Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แปลกใจ ทำไมคนยอมซื้อหุ้นกันที่ 1000 กว่าจุด
เห็นหุ้นบางตัว P/BV สูงมาก
บางตัว PE สูงมาก บางตัวคำนวนไม่ได้
บางตัว งบขาดทุนตลอด
บางตัวปันผลน้อยกว่าเงินฝาก
บางคนซื้อหุ้นไม่มี growth ราคาย่ำอยู่กับที่
ซื้อกันไปเพื่ออะไร
ตอนนี้นึกถึงวิกฤติต้มยำกุ้ง 1500 จุดจริงๆ เริ่มมีคนบ่นติดดอยกันแล้ว นึกถึง FIN1,TYONG,KMC,TT&T,N-PARK ภาพใกล้เคียงเมื่อก่อน

ค่าของความ ถูก / แพง แต่ละคนไม่เท่ากันครับ

คนซื้อหุ้น เพราะเค้ามองว่า อนาคต ตัวกิจการ และราคาหุ้น จะสูงขึ้น
ตรงข้ามกับคนที่ขายหุ้น

สุดท้ายนักลงทุนคงต้องมาดูว่า เราใช้เกณฑ์อะไรมาช่วยในการตัดสินใจลงทุนของตัวเราครับ

ปีกว่าๆที่แล้วก็มีคนบ่นกันว่า ทำไมคนถึงซื้อ ที่ 500 จุด มันแพงไปแล้ว

2 ปีก่อน มีคนบ่นว่า ซื้อทำไมตอน 380 จุด เพราะมันจะลงไป 200 จุด และเศรษฐกิจโลกมันย่ำแย่มากๆ และไม่กลัว set index ติดลบเหรอ แบบว่า ซื้อแล้วเสียตังทันที
(มีคนกล่าวแบบนั้นจริงๆนะครับ)
LIBOR ยังสูง ,การเมืองยังไม่นิ่ง ,USA ไม่น่าฟื้นได้เร็ว ฯลฯ

พี่มนเคยสอนผมไว้ว่า เรามักหาเหตุ มาใส่ผล
ซึ่งหลายครั้ง เราไม่ทราบเหตุจริงๆของการที่ราคาหุ้น ขึ้น หรือ ลง
หรือเศรษฐกิจ จะฟื้นเมื่อไหร่ หรือจะ แย่ลงเมื่อไหร่

เราจะทราบเมื่อ เวลา ได้ผ่านไปแล้ว

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง
เช่นเดียวกับที่เวลา จะพิสูจน์ว่า แนวคิดการลงทุนของเรานั้น เหมาะกับตัวเราเองหรือไม่ครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม

มีตัวอย่างแล้วก็ควรเอาบทเรียนนั้นเป็นตัวอย่างไว้ครับ
ตลาดหุ้นไม่เคยให้เงินกับคนที่แห่เข้ามาอยากมีเงินเหมือนคนอื่น ๆ
ประเมินมูลค่าที่น่าจะเป็น ถูกซื้อแพงอยู่เฉยๆ :lol:

ตราบใดที่ปันผลยังดีกว่าการลงทุนอื่นๆ ก็ยังน่าสนใจลงทุนระยะยาวอยู่ครับ

ต้องมองที่ภาพรวมครับ set 1000 แต่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นและทำกำไรดีกว่าปีที่แล้ว
โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร กำไร เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วและปีก่อนๆอย่างชัดเจน
คนส่วนใหญ่กลัวเพราะมีภาพอันโหดหร้ายติดตามาตั้งแต่อดีตซึ่งถ้าคุณย้อนกลับไปดูสมัยนั้นบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ผลประกอบการและกำไรแย่แต่ราคาหุ้นก็ขึ้นเอาๆจนไปที่ 1700 จุดอย่างไม่มีเหตุผล

สำหรับผมเองชอบคำว่ากลัวจังครับ เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังมีสิ่งๆนี้อยู่ในตลาด ตราบใดที่ตลาดยังมีความกลัวอยู่ ผมว่าเกมส์ก็ยังดำเนินไปเรื่อยมันยังไม่จบครับ เมื่อใดที่ตลาดหมดความกลัวเมื่อนั้นแหละครับหายนะ

ใครจะเชื่อว่าดัชนีดาวน์โจน จะขึ้นมา 10000 กว่าจุดได้
ใครจะเชื่อว่า set จะ ขึ้นจาก 200 มาเป็น 1000(เพราะถ้ามีคนเชื่อแล้วทำไมในระหว่างนี้ถึงยังมีคนส่วนใหญ่ขาดและทุนหมดตัวบางคนถึงกับสังเวยชีวิตฆ่าตัวตายล่ะ)
และถ้าหาก set จะขึ้น จาก 1000 ถึง 1700 ,2000 ,2500 ,3000 .........ก็คงจะมีคนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออยู่ดี
แต่สิ่งที่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกย่อมมีการวิวัฒนาการตัวของมันเองไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้น

SGOLD เขียน:ต้องมองที่ภาพรวมครับ set 1000 แต่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นและทำกำไรดีกว่าปีที่แล้ว
โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร กำไร เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วและปีก่อนๆอย่างชัดเจน
คนส่วนใหญ่กลัวเพราะมีภาพอันโหดหร้ายติดตามาตั้งแต่อดีตซึ่งถ้าคุณย้อนกลับไปดูสมัยนั้นบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ผลประกอบการและกำไรแย่แต่ราคาหุ้นก็ขึ้นเอาๆจนไปที่ 1700 จุดอย่างไม่มีเหตุผล

สำหรับผมเองชอบคำว่ากลัวจังครับ เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังมีสิ่งๆนี้อยู่ในตลาด ตราบใดที่ตลาดยังมีความกลัวอยู่ ผมว่าเกมส์ก็ยังดำเนินไปเรื่อยมันยังไม่จบครับ เมื่อใดที่ตลาดหมดความกลัวเมื่อนั้นแหละครับหายนะ

ใครจะเชื่อว่าดัชนีดาวน์โจน จะขึ้นมา 10000 กว่าจุดได้
ใครจะเชื่อว่า set จะ ขึ้นจาก 200 มาเป็น 1000(เพราะถ้ามีคนเชื่อแล้วทำไมในระหว่างนี้ถึงยังมีคนส่วนใหญ่ขาดและทุนหมดตัวบางคนถึงกับสังเวยชีวิตฆ่าตัวตายล่ะ)
และถ้าหาก set จะขึ้น จาก 1000 ถึง 1700 ,2000 ,2500 ,3000.........ก็คงจะมีคนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออยู่ดี
แต่สิ่งที่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกย่อมมีการวิวัฒนาการตัวของมันเองไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้น

มองแบบหมอดูดวงก็ขึ้นได้หมดแหละครับ 1700,2000,2500,3000
แต่ปัจจัยที่จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมาก ๆ จากนี้ไป
หรือแย่ลงกว่าตอนนี้ น่าจะเกิดอันไหนมากว่ากัน :lol:

ถ้าจะถามเหตุผลว่า ทำไมผมถึงยอมซื้อหุ้นที่1000จุด คำตอบง่ายๆคือ เพราะผมไม่ได้ซื้อset แต่ผมเลือกซื้อทรัพย์สินที่กองผสมปนเปอยู่ในset จริงอยู่ว่า การหาทรัพย์สินที่ดี ในsetกองนี้นั้น มันหาได้ยากกว่าเดิม แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีเสียเลย เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น และคนที่จะหาเจอทรัพย์สินที่ดีๆในตอนนี้ จะเหลือแต่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญมากกว่าในอดีต1-2ปีที่ผ่านมา

วีไอเราซื้อหุ้นครับ ไม่ได้ซื้อตลาด
ในตลาดมีหุ้นตั้ง 400-500 หุ้น มันเป็นไปไม่ได้ว่ามีใครจะรู้จักทั้งหมด ถึงได้ไปสรุปว่าแพงทั้งตลาด
เหมือนกระทู้ก่อนๆที่มีคนบอกว่า ใครมาซื้อหุ้นตอน 1000 จุด mos น้อยทุกตัว
ผมก็แปลกใจเขาหามูลค่าหุ้นไว้ทุกตัวเลยหรือ ถึงเอาตัวเองมาตัดสินหุ้นทั้ง 400-500 ตัวได้

ชอบที่คุณ naris ตอบมากๆครับ

naris เขียน:ถ้าจะถามเหตุผลว่า ทำไมผมถึงยอมซื้อหุ้นที่1000จุด คำตอบง่ายๆคือ เพราะผมไม่ได้ซื้อset แต่ผมเลือกซื้อทรัพย์สินที่กองผสมปนเปอยู่ในset จริงอยู่ว่า การหาทรัพย์สินที่ดี ในsetกองนี้นั้น มันหาได้ยากกว่าเดิม แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีเสียเลย เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น และคนที่จะหาเจอทรัพย์สินที่ดีๆในตอนนี้ จะเหลือแต่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญมากกว่าในอดีต1-2ปีที่ผ่านมา

เยี่ยมเลยครับพี่naris

ผมคิดว่าความคิดที่จะเอา SET 1000 จุดตอนนี้ไปเทียบกับ 1000 จุดในอดีต ก็เหมือนจะไม่ค่อย fair ครับ เพราะถ้าจะเทียบแบบคร่าวๆผมคิดว่าเอา PE ของทั้งตลาดมาเทียบกันน่าจะแม่นมากกว่านะครับ (ถึงแม้ว่าจะไม่แม่นที่สุดก็ตาม) เพราะการที่ SET มีค่าเท่ากัน ก็ไม่ได้หมายความว่า กำไร/ขาดทุนของทุกบริษัทรวมกันจะเท่ากัน และส่วนของเจ้่าของรวมทั้งตลาดก็ไม่เท่ากันครับ นี่ยังไม่พูดถึงคุณภาพของกำไรของแต่ละบริษัทนะครับเพราะมันวัดยาก

สุดท้ายแล้วตลาดจะคัดกรอง คนที่ลงทุนได้อย่างเหมาะสม ก็จะอยู่รอดในตลาด และก็จะมีคนส่วนหนึ่งที่ขาดทุนต้องหายออกไปจะตลาด และรายใหม่ก็จะเข้ามาแทน เป็นแบบนี้เป็นวัฎจักรไปเรื่อยๆครับ...

หุๆ ถ้าไม่ซื้อตอนที่เค้าขาย เราจะมีหุ้นได้ไงครับ

ขำๆ แก้เซ็งครับ :lol:

Mr.Marketing หาเหตุผล ที่สมควรได้เสมอ ไม่ว่า จะซื้อ หรือจะขาย / จริงๆ หลักการณ์ VI จะซื้อหุ้นที่คุณค่าของบริษัทฯที่เราจะซื้อ และภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจขณะนั้น ไม่ได้ดูที่ Set ไม่ใช่หรือครับ (หรือผมจะเข้าใจผิด )

wsumate เขียน:Mr.Marketing หาเหตุผล ที่สมควรได้เสมอ ไม่ว่า จะซื้อ หรือจะขาย / จริงๆ หลักการณ์ VI จะซื้อหุ้นที่คุณค่าของบริษัทฯที่เราจะซื้อ และภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจขณะนั้น ไม่ได้ดูที่ Set ไม่ใช่หรือครับ (หรือผมจะเข้าใจผิด )

mr.marketing ...ผมให้ +1 ครับ

ไม่น่าเอา set index มาเป็น benchmark ในการวัดว่าควรหรือไม่ควรซื้อ SINGLE STOCK ครับ ................ ถ้าจะแปลกใจ แปลกใจดีกว่าทำไมคนซื้อ n-park

ไม่นานมานี้ผมก็เห็นกระทู้มีประเด็นเกี่ยวกับใครชนะใครแพ้ตลาดมากน้อยแค่ไหน

ถ้าอิงตลาดมากๆงี้ สมมุติว่าผมเจอหุ้นวัฎจักรขาลง จนน่าจะใกล้ๆต่ำสุดแล้วราคาน่าลงทุน มีปันผลประจำ แต่การทยอยเข้าไปรับในปีนี้มีโอกาสแพ้ตลาดสูง เพราะ Cycle ขาลงยังไม่มีแนวโน้มจะขึ้น

ดังนั้นถ้าคอยแข่งกับตลาดรายปี ผมไม่ควรเข้าตัวนั้นเลย หรือถ้าจะเข้า ก็เข้าเอาตอนมันจะไปขาขึ้นถึงจะชนะตลาด

ดังนั้นถ้าจะบอกว่ารอช่วงมันใกล้กลับมาขาขึ้นค่อยซื้อ อันนี้ไม่แน่ใจว่าต่อให้เซียนมาเองก็จะทำนายได้แม่นขนาดนั้นเลยหรือเปล่า หรือถ้าจะบอกว่ารอข่าวรอทิศทางตลาดตรงนี้ผมว่าเสียหายสาหัสเลย เพราะในเมื่อเราเริ่มศึกษาหุ้นตัวหนึ่งจากวิเคราะห์พื้นฐาน แต่กลับเข้าไปลงทุนตาม Momentum ของหลายๆอย่าง

เรียนตามตรงว่าแปลกใจ แต่ผมก็ไม่อยากลงลึกว่ายังไงถึง VI จริงหรือเทียม มันคล้ายๆกับแนวเพลง ที่ชอบเที่ยวมาข่มกันว่า อะไร rock แท้ไม่แท้ metal แท้ไม่แท้

ใน settrade สามารถดูได้ครับ.

มีคนไทยไม่น้อยครับที่เล่นหุ้นเพราะเป็นการพนัน
มีคนไทยที่เป็นนักวิเคราะห์ไม่น้อยครับที่ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองนำเสนอ

แต่ส่วนตัวของผมแล้ว 1000 จุดสำหรับพื้นฐานประเทศด้านเศรษฐกิจมันยังต่ำไป ผมตอบแทนหุ้นยังสูงกว่าผลตอบแทนของเงินฝาก หรือ พันธบัตรฯลฯ

ตอนนี้เจอไม้งามเมื่อขวานบิ่นครับ ซื้อหุ้นหมดพอร์ทไปแล้ว ยังไหลเรื่อยๆ
ในพอร์ทก็แดงดีจริงๆ
รู้งี้มาซื้อตอนถูกๆก็ดี เห็นราคาลงนิดหน่อยโดดงับเลย ลืมดูว่ามันขึ้นมาจากราคาไหน

ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อดีกว่า

แปลกใจทำไม ?
ตลาดหุ้น คือสนามแลกเปลี่ยนมือของคนแสวงหากำไร
ไม่ว่าจะดัชนีที่เท่าไหร่ ย่อมต้องมีคนซื้อ-ขาย เป็นเรื่องปกติ

set 1000 จุด ไม่ใช่ว่าไม่มีหุ้นที่ "มูลค่า" ถูก
เขาซื้อ นั่นอาจเพราะเขา "ศึกษา" หุ้นตัวนั้นจากเซียน THAIVI มาแล้วก็ได้

naris เขียน:ถ้าจะถามเหตุผลว่า ทำไมผมถึงยอมซื้อหุ้นที่1000จุด คำตอบง่ายๆคือ เพราะผมไม่ได้ซื้อset แต่ผมเลือกซื้อทรัพย์สินที่กองผสมปนเปอยู่ในset จริงอยู่ว่า การหาทรัพย์สินที่ดี ในsetกองนี้นั้น มันหาได้ยากกว่าเดิม แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีเสียเลย เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น และคนที่จะหาเจอทรัพย์สินที่ดีๆในตอนนี้ จะเหลือแต่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญมากกว่าในอดีต1-2ปีที่ผ่านมา

ชอบเหตุผลหนุ่มเมืองเลยครับ
: )

Sattha เขียน:ชอบที่คุณ naris ตอบมากๆครับ

อันนี้ ชอบรูปเมืองเลยครับ
: )
รูปสวยมากครับ ฟ้าโปร่งดีครับ

แมงเม่าติดดอย เขียน:

ผมจบ ป.4 เขียน:แปลกใจทำไม ?
ตลาดหุ้น คือสนามแลกเปลี่ยนมือของคนแสวงหากำไร
ไม่ว่าจะดัชนีที่เท่าไหร่ ย่อมต้องมีคนซื้อ-ขาย เป็นเรื่องปกติ

set 1000 จุด ไม่ใช่ว่าไม่มีหุ้นที่ "มูลค่า" ถูก
เขาซื้อ นั่นอาจเพราะเขา "ศึกษา" หุ้นตัวนั้นจากเซียน THAIVI มาแล้วก็ได้

รู้แต่พอร์ทผมเริ่มซื้อต้นปี 2554
QH PTL IVL LH JAS ติดลบไปแล้ว -20%
ไม่รู้พี่ ๆ เค้าซื้อตัวไหนกัน :lol:

ต้องดูราคาและMOS ด้วยคราบ หุ้นคุณว่ามา PE สูงขั้นทพเลยนะตอนนั้น(PTL,IVL) เอาใจช่วยครับ สู้ๆ ศึกษาข้อมูลก่อนซื้อนะ

"ซื้อหุ้นไม่ได้ซื้อ set" คมจริงๆครับ

san เขียน: อันนี้ ชอบรูปเมืองเลยครับ
: )
รูปสวยมากครับ ฟ้าโปร่งดีครับ

ขอบคุณครับ

มาตอบเพิ่มเติม

คำถามที่ว่า "แปลกใจ ทำไมคนยอมซื้อหุ้นกันที่ 1000 กว่าจุด?" คือการดูแต่ตัว Price (P)
ซึ่งไม่ได้นำไปเปรียบเทียบกับปัจจัยอื่นๆ และนำไปสู่การตัดสินใจใดๆครับ
(จะมีก็เป็นอารมณ์ของตลาด ที่ว่ามันขึ้นมามากแล้ว, มันขึ้นมาไวเกินไป ฯลฯ)

เพื่อให้สมเหตุสมผล ต้องดู Price เทียบกับ Earnings ซึ่งก็จะคล้ายๆกับ P/E Ratio ที่คุ้นเคยกันครับ
จะทำให้พอเห็นได้ว่าขณะนั้น ตลาดส่วนมากเป็นอย่างไร

ตลาดที่ P/E สูงๆ (ดู Index แล้ว ไม่ได้วิ่งไปด้วยกันกับ Earning หรือ Forecasted earnings เลย)
มีแนวโน้มว่าจะเป็นฟองสบู่ ก็คือมีความอันตรายสูง หาหุ้น MOS เยอะๆ ยากหน่อย
ควรจะแปลกใจได้ หากยังคงมีการซื้อขายหุ้นกัน

ส่วนถ้าถามว่าตอนนี้ P/E ของ SET เป็นเท่าไหร่ จำได้คร่าวๆ มีผู้ออกมากล่าวว่า SET ตอนนี้มี P/E ประมาณ 12-13
จะว่า P/E สูงแล้วหรือยัง อันนี้แล้วแต่ MOS ของแต่ละท่านครับ

อีกครั้งคือ
ผมคิดว่า Index ใช้ดูตลาดคร่าวๆเท่านั้นครับ
หากคิดคร่าวๆแล้ว Forward P/E สูงกว่าที่เราคาด ในที่สุดตัวที่สูงเกินไปจะตกลงมา
ซึ่งถ้ามี Panic กับตัวอื่นๆ เราก็จะเข้าซื้อตัวที่เล็งไว้ได้ครับ

ผิดถูกอย่างไร แนะนำด้วยนะครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณมากครับ

ได้มุมมองเพิ่มขึ้นอีกเยอะครับ

naris เขียน:ถ้าจะถามเหตุผลว่า ทำไมผมถึงยอมซื้อหุ้นที่1000จุด คำตอบง่ายๆคือ เพราะผมไม่ได้ซื้อset แต่ผมเลือกซื้อทรัพย์สินที่กองผสมปนเปอยู่ในset จริงอยู่ว่า การหาทรัพย์สินที่ดี ในsetกองนี้นั้น มันหาได้ยากกว่าเดิม แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีเสียเลย เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น และคนที่จะหาเจอทรัพย์สินที่ดีๆในตอนนี้ จะเหลือแต่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญมากกว่าในอดีต1-2ปีที่ผ่านมา

ถูกต้องนะคร๊าบ