และการดู PE และ P/BV ควรพิจารณา ตัวไหนเป็นอันดับแรก ครับ
ต้องดู พีอี พีบี ในอนาคตสัก 2-3 ปีครับ
นั่นคือเราควรจะเดาได้คร่าวๆว่าอีก 2-3 ปี บริษัทจะได้กำไรเท่าไหร่ ถ้าเดาผิดเราก็มีสิทธิขาดทุนดังนั้น
๑ ถ้าจะเดาให้ถูกเราต้องรู้ข้อมูลเชิงคุณภาพให้มากพอ ทั้งเรื่งแนวโน้มธุรกิจ ยอดขาย ค่าใช้จ่าย คู่แข่ง โอกาส ภัยคุกคาม ฯลฯ
รู้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเราต้องการให้แม่นแค่ไหน
ตรงนี้สำคัญมาก เพราะไม่แม่นเมื่อไหร่ก็มีสิทธิขาดทุนเมื่อนั้น
๒ ทำข้อหนึ่งจนชำนาญแล้ว ต้องมาดูต่อว่า กำไรที่จะได้นั้น
ทำให้ค่าพีอีเป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน อันนี้แหละที่เราเรียกว่าพีอีในอนาคต
เราก็ดูว่าพีอีในอนาคตนี้ เหมาะสมหรือยัง
ถ้าเหมาะสมแล้วเราก็ไม่ซื้อ
เราจะซื้อเฉพาะตัวที่ต่ำกว่าค่าที่เหมาะสม
ยิ่งต่ำยิ่งดี แปลว่าเรามีโอกาสได้กำไรสูงมากๆ อาจจะเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัว หรืออย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน
ทีนี้มาตอบหุ้นโรงพยาบาลที่ว่าซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นตัวไหน เอาแต่หลักการนะครับ
แค่พีอีปัจจุบันก็ 19 เท่าแล้ว
ถ้าใช้หลัก PEG ตามสูตรปีเตอร์ ลินช์(เอาพีอี/การเติบโต)
ค่านี้จะน่าสนใจถ้ามีค่าน้อยกว่าหนึ่ง
นั่นแปลว่าบริษัทควรจะทำกำไรโตขึ้นอย่างน้อย 20%
ซึ่งผมมองว่ายาก บางปีอาจจะเฮงแล้วได้จริง แต่ระยะยาวผมว่ายากมากสำหรับธุรกิจโรงพยาบาล
เอ้า สมมติว่าเฮงสุดๆ ทำได้ทุกปี
ก็มาดูว่ากำไรที่ว่าจะทำให้พีอีในอนาคตเหลือสักเท่าไหร่
ปี 54 เหลือ 15.8
ปี 55 เหลือ 13.2
สมมติว่าเราให้พีอีที่เหทาะสมคือ 19 เท่าเหมือนเดิม(ซึ่งถือว่าสูงมากในสายตาผม)
ราคาหุ้นก็จะสามารถขึ้นไปได้ปีละ 20%
แต่จริงๆแล้วราคาหุ้นอาจจะขึ้นตามนี้ก็ได้หรือไม่เป็นตามนี้ก็ได้
อาจจะขึ้นเร็วกว่าหรือช้ากว่าก็ได้
เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจริงก็จะมีคนมองหาพีอีในอนาคตอีกว่า ปี 56 57 58 ว่าเป็นเท่าไหร่
เป็น dynamic ไปเรื่อยๆ
ขอให้ประสบผลสำเร็จนะครับ