Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เชื่อว่ามีหลายๆ คนเป็นเหมือนผม..ณ เวลานี้ (9 มีนา54)

พอร์ทว่าง หรือมีหุ้นแค่ไม่เกิน 20% ของพอร์ท
อยากซื้อหุ้น - อึดอัด แต่ดูแล้วตัวไหนก้อ upside เหลือไม่มาก

ผมแนะนำ รอ ครับเพราะเคยซื้อแล้ว พอซื้อหุ้นมันนิ่ง อึดอัดกว่า ....


ถ้าชอบกด Like ครับ
เอ้ยไม่ใช่ facebook

ปล.ใครมีวิธีอื่นแนะนำนอกจากรอมั้ยครับ ช่วยแนะนำเม่าน้อยๆหัดใหม่แบบผมด้วยนะครับ

upside เหลือมากไม่มาก ก็แล้วแต่คน
บางคนพอใจเท่านี้ บางคนอาจพอใจอีกอย่าง
บางคนถนัดอุตสาหกรรมนี้ บางคนถนัดน้อยหน่อยก็อาจต้องให้upsideมากหน่อยเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการวิเคราะห์
บางคนใช้วิธีนี้วิเคราะห์แล้วถูก บางคนใช้อีกวิธีก็ว่าแพง
บางคนชอบถือนานๆกินปันผลไปเรื่อยๆ แต่บางคนชอบแสวงหาหุ้นupsideมากสลับเปลี่ยนไปมาบ่อย
สรุปหุ้นถูกไม่ถูกก็แล้วแต่คนครับ
สำหรับความเห็นผม ก็ยังเห็นว่าพอมีอยู่บ้าง ไม่ถึงกับหายาก แต่น้อยกว่าสองปีทีแล้วแน่นอนครับ

ใครจะรู้มันอาจจะไป 1400 ก็ได้

อย่ารอเฉยๆ
หาความรู้เยอะๆ อ่านหนังสือเยอะๆ ฟังสัมมนาเยอะๆ

ส่วนตัวถือหุ้น 100 %
หุ้นแพงก็ปรับพอร์ต
หุ้นถูกก็ปรับพอร์ตครับ ...

หุ้นมีตั้ง 400-500 บริษัท
มันไม่แพงไปซะทุกตัวหรอกน่า

ในภาวะที่ทุกคนมองว่า รอ อาจจะมีคนอีกลุ่มหนึ่ง กำลังซื้ออยุ่ก็ได้น่ะครับ ไม่อย่างนั้น ราคาหุ้นก็คงไม่วิ่ง

เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง อ่านมากๆ ครับ เห็นด้วยในส่วนหนึ่งว่าหาหุ้นถูกยากขึ้น แต่ก็พอมี ทั้งขุดทั้งขุ้ยทั้งเขีย ก็ยังยากครับแต่ก็พยายามหาต่อไป ในหุ้นมีโอกาสให้เราเสมอ ครับ

หาเก่ง กับ เก็บเก่ง

ท่องไว้ๆๆๆ

thaloengsak เขียน:upside เหลือมากไม่มาก ก็แล้วแต่คน
บางคนพอใจเท่านี้ บางคนอาจพอใจอีกอย่าง
บางคนถนัดอุตสาหกรรมนี้ บางคนถนัดน้อยหน่อยก็อาจต้องให้upsideมากหน่อยเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการวิเคราะห์
บางคนใช้วิธีนี้วิเคราะห์แล้วถูก บางคนใช้อีกวิธีก็ว่าแพง
บางคนชอบถือนานๆกินปันผลไปเรื่อยๆ แต่บางคนชอบแสวงหาหุ้นupsideมากสลับเปลี่ยนไปมาบ่อย
สรุปหุ้นถูกไม่ถูกก็แล้วแต่คนครับ
สำหรับความเห็นผม ก็ยังเห็นว่าพอมีอยู่บ้าง ไม่ถึงกับหายาก แต่น้อยกว่าสองปีทีแล้วแน่นอนครับ

ถ้าจะให้ผมพูดให้ถูกคือ "upside เหลือน้อยลง" แต่ไม่ใช่ "upside เหลือไม่มาก" อิอิ

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ต้องทำการบ้านหาหุ้นซะแล้วว

มีงานวิจัยออกมาให้เห็นชัดๆแล้วนี่ครับว่าถือหุ้นเต็มร้อยเปอรเซ็นต์ยาว15ปี ชนะตลาดกระจุย แถมชนะเซียนได้อีก ฉะนั้น อย่ากังวลเลย หากเลือกที่จะเป็นนักลงทุนระยะยาว ลุยยยยยยยย

sylph เขียน:

thaloengsak เขียน:upside เหลือมากไม่มาก ก็แล้วแต่คน
บางคนพอใจเท่านี้ บางคนอาจพอใจอีกอย่าง
บางคนถนัดอุตสาหกรรมนี้ บางคนถนัดน้อยหน่อยก็อาจต้องให้upsideมากหน่อยเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการวิเคราะห์
บางคนใช้วิธีนี้วิเคราะห์แล้วถูก บางคนใช้อีกวิธีก็ว่าแพง
บางคนชอบถือนานๆกินปันผลไปเรื่อยๆ แต่บางคนชอบแสวงหาหุ้นupsideมากสลับเปลี่ยนไปมาบ่อย
สรุปหุ้นถูกไม่ถูกก็แล้วแต่คนครับ
สำหรับความเห็นผม ก็ยังเห็นว่าพอมีอยู่บ้าง ไม่ถึงกับหายาก แต่น้อยกว่าสองปีทีแล้วแน่นอนครับ

ถ้าจะให้ผมพูดให้ถูกคือ "upside เหลือน้อยลง" แต่ไม่ใช่ "upside เหลือไม่มาก" อิอิ

ถูกต้องตามสิ่งที่ผมต้องการสื่อ ด้วยคำพูดง่ายๆ
นับถือๆ

จขทก. เข้าใจ like กับ unlike ผิดนะครับ ขอแก้นิดนึง

จะ unlike หรือ เลิกชอบได้ต้องมีการ like หรือชอบก่อน (แล้วไอ้คนที่กดๆ unlike ไปแล้วรู้ไม๊อะไร -.- )

ตรงข้ามกับ like คือ dislike ซึ่ง option นี่ไม่มีใน fb แต่มีใน youtube !

ต่างกับผม

อัดไปแล้ว

ที่เหลือวันนี้ เพิ่งเติมเงิน

และเล็ง ตัวที่ปันผลดี ๆ หน่อย

จะซื้อก่อน xd ซักเดือนนึงนะครับ

พร้อม story แตกพาร์ คิดว่าเหลือ อัพไซด์อีกเยอะครับ พื้นฐานใช้ได้

ถ้า story เป็นจริง

ผมดูกราฟ สนับสนุนข่าว ด้วยนะครับ

แต่ที่ ไทวีไอ ไม่หนับหนุน กราฟ

ผมผสมเพื่อความลงตัวครับ

เป็นผมผมจะพิจารณาจาก upside เป็นหลักครับว่าโอกาสGrowthยังมีอยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้ายังมีเยอะ จ่ายแพงกว่าเดิมนิดหน่อยก้อไม่เห็นจะเป็นไร เพราะผมถือว่าupsideนั้นไปชดเชยกับMOSที่น้อยลงได้

ผมว่าหลายๆสับสน(รวมทั้งตัวผมเอง)ว่าVIต้องซื้อหุ้นในราคาโคคตรรรรถูกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแม้แต่บุฟเฟ่ เอ้ย บัฟเฟตเองก้อไม่ได้ซื้อหุ้นที่โคตรรรรถูกเสมอไป แต่เค้าซื้อในราคาที่ดูแล้วเหมาะสม เพราะถ้าเรามองหาแต่หุ้นที่ถูกโคตรๆเหมือนปีสองปีที่แล้วอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสลงทุนได้ครับเพราะหุ้นบางตัวราคาก้อไปแล้วไปลับไม่กลับมาเลย เว้นแต่ฟลุ้คเจอวิกฤติจริงๆ เลยใจดีร่วงมาให้เก็บ

ตอนนี้ผมลังเลใจอยู่อย่างนึงครับ

ว่าจะเก็บหุ้นที่มี Growth
หรือจะเก็บหุ้นที่มี MOS ดี [เข้าสูตรหุ้นแบกะดินของอาจารย์ เบน เลยหละ]

หลายๆคนก็ให้ความเห็นว่า ช่วงนี้ควรจะลงทุนแบบระมัดระวังไว้ก่อน
แต่ใจผมมันดันชอบหุ้น Growth นี่สิ

ผมถือหุ้นเกือบ 100% ครับ พยามยามทำให้พอร์ท Under Value ครับ

เฉยๆกับหุ้นที่ราคานิ่งๆครับ ยังไงก็ได้กินปันผลไปได้เรื่อยๆแล้วก็เก็บเพิ่มได้เรื่อยๆครับ

sylph เขียน:เชื่อว่ามีหลายๆ คนเป็นเหมือนผม..ณ เวลานี้ (9 มีนา54)

พอร์ทว่าง หรือมีหุ้นแค่ไม่เกิน 20% ของพอร์ท
อยากซื้อหุ้น - อึดอัด แต่ดูแล้วตัวไหนก้อ upside เหลือไม่มาก

ผมแนะนำ รอ ครับเพราะเคยซื้อแล้ว พอซื้อหุ้นมันนิ่ง อึดอัดกว่า ....


ถ้าชอบกด Like ครับ
เอ้ยไม่ใช่ facebook

ปล.ใครมีวิธีอื่นแนะนำนอกจากรอมั้ยครับ ช่วยแนะนำเม่าน้อยๆหัดใหม่แบบผมด้วยนะครับ

ผมคิดว่าถ้าตอนนี้พอร์ตว่างหรือมีหุ้นน้อยมาก ก็น่าจะรอครับ
ยิ่ง set index ขึ้นสูง ความเสี่ยงที่จะลงมาก ก็ยิ่งเพิ่ม
ดังนั้น ถ้าเข้าซื้อในขณะที่ set index สูงก็มีความน่าจะเป็นที่ระยะสั้นหุ้นจะปรับตัวลงต่ำกว่าราคาที่ซื้อได้ ดังนั้นยุทธศาสตร์สำหรับกรณีพอร์ตว่างอาจต้องรอ โดยระหว่างนี้ก็ทำการบ้านเลือกหาธุรกิจที่ดีครับ (แต่ถ้าเลือกเจอบริษัทที่ดีราคายุติธรรม ลงทุนระยะยาวก็น่าจะยังโอเคอยู่)

ส่วนตัวผมเอง ไม่เคยขายหุ้นทิ้งหมดพอร์ตหรือมีหุ้นต่ำกว่า 50% เลย ตอนนี้ก็มีหุ้นอยู่เกือบ 90% (นี่พยายามขายออก เอาเงินสดเก็บไว้บ้างแล้ว ปกติมีหุ้นเกิน 100% อยู่ในพอร์ต) และก็พยายามขายออกเป็นเงินสดอยู่ครับ เพราะแบบที่บอก set index สูงความน่าจะเป็นที่จะลงก็ยิ่งมากและมีความเสี่ยงสูงขึ้น

multipleceilings เขียน:จขทก. เข้าใจ like กับ unlike ผิดนะครับ ขอแก้นิดนึง

จะ unlike หรือ เลิกชอบได้ต้องมีการ like หรือชอบก่อน (แล้วไอ้คนที่กดๆ unlike ไปแล้วรู้ไม๊อะไร -.- )

ตรงข้ามกับ like คือ dislike ซึ่ง option นี่ไม่มีใน fb แต่มีใน youtube !

นั่นนะสิครับ ผมผิดจริงๆด้วยขออภัย มา ณ ที่นี้ครับ ต้องกด like ก่อน

แต่ถ้าโดน "กด" มากๆ อาจโดน GodLike ได้นะครับ

Murphy.Bkk เขียน:ผมคิดว่าถ้าตอนนี้พอร์ตว่างหรือมีหุ้นน้อยมาก ก็น่าจะรอครับ
ยิ่ง set index ขึ้นสูง ความเสี่ยงที่จะลงมาก ก็ยิ่งเพิ่ม

ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ ...."set index สูง ความเสี่ยงสูงตาม"

gorillaz เขียน:ตอนนี้ผมลังเลใจอยู่อย่างนึงครับ

ว่าจะเก็บหุ้นที่มี Growth
หรือจะเก็บหุ้นที่มี MOS ดี [เข้าสูตรหุ้นแบกะดินของอาจารย์ เบน เลยหละ]

หลายๆคนก็ให้ความเห็นว่า ช่วงนี้ควรจะลงทุนแบบระมัดระวังไว้ก่อน
แต่ใจผมมันดันชอบหุ้น Growth นี่สิ

ถ้า growth แล้วมี MOS ก็ซื้อไปเถอะ
แต่ถ้า growth แล้วไม่มี MOS จะไปซื้อให้เสี่ยงทำไม

ผมเป็นโรคไม่ชอบถือเงินสดครับ เต็มพอร์ตร้อยเปอร์เซนตลอดเวลา เพราะผมทำงานประจำ ใส่เงินเพิ่มทุกเดือน หุ้นขึ้นผมแบ่งขายหุ้น หุ้นลงผมซื้อเพิ่ม ตอนปี 2008 สนุกมากซื้ออย่างเดียว ตอนนี้ก็ทำใจนิดหน่อย port ลด แต่อีกไม่นานปันผลก็จะเข้าแล้ว ได้เวลาช๊อบรอบใหม่

ถือเงินสดไว้ก่อนครับ ถ้าหากจะเอาไปลงทุนใน อสังหาฯ ทอง พันธบัตร ก็สภาพคล่องน้อย

แต่ถ้าอยากเอาเงินสดไปลงทุนจริงๆ แนะนำให้ลงทุนกับความรู้ดีกว่าครับ(อย่างที่หลายคนบอก) ถึงแม้ผลตอบแทนที่ได้จะไม่ได้กลับเป็นตัวเงิน แต่ความรู้ที่ได้ก็เอาไปใช้หาเงินได้ตลอดชีวิต

ถ้าผมไม่รู้จะซื้ออะไรในเวลานี้แต่ก็ต้องแยกเป็นสองกรณี
1.ถ้าเราไม่มีหุ้นผมก็อาจจะเลือกถือเงินสดในกรณีที่ไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ
2.ถ้ามีหุ้นอยู่ก็จะเลือกจัดสรรพอร์ทให้มัน under valuer เพื่อบริหารความ
เสี่ยงของพร์อตวิธีนี้จะทำให้เราไม่เคลียดเพราะจะทำให้หุ้นในพอร์ตมันมี
upside ตลอดเวลาอย่าลืมการลงทุนมันต้องควบคู่ไปกับความสุขบางทีเรา
อย่าไปจับจ้องที่เป้าหมายจนเกินไปการลงทุนหุ้นนั้นมันต้องมีต้องมีระยะถือ
ครองหุ้นไปกับเราเสมอ..สุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับขอบข่ายความรู้ของแต่ระ
บุคลด้วยอันนี้ต้องยอมรับคงไม่เท่ากันแน่ๆ..ขอบข่ายของความรู้ยิ่งมีมากเท่าไหร่
การหาปลาตัวใหญ่ก็คงไม่ยากเกินควร ณ สถานการณ์ของตลาดปัจจุบันที่ไม่เอื้อ
อำนวยเหมือนในปีสองปีที่ผ่านมา

gorillaz เขียน:ตอนนี้ผมลังเลใจอยู่อย่างนึงครับ

ว่าจะเก็บหุ้นที่มี Growth
หรือจะเก็บหุ้นที่มี MOS ดี [เข้าสูตรหุ้นแบกะดินของอาจารย์ เบน เลยหละ]

หลายๆคนก็ให้ความเห็นว่า ช่วงนี้ควรจะลงทุนแบบระมัดระวังไว้ก่อน
แต่ใจผมมันดันชอบหุ้น Growth นี่สิ

ส่วนผมชอบซื้อหุ้นที่มันจะวิ่ง

ผมก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน
คิดเหมือนกันว่าน่าจะลดพอร์ทได้แล้ว
แต่พอมองดูพอร์ท อ้าว ทำไมมันเกินร้อย%

สงสัยผมจะใช้วิธีของท่านสุมาอี้อยู่
เขาบอกว่า
ถือเงินสดก็เหมือนซื้อหุ้นนั่นแหละ
แต่เป็นหุ้นที่ชื่อว่า cash
หุ้นตัวนี้ให้ผลตอบแทนปีละ 1 %
แม้จะน้อยแต่ไม่ขาดทุนแน่

แต่ผมก็ยังไปเลือกหุ้นตัวอื่นที่ไม่ใช่ cash
มีโอกาสขาดทุน แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า 1%
อนาคตก็คงรู้. ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิด

ส่วนตัวสำหรับ นิสัยผมชอบที่จะถือเงินสดไว้ส่วนหนึ่งอยู่แล้วครับ

แล้วไม่เคยใช้ margin (แล้วแต่ละคนครับ ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน)

ก็เหมือนอย่างที่เราเจอในชีวิตประจำวันเสมอๆก็คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เหมือนอย่างแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นตอนนี้

บางครั้งการมีเงินสดก็ช่วยเราในการ ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตได้เพิ่มขึ้น แต่แน่นอนการถือเงินสดไว้ก็ลดผลตอบแทนในกรณี ที่หุ้นที่เราสนใจอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือเป็นช่วงที่เป็นกระทิง

ดังนั้นขึ้นกับว่า สบายใจระดับไหน ก็ถือหุ้นในระดับที่ตัวเองสบายใจแค่นั้น

ลงทุนต้องมีความสุขระหว่างทางด้วย

สูตรใครก็สูตรใครครับ ถ้าคิดว่าแพงถือแล้วไม่สบายใจ ออกมาศึกษาหุ้นอ่อนก็ไม่เห็นเป็นไร
ตลาดเปิดตลอดอยู่แล้วนี่ครับ...