หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 3:24 pm
โดย reiter
ผมเคยอ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งของวารสาร The street เรื่อง questioning the Buy-and-Hold Strategy เนื้อหาในบทความสรุปสั้นๆก็คือว่า ผู้วิจัยได้เก็บสถิติของการลงทุนในดัชนี S&P 500 ในช่วงปี 90 ไว้ แล้วได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นจะเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเทียบกับการลงทุนอื่นๆ แต่ถ้าผู้ลงทุนไม่มีจิตใจเข้มแข็งพอ พยายามคาดเดาการขึ้นลงของดัชนีด้วยการซื้อๆขายๆ แล้วบังเอิญโชคร้าย ไม่ได้ถือหุ้น ( ในที่นี้คือถือดัชนี S&P 500 ) ในวันที่ตลาดบวกมากที่สุดเพียงแค่ 10 วัน ( ในรอบ 1 ปี ) ผลตอบแทนจะหายไปถึง 40% และถ้าโชคร้ายกว่านั้น ไม่ได้ถือหุ้น ในวันที่ตลาดบวกมากที่สุด 20 วัน ผลตอบแทนจะหายไปมากถึง 55 %



อย่าง ไรก็ดี ถ้าหันกลับมามองที่ตลาดบ้านเรา งานวิจัยชิ้นนี้อาจจะนำมาประยุกต์ใช้ไม่ได้มาก เนื่องจากตลาดบ้านเราไม่ได้มีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้นตลอดเวลาดังเช่นตลาด นิวยอร์ค ( ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่แตกต่างกัน ) นลท.ที่ buy and hold ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ป่านนี้ก็ยังน่าจะขาดทุนอยู่



แต่ ผมมองว่างานวิจัยชิ้นนี้ น่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนแนวเน้นคุณค่าได้ดีพอสมควร กล่าวคือ ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่เรามองเห็นแล้วว่าพื้นฐานดี มีการเติบโตต่อเนื่อง และราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งหุ้นทำนองนี้ใน long term แล้ว ย่อมมีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้น ( ตามผลประกอบการณ์ที่ดี ) ซึ่งสอดคล้องกับ background ของงานวิจัย



สมมติว่าเราลงทุนในหุ้น AAA ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตสม่ำเสมอ ที่ราคา 5 บาท และเรามองว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น AAA อยู่ที่ 10 บาท..... แน่นอนว่าเราคงไม่ไปสามารถกะเกณฑ์ได้ว่าตลาดจะปรับราคาให้กับหุ้นของเราวัน ไหน.... ถามว่ากลยุทธ์ในการถือหุ้นตัวนี้ของเราควรจะเป็นอย่างไร



ด้วย ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้ ผมมองว่ากลยุทธ์ BUY and HOLD น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะถ้าหากเราพยายามคาดเดาตลาด ด้วยการพยายามสับเข้าสับออก แล้วเราบังเอิญโชคร้าย พลาดวันที่ดีที่สุดของหุ้นตัวนี้ไปเพียง 10 วันแทนที่เราจะได้ก้ผลตอบแทน 100% จากหุ้นตัวนี้ ผลตอบแทนเราจะเหลือเพียงแค่ 60% แทน



หลาย ท่านอาจจะมองกลับกันว่า แล้วถ้าเราหลีกเลี่ยงวันที่เลวร้ายที่สุด 10 วันไปได้ ผลตอบแทนเราจะไม่ขึ้นเป็น 200% หรือ คำตอบก็คืออาจจะเป็นไปได้ แต่ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า การพยายามคาดเดาตลาดอาจทำให้ผลตอบแทนของเราลดลงได้มาก ทั้งที่เราอาจจะวิเคราะห์ตัวกิจการและมูลค่าที่แท้จริงมาอย่างดีเยี่ยมแล้ว... ดังนั้นการพยายามไม่คาดเดาตลาดจะเป็นการการันตีผลตอบแทนที่ดีของเรา สมกับที่เราวิเคราะห์และประเิมินมูลค่ากิจการมาอย่างดี

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 3:49 pm
โดย ซุนเซ็ก
:-P เยี่ยมครับพี่ไรเตอร์ ลินซ์เองก็พูดทำนองนี่เสมอว่าไม่ให้คาดเดาตลาด
เป็นบทความที่ออกมาเตือนสติได้จังหวะพอดีกับตลาดในช่วงนี้ :mrgreen:

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 3:53 pm
โดย tananan007
แล้วการ switch หุ้นจากตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง ในช่วงตลาดแดงแบบนี้

เข้าข่ายทำให้ผลตอบแทนลดลงมั้ยครับเนี่ย

หรือว่าดีที่สุดคือการ buy and hold เท่านั้น

ขอบคุณครับ

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 3:59 pm
โดย reiter
ผมมองว่ากลยุทธ์ BUY and HOLD เป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างการันตีผลตอบแทนที่ดีมากในระดับหนึ่งให้เรา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด บางท่านที่มีความสามารถ การสวิตช์หุ้นหนี correction อาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับ mindset ของแต่ละท่านด้วย อย่างผมเองถ้าผมมีหุ้นที่เห็น upside 100% อยู่ข้างหน้า แต่อาจจะต้องรอผลประกอบการณ์อีก 1 -2 ปี แบบนี้ผมก็ซื้อแล้วถือรอ จนกว่าตลาดจะเห็นคุณค่า..... ผมพอใจที่จะได้ 100% มากกว่าที่จะไปเสี่ยงสวิตช์หุ้น ที่อาจทำให้ผลตอบแทนผมขึ้นเป็น 150% หรือลงเหลือ 50% ( ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่รวมกรณีที่ เมื่อผมพบหุ้นที่ดีกว่าและมี upside มากกว่า )

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 4:36 pm
โดย unnop.t
ผมก็สนับสนุนการซื้อและถือ เพราะรู้ตัวเองว่าประเมินมูลค่าไม่เก่ง อาจผิดพลาดได้อย่างที่ว่า

นอกจากว่ามั่นใจค่อนข้างสูงว่ามี upside มากจริง ๆและความเสี่ยงต่ำ อาจจะ switch หุ้นก็ไ้ด้

แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมทำบ่อย

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 4:42 pm
โดย Packky
ขอบคุณครับ

:) :) :)

Re: Miss a few days, return plummets

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 6:29 pm
โดย Paul VI
ค่อนข้างเห็นด้วยกับบทความ ส่วนตัวก็ใช้กลยุทธนี้อยู่

แต่เชื่อว่าหลายครั้งก็ต้องประเมินเสมอๆ ว่า หุ้นที่เราเลือกที่จะใช้วิธีนี้ ก็ต้องได้รับการประเมินมาเป็นอย่างดีว่า เป็นตัวที่ ใช่ สำหรับเรา

และก็เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะไม่ถนัดวิธีนี้ เพราะถึงแม้จะมั่นใจปานใด การซื้อหุ้นทุกครั้งที่ราคาใดก็แล้วแต่ มันไม่ใช่ว่าราคาหุ้นนั้นจะขึ้นทันที ก็จะทำให้หลายๆคนลังเล

และแน่นอนการมี Bias ไม่มากก็น้อยก็คือรักหุ้นใด หุ้นหนึ่งมากไป หรือยึดติดก็มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะ buy and hold จริง แต่ซื้อเอาไว้แล้วก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการลงทุนหุ้นตัวอื่น ซืื่งอาจจะประเมินแล้วใช่กว่า

อีกประการหนึ่งที่เหมาะสมก็คือ ไม่รู้ว่าถ้าขายหุ้นที่เราลงทุน แล้วจะไปหาหุ้นไหน ที่จะเหมาะกว่าเดิม

ผมว่า กลยุทธใดๆ เจ้าตัวแต่ละคน เท่านั้นที่จะรู้ว่าจะเหมาะกับเราไหม :D