Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

นั่งคิดว่าหลายวันแล้ว ยังคิดไม่ค่อยออกเลยว่า บริษัทหรือธุรกิจประเภทไหนที่จะได้ประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อ ธนาคาร?

น้ำประปา

ธุรกิจน้ำประปา เคยฟังข้อมูลมาว่า มีต้นทุนพลังงานในการนำส่งน้ำ สูงนะครับ
ซึ่งปกติเงินเฟ้อกับราคาพลังงานก็มาคู่กันด้วย แล้วธุรกิจนี้การปรับราคาก็ทำได้ไม่ทันกับเงินเฟ้อนะผมว่า

ธุรกิจที่รายจ่ายเป็น fix cost รายรับเป็น variable อย่าง ให้เช่าสินทรัพย์ หรือ สาธาฯ ที่สัญญาขายผูกกับเงินเฟ้อ

ธุรกิจที่มี dca และไม่ถูกรัฐฯ คุมราคาขาย สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้

commodity ปะครับ

ถ้าเฟ้อมากๆ ผมว่าทุกธุรกิจล้วนเสียประโยชน์
เพียงแต่ธุรกิจที่มีBrandที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และเป็นสินค้าจำเป็นที่ไม่สามารถลดหรือตัดออกจากการใช้ในชีวิตประจำวันได้ น่าจะเสียประโยชน์น้อยกว่าและอยู่รอด พร้อมจะฟื้นตัวเร็วกว่าธุรกิจอื่น

ธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ คือธุรกิจที่สามารถกำหนดราคาขายได้ตามที่ตนต้องการ
พูดอีกด้าน คือธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง อาจเป็นธุรกิจผู้ขาด หรือมีแบรนด์ที่แข็ง หรือมีลูกค้าที่มีความจงรักภักดีสูง

ยกตัวอย่าง
เดิมเราผลิตสินค้าต้นทุน 8 บาท ขาย 10 บาท กำไร 2 บาท หรือ 20%
เงินเฟ้อ 10% ทำให้ต้นทุนขึ้นอย่างสอดคล้องกัน
และเราโชคดีที่สามารถเพิ่มราคาขายได้ 10%
สถานการณ์ใหม่จะเป็น
ต้นทุน 8.8 ขาย 11 กำไร 20% เท่าเดิม แต่เราได้เม็ดเงินเพิ่มเป็น 2.2

ทีนี้หากธุรกิจเราแข็งแกร่ง ได้เปรียบ supplier ที่ไม่สามารถขึ้นราคาได้สอดคล้องกับเงินเฟ้อ แถมยังมีวงจรเงินสดที่สั้นมาก หรือ มีประสิทธิภาพดีในการทำตัวเองให lean เข้าไปอีกในช่วงนี้ ในขณะที่คู่แข่งทำไม่ได้

นั่นแปลว่า MKT Share เราเพิ่ม
เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ
เราจึงเห็นว่าบริษัทที่แข็งแกร่งกับยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
วิกฤติคือโอกาสของผู้แข็งแกร่งจริงๆ ครับ

ว่าแต่ มีธุรกิจอะไรบ้างที่มีลักษณะดังว่านี้

picatos เขียน:ธุรกิจที่รายจ่ายเป็น fix cost รายรับเป็น variable อย่าง ให้เช่าสินทรัพย์ หรือ สาธาฯ ที่สัญญาขายผูกกับเงินเฟ้อ

ธุรกิจที่มี dca และไม่ถูกรัฐฯ คุมราคาขาย สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้

Benjamin Graham ได้ระบุในหนังสือ Intelligent Investor ไว้ครับว่า มีการลงทุนอยู่ 2 อย่างที่จะชนะเงินเฟ้อได้ คือ REITs และ TIPS
ถ้าเป็นหุ้นบ้านเราก็คงเป็นพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าสินทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์

http://www.set.in.th/ben_graham_the_int ... vestor.pdf

Skyforever เขียน:

picatos เขียน:ธุรกิจที่รายจ่ายเป็น fix cost รายรับเป็น variable อย่าง ให้เช่าสินทรัพย์ หรือ สาธาฯ ที่สัญญาขายผูกกับเงินเฟ้อ

ธุรกิจที่มี dca และไม่ถูกรัฐฯ คุมราคาขาย สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้

Benjamin Graham ได้ระบุในหนังสือ Intelligent Investor ไว้ครับว่า มีการลงทุนอยู่ 2 อย่างที่จะชนะเงินเฟ้อได้ คือ REITs และ TIPS
ถ้าเป็นหุ้นบ้านเราก็คงเป็นพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าสินทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์

โอ้ว... ขอบคุณครับ นึกว่าคิดไปเองคนเดียว...

มีอาจารย์เกรแฮมมาช่วยยืนยันด้วย... เยี่ยมไปเลยครับ...

ความเห็นเพิ่มเติมครับ
ธุรกิจที่น่าจะได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ
ถ้าเงินเฟ้อมาจาก cost push พวก commo น่าจะได้ประโยชน์ ครับ
ถ้าเงินเฟ้อมาจาก demand pull พวกค้าปลีกน่าจะได้ประโยชน์ ครับ
ส่วนธุรกิจที่ทำสัญญา หรือการปรับราคาขึ้นกับเงินเฟ้อ เช่น สาธารณุปโภค พวกนี้น่าจะได้ประโยชน์กับทั้ง cost push และ demand pull
อีกกลุ่ม กลุ่มธนาคาร ก็ขึ้นกับโครงส้ราง เงินกู้เงินฝากครับ โดยทั่วไป ธนาคารมีโครงสร้างเงินกูลอยตัว แต่เงินฝาก fix ดังนั้น เงินเฟ้อ น่าจะมีประโยชน์กับกลุ่มธนาคาร

แลกเปลี่ยนครับ พี่ๆ เพื่อนๆ คิดว่าไงครับ

OutOfMyMind เขียน:ธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ คือธุรกิจที่สามารถกำหนดราคาขายได้ตามที่ตนต้องการ
พูดอีกด้าน คือธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง อาจเป็นธุรกิจผู้ขาด หรือมีแบรนด์ที่แข็ง หรือมีลูกค้าที่มีความจงรักภักดีสูง

ยกตัวอย่าง
เดิมเราผลิตสินค้าต้นทุน 8 บาท ขาย 10 บาท กำไร 2 บาท หรือ 20%
เงินเฟ้อ 10% ทำให้ต้นทุนขึ้นอย่างสอดคล้องกัน
และเราโชคดีที่สามารถเพิ่มราคาขายได้ 10%
สถานการณ์ใหม่จะเป็น
ต้นทุน 8.8 ขาย 11 กำไร 20% เท่าเดิม แต่เราได้เม็ดเงินเพิ่มเป็น 2.2

ทีนี้หากธุรกิจเราแข็งแกร่ง ได้เปรียบ supplier ที่ไม่สามารถขึ้นราคาได้สอดคล้องกับเงินเฟ้อ แถมยังมีวงจรเงินสดที่สั้นมาก หรือ มีประสิทธิภาพดีในการทำตัวเองให lean เข้าไปอีกในช่วงนี้ ในขณะที่คู่แข่งทำไม่ได้

นั่นแปลว่า MKT Share เราเพิ่ม
เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ
เราจึงเห็นว่าบริษัทที่แข็งแกร่งกับยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
วิกฤติคือโอกาสของผู้แข็งแกร่งจริงๆ ครับ

ว่าแต่ มีธุรกิจอะไรบ้างที่มีลักษณะดังว่านี้

แต่ถ้าเงินเฟ้อรุนแรงมากขึ้น กำลังซื้อของคนก็ถดถอย ไอ้กิจการที่ว่าสามารถขึ้นราคาได้อิสระนี่แหละครับที่จะไปก่อน

picatos เขียน:ธุรกิจที่รายจ่ายเป็น fix cost รายรับเป็น variable อย่าง ให้เช่าสินทรัพย์ หรือ สาธาฯ ที่สัญญาขายผูกกับเงินเฟ้อ

ธุรกิจที่มี dca และไม่ถูกรัฐฯ คุมราคาขาย สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้

CPN , TICON

ผมอ่านแวบ แรก นึกว่าแบงค์ เพราะเฟ้อมากหน่อย เอาละเตรียมเพิ่มดอกเบี้ย

เงินเฟ้อ เกิดจากอะไร ครับ ถ้ามาจากค่าพลังงานสูงขึ้น
บริษัทพลังงานต้นน้ำก็ได้ประโยชน์ commodity ทั้งหลายตามมา

ต่อมาก็ เงินเฟ้อขึ้น ดอกเบี้ยปรับขึ้น ธนาคารก็ได้ประโยชน์

picatos เขียน:

Skyforever เขียน:

picatos เขียน:ธุรกิจที่รายจ่ายเป็น fix cost รายรับเป็น variable อย่าง ให้เช่าสินทรัพย์ หรือ สาธาฯ ที่สัญญาขายผูกกับเงินเฟ้อ

ธุรกิจที่มี dca และไม่ถูกรัฐฯ คุมราคาขาย สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้

Benjamin Graham ได้ระบุในหนังสือ Intelligent Investor ไว้ครับว่า มีการลงทุนอยู่ 2 อย่างที่จะชนะเงินเฟ้อได้ คือ REITs และ TIPS
ถ้าเป็นหุ้นบ้านเราก็คงเป็นพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าสินทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์

โอ้ว... ขอบคุณครับ นึกว่าคิดไปเองคนเดียว...

มีอาจารย์เกรแฮมมาช่วยยืนยันด้วย... เยี่ยมไปเลยครับ...

ขอแก้หน่อย ตรงนั้น ที่บอกว่า REITs กับ TIPS เป็นส่วน commentary ที่ Jason Zweig เขียนครับ จำได้เพราะอ่านหลายรอบ และสมัยที่ Graham ยังอยู่น่าจะยังไม่มีทั้งสองอย่างครับ และอีกอย่างถึงไม่นับว่าใครบอกไว้จริงๆ ทั้ง REITs (หรือธุรกิจอื่นๆที่รับค่าเช่าอสังหา) กับ TIPS ก็ยังไม่ชนะเงินเฟ้อครับ แค่ทำให้เสมอตัวกับเงินเฟ้อ คือถ้าราคาค่าเช่าอสังหาขึ้นไปเท่าๆกับเงินเฟ้อ ก็แปลว่ารายได้มันเพิ่มเท่ากับเงินเฟ้อพอดี ผลตอบแทนที่เราได้รับก็ไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลย ในแง่ purchasing power

ถ้าจะให้ตอบจขกทจริงๆ ก็คือน่าจะแทบทุกธุรกิจที่ไม่ถูกควบคุมราคาและมีโอกาสขยายตัวครับ คือส่วนหนึ่งราคาสินค้าขึ้นไปก็น่าจะปรับราคาขึ้นไปได้โดยเฉลี่ยเท่าๆกับเงินเฟ้อ ในขณะที่ถ้าบริษัทขยายการผลิต/ยอดขายได้อีกก็น่าจะได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ

เอ๊ะ.... ลองคิดดูดีๆ จะว่าไปบริษัทเดียวกันนี้ก็ได้ประโยชน์ตอนเงินไม่เฟ้อเหมือนกันหนิครับ ดังนั้นไม่ต้องพยายามหาหรอกครับ ว่าบริษัทไหนจะได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ หาบริษัทดีๆที่เราจะลงทุนด้วยก็เพียงพอครับ

phar314 เขียน:แต่ถ้าเงินเฟ้อรุนแรงมากขึ้น กำลังซื้อของคนก็ถดถอย ไอ้กิจการที่ว่าสามารถขึ้นราคาได้อิสระนี่แหละครับที่จะไปก่อน

ทำไมถึงมองว่าไปก่อนหล่ะครับ ช่วยขยายความหน่อย

ผมมองว่า ธุรกิจที่มี stock และ stock ไม่เสื่อมค่า ได้ประโยชน์ เช่น
- เจ้าของ apartment เพราะเมื่อเงินเฟ้อ ค่าก่อสร้างก็จะสูงขึ้นทำให้คู่แข่งใหม่ไม่สามารถตั้งราคาเท่าเราได้
- เจ้าของเหมืองแร่ / น้ำมัน เพราะสินแร่ที่มีอยู่และยังไม่นำมาใช้จะถูกประเมินค่าใหม่ ตามค่า commodity ที่สูงขึ้น