Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อย่ามีอคติกับการลงทุน

เท่าที่สังเกตุดู กับเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา

ตัวผมเอง และหลายท่าน จะมีอคติ

มาดูพจนานุกรม กับคำแปล

"อคติ " ตามความหมายของ พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 มีความหมายว่า

อคติ [อะคะ] น. ความลําเอียง มี ๔ อย่าง คือ
ฉันทาคติ = ความลําเอียงเพราะรัก โทสาคติ = ความลําเอียงเพราะโกรธ
ภยาคติ = ความลําเอียงเพราะกลัว โมหาคติ = ความลําเอียงเพราะเขลา. (ป.).

การมีอคติกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง น่าจะเหมือนมีอคติกับหุ้นตัวนั้น
เวลามีข่าวดีกับหุ้นตัวนั้นชอบต่อต้าน,โต้แย้ง
เวลามีข่าวร้ายกับหุ้นตัวนั้นชอบสนับสนุน,แบบร่วมด้วยช่วยกัน

พอนานๆไปน่าจะเกิดความมั่นใจมากขึ้นตามลำดับ
อาจจะเลยเถิดไปถึงตัวบุคคลเข้าให้

สังเกตดูไม่ได้ช่วยทำให้ชีวิตคนเรามีสุขขึ้น มีแต่การติเตียน ขุดเจาะ,หาสิ่งบกพร่องของผู้อื่นตลอดเวลา
ถ้าพูดแบบคนมีธรรมะทำให้ใจเป็นทุกข์

หุ้นที่มันเทรินขึ้นมาก็มีเสียงกระซิบกับสายลมว่าหุ้นปั่นๆ
บางครั้งคนที่พูดก็ไม่ได้ทำการบ้านเข้าไปขุดค้นหาที่มาที่ไป

แบบรู้น่ะรู้ แต่...รู้ไม่จริง (รู้แบบเป็ด เป็ด)


สุดท้ายตกรถ(เหมือนผมนี่ล่ะตกรถ)
พอตกรถ ความหวังดี ก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนเยอะแยะ
เวลาว่างที่มี ก็เที่ยวไปเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น
หุ้นปั่น อย่าไปร่วมขบวนการเขานะ ขึ้นมาหลายเท่าแล้ว
เสียดาย ดีกว่าเสียใจ
(ก็แบบว่า ว่ากันไป ว่ากันไป)

ถ้าจะให้สร้างสรรค์กันสักเล็กน้อย น่าจะว่า...
ดีใจด้วยนะที่ซื้อหุ้นได้ถูกตัวได้หุ้นดีมีกำไรทั้งราคาและน่าจะได้ปั่นผลไม่น้อยในอนาคต
คุ้มค่าแก่การลงทุนเชียวล่ะ

คนที่มีก็ถือไว้ คนที่ยังไม่มีก็อย่าเข้าไปเลย รอรถรอบหน้าหรือรอหุ้นตัวหน้าก็ยังทัน
มันน่าจะมีรถด่วนผ่านมาสักครั้งในชีวิตของการลงทุน

เพราะฉะนั้น อคติ ไม่เคยส่งผลดีกับใคร

ไม่ว่าจะเป็นเราที่ไปมีอคติกับเค้า

หรือเค้าที่โดนเราอคติใส่

เลยมาคิดดูว่า อย่าอคติกับใครเลย
ใครพูดอะไรมาก็ควรฟังและถ้ายังเคลือบแคลงสงสัยก็กลับไปค้นคว้าหาคำตอบสวยๆหรูๆดูกันใหม่

ที่เขียนมาไม่ได้มีเจตนาว่าใครนะครับ
ผมว่าตัวเองนี่ล่ะ จะได้ไม่มีอคติต่อผู้อื่น

โชคดีกับการลงทุนครับ

ส่วนผมยังไม่ทันขึ้นรถ นั่งอยู่ที่สถานี รอรถขบวนใหม่ เมื่อไหร่จะมีใครเรียกเราขึ้นรถด่วนด้วยคน

ไม่ได้มาชม แต่ก็เหมือนชม
ความคิดพี่ปรัชญาหลักแหลม มีเหตุมีผล มีเมตตาและความหวังดีต่อผู้อื่นครบครัน
หากคนไทยโดยรวมเป็นอย่างที่พี่ปรัชญาเสนอแนะ
หากนักลงทุนมากกว่าครึ่งเป็นอย่างที่พี่ปรัชญาให้ความเห็น
บ้านเราคงน่าอยู่อีกมาก การลงทุนในหุ้นของเราคงสร้างความสุขอีกแยะ
ขอบคุณพี่ครับ
ขอบคุณสำหรับข่าวทุกเช้าด้วยครับ
อ่านแล้วติดเชียว

ผมเห็นด้วยกับพี่ปรัชญาครับ

การมีอคติ ใน ความคิด จะมีผลต่อการตัดสินใจ

เป็นปกติของคนครับ ถ้ามีหุ้น ก็มองหาแง่บวก เป็นการยืนยัน ยึดมั่น ว่าตนเองคิดถูก

คงไม่มีใครชอบมั้งครับ ถ้ามีใครมาบอกว่าตัวเองนั้นผิด เป็นหลักจิตวิทยาพื้นฐาน ซึ่งถ้ามีสติ รับฟัง นำมาไตร่ตรอง ก็จะมีประโยชน์

ถ้าไม่มี อัตตาและเชื่อในความรู้ที่ศึกษามาเลย ก็ไม่มีความมั่นใจ

ถ้ามีน้อยไป ก็ไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจ

ถ้ามีมากไปก็มั่นใจเกินเหตุ และถ้าไม่มีสติ คอยควบคุม เวลาใครมาทักก็อาจจะโกรธกันได้ง่าย ๆ


แต่เรื่องรถนั้น ผมว่ามีออกจากท่าตลอด เพียงแต่เราต้องคอยดู และศึกษาครับ

รูปรถไฟ ถ้าใครเกาะหลังคา (ไม่มี Mos พอ) ถ้ารถตกรางก็อาจเดี้ยงได้นะครับ

เข้ามาคารวะ

เข้ามาแซวคุณปรัชญาว่าตกรถjasหรือเปล่า
แต่เดี๋ยวอีกสักพักพอมันแหกโค้งเหมือนptl
อาจะดีใจที่ตกรถนะครับ

ความหวังดี บางคนก็มองเป็นอคติได้ครับ

ชอบประโยคนี้ของคุณ ฮง ครับ

จาก http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 3&start=30

ลืมรูป

ชอบขบวนรถครับพี่ปรัชญา อากาศที่ขอนแก่นน่าจะเย็นนะครับพี่ ขอบคุณที่เตือนในสิ่งดีๆกับคนมาใหม่ครับ

ขอคารวะด้วยคนครับ คมจริงๆครับพี่ปรัชญา

ขอบคุณพี่ปรัชญามากๆครับ เป็นบทความที่ดีมากๆเลย ช่วยให้เกิดความคิด
ในการลงทุนในมุมมองที่กว้างมากขึ้น เหมือนที่ใครๆบอกรักได้แต่อย่าหลง
ใช้สติตรึกตรองให้มาก อย่าเชื่อคนอื่นง่ายเกินไป พยายามหาข้อมูลด้วยตัวเอง
เหมือนที่ดร.นิเวศน์แกว่าไว้ในตลาดนี้เต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด

ขอบคุณมากครับ
คมคายน่าติดตามจริงๆ

สำหรับผม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอคติ หรอกครับ แต่ถ้าเรารู้ทันมัน ก็ไม่เป็นไร
ถ้าอคติ กับ ตัวหุ้น ผมว่าในตลาดมีหุ้นมากมาย ลองมองข้ามตัวที่เรามีอคติ มันก็จบ
ถ้าอคติ ใหญ่ขึ้นมา คือ อคติ กับ ตลาดหุ้นไทยโดยรวม ลองมองข้ามไป ทำอาชีพอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตลาดหุ้นไทย มันก็จบ(หรือไม่ก็หากองทุนรวมที่ไปลงทุนในตลาดประเทศอื่นก็ไม่เลวนัก)
ถ้าอคติ ใหญ่มากๆ คือ อคติ กับ การลงทุนในตลาดทุนทั้งโลก ผมว่าก็มองข้ามไป เลิกลงทุนในลักษณะตลาดทุน ก็จบครับ ลองหันไปทำอย่างอื่นอาจจะรุ่งกว่ามาก
ปัญหาของการมีอคติ กับการลงทุน มันส่งผลต่อตัวเราเมื่อเรายังดื้อ ทั้งๆที่รู้ว่าเรามีอคติ ต่างหาก

BeSmile เขียน:ผมเห็นด้วยกับพี่ปรัชญาครับ

การมีอคติ ใน ความคิด จะมีผลต่อการตัดสินใจ

เป็นปกติของคนครับ ถ้ามีหุ้น ก็มองหาแง่บวก เป็นการยืนยัน ยึดมั่น ว่าตนเองคิดถูก

คงไม่มีใครชอบมั้งครับ ถ้ามีใครมาบอกว่าตัวเองนั้นผิด เป็นหลักจิตวิทยาพื้นฐาน ซึ่งถ้ามีสติ รับฟัง นำมาไตร่ตรอง ก็จะมีประโยชน์

ถ้าไม่มี อัตตาและเชื่อในความรู้ที่ศึกษามาเลย ก็ไม่มีความมั่นใจ

ถ้ามีน้อยไป ก็ไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจ

ถ้ามีมากไปก็มั่นใจเกินเหตุ และถ้าไม่มีสติ คอยควบคุม เวลาใครมาทักก็อาจจะโกรธกันได้ง่าย ๆ


แต่เรื่องรถนั้น ผมว่ามีออกจากท่าตลอด เพียงแต่เราต้องคอยดู และศึกษาครับ

รูปรถไฟ ถ้าใครเกาะหลังคา (ไม่มี Mos พอ) ถ้ารถตกรางก็อาจเดี้ยงได้นะครับ

ผมไม่เชื่อว่า... ถ้าไม่มีอัตตา และ จะขาดความมั่นใจนะครับ...

อัตตา มานะทิฎฐิ ที่เราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่า เรา ดีกว่าคนอื่น เสมอกับคนอื่น หรือว่า ด้อยกว่าคนอื่น... สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่ามันก็จะนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งนั้น...

ความมั่นใจ นี่ จริงๆ ผมว่า... ไม่จำเป็นต้องเป็นความมั่นใจในตนเอง หรือที่ฝาหรั่งเรียกว่า self-confident หรอกมั้งครับ... จริงๆ แล้วความมั่นใจ ศรัทธา และเชื่อมั่น ในหลักเหตุและผล ก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวที่ออกจะดีกว่าการยึดมั่นถือมั่นในตนเองเป็นไหนๆ และน่าจะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดียิ่งขึ้นด้วยนะ... ผมว่า...

ดังนั้น... ผมอยากที่จะลดละอัตตาตัวเองให้ได้มากๆ จริงๆ... แต่มันช่างยากเหลือเกิน... ทุกวันนี้ ที่พิมพ์ๆ อยู่ ณ ขณะนี้ ก็เป็นการแสดงถึงอัตตาของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม... โพสต์ไปเสร็จก็อยากให้คนชื่นชม มองตัวเราดีอย่างนู้นอย่างนี้... โพสต์เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งทนทุกข์... จะโพสต์ตามเหตุ-ปัจจัย ปราศจากอัตตานี่ ยากมากๆ... เฮ้อ...

สักวันนึงผมหวังว่า... ผมจะสามารถ ถือศีล... สามารถอ่าน ThaiVI โดยไม่ โพสต์ข้อความเลยสักข้อความนึงได้... ชีวิตคงจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ...

drsp เขียน:เข้ามาแซวคุณปรัชญาว่าตกรถjasหรือเปล่า
แต่เดี๋ยวอีกสักพักพอมันแหกโค้งเหมือนptl
อาจะดีใจที่ตกรถนะครับ

พี่ drsp พูดจาแบบนี้หาเรื่องคนถือ แจ๊ดดดดด นะครับพี่...

แถมมาแลบลิ้นใส่อีกต่างหาก... ผิดกฎเว็บเปล่าเนี่ย...

อิๆ ล้อเล่นนะครับพี่...

picatos เขียน:

drsp เขียน:เข้ามาแซวคุณปรัชญาว่าตกรถjasหรือเปล่า
แต่เดี๋ยวอีกสักพักพอมันแหกโค้งเหมือนptl
อาจะดีใจที่ตกรถนะครับ

พี่ drsp พูดจาแบบนี้หาเรื่องคนถือ แจ๊ดดดดด นะครับพี่...

แถมมาแลบลิ้นใส่อีกต่างหาก... ผิดกฎเว็บเปล่าเนี่ย...

อิๆ ล้อเล่นนะครับพี่...

ไม่ได้หาเรื่องหรอกครับ
ใจผมอยากให้พูดทั้งข้อดีข้อเสียจะได้มองทุกด้าน
พูดแต่ข้อดีอย่างเดียวอันตรายมากเพราะเป็นการมองด้วยอคติ ทำให้รักหุ้นมากเกินไป
พูดแต่ข้อเสียก็เป็นอคติทำให้เกลียดหุ้นมากเกินไป
ถ้ามองด้วยความเป็นกลางได้นั่นแหละประเสริฐที่สุด
ปล1. พี่ปรัชญาเขียนกระทู้ได้เยี่ยมมากครับ
ปล2. พี่dsrpมีมุมมองในการลงทุนที่ถูกใจผมมาก เอาของดีๆมาโฆษณาอีกที

drsp เขียน: สําหรับผมตลาดหุ้นคือสถานที่ซึ่งเรา
ใช้เงินทุนสติปัญญาทักษะความสามารถในการเอาชนะ
เพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินและมาตรฐานความเป็นอยู่
สัาหรับผมตลาดหุ้นเป็นintellectual game
ที่ได้รางวัลเป็นตัวเงินตอบแทน

เวลผมชนะได้เงินผมไม่คิดว่าผมกินเลือดเนื้อใคร
เวลาผมแพ้ผมก็ไม่คิดว่าใครกินเลือดเนื้อผม
ถ้าผมคิดว่าตลาดหุ้นคือการกินเลือดเนื้อกันผมคงเลิกเล่น
ถ้าตลาดหุ้นไม่มีความสนุกและบันเทิงปัญญาผมก็คงเลิกเล่น

Buffetชนะคนทั้งโลก
แต่บริจาคทรัพย์สิน90%เข้าองค์กรการกุศล
buffetกินเลือดเนื้อใครหรือเปล่า โลภมากไปหรือไม่

สัาหรับผมปรัชญาและทัศนคติมีผลกับการดําเนินชีวิต
ผมจึงเลือกเชื่อปรัชญาที่ทําให้จิตใจผมสงบมีความสุข
และมีมุมมองแง่บวก
ปรัชญาในแง่ลบถึงแม้เป็นความจริง
แต่ผมไม่มีความสุขที่จะเชื่อหรือยึดถือ
ผมก็ปล่อยมันผ่านไป

มีคนบอกว่าให้นำความคิดที่เราคิดว่าดีที่สุด
ไปถามคนที่เกลียดเราที่สุด เพราะเขาจะพยายามค้านเราตลอด
แล้วจะได้คำตอบในอีกด้านที่คาดไม่ถึง

^^ เขียน:มีคนบอกว่าให้นำความคิดที่เราคิดว่าดีที่สุด
ไปถามคนที่เกลียดเราที่สุด เพราะเขาจะพยายามค้านเราตลอด
แล้วจะได้คำตอบในอีกด้านที่คาดไม่ถึง

ไปถามคนที่รักเราที่สุดก็คือไปถามคนที่มีอคติ
ไปถามคนที่เกลียดเราที่สุดก็คือไปถามคนที่มีอคติ
คำตอบที่ได้ก็เจือด้วยอคติ ที่ไม่ตรงกับความจริง

เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แถมยังเกิดโทษที่คาดไม่ถึงด้วยซ้ำ
ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
เหมือนอยากได้นมวัว แต่ไปรีดเอาจากเขาวัว ไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรเลย
นอกจากเสียเวลา อาจจะโดนวัวขวิดเอา

แล้วถ้าเราไม่มีอคติเป็นตัวตั้งก่อนจะนำเราไปหาคำตอบที่
ไม่มีอคติได้หรือครับ

tinithemandindang เขียน:แล้วถ้าเราไม่มีอคติเป็นตัวตั้งก่อนจะนำเราไปหาคำตอบที่
ไม่มีอคติได้หรือครับ

อคติ ก็คือ 1 ใน มิจฉาทิฏฐิ

มิจฉาทิฎฐิ ก็คือ การเห็นไม่ตรงกับความเป็นจริง เห็นผิดไปจากความจริง ซึ่งเกิดจากอำนาจของ อวิชชา คือ ความหลงผิด ความไม่รู้

การมีความเห็นไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่น่าจะนำไปสู่คำตอบที่เป็นไปตามความเป็นจริงได้นะครับ...

คำตอบที่ปราศจากอคติ คำตอบที่ตรงตามความเป็นจริง น่าจะมาจากความคิดที่ปราศจากอคตินะครับ... ดังนั้นผมเชื่อว่าได้ครับ

สามัญชน เขียน:

^^ เขียน:มีคนบอกว่าให้นำความคิดที่เราคิดว่าดีที่สุด
ไปถามคนที่เกลียดเราที่สุด เพราะเขาจะพยายามค้านเราตลอด
แล้วจะได้คำตอบในอีกด้านที่คาดไม่ถึง

ไปถามคนที่รักเราที่สุดก็คือไปถามคนที่มีอคติ
ไปถามคนที่เกลียดเราที่สุดก็คือไปถามคนที่มีอคติ
คำตอบที่ได้ก็เจือด้วยอคติ ที่ไม่ตรงกับความจริง

เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แถมยังเกิดโทษที่คาดไม่ถึงด้วยซ้ำ
ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
เหมือนอยากได้นมวัว แต่ไปรีดเอาจากเขาวัว ไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรเลย
นอกจากเสียเวลา อาจจะโดนวัวขวิดเอา

ผมว่า... ถ้าเราปราศจากอคติ แล้วได้ความเห็นที่เต็มไปด้วยอคติ 2 ด้าน... แล้วเอาความเห็นทั้งสองด้านมาประมวลด้วยหลักเหตุผลแล้ว ก็น่าจะพอหาความจริงจากอคติทั้งสองด้านได้บ้างนะครับพี่หมอ...

อย่างหนังเรื่อง ราโชมอน ของ อากิระ คุโรซาว่า ยังไงหยั่งงั้น... แต่ยังไง การฟังความเห็นของคนที่ปราศจากอคติ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ได้เห็นข้อเท็จจริง ก็ดีที่สุดแหละครับ...

picatos เขียน:[...

ความมั่นใจ นี่ จริงๆ ผมว่า... ไม่จำเป็นต้องเป็นความมั่นใจในตนเอง หรือที่ฝาหรั่งเรียกว่า self-confident หรอกมั้งครับ... จริงๆ แล้วความมั่นใจ ศรัทธา และเชื่อมั่น ในหลักเหตุและผล ก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวที่ออกจะดีกว่าการยึดมั่นถือมั่นในตนเองเป็นไหนๆ และน่าจะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดียิ่งขึ้นด้วยนะ... ผมว่า...

...

ขอบคุณมากครับ

บางครั้งผม ก็มักเอา ความคิดตัวเอง(อัตตา) ที่ถูกครอบงำโดยเรื่องความกลัว และความโลภ เป็นหลัก มากกว่า เหตุและผล เหมือนกัน

ทำให้การตัดสินใจ ได้ไม่ดีเท่าทีควร

I am forever walking upon these shores,
Betwixt the sand and the foam.
The high tide will erase my foot-prints,
And the wind will blow away the foam.
But the sea and the shore will remain
Forever.

ฉันท่องไปบนหาดนี้เป็นเนืองนิจ
ระหว่างทรายกับฟองคลื่น
คลื่นจะสาดลบรอยเท้า
ลมจะพัดฟองแตกกระจาย
แต่ทะเลและฝั่งจะคงอยู่
ตลอดไป

ทรายกับฟองคลื่น (Sand and Foam)
ผู้แต่ง คาลิล ยิบราน
ผู้แปล ระวี ภาวิไล



ไม่ว่าอะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วมันก็จะผ่านไป

ชอบมากครับ ขอบคุณครับพี่ปรัชญา

ขอบคุณครับพี่ปรัชญา

พี่โต๊สครับ ผมไม่เห็นว่าอคติจะเกี่ยวกับความมั่นใจนะครับ
ถ้าจะเกี่ยวก็เกี่ยวแบบการหลงครับ

ผมเห็นว่าถ้าเราวางใจเป็นกลางได้ ใจเราจะมีความมั่นใจกว่าความมั่นใจใดๆ
มั่นใจในความสัจจริง มั่นใจในธรรม มั่นใจว่าทุกสิ่งจะดำเนินไปตามเหตุปัจจัย

เหมือนคนไม่ใส่แว่นกันแดด ย่อมเห็นสีได้ถูกต้องตรงตามจริงกว่าคนใส่แว่นกันแดด

ผมอาาจะผิด แต่ผมเห็นอย่างนี้จริงๆ พี่ลองพิจารณาดูครับ

อ้าวอ่านผิด พี่โต๊สเห็นเหมือนผมนี่นา
งั้นแก้เขินเปลี่ยนเป็นบอกพี่บีสะไมล์ละกันครับ

ถามคนเกลียดเรา ไม่ได้เชื่อนะครับ
แต่มีข้อมูลให้มองที่มากกว่าด้านเดียว

โปรดมองในแง่นี้ครับ

อยู่กับปัจจุบัน
เกิดขื้น ตั้งอยู่ ดับไป
ตนเป็นที่พื่งแห่งตน

^^ เขียน:ถามคนเกลียดเรา ไม่ได้เชื่อนะครับ
แต่มีข้อมูลให้มองที่มากกว่าด้านเดียว

โปรดมองในแง่นี้ครับ

ผมขออธิบายอย่างนี้นะครับ
อคติแปลว่าความลำเอียง ก็คือไม่ตรงกับที่มันเป็นจริง คือมันเป็นเท็จ
หรือจะเปรียบเหมือนการใส่แว่นตากันแดดก็ได้ หรือแว่นตาสีก็ได้ ภาพที่ออกมามันจะผิดจากความจริง
ในเมื่อมันเป็นเท็จ เราจะสะสมข้อมูลที่เป็นเท็จมากมายหลายด้านไปทำไม
ยิ่งมีเยอะมันยิ่งหลอกเราง่าย
ถ้าเรามีภูมิต้านทานที่ดีเรายังอาจจะมีสติระลึกขึ้นได้ว่ามันหลอกเราอยู่
แต่เราเผลอเมื่อไหร่เราก็เป็นเหยื่อมันเมื่อนั้น

เราควรสะสมความจริงให้รอบด้านไม่ดีกว่าหรือ
ลำพังความจริงเองก็มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
ความจริงก็มีทั้งที่ให้ประโยชน์และให้โทษ
มันจะเลวอย่างไรจะประเสริฐอย่างไร ถ้ามันเป็นความจริงเราก็ต้องรับ.

เรียนคุณpicatosครับ
ผมก็มีjasเหมือนกันแต่ไม่เยอะแถมทุนสูง
ผมชอบอ่านความเห็นคุณนะ
มีความรู้และอารมณ์ดีอีกต่างหาก

เรียนคุณหมอสามัญชน
ได้รับคําชมจากคนเก่งและประสพความสําเร็จอย่างคุณหมอ
ถือเป็นกําลังใจอย่างยิ่ง
ผมเล่นหุ้นแบบหลงทางมาเป็นสิบปี
เพิ่งมาสนใจแนวทางviแค่2ปี
ถือเป็นเด็กหัดใหม่ พอร์ทก็เล็กนิดเดียว
อีกอย่างผมคิดว่าคุณหมอถ่อมตัวเกินไป
ในความเห็นส่วนตัวของผม
คุณหมอสามัญชนเป็นกระบี่อันดับหนึ่งในtviนี้
เพิ่งไม่นานมานี้ผมอ่านประวัติคุณหมอ
พอร์ทยังแค่ร้อยล้าน
แต่ตอนนี้ผมว่าน่าจะถึงพันล้านแล้ว
สไตล์คุณหมอค่อนข้างactiveและaggressive
ผมว่าภายใน5ปีนี้พอร์ทคุณหมอจะใหญ่กว่าดร นิเวศน์
ซึ่งconservativeกว่า
คุณหมอกําลังจะเป็นตํานานบทใหม่ในตลาดหุ้นไทย
โพสท์ให้ความรู้บ่อยๆเป์นวิทยาทานนะครับ
จะได้เป็นเกราะป้องกันคนหมั่นไส้
และความชั่วร้ายต่างๆไม่ให้มาแผ้วพาน
ดีใจที่ได้พูดคุยกับคนเก่งจิตใจดีแบบคุณหมอครับ

อยากจะละอัตตา และอคติในตัวจริง ๆ