หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 09, 2011 6:23 pm
โดย imerlot
http://fundmanagertalk.com/investment-talk-john-neff/
InvestmentTalk – ลงทุนแบบ JOHN NEFF
26 July 2010 959 views One Comment

Written by: Setha
Share15

จอห์น เนฟฟ์ เป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อว่า Windsor กองทุนที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในอเมริกา โดยที่ผลตอบแทนในช่วงเวลาที่เขาบริหารพอร์ตการลงทุนตลอดระยะเวลา 32 ปี เขาสามารถสร้างผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยถึงปีละ 13.7% และได้ผลตอบแทน 57 เท่าของเงินลงทุนเริ่มแรก ซึ่ง S&P500 index ได้ผลตอบแทน 10.6% ซึ่งการบริหารของเขานั้นไม่ธรรมดาใช่ไหมครับ เรามาลองดูว่าเขามีวิธีการจัดการอย่างไร

จอห์น เนฟฟ์ ได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่าสุดขั้วหรือสุดโต่งเลยทีเดียว โดยเน้นการลงทุนหุ้นที่มี P/E ต่ำ บริษัทที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน มีอัตราการเติบโตปานกลาง และมีเงินปันผลสม่ำเสมอ และเขายังเตือนด้วยอีกว่า อย่าไล่ตามหุ้นที่มีอัตราการเติบโตที่สูงที่มีคนสนใจมากซึ่งจะผลักดันให้ P/E สูงอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับราคาหุ้นตัวนั้นๆ นอกจากนี้เขาจะมีเหตุผลในการขายหุ้น 2 ปัจจัยได้แก่ 1) ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแย่ลง 2) ขายหุ้นเมื่อได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง

จอห์เนฟมีหลักการในการเลือกหุ้นที่ง่ายแต่มีความสำคัญอย่างมาก 7 ข้อได้แก่

1. P/E ต่ำ

* จอห์น เนฟฟ์ จะลงทุนหุ้นที่มี P/E ต่ำๆ โดยจะมี P/E ต่ำกว่าตลาดประมาณ 40-60% ไม่ว่าบรรยากาศตลาดหุ้นจะอยู่ในสถานการณ์แบบใด
* การลงทุนในหุ้น P/E ต่ำนั้น นักลงทุนต้องแยกให้ออกว่าเป็นหุ้นที่ดีที่ถูกขายอย่างไร้เหตุผล หรือว่าเป็นหุ้นที่ไร้อนาคต
* ในช่วงตลาดขาลงหุ้นที่มี P/E ต่ำนั้นจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหุ้นที่มี P/E สูง และหากบริษัทที่มี P/E ต่ำนั้นมีแนวโน้มดีขึ้นราคาหุ้นก็จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก

2. อัตราการเติบโตของบริษัทมาจากปัจจัยพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 7%

* สำหรับหุ้นที่มี P/E สูงๆ ความคาดหมายอัตราการเติบโตของบริษัทจะสูงตามไปด้วย หากอัตราการเติบโตนั้นพลาดเป้าหมายเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ราคานั้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
* กองทุน Windsor จะทำการขายหุ้นหากอัตราการเติบโตที่คาดการณ์นั้นต่ำกว่า 6% หรือเกินกว่า 20% (เพดานสูงสุดที่กองทุนตั้งไว้)
* การประมาณการเติบโตของบริษัทนั้นควรมีระยะเวลา 5 ปี

3. มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

* อัตรการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) เป็นส่วนที่แน่นอน แต่อัตราการเติบโตและกำไรจะเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
* การเลือกหุ้นแม้ว่าอัตราการเติบโตของเงินปันผลในช่วงปีหรือสองปีแรกอาจ จะไม่สูงมากนัก แต่บริษัทมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นได้ในอนาคต
* ราคาหุ้นมักจะซื้อขายบนพื้นฐานของอัตราการเติบโตของกำไรที่คาดการณ์ ดังนั้นการได้รับเงินปันผลการที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นส่วนเพิ่มที่ไม่มีต้นทุน หรือเรียกว่า “Free plus” ส่วนที่เพิ่มที่ไม่มีต้นทุนจึงเป็นผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับนอกเหนือสิ่ง ที่คาดหวังไว้ในตอนแรก
* บริษัทที่มีการเติบโตเต็มที่และมี Dividend Yield เท่ากับค่าเฉลี่ยก็จะถูกแทนที่โดยหุ้นที่มีมาตราฐานที่ดีกว่า

4. อัตราผลตอบแทนโดยรวม (Total return) เฉลี่ยสูงกว่า P/E ratio

* อัตราผลตอบแทนโดยรวม (Total return) คือ อัตราการเติบโตบวกด้วยอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) โดยที่จะใช้อัตราส่วน GYP (Growth & Dividend Yield:P/E ratio) คืออัตราการเติบโตของกำไรบวกด้วยผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) หารด้วย P/E โดยที่อัตราส่วนนี้ควรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดประมาณ 2 ต่อ 1

5. บริษัทที่มีผลประกอบการผันผวนตามวงจรเศรษฐกิจ (Cyclical stock) ต้องชดเชยด้วย P/E ratio ที่ต่ำ

* การประเมินคุณภาพของหุ้น Cyclical stock นั้นใช้อัตราการเติบโตปกติของกำไรโดยเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งกำไรปกติจะเป็นการประมาณการกำไรที่ดีที่สุดในทุกช่วงของวงจรธุรกิจ
* การเลือกซื้อหุ้น Cyclical stock นั้นควรซื้อหุ้นที่มี P/E ใกล้จุดที่เคยต่ำสุด เนื่องจากแต่ละวงจรมีระยะเวลาที่แตกต่างกันส่งผลให้เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ว่าจุดต่ำสุดจะอยู่ที่ใด

6. บริษัทที่มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต

* บริษัที่มีการตลาดที่เข้มแข็งและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
* เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ
* มีการบริหารต้นทุนได้ดีในสถาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ

7. บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีเหมาะสมกับการลงทุน

* บริษัทมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้กำไรเติบโตไปด้วย
* ROE ต้องโดดเด่น ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุดในการใช้วัดประสิทธิภาพการใช้เงินของผู้ถือหุ้นในการบริหารงานของผู้บริหาร
* กำไรก่อนภาษี (EBT) สามารถบอกรายละเอียดของต้นทุนได้ดีกว่ากำไรจากการดำเนินงาน เนื่องจากสามารถแสดงค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขายที่เกิดจากการ ดำเนินธุรกิจทั้งหมด
* บริษัทที่มีกระแสเงินสดส่วนเกิน (FCF) ซึ่งหักเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนไปแล้ว บริษัทเหล่านี้สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้ ซื้อหุ้นคืน ซื้อกิจการอื่น หรือลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทในอนาคต

หลักการทั้ง 7 ข้อนี้ คงไม่มีข้อใดข้อหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดในการซื้อหรือขายหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง แต่นักลงทุนควรพิจารณาว่าหุ้นที่คุณสนใจนั้นได้ผ่านการวิเคราะห์อย่าง ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อยืนยันว่าการคาดการณ์อัตราการเติบโตหรือว่าปัจจัยพื้น ฐานของบริษัทนั้นน่าเชื่อถือเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมหรือตลาด และที่สำคัญมี P/E ที่ต่ำ หากการวิเคราะห์นั้นสอดคล้องกับ 7 ข้อที่ได้กล่าวมาข้างต้น ก็จะเป็นการยืนยันความน่าสนใจสำหรับหุ้นตัวนั้นได้เป็นอย่างดี

อ้างอิงจากหนังสือ: ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์ (JOHN NEFF on investing) จากผู้เขียน John Neff, S.L. Mintz ผู้แปล ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์, http://www.thaivi.com/mobile/thread.php?topic_id=32918 , http://www.dekbiz.co.cc/2009/07/18/จอห์ ... john-neff/

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 09, 2011 8:30 pm
โดย Paul Octopus
Really good strategies!
Thanks a lot :D

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 15, 2011 6:35 pm
โดย thaloengsak
Simple is Good !
I wanna to use this method for stock's selection !

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 16, 2011 11:13 am
โดย boat37564
เคยได้ยินชื่อจอน เนฟ มานานแต่ก็พึ่งรู้ว่าเค้ามีหลักการลงทุนแบบนี้นี่เอง
ขอบคุณครับที่เอามาแบ่งปันครับ :bow:

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 16, 2011 2:40 pm
โดย thaloengsak
มีหนังสือนะครับ
ลองซื้อมาอ่านดูสิ น่าสนใจดี

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2011 1:24 pm
โดย KGYF
ขอบคุณมากครับ


:bow: :bow: :bow:

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2011 5:49 pm
โดย poonpoon7
ซื้อหนังสือของ john neff มาอ่านแล้วครับ :)

คุณภาพของหนังสือถือว่าเยี่ยมเลย :)

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 01, 2011 10:26 pm
โดย nut776
ผมหาไม่เจอเลย
หนังสือ จอห์น เนฟ หายากมาก
แต่รู้จาก พี่หมอ rieter
ซึ่ง เท่าที่ดู
ูจอห์น เนฟฟ conservative กว่า แกรแฮม อีก

คนนึงที่น่าตามศึกษา คือ จอห์น เทมเปิลตัน
ผมว่า นั่น เรียบง่าย แต่ลึกซึ้งยิ่งกว่าอีกคับ

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 01, 2011 11:30 pm
โดย CokeZero
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความรู้ดีดีคะ

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 02, 2011 12:06 am
โดย Financeseed
idol ผมเลยครับ

Re: ลงทุนแบบ JOHN NEFF นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 8:39 am
โดย Ii'8N
nut776 เขียน:ผมหาไม่เจอเลย
หนังสือ จอห์น เนฟ หายากมาก
แต่รู้จาก พี่หมอ rieter
ซึ่ง เท่าที่ดู
ูจอห์น เนฟฟ conservative กว่า แกรแฮม อีก

คนนึงที่น่าตามศึกษา คือ จอห์น เทมเปิลตัน
ผมว่า นั่น เรียบง่าย แต่ลึกซึ้งยิ่งกว่าอีกคับ
http://www.fp.co.th/


สำนักพิมพ์นี้ พิมพ์หนังสือที่อ.นิเวศน์ กับดร.กุศยา แปลออกมาเยอะ
อย่าง Philip A. Fisher , Peter Lynch, Buffett ก็มีเยอะ


ชื่อ. ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์ (John Neff on Investing) ; เขียนโดย. John Neff ;
แปลโดย. ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์


รูปภาพ


จอห์น เนฟฟ์ ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Smart Money ให้เป็นหนึ่งในสุดยอดนักลงทุนของโลก เขาเป็น
ผู้จัดการกองทุน Vanguard Winsor Fund ซึ่งลงทุนโดยใช้หลักการซื้อหุ้นที่มี P/E ต่ำ และซื้อหุ้น
สวนทางกับตลาด จนทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากและสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้มากกว่า
13% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 31 ปี ดังนั้นหลักการลงทุนของเขาจึงควรค่าอย่างยิ่งต่อการศึกษา




ไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่เห็นบอกว่าหาซื้อไม่ได้ ไปที่ SE-ED ก็มี