อเก็บไว้
มีคนแนะนำมา ก็เลยไปดูต่ออีกนิดๆหน่อยๆ
ดูแค่ PE < 5 , BV < 1 , Div 8%
และทำธุรกิจที่เราพอจะรู้จัก ติดตามได้ไม่ยากนัก

ตอบคำถามไม่ครบ :lol:

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
ตอบไปแล้ว

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
พอซื้อมาก็หาข้อมูลมากขึ้น รู้ปัจจัยที่มีผลต่อธุรกิจมากขึ้น
เลยทำให้มั่นใจว่าเราคิดไม่ผิด(มั้ง) และหลังจากพิจารณาตาม
ความรู้ และประสบการณ์ที่มีแล้ว มองราคาที่วิ่งขึ้นไปนั้นน่าจะยังไปได้อีก
แต่ตอนนี้ไม่ได้เก็บเพิ่มแล้วนะครับ มันมาไกลแล้ว MOS เริ่มน้อย

3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต
เริ่มแรก 10% ของพอร์ต ทะยอยซื้อเพิ่มจนปัจจุบัน 40% ของพอร์ต
ตอนนี้หยุดเก็บแล้วครับ

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น

-เป็น บ.อันดับหนึ่ง ในกลุ่มและประเทศ
-กำไรโตแบบก้าวกระโดดมาก ปี 52 q2 จากหลักเจ็ดร้อยกว่าล้าน/ไตรมาส เป็นสามพันกว่าล้าน/ไตรมาส(q3)

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น

-กำไรยังโตอยู่ ถึงแม้จะลด แต่ก็ยังอยู่ที่สองพันล้าน ใน ไตรมาสที่เป็น Low season แต่ไตรมาสต่อมาก็โต ขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่มี วี่แวว ว่ากำไรจะลดลงไปอยู่หลักร้อยล้านเหมือนเดิม เพราะ ปัจจุบันอยู่ที่ สี่พันกว่าล้าน/ไตรมาส ตอนนี้ก็ยังถืออยู่ มีทยอยขายไปบางส่วน

3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต

-50% ของพอร์ต

ตัวนี้ เป็นตัวที่ทำกำไรให้ผม มากที่สุด ได้มาประมาณ เกือบ 5 เด้ง

และมีตัวอื่น ๆ อีก ประมาณ 3-4 ตัว ที่ได้ เด้งบ้าง 2 เด้งบ้าง

ขาดทุนก็มี ส่วนมากจะเป็นตัวที่เปลี่ยนสลับออกจากพอร์ต และเข้าไปตอนราคาสูงแล้ว เลยไม่มั่นใจที่จะถือซักเท่าไหร่ และจำเป็นต้องใช้เงินด่วน เลยจำเป็นต้องขายขาดทุน ขายเสร็จ แล้วมันก็ขึ้นต่อ น่าเสียดายโอกาสเหมือนกัน

1. ทำไมเราจึงเลือกหุ้นตัวนั้น
ราคาถูก p/e ไม่ถึง 5 เท่า
แนวโน้มราคายางพาราในตลาดโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ

2. ทำไมเราจึงถือได้นานจนผลกำไรมหาศาลขนาดนั้น
ราคายังถูกอยู่ เพราะกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำใจและอดทน

3. ซื้อหุ้นตัวนั้นกี่% ของพอร์ต
ประมาณ 18%

ตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียน:ซื้อ GFPT ตอนราคา 3 บาท (ปรับราคาพาร์แล้ว)
ตอนนี้ก็ยังถืออยู่ครับ

บอกตามตรงว่าฟลุ๊กที่ซื้อเก็บไว้
มีคนแนะนำมา ก็เลยไปดูต่ออีกนิดๆหน่อยๆ
ดูแค่ PE < 5 , BV < 1 , Div 8%
และทำธุรกิจที่เราพอจะรู้จัก ติดตามได้ไม่ยากนัก

เทพมากครับพี่ ผมก็มีGFPT เช่นกัน แต่ทุนนั้นสูงกว่าพี่ลิบลิ่ว ก็ว่าเห็นอยู่ห้องเดียวกันแว๊บๆ สุโค่ยมากครับ

สำหรับผมมีหุ้นตัวนึง ที่เปลี่ยนชีวิตการลงทุนของผมไปอย่างสิ้นเชิง จากวันแรกที่ผมตัดสินใจซื้อ 6/6/51 พร้อมกับเขียนข้อความลงในกระดาษ note เพื่อเตือนสติว่า
Believe in yourself Trust in SVI
and you will receive everything that you want within 2 years

ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีครึ่ง กระดาษใบที่ผมเขียนยังอยู่ หุ้นที่ผมซื้อก็ยังอยู่ แต่ที่เปลี่ยนไปคือหุ้นตัวนี้ทำให้ผมไปถึงเป้าหมายที่ผมตั้งไว้ตั้งแต่วันแรกที่ลงทุน และทำให้ผมได้เข้าถึงคำว่าอิสรภาพทางการเงิน เร็วกว่าที่ผมคิดเกือบ 10 ปี

สาเหตุที่เลือกหุ้นตัวนี้
- ตอนนั้นผมเริ่มเปลี่ยนแนวลงทุนมาใช้วิธีการแกะงบการเงิน ตอนนั้นหุ้นตัวนี้มี pe อยู่ 4เท่ากว่าๆ กำไรโตติดต่อกันมา 10 ไตรมาส ไม่มีหนี้สิน ราคาขณะนั้นอยู่ 1.4 ขณะ ที่ BV อยู่ 1.8 และเป็นส่วนของเงินสดเกือบ .50 บาทต่อหุ้น หลังจากดูข้อมูลจากงบและโหลดประชุมผู้ถือหุ้นมาฟังแนวโน้มธุรกิจจากผู้บริหาร ประมาณ 2-3 รอบ ผมก็เขียนกระดาษแผ่นนั้น แล้วก็ตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ทันที

ทำไมจึงถือได้นาน
-ผมประเมินหุ้นตัวนี้เป็นระยะ เช็คทุกข่าวที่เข้ามาแล้วก็ดูงบการเงินกับอ่านประมาณการรายได้ (ผมเน้นข่าวที่มาจากผู้บริหาร มากกว่าจะฟังจากนักวิเคราะห์) สุดท้ายผมก็หาเหตุผลที่จะขายหุ้นตัวนี้ไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนธุรกิจที่มีการขยายการผลิตต่อเนื่อง ความสามารถของผู้บริหาร และ pe ที่ต่ำกว่าหุ้นอื่นๆ ตลอด

สัดส่วนที่ถือ
- ช่วงปีแรกถือประมาณ 50-60 % แต่หลังจากนั้นสัดส่วนปรับเพิ่มเป็น 70-80 % ด้วยเหตุผลคือพอขายหุ้นตัวอื่นๆไปหมด แล้วหาหุ้นจะซื้อใหม่ไม่ได้ ผมก็จะใส่เข้ามาซื้อตัวนี้หมดครับ

เอาแบบขำๆ ไว้เตือตใจไม่ให้เหลิงกันนะคับ

work ผมอ่านข่าวเจอว่า บ้านปัญญา 400 ร้อยล้านบาท
ในรายการ คนแซวว่าหม่ำซืี้บ้านให้เมียน้อย4 ล้าน
รายในทีวี workpoint เต็มไปหมด

ราคาหุ้นขึ้นมา100%

ไก่งวงบิน เพราะ ผมแค่ ดูขำเชิงคุณภาพ ไม่ได้ดูงบอะไรเลย
ดังนั้นที่ ดร. เตือนผม จึงจำเก็บใส่ใจไว้ตลอด
เพราะที่ผ่านมามีแต่ไกงวงบินทั้งนั้น เอาที่ได้100% หรือใกล้เคียงนะคับ

ssc
top
suc
hmpro
work
cpf
ถ้าจำไม่ผิดคงประมาณนี้
ถือไม่เยอะ เฉลี่ยๆไป
ผมทยอยซื้อ ทยอยขาย

ตอนนี้จะลองหันมาถือน้อยๆตัวดูบ้าง
จะได้เลิกเปนไก่งวง บินซะที

jas ครับ ซื้อตามผู้บริหารเห็นซื้อเยอะครับ

CPF ซื้อตอนที่ราคา 4 บาทก่าๆ

ที่ซื้อเพราะอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต และเป็นหุ้นอาหารอันดับต้นๆ ของประเทศ
คิดเงินปันผลก็ประมาณ 10%+ ไม่คิดอะไรมาก ก็รอรับเงินปันผล และพื้นฐานธุรกิจก็ไม่ได้
เปลี่ยน และก็มีการขยายการลงทุน ก็เลยถือมาถึงปัจจุบัน

--------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่เคยมีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

SCNYL 6 เท่า ซื้อ ประมาณ 80 ขาย 600
ARIP ได้ IPO 1วัน 100% ขายวันที่สอง
TCC ได้ประมาณ 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
BOL ประมาณ 1 เท่าตัว

ที่นอกเหนือจากนั้น
UEC ไม่เข้าข่ายเรื่องเวลา ได้ประมาณ 1 เท่า

จำได้แค่นี้ละครับ

miracle เขียน:SCNYL 6 เท่า ซื้อ ประมาณ 80 ขาย 600
ARIP ได้ IPO 1วัน 100% ขายวันที่สอง
TCC ได้ประมาณ 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
BOL ประมาณ 1 เท่าตัว

ที่นอกเหนือจากนั้น
UEC ไม่เข้าข่ายเรื่องเวลา ได้ประมาณ 1 เท่า

จำได้แค่นี้ละครับ

miracle สมชื่อ คับ ว่าแต่
scnyl ทำไมถึง รอได้ถึง 600 คับ

ซื้อ AJ แถว 4 บาทไว้กระบุงหนึ่ง
ตอนนั้นประเมินมูลค่าด้วยตัวเองไว้แถว 10-12 บาท
แต่ไม่ทันขายแถวนั้นเพราะมัวแต่ไปทำไร่อยู่ มันดันขึ้นไปซะก่อน
ชั่วโมงนั้นคิดว่าพอ 12 บาทจะไป PTL แต่ชัวโมงนี้ชอบดีวีดีมากกว่า

เลยต้องมาขายไปเรื่อยๆ แถว 30-40 บาท
ที่เหลือก็ถือต่อจนทุกวันนี้ ได้ T-1 รอเข้ามาไว้แปลงอีกหลายอยู่

TRC ซื้อตอนไม่มีคนเอาแล้วประมาณ 1.6 บาท ได้มาเด้งครึ่ง
JAS ซื้อตามกระแส ได้มาสองเด้ง
HEMRAJ ซื้อเพราะ VI meeting ได้มาหนึ่งเด้ง

ประมาณนี้ครับ ตกลงเป็น VI แบบตามกระแส

kabu เขียน:TRC ซื้อตอนไม่มีคนเอาแล้วประมาณ 1.6 บาท ได้มาเด้งครึ่ง
JAS ซื้อตามกระแส ได้มาสองเด้ง
HEMRAJ ซื้อเพราะ VI meeting ได้มาหนึ่งเด้ง

ประมาณนี้ครับ ตกลงเป็น VI แบบตามกระแส

มีัก็เปนบทพิสูจน์ตามทฤษฎีในบลอกคุณสุมาอี้นะ
น
ผมว่าถ้าเปนตลาดกระทิงนี่ผมจะจำวิธีนี้ไว้เลย