บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
0N0111
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ


วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4289 ประชาชาติธุรกิจ

เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

คอลัมน์ จับช่องลงทุน

โดย วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในกลุ่มภูมิภาคเอเชียในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานั้นก็คือ ความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศนี้ ซึ่งยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำมาโดยประเทศจีนเป็นหลัก โดยล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของจีนในเดือนธันวาคมยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.8% สำหรับประเทศไทยนั้นในเดือนมกราคมเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัว สูงขึ้นจากปีที่แล้ว 3% และ 1.3% ตามลำดับ ซึ่งยังคงเป็นระดับที่ปกติอยู่ แต่หากเรามองลึกลงไปเทียบเดือนต่อเดือนแล้วจะพบว่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวเพิ่ม ขึ้นทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ทางทรีนีตี้จึงได้เตรียมกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไว้รับกับความกด ดันเงินเฟ้อที่กำลังเริ่มทวีสูงขึ้นไว้ดังนี้ครับ

ก่อนอื่นเรามาดู กันก่อนครับว่า ณ ระดับเงินเฟ้อปัจจุบันที่ 3% ถือเป็นระดับที่น่ากลัวหรือยังสำหรับตลาดหุ้นไทย จากการศึกษาของทรีนีตี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาพบว่า ระดับเงินเฟ้อที่น่าเป็นห่วงสำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นอยู่ที่ระดับ 4% ขึ้นไป กล่าวคือ ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของหุ้นไทยในช่วง 1, 3, 6, และ 12 เดือนหลังจากที่ เงินเฟ้อทั่วไปแตะระดับ 4% ขึ้นไปจะอยู่ในแดนลบตลอด เพราะฉะนั้นด้วยอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันที่ 3% ความกังวลด้านเงินเฟ้อที่อาจทำให้เกิดการขายหุ้น อย่างรุนแรงจึงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น

ขั้นตอนต่อไปเราจึงไปเทียบดูหลาย ๆ สินทรัพย์ ว่าสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นยังคงมีความน่าสนใจอยู่หรือไม่ ในภาวะเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ณ ขณะนี้อัตราเงินปันผลแท้จริงของตลาดหุ้นไทย (ผลต่างระหว่างอัตราเงินปันผลต่อราคาหุ้น หรือ dividend yield กับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 1.22% มากกว่าผลตอบแทนแท้จริงของเงินฝากและตราสารหนี้ในประเทศซึ่งอยู่ที่ระดับ ประมาณ -0.8-0.9% อยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นในภาวะดอกเบี้ยแท้จริงยังติดลบอยู่เช่นนี้ หุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ครับ

ที นี้เรามาลงลึกกับกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นรายตัวที่คาดว่าจะ outperform ตลาดในช่วงเงินเฟ้อขาขึ้นกันบ้างครับ โดยปกติแล้วบริษัทที่มักจะได้รับประโยชน์ในช่วงเงินเฟ้อขาขึ้นอย่างชัดเจนก็ คือ บริษัทที่เป็นผู้ผลิตสินค้าซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเงินเฟ้อ ได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์จำพวกพลังงาน เกษตร และอาหาร โดยราคาหุ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้มักจะปรับตัวขึ้นประมาณ 3-6 เดือน ก่อนการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมาของอัตราเงินเฟ้อ (หรืออย่างช้าที่สุดคือ ปรับตัวไปพร้อม ๆ กัน) นอกจากนี้กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจำเป็น อาทิ กลุ่ม โรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีกมักจะปรับตัวได้ดีตลอดเวลาในช่วงเงินเฟ้อสูงอีกด้วย แสดงถึงความสามารถในการผลักภาระทางด้านราคาต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค ได้เป็นอย่างดี

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่งใน ช่วงที่เงินเฟ้อสูงขึ้นนั้น ได้แก่ กลุ่มที่ไม่อาจสามารถผลักภาระทางด้านราคาไปยังผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที หรือเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากอำนาจซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บันเทิง ขนส่ง และวัสดุก่อสร้าง จากการศึกษาของทรีนีตี้พบว่าราคาหุ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้มักจะอยู่ใน แดนลบตลอดระยะเวลาในช่วงที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับ 3% ขึ้นไป

กล่าวโดย สรุป หุ้นที่ทางทรีนีตี้แนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ชนะเงินเฟ้อ ได้แก่ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ พลังงาน สินค้าเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร รวมไปถึงกลุ่มโรงพยาบาลและค้าปลีก ที่สำคัญต้องเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงเพียงพอที่จะชดเชยเงินเฟ้อที่สูง ขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน (เป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลคาดการณ์ประจำปีดำเนินงาน พ.ศ. 2554 มากกว่า 3.4% ซึ่งเป็นระดับเงินเฟ้อที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ณ สิ้นปีนี้)เราได้คัดเลือกหุ้นซึ่งมีลักษณะดังกล่าวออกมา ได้แก่ ESSO, BCP, TVO, CPF, TTW, MAKRO

สุดท้ายนี้เรามาลองเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับ ตลาดเพื่อนบ้านดูว่า หุ้นไทยของเรายังคงมีความน่าสนใจ หรือไม่ ในแง่ของผลตอบแทนแท้จริงที่หักเงินเฟ้อออกไปแล้ว จากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดของเราพบว่า ณ ระดับราคาปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังคงให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลแท้จริงเป็น อันดับต้น ๆ ของทวีปเอเชีย เป็นรองเพียงแค่ประเทศไต้หวันและมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งในทวีปเอเชียมีเพียงแค่ 3 ประเทศนี้เท่านั้นที่ให้อัตราผลตอบแทนแท้จริงเป็นบวก ณ ระดับราคาหุ้นปัจจุบันนี้

สำหรับความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ ชิดในช่วงถัดไปนั้น ได้แก่ การออกมาตรการเข้มงวดต่าง ๆ ของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเอเชีย หากอัตราเงินเฟ้อของประเทศเหล่านี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นจริงอาจจะทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินหดหายไปอย่างมีนัย สำคัญ จนทำให้สินทรัพย์เสี่ยง อาทิ หุ้นนั้นโดนผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับประเทศไทยทางทรีนีตี้มองว่าในปีนี้ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินน่าจะมี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.5-0.75% จากระดับปัจจุบันที่ 2.25% เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงกลับไปสู่ระดับที่เป็นบวกอีกครั้งหนึ่ง

ปล.ไม่เหมาะสมหรือผิดห้องลบได้เลยครับ
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

Re: บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ :P
ลงทุนเพื่อชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
thalucoz
Verified User
โพสต์: 658
ผู้ติดตาม: 0

Re: บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับผม :mrgreen:
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
ภาพประจำตัวสมาชิก
babyboom
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

Re: บทความประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : เลือกหุ้นชนะเงินเฟ้อ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :D
โพสต์โพสต์