Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

วันนี้ผมเถียงกับเพื่อนเรื่องการลงทุน
เพื่อนผมเป็นคนยึดมั่นในแนวการลงทุนของตัวเองมาก
และมี2ประเด็นที่ยังค้างคา

1. P/Eไม่สามารถใช้ชี้วัดเลือกหุ้นทำกำไรได้ในตลาดไทยแต่สามารถใช้ได้ในตลาดต่างประเทศ เพราะ คนไทยยังมีความรู้ด้านหุ้นน้อย ในไทยมีไม่ถึง10%เท่านั้นที่มีความรู้ด้านการลงทุนและMr.Market กับ ราคาจึงเป็นปัจจัยที่น่าสนใจกว่า

2. เศรษฐีจากการรวยหุ้นด้วยแนวVIมากจากวิกฤติเศรษฐกิจทั้งนั้น หากไม่ก็ 1ในล้าน

ซึ่งผมก็ได้อธิบายไปเยอะเหมือนกันแต่เพื่อนผมต้องการหลักฐานอ้างอิง

จึงอยากขอความเห็นของคนในบอร์ดนี้ครับ

จริงๆต้องบอกว่าคนที่ซื้อหุ้นตอนวิกฤติทางการเงิน จะเป็นVIหรือนักเก็งกำไรก้อแล้วแต่ก้อรวยได้ทั้งนั้นแหล่ะครับ ในมุมของVI วิกฤติทางการเงินมีผลให้พวกVIรวยเร็วขึ้นจากเดิมที่ไม่มีวิกฤติแค่นั้นเอง

ข้อ 1 ผมว่าใช้ได้นะครับ แต่ของชิ้นหนึ่งคนเห็นค่าไม่เท่ากันเท่านั้นเอง
ข้อ 2 ผมว่าเซียนหุ้นต้องใช้คำว่า "ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจแล้วรวย" ถึงจะถูกครับ

ผมมั่วไปตามเรื่องนะครับ

1.ตอนผมเล่นหุ้นใหม่ๆ ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับว่าการลงเน้นแบบเน้นคุณค่าใช้กับไทยไม่ได้
ต้องอย่างสหรัฐถึงจะวีไอได้ ซึ่งตอนนี้เท่าที่พิสูจน์กับตัวเองมาก็ชัดเจนว่า ใช้ได้ครับ
2.เศรษฐกิจล่มคือโอกาสพิเศษครับ เหมือนไปเดินตลาดเจอร้านนึงเจ๊งขายสินค้าดีๆราคาเลหลังพอดี
แต่ไม่ต้องเจอโอกาสพิเศษก็รวยได้ครับ พี่ๆในไทยวีไอหลายคนที่ผมรู้จักก็ไม่เคยผ่านวิกฤตแรงๆก็ประสบความสำเร็จได้

วีไอ ในมุมมองผม มันคือความเป็นจริง มันคือจุดประสงค์ของการเกิดตลาดหุ้นขึ้นมา
คือทำธุรกิจจริงๆ แต่แทนที่จะทำเอง เราสามารถหาเลือกธุรกิจที่ดีที่เข้าใจในราคาที่ต้องการได้

ผมก้อเป็นคนหนึ่งนะครับที่เคยคิดว่าลงทุนในตลาดหุ้นนั้นง่ายนิดเดียว กำเงินสดไว้ในมือให้มากที่สุด พอวิกฤติปุ้บ ทุ่มไปเลยสุดตัว ได้เสียกันไปเลย พูดง่ายๆคือ อดทนรอเพื่อทุ่มสุดตัวซื้อตอนมันถูก แล้วไปขายตอนราคามันกลับขึ้นมา แต่ปัญหาคือว่าไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันจะมาเมื่อไหร่ บางทีอาจจะ5ปี 10ปี หรือ 20ปีก้อได้ ซึ่งนั่นก้ออาจจะทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนไป ซึ่งถ้าเราลงทุนอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก ไม่หวังรอวิกฤติ โดยภาพรวมหรือระยะยาวแล้ว เราน่าจะทำให้เงินก้อนนั้นเติบโตดีกว่าการอาศัยรอแค่วิกฤติก้อได้ครับ

ผมกับมองตรงข้ามนะครับ ผมคิดว่าหลักการลงทุนที่ดีต้องพาเราฝ่าวิกฤตได้ และถ้าผ่านวิกฤตแบบได้กำไรด้วยยิ่งสุดยอด เราะตอนหุ้นพุ่ง ใช้หลักอะไรก็กำไรทั้งนั้น ตอนตลาดนี่แหละที่ทำให้คนหมดตัว เพราะฉะนั้นถ้าเซียนหุ้นผ่านวิกฤตแล้วจนผมว่าไม่ใช่เซียนครับ แต่เป็นแมงเม่า ส่วนเรื่อง p/e นั้นคงแล้วแต่หลักการลงทุนของแต่ละคน แต่ถ้าเราคิดว่าของเราดี แล้วคนอื่นไม่รับฟัง ก็นึกถึงเรื่องบัวสี่เหล่าแล้วกันครับ

1. ผมมองตรงข้ามนะครับเพราะ ตลาดสหรัฐจะมีคนมีความรู้ด้าน fundamental มากกว่าเราเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นสถาบัน ครับ ทำให้ market efficient มากกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อถึงจุดที่ความโลภบังตา fundamental ก็อาจถูกละเลยไปได้เหมือนกัน เพราะหา comparable ในตลาดไม่ได้ (หมายถึงตลาดที่เป็น bull มากๆ Earning ตามความคาดหวังไม่ทัน)

2. ผมมองว่าคนที่รวยอาจจะรวยมาจากวิกฤตแต่อย่าลืมว่าเค้าก็ผ่านช่วงวิกฤตมาเหมือนกัน สำหรับคนที่ลงทุนมาหลายๆปีแล้ว อย่างเช่นช่่วงปี 2008 หลายๆคนอาจจะขาดทุนมากกว่า 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าไม่ยึดมั่นในแนวทางที่เชื่อในพื้นฐาน อาจจะไม่กล้ากลับเข้ามาลงทุนใหม่ในช่วงที่โอกาสดีที่สุดได้นะครับ ฉะนั้น วิกฤตเป็นตัวเร่งเฉยๆครับ และช่วง recovery ใครๆก็รวยได้ครับ

แมวจับหนูได้ สีไหน พันธุ์อะไร ต่างก็เป็นแมวดีทั้งนั้น

อยู่ที่แต่ละคน ลงทุนแบบไหนแล้วมีความสุข

คุยกันไม่เข้าใจ เป็นผม ผมไม่มานั่งเถียงครับ
เพราะบางครั้ง เราพูดไป ต่างฝ่ายต่างก็ชอบหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง

ผมทำให้ดูเลย
แล้วให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์


ผลลัพธ์ และการกระทำ คือเครื่องพิสูจน์ในทุกๆสิ่ง

ลองถามกลับว่า
แล้วนักเกร็งกำไรกี่คนที่ไม่ได้รวยมาจากตลาดกระทิงหลังวิกฤติ?

มีกี่คนที่รอ short อย่างเดียวแล้วรวยได้? ถ้ามีนี่อยากเจอจริงๆ จะขอเป็นลูกศิษย์

วิกฤตมันมีไม่บ่อยจริงหรอครับ ถ้ามองย้อนกลับไป ไม่เกินสามปีห้าปีมันมีทีนึงตลอดนะ
ข่าวลืออัปมงคล(จำได้แค่ว่าspali 5 บาท)
ซับไพรม์ หุ้นถูกเพียบ
หม่อมออุ๋ยร้อยจุด จำไ้ด้ว่า สผ. เหลือ 90 บาท
ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยรู้แล้วครับ เกิดในวงการไม่ัทัน
รู้อีกอันก้อ วิกฤตใหญ่ 40 เลย แล้วก็พวกสงครามอ่าว ประมาณนั้นครับ

ไปเถียงทำไมล่ะครับ เสียเวลา
เอาเวลาไปลงทุนให้ประสบความสำเร็จดีกว่า
พอมันเห็นแล้วถามว่าทำอย่างไร ก็บอกไปง่าย ๆ ว่า "เคยบอกแล้วแต่ไม่เชื่อเอง"

แล้วมีหลักฐานอะไรว่าคนไทยความรู้น้อยกว่าที่อื่นล่ะครับ

ผมว่านะ ตลาดไหนจะเทรดกัน PE เท่าไหร่
FACTOR มันเยอะมากนะ

ดร.นิเวศน์ครับ

คำจำกัดความ ของคำว่า รวย แต่ละท่านไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงค่ะ
พอใจตรงไหน ก็รวยได้ค่ะ

เซียนหุ้นที่ไม่ได้รวยจากวิกฤตการเงิน มีเยอะนะคะ อย่าคิดว่าทุกคนจะรวยหมดเพราะหุ้นขึ้น
บางคนไม่มีหุ้นวัฏจักรอยู่ในมือ พอขาลงกลับตัวเป็นขาขึ้น ก็ไม่เห็นจะ take advantage จากกรณีนี้แต่อย่างใด

ขอให้มีความสุขกับการลงทุนค่ะ

indevidal เขียน:วันนี้ผมเถียงกับเพื่อนเรื่องการลงทุน
เพื่อนผมเป็นคนยึดมั่นในแนวการลงทุนของตัวเองมาก
และมี2ประเด็นที่ยังค้างคา

1. P/Eไม่สามารถใช้ชี้วัดเลือกหุ้นทำกำไรได้ในตลาดไทยแต่สามารถใช้ได้ในตลาดต่างประเทศ เพราะ คนไทยยังมีความรู้ด้านหุ้นน้อย ในไทยมีไม่ถึง10%เท่านั้นที่มีความรู้ด้านการลงทุนและMr.Market กับ ราคาจึงเป็นปัจจัยที่น่าสนใจกว่า

2. เศรษฐีจากการรวยหุ้นด้วยแนวVIมากจากวิกฤติเศรษฐกิจทั้งนั้น หากไม่ก็ 1ในล้าน

ซึ่งผมก็ได้อธิบายไปเยอะเหมือนกันแต่เพื่อนผมต้องการหลักฐานอ้างอิง

จึงอยากขอความเห็นของคนในบอร์ดนี้ครับ

งานวิจัยนี้ก็เก็บข้อมูลมาจากตลาดหุ้นไทยครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 9&start=30 ระยะเวลายาวนานรวมทั้งช่วงวิกฤตและไม่วิกฤตเป็นเครื่องพิสูจน์แนวทาง VI ได้เป็นอย่างดี กะว่าจะแบ่งพอร์ตมาสัก 5% ลองทำตามดูเหมือนกันไม่ต้องคิดมากดี

ผมจำได้ว่าเมื่อ10กว่าปีที่แล้วผมซื้อพี่เทพ90บาทที่par10บาท ถ้าผมรู้จักการลงทุนแบบvi
ก่อนผมก็คงถือมาจนปัจจุบันแล้วครับ

กล้วยไม้ขาว เขียน:ลองถามกลับว่า
แล้วนักเกร็งกำไรกี่คนที่ไม่ได้รวยมาจากตลาดกระทิงหลังวิกฤติ?

มีกี่คนที่รอ short อย่างเดียวแล้วรวยได้? ถ้ามีนี่อยากเจอจริงๆ จะขอเป็นลูกศิษย์

โอกาส short แล้วรวย น่าจะเป็นตอนวิกฤติ 10 , 20 ปี ครั้ง แต่ ตลาดกระทิงมัน long กันทุกวันพอวิฤติมาก็ลืม short [img]http://play3thai.com/forums/Smileys/classic/[ccc014][/img]

ลองไม่ต้องคิด วิกฤติโดยภาพรวมสิ ลองมาลงทุนใน วิกฤติ ของหุ้นรายตัวดูผมว่าก็เหมือนกันแหละนะ

เช่นกลุ่มเรือตอนนี้เป็นต้น ก็เหมือน วิกฤติ set แหละนะใคร ๆ ก็รู้สักวัน วัฎจักร์มันต้องกลับมาแน่

แต่อารมณ๊์นี้ใครจะกล้าซื้อ มันก็เหมือน ๆ กับ set ตอน 360 จุดตอนนั้นก็มีคนกล้าซื้อไม่กี่คน

เพราะช้อนหักมาหลายรอบแล้วทำให้ไม่แน่ใจว่าว่า วิกฤติ หรือ หายยานะ กันแน่

พูดง่าย ๆ พอถึงเวลาที่ วิกฤติจริง ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีใครคิดว่าเป็นโอกาสหรอก ณ เวลานั้น

ส่วนใหญ่คิดว่ามันเป็น หายยานะ หรือ ต้องใช้เวลาฟื้น 5 ปี 10 ปี น้อยคนที่คิดว่ามันจะฟื้ันเร็วขนาดนี้

แทนที่จะซื้อสะสมเหมือนตอนที่คิด ณ เวลานี้ พอถึงตอนนั้นผมเห็นส่วนใหญ่ก็เลิกเล่นหุ้นกันชั่วคราวทั้งนั้น

ชอเก็บกระทู้นี้ไว้อ่านมุมมองนะครับ
เรื่อง "ผมคิดว่าคนที่รวยจากการลงทุนหุ้นVI ต้องเป็นคนที่มีตังค์อยู่แล้ว ไม่งั้นไม่รวยหรอก"
ที่ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 33569.html

หัวข้อกระทู้ โดนใจมากๆครับ

อืมน่าคิดครับ

อย่างกระทู้นั้น ถ้าจะพูดแบบนั้นน่าจะต้องบอกว่า "คนที่รวยจากการลงทุนหุ้น ต้องเป็นคนที่มีตังค์อยู่แล้ว" ไม่ว่าจะวีไอหรือเทคนิค นะครับ

บางคนลงทุนมานาน 10 ปี 20 ปี .....ปี

ในระหว่างระยะทางนั้นมันก็ต้องผ่านวิกฤติเป็นเรื่องธรรมดา

1ครั้ง 2ครั้ง 3ครั้ง ...ครั้ง ก็ว่ากันไป

ทั้งวิกฤติในกลุ่มอุตสาหกรรม วิกฤติโลก

ลงทุนนานๆยังไงก็ต้องเจอวิกฤติ แค่ก่อนหน้านั้นเค้ายังไม่ดังเท่านั้นเอง

เซียนบางคนขาดทุนมาก่อน พอเจอวิกฤติ เค้ากลับมา เค้ามั่นใจว่าฟื้น เข้าถูกจังหวะ

เอาเป็นว่าเซียนระดับเศรษฐี vi ผ่านวิกฤติกันมาหมดแล้วเพราะลงทุนมายาวนาน

indevidal เขียน:1. P/Eไม่สามารถใช้ชี้วัดเลือกหุ้นทำกำไรได้ในตลาดไทยแต่สามารถใช้ได้ในตลาดต่างประเทศ เพราะ คนไทยยังมีความรู้ด้านหุ้นน้อย ในไทยมีไม่ถึง10%เท่านั้นที่มีความรู้ด้านการลงทุนและMr.Market กับ ราคาจึงเป็นปัจจัยที่น่าสนใจกว่า

2. เศรษฐีจากการรวยหุ้นด้วยแนวVIมากจากวิกฤติเศรษฐกิจทั้งนั้น หากไม่ก็ 1ในล้าน

#1 -- ถ้าเป็นงั้นจริงผมว่าเป็นโอกาสที่ดีนะ เพราะจุดอ่อนจะเต็มตลาดไปหมด ส่วนตัวไม่ได้อยากให้คนประเทศเรามีความรู้น้อย เพราะสุดท้ายภาพรวมประเทศจะพัฒนาไม่ได้ แต่ถ้ามองเป็นสนามแข่งเดียวกัน คนมีความสามารถไม่ถึง 10% ก็ย่อมได้เปรียบมากๆกว่าคน 90% เก่งหมด

#2 -- อันนี้ตอบไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ แต่อย่าไปคิดแบบองุ่นเปรี้ยวครับ ผมคิดว่าเรามองแค่ ถ้าไม่ลงทุนแบบนี้ แล้วเรามีตัวเลือกอื่นป่าว ... ถ้าเราทำปาท่องโก๋ขั้นเทพ หั่นชับ หั่นชับ ขายได้วันละเป็นแสน .. แต่นั่งอ่านรายงานประจำปีต้องอมทุกข์และอ่านได้ด้วยความเร็ว 5 บรรทัดต่อชั่วโมง ผมว่าก็ไม่ควรลงทุนและไปทำในสิ่งที่ตนถนัดมากกว่า ... ถ้าผมพบว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษทางอื่นที่ดีกว่า ผมก็ไปเหมือนกันครับ

1.ตลาดยิ่งไม่มีประสิทธิภาพ ยิ่งสร้างโอกาสในการลงทุน
2.ใครอยู่รอดจากวิกฤตได้ก็รวยทั้งนั้นแหละครับ ที่ไม่รวยเพราะอยู่ไม่รอดนี่แหละ

สุดท้ายอย่าไปเถียงเลยครับ ทำอะไรได้ตังทำต่อไป ไม่ได้ตังเมื่อไหร่ค่อยมานั่งคิด

ความเชื่อของผม ที่ทำให้ผลตอบแทนของ port การลงทุนดี คือ การมีแนวคิดที่ถูกต้องในการลงทุน กับ ความขยันมากน้อยในการหาข้อมูลประกอบการลงทุน

ภาวะวิกฤติ เป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้คุณขาดทุน หรือ มีกำไรมากขึ้น กว่าภาวะปกติ ภาวะวิกฤติสร้างให้นักลงทุนรวยขึ้นมากได้ และก็สามารถทำให้นักลงทุนจนมาก ๆ ขึ้นได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีหุ้นนั้น ๆ อยู่ในขณะนั้นหรือไม่

การกู้เงินมาลงลงทุน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้รวยหรือจนมากขึ้นกว่าที่ควร ไม่ว่าจะด้วยการกู้แบบใดก็ตาม

สรุป คือ ตลอดระยะเวลาการลงทุน จะมีวิกฤติเพียงสักกี่ครั้ง แต่หลักการลงทุนที่ดี จะสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง เพราะเราไม่เล่นเก็งกำไรราคา เราร่วมลงทุนในธุรกิจ มองย้อนกลับไปในอดีต หลายบริษัทเติบโตดีมาก เราเป็นเจ้าของเราก็โตตาม คิดแบบไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา...น่าจะเข้าใจง่าย ๆ