จัดกลุ่มหุ้น6ประเภทในประเทศไทยแบบ Peter Lynch
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 29, 2011 7:33 pm
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆครับ ช่วยกันลองจัดกลุ่มหุ้นในประเทศไทยแบบ Peter Lynch หน่อยครับ ผมคิดว่ามันจะเป็นการแบ่งหมวดแบบใช้ความคิดเห็นของผู้รอบรู้หลายท่าน เป็นตะแกรงล่อนในการจัดกลุ่มหุ้นใหม่ ในยุคที่set แกว่งตัวที่ 900-1000กว่าๆ
อีกอย่างครับเรากำลังจัดตัวเองเข้าอยู่ในหุ้น 6 ประเภท ผมว่าน่าสนุกน่ะครับ
1คนที่ทำงานในต่ำแหน่งที่มั่นคงซึ่งจ่ายเงินเดือนต่ำและเงินเดือนขึ้นค่อนข้างช้า ก็คือพวกโตช้า ถ้าเปรียบเทียบกับหุ้นก็คือบริษัทไฟฟ้า ถ้าเป็นมนุษย์ก็คือ บรรณารักษ์ ครูและตำรวจ เหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มโตช้า
2.คนที่กินเงินเดือนสูงและได้รับการขึ้นเงินเดือนสม่ำเสมอ เช่นผู้จัดการระดับกลางของบริษัทใหญ่ๆ คือพวกแข็งแกร่ง
3.ชาวไร่ชาวนา ลูกจ้างของโรงแรมรีสอร์ท คนจัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อนและคนจัดสถานที่ตกแต่งในงานคริสต์มาส ซึ้งทำเงินในช่วงสั้นๆแล้วก็พยายามจัดเงินให้พอใช้ไปตลอดช่วงที่ไม่มีงานทำ ก็คือกลุ่มวัฏจักร นักเขียน หรือดาราหนังก็อาจเป็นกลุ่มพวกวัฏจักรได้เหมือนกัน แต่โอกาสที่จะเกิดความมั่งคั่งขึ้นมาทันทีทันใดอาจทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นกลุ่มโตเร็ว
4.คนที่ไม่เคยทำอะไรได้ดี คนที่ได้รับเงินจากกองทุนทรัสต์ ผู้ดีเก่าทายาทเศรษฐีและอื่นๆ ซึ่งได้รับมรดกมหาศาลจากครอบครัวแต่ไม่ได้ใช้แรงงานของตนเองหาเงินเลย คือ กลุ่มทรัพย์สินมาก เปรียบเทียบก็คือหุ้นเหมืองทองและหุ้นรถไฟในการวิเคราะห์ของเรา ประเด็นของพวกทรัพย์สินมากคืออะไรจะเหลืออยู่หลังจากหักหนี้ทั้งหมด และเจ้าหนี้ที่ร้านเหล้าและบริษัทรถทัวร์ได้รับการจ่ายเงินที่ติดค้างกันหมดแล้ว
5.คนชั้นต่ำสุดของสังคม คนเร่ร่อน คนสิ้นหวังล้มเหลว คนล้มละลาย คนที่ถูกปลดออก และคนที่ตกงาน ทั้งหมดนี้มีโอกาสที่จะเป็นพวกฟื้นตัวตราบใดที่เขายังมีแรงและความมุ่งมั่นเหลืออยู่
6.ดารา นักประดิษฐ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักธุรกิจขนาดย่อม นักกีฬา นักดนตรี และอาชญากร ทั้งหมดมีศักยภาพที่จะเป็นกลุ่มโตเร็ว ในกลุ่มนี้อัตราล้มเหลวสูงกว่ากลุ่มแข็งแกร่ง แต่ถ้าเมื่อกลุ่มโตเร็วประสบความสำเร็จเขาหรือหล่อนอาจเพิ่มรายได้เป็น 10 เท่า 20 เท่าหรือเป็น 100 เท่า ในชั่วข้ามคืน
ลองมาประเมินตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มไหนครับ ส่วนตัวผมเองอยู่ในกลุ่มหุ้นโตช้า
เมื่อหลายปีท่านอาจารย์ลูกอีสานได้จัดกลุ่มหุ้นไว้คร่าวๆแล้ว แต่กลุ่มหุ้นบางตัวมันได้ผ่านระยะเวลามาพอสมควรทำให้หุ้นบางตัวสลับเปลี่ยนกลุ่มจากพวกโตช้า กลายมาเป็นโตเร็ว และบางตัวกลายมาเป็นกลุ่มทรัพย์สินมาก
เช่น cpf cpall จากพวกโตช้า กลายมาเป็นโตเร็ว
ท่านอาจารย์ลูกอีสาน กลับมาตอบอีกสักครั้งก็คงจะดีน่ะครับ
อีกอย่างครับเรากำลังจัดตัวเองเข้าอยู่ในหุ้น 6 ประเภท ผมว่าน่าสนุกน่ะครับ
1คนที่ทำงานในต่ำแหน่งที่มั่นคงซึ่งจ่ายเงินเดือนต่ำและเงินเดือนขึ้นค่อนข้างช้า ก็คือพวกโตช้า ถ้าเปรียบเทียบกับหุ้นก็คือบริษัทไฟฟ้า ถ้าเป็นมนุษย์ก็คือ บรรณารักษ์ ครูและตำรวจ เหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มโตช้า
2.คนที่กินเงินเดือนสูงและได้รับการขึ้นเงินเดือนสม่ำเสมอ เช่นผู้จัดการระดับกลางของบริษัทใหญ่ๆ คือพวกแข็งแกร่ง
3.ชาวไร่ชาวนา ลูกจ้างของโรงแรมรีสอร์ท คนจัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อนและคนจัดสถานที่ตกแต่งในงานคริสต์มาส ซึ้งทำเงินในช่วงสั้นๆแล้วก็พยายามจัดเงินให้พอใช้ไปตลอดช่วงที่ไม่มีงานทำ ก็คือกลุ่มวัฏจักร นักเขียน หรือดาราหนังก็อาจเป็นกลุ่มพวกวัฏจักรได้เหมือนกัน แต่โอกาสที่จะเกิดความมั่งคั่งขึ้นมาทันทีทันใดอาจทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นกลุ่มโตเร็ว
4.คนที่ไม่เคยทำอะไรได้ดี คนที่ได้รับเงินจากกองทุนทรัสต์ ผู้ดีเก่าทายาทเศรษฐีและอื่นๆ ซึ่งได้รับมรดกมหาศาลจากครอบครัวแต่ไม่ได้ใช้แรงงานของตนเองหาเงินเลย คือ กลุ่มทรัพย์สินมาก เปรียบเทียบก็คือหุ้นเหมืองทองและหุ้นรถไฟในการวิเคราะห์ของเรา ประเด็นของพวกทรัพย์สินมากคืออะไรจะเหลืออยู่หลังจากหักหนี้ทั้งหมด และเจ้าหนี้ที่ร้านเหล้าและบริษัทรถทัวร์ได้รับการจ่ายเงินที่ติดค้างกันหมดแล้ว
5.คนชั้นต่ำสุดของสังคม คนเร่ร่อน คนสิ้นหวังล้มเหลว คนล้มละลาย คนที่ถูกปลดออก และคนที่ตกงาน ทั้งหมดนี้มีโอกาสที่จะเป็นพวกฟื้นตัวตราบใดที่เขายังมีแรงและความมุ่งมั่นเหลืออยู่
6.ดารา นักประดิษฐ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักธุรกิจขนาดย่อม นักกีฬา นักดนตรี และอาชญากร ทั้งหมดมีศักยภาพที่จะเป็นกลุ่มโตเร็ว ในกลุ่มนี้อัตราล้มเหลวสูงกว่ากลุ่มแข็งแกร่ง แต่ถ้าเมื่อกลุ่มโตเร็วประสบความสำเร็จเขาหรือหล่อนอาจเพิ่มรายได้เป็น 10 เท่า 20 เท่าหรือเป็น 100 เท่า ในชั่วข้ามคืน
ลองมาประเมินตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มไหนครับ ส่วนตัวผมเองอยู่ในกลุ่มหุ้นโตช้า
เมื่อหลายปีท่านอาจารย์ลูกอีสานได้จัดกลุ่มหุ้นไว้คร่าวๆแล้ว แต่กลุ่มหุ้นบางตัวมันได้ผ่านระยะเวลามาพอสมควรทำให้หุ้นบางตัวสลับเปลี่ยนกลุ่มจากพวกโตช้า กลายมาเป็นโตเร็ว และบางตัวกลายมาเป็นกลุ่มทรัพย์สินมาก
เช่น cpf cpall จากพวกโตช้า กลายมาเป็นโตเร็ว
ท่านอาจารย์ลูกอีสาน กลับมาตอบอีกสักครั้งก็คงจะดีน่ะครับ
