Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมเชื่อว่าทุกคนถือครองหุ้นกับอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ทราบว่า เวลาดูพอร์ตตัวเองจะรู้สึกกับหุ้นตัวใตตัวหนึ่งอย่างผมหรือเปล่า .. เช่น ถือแล้วสบายใจ ไม่ต้องดูแล ติดตามใกล้ชิด ราคาก็ไม่หวือหวา ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แล้วก็ไม่คิดที่จะขายหุ้นตัวนั้นออกมาในระยะเวลาอันสั้น ขณะเดียวกัน ถ้ามีโอกาสก็จะเพิ่มสัดส่วนการลุงทุน

จุดประสงค์ของกระทู้ให้ก็ไม่ต้องการใบ้หวยครับ แต่อยากให้ผู้ทั้งมีและไม่มีประสบการณ์ทั้งหลายช่วยแชร์ให้นักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้เป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นช่วยกรุณาบอกเหตุผลประกอบเบื้องต้นจะเป็นการดีครับ

ผมเชื่อว่า กรณีของพี่ปรัชญาคงจะเป็น FE ซึ่งท่านก็ให้ข้อมูลกับพวกเรา ๆ ในหลายโอกาสที่ผ่านมา... ถ้าผมเดาผิดพี่ปรัชญา ช่วยแก้ไขด้วยครับ

สำหรับผมแล้ว หุ้นที่ผมถือแ้ล้วสบายใจคือ S&P ครับ ขอย้ำ นี่ไม่ใช่การชี้นำ และผมก็ยืนยันว่า S&P ไม่ใช่ที่ทำกำไรให้ผมเยอะที่สุด แต่อย่างที่ว่าครับ ถือแล้วสบายใจที่สุด ทั้งในแง่ขอผลประกอบการที่เติบโตเรื่อย ๆ แต่มั่นคง ไม่หวือหวา ราคาหุ้นก็เปลี่ยนแปลงขึ้นไป เรื่อย ๆ ไม่หวือหว่า เงินปันผลก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ผู้บริหารมีความสามารพและก็ไม่มีประวัติในทางที่ไม่ดี มีโอกาสก็จะเป็นเจ้าของเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย ผมขอให้เหตุผลประกอบบ้างเดี๋ยวคุณ genie ดุผมเอา

1) จ่ายเงินปันผลดีอย่างต่อเนื่อง 2 ปีที่แล้วจ่าย 1.8 และ 1.9 บาท. ปีนี้ก็ไม่น่าต่ำกว่าเดิม
2) มีการขยายสาขาเพิ่มเติม ประมาณ 30 สาขาปีนี้ ต่างประเทศ 2 สาขา ร้านอาหารขนาดใหญ่ 2-3 สาขา (ถ้าจำไม่ิผิด) ที่เหลือจะเป็น outlet
3) มีการเพิ่มชนิดผลิดภัณฑ์ใหม่ คือ อาหารอิสลามแช่เข็ง
4) เปิดร้านกาแฟ blue cup ที่ตอบรับกระแสของร้านกาแฟที่กำลังมาแรง
5) ขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิด เพื่่อตอบรับความต้องการของตลาด
6) ชำระหนี้ก่อนกำหนดในช่วงปี สองปี ที่ผ่านมา ภาระหนี้สินลดลงอย่างมาก
และอื่น ๆ เผื่อท่านผู้รู้ท่านจะเพิ่มเติมก็ิิยินดีครับ

อนึ่ง S&P มี warrant ด้วยอีกประมาณ 30 ล้านหุ้น เพราะฉนั้นโอกาสที่ ESP จะถูก diluted ก็มีครัีบ ดังนั้น เราควรจะใช้ diluted EPS อย่างคุณ CK บอกก็จะเป็นการดีครับ

ผมมองการแลกเปลี่ยนความคิดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ครับ ดังนั้น หากคุณมีหุ้นที่ถือแล้วสบายใจ ก็ช่วยแชร์พร้อมทั้งเหตุผลประกอบ จะทำให้ web board นี้มีคุณภาพและเป็นประโยชน์กับผู้อื่น มากขึ้นครับ

ไม่มีเจตนาจะบอกชื่อหุ้นครับ ผมขอแชร์ความคิดเห็นทั่วๆไปก็แล้วกัน

หุ้นเป็นหลักทรัพย์ที่มีชีวิต มีคนทำงานอยู่เบื้องหลังใบหุ้นตลอดเวลา ดังนั้นผมคิดว่าไม่มีหุ้นตัวใดที่สบายใจได้หรอกครับ ยังไงก็ต้องติดตามข่าวเรื่อยๆ เพราะผมไม่ได้มีอำนาจการตัดสินใจการบริหารงานของบริษัท ต้องใช้วิธีของรายย่อยในการดูแลพอร์ตการลงทุน ก็คือ ซื้อ, ถือ, ขาย

ในพอร์ตของผมมีหุ้นที่สบายใจที่สุดเป็นบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งที่ซื้อได้ในราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับมูลค่าที่เหมาะสม แม้จะขึ้นราคาไปมากแล้วก็ตาม... เค้ามีพอร์ตรับประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก ผมคิดว่าการรับประกันภัยรถยนต์เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีครับ เพราะรถยนต์ไม่ได้รวมกลุ่มอยู่ในสถานที่และเวลาหนึ่งเป็นจำนวนมาก แทบจะหมดโอกาสที่รถที่ประกันโดยบริษัทหนึ่งๆ จะเสียหายทีละมากๆในเวลาเดียวกัน ต่างกับการประกันอัคคีภัยและเรือเดินสมุทรที่อาจจะเกิดความเสียหายที่กระจุกตัวครั้งใหญ่ได้ครับ

ผมชักเห็นด้วยกับคุณนักดูดาวที่จะบอกชื่อหุ้นลงไป

คุณ genie, ผมคิดว่าเราน่าจะลบกระทู้นี้ออกดีกว่า รบกวนด้วยครับ

ม่ายต้องลบหรอกครับ ก็คุณ Thanwa ร่ายเหตุผลซะยาว ดีครับ

ผมก็มีหุ้นสบายใจเหมือนกันครับ เป็นหุ้นประกันเหมือนกัน ราคาก็ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย ช้ากว่า SET Index เยอะครับ แต่สบายใจที่ถือ

เห็นด้วยกับพี่ CK ครับ ถ้าบอกชื่อหุ้นแล้วบอกข้อมูล การวิเคราะห์ที่ละเอียดแล้ว
ก็เป็นการช่วยคนที่สนใจคนอื่นๆได้ระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวอย่างของการวิเคราะห์

แต่ผมไม่ค่อยอยากให้บอกพวกราคาเป้าหมายอะไรพวกนั้น ส่วนนี้น่าจะยกให้เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน
ถึงแม้ข้อมูลไม่ได้เริ่มต้นหาเอง แต่ถ้าได้คิดต่อยอดสักนิด การลงทุนก็จะมีเหตุมีผลมากขึ้น

ผมเริ่มซื้อหุ้นตัวแรกเป็นน้ำมันพืช ปีกว่าแล้ว และยังมีอยู่ ก็สบายใจกับมัน เพราะ Margin Of Safety มากพอควรแล้ว

คุณ thanwa ครับ นับเป็นความใจกว้างของคุณที่บอกชื่อหุ้นในกระทู้ครับ ไม่ต้องลบกระทู้หรอกครับ

เรียนคุณ CK คุณนักดูดาว และ คุณ THiNK

ขอบคุณที่เข้าใจในเจตนาของผมครับ
และก็หวังว่าทุกคนใน web board นี้มีมีหุ้นที่ถือแล้วสบายใจกันทุกคน
ถ้ายังไม่มีละก้อ ผมอยากจะแนะนำให้ศึกษาและก็มีกันคนละตัวสองตัวครับ
จะได้กินอิ่ม นอนหลับ ฝันดี ไม่ต้องคอยสนใจ index ต่างชาติเข้า หรือ ออก

ขอให้ประสบผลสำเร็จในการลงทุนทุก ๆ คนครับ

บอกชื่อหุ้นแล้วตามด้วยเหตุผลผมไม่ลบหรอกครับ(ก็อย่างที่บอกแหละครับถ้าหาเหตุผลไม่ได้จริงๆก็ต้องกำกับว่าเป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัว) แหมขนาด3Kผมยังแจมเลย แต่ที่ผมจะลบคือประเภทเชียร์หุ้นนะครับ เช่น "หุ้นตัวนี้ดีซื้อซะ" หรือ "ราคาเป้าหมายที่เท่านี้" อะไรประมาณนี้ อันนี้ผมขอให้หลีกเลี่ยงครับ แต่ถ้าเอาหุ้นตัวนั้นตัวนี้มาถกกัน อย่างถกกันเรื่อง TCB WG หรือ 3K แบบนี้สนับสนุนครับ เพราะมันเป็นลักษณะสนทนาครับซึ่งผิดกับแบบแรกจะออกเป็นเรื่องชี้นำไป

ของผมเป็นหุ้นกลุ่ม finance ที่ทำ leasing สภาพคล่องไม่มากนัก อุ่นใจจริงๆครับ ปันผลดีตลอด และตัวธุรกิจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวที่ไม่ค่อยมีคนสนใจครับ ดูเหมือนจะเป็นตัวเดียวในกลุ่ม finance ที่ราคาค่อนข้างจะนิ่งๆไม่หวือหวาค่อยเป็นค่อยไป แต่ตอนนี้ราคาขึ้นไปตามผลประกอบการที่จะดีขึ้นมากครับ

ผมก็มีครับ แต่ตอนนี้มันติดจรวดอยู่ครับ เลยทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจกับมันเท่าไร มาร์เก็ตติ้งก็โทรยุให้ขาย เพื่อนที่เก่งเทคนิควันนี้บอกให้ปล่อยก่อนเพื่อรอรับ แต่ผมก็ยังมั่นคงอยู่ครับ ยังไม่ใช่จุดสุดท้ายที่ผมตั้งไว้ครับ

ผมคอมฯเสียเลยพึ่งได้มาตอบครับ
หุ้นที่เราถือแบบคุณTHiNK ว่า...ผมยอมรับว่าใช่ครับ

ถึงท่านอื่นถือหุ้นตัวอื่น ก็มีความสุขได้เช่นกัน
ถ้าคน คนนั้นเข้าใจถึงธุรกิจ จิตใจของผู้บริหาร และสามารถตรวจสอบได้ตามธุรกิจครับ

ย่อมมั่นใจในข้อมูลของตนเอง มากกว่ามั่นใจกว่าบทวิเคราะห์ของโบรกเก้อร์
(อันนี้ผมคิดคนเดียวครับ)

มิน่าละ ไม่เห็นพีปรัชญามาโพตส์ในช่วงที่ผ่านมา

ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ปรัชญาว่า เรื่องเข้าใจถึงธุรกิจ จิตใจและความสามารถของผู้บริหาร และสามารถตรวจสอบได้ตามธุรกิจครับ และการมั่นใจในข้อมูลของตนเอง มากกว่ามั่นใจกว่าบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์

ความจริงแล้ว การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์มาก และสามารถช่วยในเราเข้าใจธุรกิจ ผู้บริหาร และแผนการทางธุรกิจ ผมไปประชุมมาบ้าง รู้สึกชอบมาก ต่างจากการอ่านรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรายงานเห็นชอบกับวาระการประชุมมากกว่า

อยากเชิญชวนเพื่อน ๆ เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น ไหน ๆ เราก็ร่วมลงทุน และให้ความไว้วางใจให้ทีมผู้บริหาร บริหารงานให้ทั้งที ลองไปช่วยกันตรวจสอบ สอบถามสักปีละครั้ง สองครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่จะยากใช่ไหมครับ

เฮีย Mon หมายถึงเจ้ารถกระป๋อง TRU รึเปล่าครับ

ถ้าใช่นะครับ จากนี้ไปมีทั้งแนวต้านจิตวิทยา (เลขกลมๆ) และแนวต้านทางเทคนิค (โลว์เก่าและไฮเก่า) เป็นแนวๆ เต็มไปหมด และราคาเป้าหมายก็ค่อนข้างเกินมูลค่ากิจการพอสมควร ซึ่งค่อนข้างจะแน่นอนว่าราคาต้องมีการปรับตัวลงมาพร้อม SET Index

ส่วนผมขอแนะนำให้ถือครับ

ข่าวนีน่ะมีครับ คือตอนนี้เขาจะหันมาผลิตรถแบรนด์ตัวเองแล้ว (TR) เพื่อแข่งกับอีซุซุเลยครับ แนวโน้มของรถดัดแปลงจะหมดไป เพราะ ISUZU คงจะลงมาเล่นเองด้วย

ถ้ามีการสร้างแบรนด์ให้ติดใด้ TRU จะมีศักยภาพทั้งในประเทศและส่งออกครับ จะเป็นรถ local brand ของไทยรายแรก ... น่าสนับสนุนมากครับ กิจการประเภทนี้

แต่การสร้างแบรนด์ควรจะใช้ทุนมากๆ เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า งานนี้อาจจะมีเพิ่มทุนครับถ้าจำเป็น

ถ้าจะให้ดีควรจะให้บริษัทพี่ปรัชญามาสร้างแบรนด์ให้ เหอะ เหอะ กำไรสองต่อ

ข้อมูลที่ผมให้ไว้ตอนแรก สรุปมาจากการประชุมผู้ถือหุ้น
นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ลงเพิ่มเติดเกี่ยวกับร้านกาแฟ
ตอนท้ายของบทความบอกว่า S&P จะโต 10%
ลองอ่านดูกันเอาเองนะครับ


http://www.bangkokbiznews.com/2003/07/0 ... =mar1.html

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
ไม่ทราบว่า เป็นอย่างไร S&P ขึ้นทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย
สำหรับใครที่อ่านกระทู้นี้ ขอให้ใช้ความระมัดระวังด้วย
ขึ้นมาเร็วผิดธรรมชาติของหุ้นที่ผมถือแล้วสบายใจ
หวังว่า ผลประกอบการ q2 ออกมาดี เดี๋ยวผมจะถูกตำหนิเอา

อ้อ หันมาดู Port ของผมอีกตัวมีไม่เยอะและถือแล้วสบายใจ เช่นกัน
คือ SE-EDื ที่ทุกคนขอบไปซื้อหนังสือกันและครับ
ผมซื้อได้เกือบ 2 ปีได้ปันผล ถ้าจำไม่ผิดก็ 5 บาท 4.5 บาท (par 10 บาท)
ไตรมาสแรก ใจดีจ่ายมาอีก .1 บาท (par 1 บาท)
ลองพิจารณาดูครับ สำหรับท่านที่ต้องการหุ้นปันผล
ในเชิงธุรกิจ ถือว่าใช้ได้ หนี้น้อย ผู้บริหารดี
ขณะที่ PE 11.81 และ PB =2.26
ผมว่า ราคาหุ้นคงไม่ไปไหนมาก
แต่ถ้าต้องการชนะดอกเบี้ยเงินฝาก และก็ถือแล้วสบายใจ
ตัวนี้ ก็เป็นตัวหนึ่งที่ควรจะพิจารณาดูครับ

เมื่อสักครู่ ของผมอีก ขออภัยไม่ได้ log-in ครับ

สบายใจทุกตัวแหละครับ
จะสบายใจได้ อยู่ที่ความคิดของเราเอง ไม่ใช่ตัวหุ้น
บางคนถือ fe แล้วไม่สบายใจ เพราะคิดว่าราคาไม่ไปไหน
บางคนถือแล้วสบายใจเพราะกิจการเชื่อใจได้
ลองหาหนังสือของเดล คาร์เนกี้มาอ่านดสิครับ
แล้วจะรู้ว่าความสบายใจในทุกภาวะนี้ มันทำได้ไม่ยากหรอกครับ

มีเหตุผล น้อง yoyo

ผมไม่ใช่หนอนหนังสือ
ว่าแต่ว่าหนังสือของเดล คาร์เนกี้ มันชื่ออะไร ช่วยที

ผมอยากเสนอAPRINTครับ
เป็นผู้ผลิตนิตยสารแพรว บ้านและสวน ชีวจิต อื่นๆอีกมากมาย
ผลกำไรดีสมำเสมอ จ่ายปันผลสูงขึ้นทุกปี
จากการประชุมผู้ถือหุ้น ผู้บริหารน่าเชื่อถือ และรับฟังความคิดเห็นของผู้ถือหุ้นทุกคน
ท่านกล่าวว่าการตัดสินใจดำเนินการใดๆ ท่านต้องคิดเสมอว่าผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าผู้ถือหุ้นไม่ได้ประโยชน์ ก็ไม่ทำ

ผมไปประชุมมาหลายที่ เห็นที่นี่ดีที่สุดครับ

APRINT ดีจิงๆครับ ถือแล้วสบายใจ annual report สวยหรู เพราะพิมพ์เอง

Dale Carnegie แต่งหนังสือหลายเล่มครับ ดังที่สุดก็ "วิธีชนะมิตรและจูงใจคน" รึเปล่าครับ How to Win Friends and Influence People หรืออะไรประมาณนี้ ดังที่สุด

ส่วนที่น้อง Yoyo พูดถึงน่าจะเป็น How to Stop Worrying and Start Living รึเปล่าครับ

ใช่อย่างที่พี่ CK บอกเป๊ะเลยครับ
แต่ขอชมว่าพี่ CK นี้ตอบได้ทุกเรื่องเลยนะครับ
รู้รอบตัวมากๆ

ขอแจมด้วยครับ
ของผมก็คงเป็นกลุ่มยานยนต์นะครับ ไปได้เรื่อยๆ ตามผลประกอบการ คิดว่าคงถือยาวไปอีก...ปี

mr. bean

ไม่ยักทราบว่า mr. bean มาลงทุนใน ตลท ประเทศไทยด้วย ดีจัง ล้อเล่นนะครับ

ว่าแต่ว่า ไม่ลองบอกซื่อพร้อมเหตุผลประกอบหน่อยหรือครับ เผื่อท่านอื่นจะเอาข้อมูลไว้ศึกษาประกอบการตัดสินใจ

หุ้นที่ถือแล้วสบายใจ สำหรับผมนั้นก็มีเหมือนกันครับ

คือ ต้องเป็นหุ้นของกิจการที่ผมคิดว่ายังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง
ผมก็จะไม่เป็นกังวล

ก็เช่น เคยถือ PTT ซื้อตอนที่เข้าตลาดไปได้สักพักหนึ่ง ต่อมามี
ข่าวต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งส่งผลทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้
ลดลงมาก PTT ตอนนั้นราคาตกไปเหลือ 29 บาทต่อหุ้น ก็มีคนรู้จักหลายคนที่ถือ
ได้ขายหนีตาย และก็ชวนผมขายทิ้ง แต่ผมยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ PTT อยู่
ก็ถือต่อไป จนตอนนี้ก็ยังคงถืออยู่ ด้วยคิดว่า กับกิจการที่มีรายได้มหาศาล มี PE ต่ำ
มากเมื่อเที่ยบกับอุตสาหกรรม และมีปันผลมา 2 ปีติดต่อกันแล้ว

ก็ขอยกตัวอย่างประกอบแค่นี้ล่ะกันครับ

ของผมถ้าจะให้สบายและเย็นใจสุดๆคงเป็น CHARAN นะครับ เพราะทีมงานแกระมัดระวังมาก แล้วจากที่สอบถามผู้บริหารในนั้น แกบอกว่า โดยส่วนใหญ่ประกันของCHARANนั้นเป็น อัคคีภัย ซึ่งสถิติ ณ ปัจจุบันอยู่ที่15ปีต่อ1หลัง(เขาบอกมาอีกที) และประกันที่ได้ส่วนใหญ่มาจากธนาคาร ทำให้เสียค่านายหน้าต่ำกว่าชาวบ้าน แต่บอกก่อนนะครับหุ้นตัวนี้หวานเย็นจริงๆ :lol: :lol: :lol:

ผมนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน เห็นว่า จะไป charan เลย งง เหมือนกัน ที่แท้ ก็ จรัญประกันภัย ตอนแรกนึกว่าจะไปแถว จรัญสนิทวงศ์ เสียอีก.......กลุ่มประกันภัย ผมชอบที่สุดเลยครับ มีรวม 4 ตัวแล้ว แต่ charan ไม่มีเลย ประกันภัยที่กำไร ผมว่า น่าจะประกันไฟ ประกันสินค้า กำไรมากหน่อย.......ประกันรถยนต์ ผมไม่แน่ใจว่าจะกำไรมากไหม แต่ตอนนี้ port ลงทุนของเงินที่ทางประกันเก็บไว้ มีกำไรมาดขึ้น เนื่องจากดัชนีสูงขึ้น ผมแน่ใจว่า กลุ่มประกันก็คงไม่ทำให้ผิดหวังเป็นแน่ ทางประธาน คุณ นิพนธ์ จรัญวาศน์ ท่านเป็นประธานของ tmd ด้วย ผมได้เคยไปประชุม tmd นับว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ น่ารัก มาก อายุ ท่านก็มาก แต่ยังแข็งแรง เห็นว่า ออกรอบเล่นกอล์ฟ อยู่ประจำ......ระบบทำงาน ผมว่า ท่านจัดได้ดีนะครับ ระวังและรอบครอบดี ดังนั้นเมื่อได้รู้ถึงนิสัยของผู้บริหาร การถือหุ้นก็สบายใจไปอย่างหนึ่ง แต่ต้องระวังก็ราคาหุ้นที่จะซื้อนั่นแหละ ตอนไหนควรซื้อ นั่นเป็นสิ่งสำคัญ ขอให้ซื้อในตอนต่ำกว่ามูลค่า แต่ถ้าขึ้นมาแถวมูลค่าของมันก็ซื้อน้อยลง ก็จะปลอดภัยในระดับหนึ่ง ....มา บ่น ๆ ให้ ฟัง คงไม่เบื่อ กันนะครับ

เอ แต่ผู้บริหารตัวจริงนี้ คือ คุณ สุกิจ จรัญวาศน์ ไมใช่หรือครับ

ที่ TMD เป็น คุณ เนตร จรัญวาศน์ ลูกชาย คุณนิพนธ์ .....ส่วนหลานของคุณนิพนธ์ คุม บริษัทในเครือ คือ บริษัท เดอะเพ็ท จำกัด คุณสมชาย จองศิริเลิศ

ส่วนทางจรัญประกันภัย ผมไม่ทราบว่า ท่านประธาน นิพนธ์ ให้ ใครบริหาร???? ผมไม่ได้ตามบรษัทฯประกัน นี้เลย คงเป็นตามที่ คุณ genie บอกนั่นแหละ

S&P S&P S&P

เป็นหุ้นขายอาหาร ถึงจะแพงไปหน่อยสำหรับกระเป๋าสตางค์ของคนไทย
แต่ก็อร่อยมากครับ

ได้ทานมา3ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่รอแยลการ์เดน พัทยา
กินเสร็จแล้วได้จับคูปองส่วนลดเป็น%ที่จ่ายเงิน
เคยเล่าไปครั้ง1แล้วที่ตลาดหุ้นเลยไม่เล่านะครับ

ลงความเห็นส่วนตัวให้เลยดีกว่า

ของกินก็คงเติบโตแบบไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ค่อนข้างมั่นคง
และเท่าที่สังเกตดูผู้บริหารเขาทำมาค้าขายแบบจริงใจ
เวลาหุ้นขึ้นก็ไม่ได้เอาหุ้นออกมาขายหาส่วนต่างของราคา
เวลาหุ้นลงก็ไม่เข้าไปรับหุ้น สรุปไม่มีเจ้ามือ
ต้องเป็นไปตามกลไกของตลาด
พูดแบบชาวบ้านคือตามพื้นฐานและผลประกอบการที่ออกมา

**