Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อย่างเป็นมาร์เก็ตติ้ง อยู่หน้าจอตลอดเวลา จะมีโอกาสถือหุ้นที่มันแกว่งๆ ได้นานเป็นเดือนๆ ต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะควบคุม อารมณ์ อยากซื้อ อยากขายได้
ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าถือหุ้นตัวนี้ มันน่าจะได้เป้าที่ต้องการ แต่ว่ามันแกว่งจนกล้าๆกลัวๆตลอด

ถือในชื่อภรรยาคับ...เราจะไม่กล้าขาย ล้อเล่นคับ

ห้อยรูปอาจารย์ Graham ไว้ข้างๆจอครับ

ถอนใบหุ้นออกมาสิ

เชื่อมั่นใจพื้นฐานและราคาเป้าหมายของเราครับ
การจะเชื่อมั่นและมั่นใจในหุ้นที่เราถือโดยศึกษาและมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนั้น

ใส่แว่นตาดำครับ จะได้เห็นลางๆ เอา keyboard ไปทิ้ง tape ปิดปากจะได้บอกคนอื่นสั่ง order ให้ไม่ได้ แล้วใส่กุญแจมือตัวเองไว้ด้านหลัง

หลังจากที่รู้จักบริษัทต่างๆที่ชอบ ได้วิเคราะห์งบการเงินอย่างละเอียดดีแล้ว ผมแนะนำให้มองหาความภูมิใจจากการถือหุ้นตัวนั้นแถมด้วยคับ เพราะถ้าเป็นบริษัทที่ผ่านตามนั้น เราจะอยู่กับมันได้เสมอ และภูมิใจได้ว่าความสำเร็จส่วนนึงของเขาก็เป็นของเรา และก็คิดว่าอย่าซื้อขายบ่อย เพราะถ้าทำแบบนั้นMOSจะไม่เกิดคับ ของผมก็ทำตามนั้นหละคับ ถึงดูราคาหุ้นทุกวัน มันก็ล่อใจเราไม่ได้

ขอเล่าจากประสบการณ์นะคับ
เคยมีประสบการณ์เมื่อก่อนเคยซื้อหุ้นตอนมันตก คิดว่าตกหนักแล้วเลยไปซื้อแต่ก็ตกต่ออีก ติดลบไปอีกประมาณ12%ต่อเนื่องนาน3เดือนกว่าจะฟื้น ตอนนั้นผมเริ่มลงทุนใหม่ๆ ผมก็ใจเสียอยู่คิดว่าเลือกผิด กังวลมาก กลัวว่าเราจะคิดผิดที่มาทางนี้ คิดมากไปถึงเพื่อนคนอื่นที่เขาได้เงินเดือนมาเต็มๆแล้วฝากธนาคาร เงินเขาไม่มีเสียมีแต่เพิ่ม ส่วนเงินของผมเองเอามาเข้าตลาดแล้วหาย เท่ากับว่าทำงานฟรี เงินเดือนหายไปหลายเดือน เพราะผมเอาเงินทั้งหมดที่สะสมไว้หลายปีซื้อหุ้นหมดเลยทีเดียว

แต่เพราะคิดว่าได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกแล้ว เลยแข็งใจถือต่อไป(อ่านหนังสือปลอบใจคับถึงใจแข็งได้) ตอนนั้นพอฟื้นขึ้นมาMOSก็ขึ้นมาเป็น+ที่ราวๆ30%แล้วคับ เคยนึกย้อนไป ถ้าวันนั้นผมซื้อๆขายๆ จะเสียหายไปเท่าไหร่จากค่าคอมและส่วนต่างกำไรขาดทุนของหุ้น แล้วMOSของผมจะมีไหม ถ้าไม่ทำไว้ตั้งแต่ตอนนั้น วันนี้หุ้นที่ผมเลือกตกคงขาดทุนไปแล้วคับ จะขาดทุนเป็นวงจรอย่างนี้ต่อไปตราบใดที่ยังอยู่ในตลาดและทำแบบนี้อยู่ เลยสรุปว่าถ้าทนอยู่นิ่งๆไม่ได้ ให้ฝากธ.ดีกว่าเอาเงินมาเลี้ยงโบรคซะเปล่า คิดไปแล้วดอกเบี้ยธ.ยังเยอะกว่าอัตราค่าคอมของโบรคอีกคับ และไม่ต้องเสียภาษีด้วย

หวังว่าประสบการณ์จากผมคงมีประโยชน์ต่อคุณนะคับ ถ้าเครียดที่ทนเห็นราคาหุ้นไม่ได้ก็คิดถึงเรื่องของผมได้คับว่าครั้งนึง เคยมีคนเคยใจเสียเพราะหุ้นมาก่อน แต่เพราะวินัยช่วยไว้เขาถึงไม่เสียใจคับ

อย่าดูทั้งวันครับดูวันละครั้งก็พอตอนตลาดปิด แล้วเอาราคาปิดเป็นตัวตัดสินใจว่าจะปรับพอร์ตยังไงวันพรุ่งนี้
หรือใช้วิธีเดียวกันแต่เพิ่มเป็นสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็พอ

pasaaris เขียน:อย่าดูทั้งวันครับดูวันละครั้งก็พอตอนตลาดปิด แล้วเอาราคาปิดเป็นตัวตัดสินใจว่าจะปรับพอร์ตยังไงวันพรุ่งนี้
หรือใช้วิธีเดียวกันแต่เพิ่มเป็นสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็พอ

จากdaytradeก็กลายเป็น two-daytrade :lol:

ผมเป็นเหมือนกันครับ ชอบซื้อขายกับราคาตรงหน้า ติดนิสัยเก่าจนลืมความตั้งใจเดิมที่จะลงทุนยาวในคุณค่าของหุ้นในเวลาข้างหน้าที่เราเชื่อจากการวิเคราะห์

เมื่อผมเข้าใจตัวเองแล้ว ผมจึงสร้างกลไกง่ายๆ ให้ตัวเองโดย

ใช้ Excel ที่สร้างขึ้นมาบันทึกการซื้อ - ขาย (เพื่อเก็บเป็นข้อมูลนำไปวิเคราะห์)
โดยเพิ่มช่อง เหตุผลในการซื้อ - ขาย เข้าไป ก็ไม่ยากครับ เช่น กำไรที่คาดหวังในช่วงนั้นนี้ ราคาที่คาดหวัง
ซึ่งตรงนี้ก็เขียนไปตามข้อมูลที่เราวิเคราะห์ครับ ทำช่องรอไว้เลย
ส่วนเหตุผลในการขาย ก็ทำช่องรอไว้เช่นกัน เช่น ติดตามกำไรแล้วต่ำกว่าประมาณการ จำเป็นต้องใช้เงิน ขายเพราะต้องการเงินไปซื้อตัวอื่นที่เราคิดว่าดีกว่า ฯลฯ อยากใช้ค่าอะไรเป็นตัวจับก็ตั้งช่องรอไว้เลย
(ตรงนี้เราต้องเข้าใจตัวเองว่าเราซื้อขายเพราะอะไร มองอะไร ใช้อะไรตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องเยอะหรือซับซ้อน)

พอถึงเวลาซื้อขายจริงๆ ผมจะต้องกลับไปดู Sheet นี้ทุกครั้งก่อนซื้อขาย ทำให้เป็นระบบการตัดสินใจของตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนครับ (ผมมีแค่ช่องสองช่อง เป็นข้อมูลง่ายๆ เองครับ)

ซึ่งมันก็ได้ผลมากครับ เพราะตั้งแต่ใช้วิธีนี้ พอเห็นราคาตื่นเต้นจะขายๆ ทีไร พอมือจะคีย์คำสั่ง ก็กลับไปดู Excel ก่อน
ก็ช่วยให้เราดึงใจตัวเองขณะนั้นมาตั้งสติตามระบบการตัดสินใจที่เราวางไว้ง่ายๆครับ
หรือพอเห็นราคาจะลง จะรีบคีย์ซื้อ กลับไปดู Excel ปรากฏว่า ตัวนี้เรายังไม่เคยคิด 1 2 3 4 ตามที่ต้องรู้เลย ก็ยั้งมือไว้ได้มาตั้งสติก่อน มาคิดก่อน

แถมผลที่เราบันทึก เอาไปดูอดีตของเราได้ด้วยครับว่าใจเราถูกไปกับหุ้นหรือเปล่า (
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือระบบตัดสินใจซื้อขายตัวไหนที่ราคาเท่าไรนะครับ เป็นระบบในการกลั่นกรองสติขณะซื้อขาย)
ถ้าผิด เพราะใจเราเอาอีกแล้ว โลภอีกแล้ว กลัวอีกแล้ว หรือเปล่า

ประมาณนี้ครับ ในสิ่งที่ผมพยายามรู้จักตัวเอง
ผมเขียนบรรยายไม่เข้าใจขออภัยด้วยครับ ^^'

วิธีที่แนะนำคือ

ก็ให้ดูจอบ่อยๆอย่างเดิม

เทรดยิกๆปล่อยมือคีย์เคาะไปตามอารมณ์

แล้วให้ขาดทุนจากการเทรดนั้นๆหนักๆ

ให้เหตุการณ์แบบนี้มันเป็น เดจาวู...คือเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาตลอดซักพักนึง

จากนั้นสมองส่วนลึกในสามัญสำนึกของท่านจะปรับตัวได้เองตามธรรมชาติเพื่อการเอาตัวรอด.....มันจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเทรดของท่านเอง....หรือที่เรียกว่า "เรียนรู้ได้จากความผิดพลาด" ขอให้โชคดี เหอๆ :lol: :lol:

bangna43 เขียน:อย่างเป็นมาร์เก็ตติ้ง อยู่หน้าจอตลอดเวลา จะมีโอกาสถือหุ้นที่มันแกว่งๆ ได้นานเป็นเดือนๆ ต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะควบคุม อารมณ์ อยากซื้อ อยากขายได้
ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าถือหุ้นตัวนี้ มันน่าจะได้เป้าที่ต้องการ แต่ว่ามันแกว่งจนกล้าๆกลัวๆตลอด

ราคามันแกว่ง ใจมันเลยแกว่งด้วย...

การควบคุมไม่ให้ใจแกว่งตามราคาเป็นเรื่องยาก เพราะเมื่อเราเห็นราคา... เราก็เอาราคาเป็นอารมณ์

ควบคุมตัวเองไม่ได้ดูราคาง่ายกว่า ควบคุมใจตัวเองไม่ให้แกว่งตามราคา...

ดังนั้น แนะนำให้อย่าดูราคา... แต่ถ้าเป็นมาร์เก็ตติ้ง ก็อย่าไปดูหุ้นที่เราถือ ให้ดูหุ้นตัวอื่นที่ลูกค้าถือซะ... Process ราคาให้ลูกค้าดีๆ ไม่ต้องไปสนใจพอร์ตของเรา...

การที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ดูราคาได้... ต้องมาจากการพิจารณาเห็นถึงโทษที่แฝงมาจากการดูราคา... ทั้งความทุกข์ ความเครียดที่เกิดขึ้นขณะดู ทั้ง Action ในการซื้อขายที่เกิดขึ้นจากการดูทำให้เสียโอกาสบางอย่างไป... แล้วต้องใจแข็งๆ ตัดมันให้ขาด... เหมือนเลิกเหล้า เลิกบุหรี่...

ผมก็ยังทำไม่ได้ครับ... ยังมีดูอยู่บ้าง... แต่ก็พยายาม ละ พยายาม เลิก ดูราคาอยู่เหมือนกันครับ...

แต่การเลิกดูราคา ไม่ได้หมายความว่า เราไม่มี Price Action นะครับ... คนละเรื่องกัน... เราต้องวางกลยุทธ ถอยมาดูภาพกว้างแทน... ว่าถ้าราคาเป็นเท่านี้ เท่านั้น เราจะทำอะไร ถ้ามูลค่าซื้อขายเป็นเท่านี้เท่านั้น เราจะทำอะไร... ถ้าพื้นฐานกิจการ หรือมี event อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เราจะทำอะไร...

ดังนั้น การเลิกดูราคา ไม่ได้หมายความว่าเราเลิกมีวินัย เลิกสนใจตลาด เมินเฉยจนตลาดกลับมาทำร้ายเรา... แต่เป็นการถอยออกมามองภาพกว้าง อยู่นอกศึกสงคราม กำหนดกลยุทธโดยไม่ใช้อารมณ์แทน...

ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ...

มีสติ ...

ลองไปปฎิบัติธรรมดูไหมครับ

picatos เขียน: แต่การเลิกดูราคา ไม่ได้หมายความว่า เราไม่มี Price Action นะครับ... คนละเรื่องกัน... เราต้องวางกลยุทธ ถอยมาดูภาพกว้างแทน... ว่าถ้าราคาเป็นเท่านี้ เท่านั้น เราจะทำอะไร ถ้ามูลค่าซื้อขายเป็นเท่านี้เท่านั้น เราจะทำอะไร... ถ้าพื้นฐานกิจการ หรือมี event อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เราจะทำอะไร...

ดังนั้น การเลิกดูราคา ไม่ได้หมายความว่าเราเลิกมีวินัย เลิกสนใจตลาด เมินเฉยจนตลาดกลับมาทำร้ายเรา... แต่เป็นการถอยออกมามองภาพกว้าง อยู่นอกศึกสงคราม กำหนดกลยุทธโดยไม่ใช้อารมณ์แทน...

ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ...

+1 ครับ นึกภาพออกเลยครับ

เหมือนดูใบไม้ ก็จะไม่เห็นป่า ใช่ไหมครับ

ถ้าเราดูใบไม้ร่วงทีละใบ ทีละใบ ใจก็อาจจะหาย อยากจะขายที่หนี ทั้งๆที่ป่ายังเขียวชะอุ่ม

แต่ถ้าถอยมามองภาพกว้าง เห็นต้นโน่นก็ร่วง ต้นนี้ก็ปลิดปลิว ดินเริ่มเหือดแห้ง สัตว์ป่าเริ่มห่างหาย

อันนี้ก็ค่อยเคลื่อนถิ่นฐานไปหาป่าที่อุดมสมบูรณ์กว่า

ขอบคุณสำหรับความคิดนะครับเป็นประโยชน์มาก

ดูติดหน้าจอ มีอารมย์ ซื้อขายบ่อย ๆ ผิดบ่อย ๆ ขาดทุนบ่อย ๆ เป็นเช่นนี้บ่อย ๆ เดี๋ยววินัยมาเองครับ

แต่ผมก็ดูจอเหมือนกัน แต่เพื่อให้รู้อารมย์ตลาด ซื้อ ๆ ขายบ้างเพื่อสนุก ๆ ขำ ๆ ตาม mood ของหุ้น และ ตลาด แต่ไม่มีนัยยะในเชิงการลงทุน

ส่วนการซื้อ ขาย จริงจัง ก็ยังคงยึดตามหลักการ ครับ

ส.สลึง เขียน:มีสติ ...

เห็นด้วยครับ

rayvi เขียน:ผมเป็นเหมือนกันครับ ชอบซื้อขายกับราคาตรงหน้า ติดนิสัยเก่าจนลืมความตั้งใจเดิมที่จะลงทุนยาวในคุณค่าของหุ้นในเวลาข้างหน้าที่เราเชื่อจากการวิเคราะห์

เมื่อผมเข้าใจตัวเองแล้ว ผมจึงสร้างกลไกง่ายๆ ให้ตัวเองโดย

ใช้ Excel ที่สร้างขึ้นมาบันทึกการซื้อ - ขาย (เพื่อเก็บเป็นข้อมูลนำไปวิเคราะห์)
โดยเพิ่มช่อง เหตุผลในการซื้อ - ขาย เข้าไป ก็ไม่ยากครับ เช่น กำไรที่คาดหวังในช่วงนั้นนี้ ราคาที่คาดหวัง
ซึ่งตรงนี้ก็เขียนไปตามข้อมูลที่เราวิเคราะห์ครับ ทำช่องรอไว้เลย
ส่วนเหตุผลในการขาย ก็ทำช่องรอไว้เช่นกัน เช่น ติดตามกำไรแล้วต่ำกว่าประมาณการ จำเป็นต้องใช้เงิน ขายเพราะต้องการเงินไปซื้อตัวอื่นที่เราคิดว่าดีกว่า ฯลฯ อยากใช้ค่าอะไรเป็นตัวจับก็ตั้งช่องรอไว้เลย
(ตรงนี้เราต้องเข้าใจตัวเองว่าเราซื้อขายเพราะอะไร มองอะไร ใช้อะไรตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องเยอะหรือซับซ้อน)

พอถึงเวลาซื้อขายจริงๆ ผมจะต้องกลับไปดู Sheet นี้ทุกครั้งก่อนซื้อขาย ทำให้เป็นระบบการตัดสินใจของตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนครับ (ผมมีแค่ช่องสองช่อง เป็นข้อมูลง่ายๆ เองครับ)

ซึ่งมันก็ได้ผลมากครับ เพราะตั้งแต่ใช้วิธีนี้ พอเห็นราคาตื่นเต้นจะขายๆ ทีไร พอมือจะคีย์คำสั่ง ก็กลับไปดู Excel ก่อน
ก็ช่วยให้เราดึงใจตัวเองขณะนั้นมาตั้งสติตามระบบการตัดสินใจที่เราวางไว้ง่ายๆครับ
หรือพอเห็นราคาจะลง จะรีบคีย์ซื้อ กลับไปดู Excel ปรากฏว่า ตัวนี้เรายังไม่เคยคิด 1 2 3 4 ตามที่ต้องรู้เลย ก็ยั้งมือไว้ได้มาตั้งสติก่อน มาคิดก่อน

แถมผลที่เราบันทึก เอาไปดูอดีตของเราได้ด้วยครับว่าใจเราถูกไปกับหุ้นหรือเปล่า (
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือระบบตัดสินใจซื้อขายตัวไหนที่ราคาเท่าไรนะครับ เป็นระบบในการกลั่นกรองสติขณะซื้อขาย)
ถ้าผิด เพราะใจเราเอาอีกแล้ว โลภอีกแล้ว กลัวอีกแล้ว หรือเปล่า

ประมาณนี้ครับ ในสิ่งที่ผมพยายามรู้จักตัวเอง
ผมเขียนบรรยายไม่เข้าใจขออภัยด้วยครับ ^^'

ผมซื้อขายน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้รายการต่างๆผมก็ลง Excel อยู่แล้ว ขอลองเพิ่ม column ตามที่พี่แนะนำนะครับ เป็นวิธีที่ผมคิดว่าจะช่วยผมได้มาก ขอบคุณครับ

เมื่อหลายปีก่อนผมก็ใจสั่นๆ อยู่บ้างเหมือนกันครับ เวลาเห็นราคาหุ้นมันขึ้นๆ ลงๆ แต่หลังจากอยู่กันมันไปนานๆ และอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากๆ เข้า จนถึงจุดหนึ่งจนหลักการลงทุนแบบ Value Investing มันซึมเข้าไปในจิตของเราครับว่า "การลงทุน" คืออะไร และเราควรจะคาดหวังอะไรจากการลงทุนของเรา หลังจากนั้นราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ ก็จะทำอะไรกับจิตใจของเราไม่ได้ครับ เพราะเรารู้ดีกว่าเราซื้อหรือขายหุ้นเพราะอะไร และเราก็จะมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งครับ ทุกอย่างมันรู้สึกเฉยๆ ไปหมดกับเรื่องของราคาขึ้นลงรายวันครับ

ผมเชื่อว่าผมคงไม่ได้เป็นแบบนี้เพียงคนเดียว แต่นักลงทุน VI ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนมานานพอสมควรก็เป็นแบบนี้เหมือนกันครับ

ฝึกสมาธิช่วยได้ครับ ที่สำคัญต้องดูพอร์ต น้อยๆอยู่หน้าจอก็ดูอย่างอื่น ตัวอื่นๆที่ยังไม่ได้ซื้อไป ทำใจสบายๆครับ