Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมมื่อใหม่นะครับ กำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาความรู้ ซื้อหนังสือมาเป็นกองๆ กำลังทะยอยอ่านครับ

เห็นช่วงนี้หุ้นราคาลงมากแล้ว หุ้นพื้นฐานดีๆหลายตัวราคาลงมามาก ราคาต่ำกว่าเส้น 100 EMA
ควรเข้าซื้อหรือยังครับ หรือรอจนกว่ามันจะลง bottom
ท่านๆ VI โปรดชี้แนะด้วยครับ รวมถึงเรื่องการเข้าซื้อระหว่างวันด้วยครับ ช่วงเวลาต่างกันราคาก็ต่างกันครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

แสดงว่าพี่เจ้าของกระทู้เป็นเชียนเทคนิคมาก่อนแน่เลยครับ ผมก็มือไหม่เหมือนกันครับพี่ เล่นแนวVI มาชักพักละ ยังไม่รวยเลยครับ ผมสนใจแนวเก็งกำไรแบบพี่ครับ

เวลาเข้าทำของผมน่ะเหรอ
ก็มี...
หลังพักเที่ยง
เข้าส้วม
หัวหน้าไม่อยู่
ฯลฯ

ไม่ได้เซียนเทคนิคอะไรหรอกครับ ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อย
บางทีพอราคาต่ำมากแล้ว พอเข้าซื้อ อีกวันมันก็ลงไปอีกใช้ช้ำใจเล่น
ในระหว่างวันก็เหมือนกันพอเข้าซื้อ เดี๋ยวซํกพักราคาก็ลงอีกให้ช้ำใจเล่น ขาดทุนตั้งแต่ตอนซื้อเลย T T

ตอนที่ผมลงทุนใหม่ๆ ก็เป็นครับ

ดูราคาบ่อย
พอตัวมันแดง
ต่อมความระทึก
ก็ไปกระทบโดนต่อมความเสียว

เรื่องแบบนี้มันต้องฝึกครับ
แล้วก็ต้องปรับทัศนคติอีกนิดหน่อย

ทำใจให้มันกลางๆ อย่าไปติดกับราคาในตลาดมากนัก
พูดง่ายๆ คือ...
อย่าไปติดกับราคาทุนเมื่อเอาเงินไปเปลี่ยนเป็นหุ้นแล้ว

ถ้าเข้าใจในประเด็นนี้
ผมว่ามันมีประโยชน์มาก
ถ้าต่อไปธุรกิจที่เราลงทุนมีพื้นฐานแย่ลง
หรือว่าเราประเมินมูลค่าไว้ผิด
เราจะขายหุ้นออกมาได้อย่างไม่สะท้านเลย
ไม่ว่าตอนนั้นเราจะขาดทุน
หรือมีกำไรติดมือ

ออกนอกเรื่องไปและ
กลับมาที่การซื้อหุ้นนะครับ
ปกติเวลาซื้อหุ้น
ผมมักจะคิดว่ามีอะไรรองรับบ้างหรือเปล่า
ถ้าเราพลาดครับ เช่น
กำไรในปีหน้าควรจะเป็นเท่านั้นเท่านี้
แล้วถ้ามันไม่ได้ล่ะ อย่างแย่มันควรจะเป็นเท่าไหร่
แล้วราคา ณ ตอนนี้ ถ้าลงทุนแล้ว น่าสนใจหรือไม่
มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจกว่าหรือเปล่า ฯลฯ

ส่วนเรื่องราคาในกระดาน
มันผันผวนระยะสั้นครับ
อย่างที่ อ.เกรแฮม บอก
ในระยะสั้น ตลาดหุ้นเป็นเครื่องนับคะแนน
แต่ในระยะยาว ตลาดหุ้นเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักครับ

bankxl เขียน:ผมมื่อใหม่นะครับ กำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาความรู้ ซื้อหนังสือมาเป็นกองๆ กำลังทะยอยอ่านครับ

เห็นช่วงนี้หุ้นราคาลงมากแล้ว หุ้นพื้นฐานดีๆหลายตัวราคาลงมามาก ราคาต่ำกว่าเส้น 100 EMA
ควรเข้าซื้อหรือยังครับ หรือรอจนกว่ามันจะลง bottom
ท่านๆ VI โปรดชี้แนะด้วยครับ รวมถึงเรื่องการเข้าซื้อระหว่างวันด้วยครับ ช่วงเวลาต่างกันราคาก็ต่างกันครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ไม่ขอตอบคำถาม แต่จะบอกว่าถ้ากำลังอ่านหนังสือ ก็ให้อ่านหนังสือให้หมดก่อน อย่างเพิ่งดูตลาด
เหมือนพระเอกหนังจีน ที่เป็นพระเอกได้ก็เพราะเอาตำราไปฝึกในหุบเขาที่ไม่ยุ่งเกียวกับยุทธภพ
พอสำเร็จวิชาค่อยออกมาโลดแล่นในยุทธจักร แล้วค่อยๆปราบตัวเล็กๆง่ายๆก่อน ไปปะมือกับจอมมาร

ถ้าท่านกอดตำราที่ยังฝึกไม่สำเร็จออกมาท่องยุทธจักร ท่านจะกลายเป็นตัวประกอบ
ที่โดนทำร้ายแย่งตำรา ตายตั้งแต่กลางๆเรื่อง

ชอบ ชอบ คำตอบของคุณ densin :)

มผเข้าซื้อที่ราคาออฟเฟอร์หลายตัว บางทีก็ไม่ได้ตั้งบิตเลยครับ ผมว่ามองยาวๆดีกว่า

ยอมรับว่าไม่รู้จักค่าที่คุณบอกครับ เนื่องจากผมไม่เคยดูกราฟครับ ถ้าผมเจอหุ้นที่มีค่า 1บาทแต่มีคนมาขายในราคา 50สตางค์ ผมจะซื้อครับ ผมไม่สนครับว่า ดัชนีเท่าไหร่หรือว่ากราฟว่าอย่างไร ดังนั้นถ้าคุณสนใจในแนววีไอ ลองปะเมินราคาหุ้นที่คุณสนใจสิครับ

มือใหม่เข้ามาอ่านดูลาดเลาครับ

ต้องค่อยๆเล้าโลมตามจุดยุทธศาสตร์คับ การเข้าทำไม่ควรถึงจุดหมายก่อนคู่ต่อสู้

ถ้าประเมินมูลค่าอนาคต แล้วว่ายังมี MOS หรือ upside gain อีกเยอะ
ก็ซื้อเลยครับ ไม่คิดมาก

แต่ถ้าจะใช้เทคนิค ประกอบร่วมด้วยก็ได้นะครับ ถ้าถนัด
เพราะเท่าที่ผมเห็นถ้าเมื่อไรที่ กราฟบอกว่าแพง
ยังไงก็ต้องลงมาไม่มากก็น้อย ซื้อตอนนั้นก็จะมีส่วนลดเพิ่มอีกนิดหน่อยนะครับ
แต่ทั้งหมดก็ใช้ได้ ตอนรอบที่เป็นขาขึ้นเท่านั้นนะครับ

BMIคืออะไรอะครับ

densin เขียน:

bankxl เขียน:ผมมื่อใหม่นะครับ กำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาความรู้ ซื้อหนังสือมาเป็นกองๆ กำลังทะยอยอ่านครับ

เห็นช่วงนี้หุ้นราคาลงมากแล้ว หุ้นพื้นฐานดีๆหลายตัวราคาลงมามาก ราคาต่ำกว่าเส้น 100 EMA
ควรเข้าซื้อหรือยังครับ หรือรอจนกว่ามันจะลง bottom
ท่านๆ VI โปรดชี้แนะด้วยครับ รวมถึงเรื่องการเข้าซื้อระหว่างวันด้วยครับ ช่วงเวลาต่างกันราคาก็ต่างกันครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ไม่ขอตอบคำถาม แต่จะบอกว่าถ้ากำลังอ่านหนังสือ ก็ให้อ่านหนังสือให้หมดก่อน อย่างเพิ่งดูตลาด
เหมือนพระเอกหนังจีน ที่เป็นพระเอกได้ก็เพราะเอาตำราไปฝึกในหุบเขาที่ไม่ยุ่งเกียวกับยุทธภพ
พอสำเร็จวิชาค่อยออกมาโลดแล่นในยุทธจักร แล้วค่อยๆปราบตัวเล็กๆง่ายๆก่อน ไปปะมือกับจอมมาร

ถ้าท่านกอดตำราที่ยังฝึกไม่สำเร็จออกมาท่องยุทธจักร ท่านจะกลายเป็นตัวประกอบ
ที่โดนทำร้ายแย่งตำรา ตายตั้งแต่กลางๆเรื่อง

กว่าผมจะฝึกวิทยายุทธ ให้หมดนี่คงใช้เวลาอีกนานครับ เพราะตอนนี้ซื้อหนังสือมากว่า 30 เล่ม หนังสือหุ้นประมาณ 20 เล่ม หมดไปรวม 3 พันกว่าบาท ละครับ กว่าจะอ่านหมดคงใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะมีงานประจำทำอยู่ด้วย
เลยไม่อยากพลาดโอกาสงามๆที่กำลังเข้ามาครับ

bankxl เขียน: กว่าผมจะฝึกวิทยายุทธ ให้หมดนี่คงใช้เวลาอีกนานครับ เพราะตอนนี้ซื้อหนังสือมากว่า 30 เล่ม หนังสือหุ้นประมาณ 20 เล่ม หมดไปรวม 3 พันกว่าบาท ละครับ กว่าจะอ่านหมดคงใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะมีงานประจำทำอยู่ด้วย
เลยไม่อยากพลาดโอกาสงามๆที่กำลังเข้ามาครับ

คิดแบบโลภเข้ามามักเสียตังค์
แรกเริ่มผมก็อ่านหนังสือเป็นปีเหมือนกัน ดันอ่านเร็วไปหน่อย
ตอนนั้นถ้าผมเริ่มช้ากว่านี้สักเป็นปี ก็จะเจอของถูกแบบsubprimeพอดีๆ
ตอนนี้ตลาดพันจุดนะครับ อยากจะให้คิดดีๆก่อน
เงินทองหายาก อย่ามาเสียตังค์ฟรีๆ ทั้งๆที่ลดความเสี่ยงได้โดยศึกษาให้จบซะก่อน

densin เขียน:

bankxl เขียน: กว่าผมจะฝึกวิทยายุทธ ให้หมดนี่คงใช้เวลาอีกนานครับ เพราะตอนนี้ซื้อหนังสือมากว่า 30 เล่ม หนังสือหุ้นประมาณ 20 เล่ม หมดไปรวม 3 พันกว่าบาท ละครับ กว่าจะอ่านหมดคงใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะมีงานประจำทำอยู่ด้วย
เลยไม่อยากพลาดโอกาสงามๆที่กำลังเข้ามาครับ

คิดแบบโลภเข้ามามักเสียตังค์
แรกเริ่มผมก็อ่านหนังสือเป็นปีเหมือนกัน ดันอ่านเร็วไปหน่อย
ตอนนั้นถ้าผมเริ่มช้ากว่านี้สักเป็นปี ก็จะเจอของถูกแบบsubprimeพอดีๆ
ตอนนี้ตลาดพันจุดนะครับ อยากจะให้คิดดีๆก่อน
เงินทองหายาก อย่ามาเสียตังค์ฟรีๆ ทั้งๆที่ลดความเสี่ยงได้โดยศึกษาให้จบซะก่อน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ งั้นค่อยๆอ่าน ค่อยๆศึกษา ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน
โดยเฉพาะพวกอ่านงบการเงิน ทำเอาปวดหัวเหมือนกัน
วันนี้ตลาดปิด 1072 จุด จะเข้าไปช้อนก็ไม่ค่อยจะทันละครับ

bankxl เขียน:...กว่าจะอ่านหมดคงใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะมีงานประจำทำอยู่ด้วย
เลยไม่อยากพลาดโอกาสงามๆที่กำลังเข้ามาครับ

ไม่ต้องรีบครับ ซื้อหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน
เมื่อก่อน ผมเคยคิดว่าจะพยายามเซาะหาหุ้นคุ้นค่า
ที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ขายเลย แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ก็เจอโอกาสอยู่เรื่อยๆ และก็ต้องขายหุ้นที่คิดว่าจะไม่ขายออกไปทุกที

โอกาสมันมีมาเสมอแหละครับ จริงๆ ถ้าจะเอาไอเดียลงทุนแบบ VI ไม่ต้องไปซื้อหนังสือก็ได้ครับ เข้าคลังกระทู้คุณค่า ในเว็บนี้ อ่านไปเรื่อยๆ จะได้ไอเดียจากชีวิตจริง ที่เข้าใจง่ายกว่าอ่านหนังสือครับ

Notelio เขียน:โอกาสมันมีมาเสมอแหละครับ จริงๆ ถ้าจะเอาไอเดียลงทุนแบบ VI ไม่ต้องไปซื้อหนังสือก็ได้ครับ เข้าคลังกระทู้คุณค่า ในเว็บนี้ อ่านไปเรื่อยๆ จะได้ไอเดียจากชีวิตจริง ที่เข้าใจง่ายกว่าอ่านหนังสือครับ

อ่านของจริงจะเกิดกิเลส แล้วจะตกหลุมพราง โดนกินตังค์ก่อนจะบรรลุ

bankxl เขียน:ผมมื่อใหม่นะครับ กำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาความรู้ ซื้อหนังสือมาเป็นกองๆ กำลังทะยอยอ่านครับ

เห็นช่วงนี้หุ้นราคาลงมากแล้ว หุ้นพื้นฐานดีๆหลายตัวราคาลงมามาก ราคาต่ำกว่าเส้น 100 EMA
ควรเข้าซื้อหรือยังครับ หรือรอจนกว่ามันจะลง bottom
ท่านๆ VI โปรดชี้แนะด้วยครับ รวมถึงเรื่องการเข้าซื้อระหว่างวันด้วยครับ ช่วงเวลาต่างกันราคาก็ต่างกันครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ยินดีต้อนรับนักลงทุนรายใหม่ครับ

เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้นะ คือ ไม่รู้เริ่มตรงไหน อาศัยอ่านไปเรื่อยๆ อะไร VI หรือ เทคนิก ไม่รู้ว้อย

รู้แต่คนไหนเล่นกำไรกัน เราก็อยากเล่นแบบเขา เข้าตำรา ตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด (เพราะหมาไปกัดผู้ใหญ่ก่อน)

อ่านไปอ่านมา งง สรุป จะเอามาใช้ไงเนี่ย

ดังนั้น คนเริ่มต้น เราต้องรู้ในสิ่งที่ควรรู้ก่อนนะครับ

เรียนหนังสือ ยังมี ประถม มัธยม มหาลัย ปโท ปเอก

เล่นหุ้นก็เหมือนกัน อ่านหนังสือ ต้องมีทำการบ้าน ต้องสอบ ต้องลอกเพื่อน

สรุปผมเขียนมาตั้งนานแนะนำเลยดีกว่า เริ่มต้นเอาหนังสือทั้งหมด เรียงเข้าตู้ไว้ก่อน แล้วหยิบ หนังสือ หุ้นห่านทองคำก็ได้ หรือ ตีแตกก็ได้ มาอ่านก่อน

ทำความรู้จัก pe pbv dividen eps ก่อน สูดหายใจ ท่องไว้ว่า ง่ายไว้ก่อน ง่ายไว้ก่อน ยากๆค่อยลอกเพื่อน ยากๆค่อยลอกเพื่อน

แล้วดูว่า ท่านผู้เขียน สอนการเลือกหุ้นอย่างไร เอามาเป็นไอเดียของเรา

แล้วทำความรู้จักหุ้นพื้นฐาน ในทัศน ของผม คือ หุ้นที่มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตได้ ไม่ล้มครืนเมื่อมีภัยทางเศรษฐกิจ อันนี้ ลองนึกดูว่า สมมุติว่าตัวเองเป็นพ่อค้านักธุรกิจ ไอ้หุ้นที่เราจะซื้อเนี่ย มันน่าลงทุนทำธุรกิจไหม อยู่ๆไปมันจะเจ้งไหมหว่า เรื่องเนี้ยมันจะรู้ได้ต้องหมั่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ แล้วก็ประวัติการทำธุรกิจของนักธุรกิจดังๆ

แล้วลองซื้อเลย หุ้นนะ อย่ารีรอ ประสบการณ์สำคัญที่สุด แต่อย่ากู้มาซื้อ อย่าลงทุนเยอะ ตลาดหุ้นจะค่อยๆสอนเราเองครับ

สรุป สั้นๆ อ่านเล่มเดียวพอ แล้วเชื่อตามเขา ปฏิบัติเลย สู้ดิวะ

ไม่จำเป็นต้องรอไฟเขียวทุกแยกก่อนออกเดินทาง...เพราะคงไม่มีวันเกิดขึ้น
อ่านไปทำไปครับ เพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ระหว่างตลอดทั้งชีวิต

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนก็คือ "วีไอ คืออะไร"
จขกท มีหนังสือ 30 เล่มนี่ อ่านบ้างหรือยังครับ
ถ้าอ่านแล้วน่าจะทราบได้ว่า เส้นหยึกๆหยักๆแตกลายงา EMA RSI พวกนั้นไม่ใช่สาระของวีไอสักนิด
สิ่งสำคัญมากๆของวีไอมือใหม่คือต้องยึดมั่นในแนวทางที่เราเลือกมา อย่างอื่นช่างมัน

การเข้าทำของวีไอก็ไม่มีอะไรมาก เทียบให้เห็นภาพง่ายๆก็เหมือนจะซื้อรถมือสองสักคัน
มีคนเอาเบ็นซ์มือสองมาขายให้ จขกท 6 ล้าน คุณจะซื้อมั้ย?....คงไม่
เพราะเรารู้ว่า e-class คันนี้มีมูลค่า 2 ล้านบาท แต่ถ้าเค้าขาย 9 แสนล่ะ...สมควรซื้อ
หลักการมันก็แค่นี้ ถูกกว่ามูลค่าก็ซื้อ จะซื้อทีเดียว หรือ ทะยอยซื้อก็แล้วแต่สะดวก
สำคัญคือต้องรู้มูลค่าหุ้น เหมือนที่เรารู้มูลค่ารถเบ็นซ์คันนี้

ผมเห็นด้วยเลยครับว่าควรอ่านหนังสือและศึกษาเยอะๆก่อน
แต่เวลาเล่นจริงก็อาจมีความรู้สึกเข้ามากระทบ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้

ผมคิดว่าหาหนังสือแนว VI ซัก 5-6 เล่ม (พวก concept และ การอ่านงบการเงิน)
จากนั้นน่าจะเริ่ม เอาเงินบางส่วนมาทดลองเล่น แนะนำว่าเป็นเงินที่แม้จะสูญเสียไปทั้งหมดก็ไม่กระทบต่อจิตใจมาก

ส่วนหนังสือ 5-6 เล่มนั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็น หลักๆน่าจะเป็น
one up on wall street
ตีแตก
Warren Buffett and The Interpretation of Financial Statements
Buffettology
The intelligent investors

นอกจากก็หาหนังสืออื่นๆที่เกี่ยวกับ VI (ระวังหากไปอ่านแนวเทคนิค หรือ Day Trade อาจทำให้ไขว้เขวได้)
จริงๆแล้วศึกษาจากใน Thaivi ก็ได้ความรู้หลายๆอย่าง
หากจะลองวิเคราะห์หุ้นซักตัว ก็ลองเข้าไปที่ ร้อยคนร้อยหุ้น ก็จะได้ Idea การวิเคราะห์ และถามพี่ๆในนั้นได้
ถ้าถามวิธีการวิเคราะห์ผมคิดว่าพี่เค้าพร้อมช่วยแต่เราก็ต้องทำการบ้านมาบ้างระดับนึง
อย่างน้อยก็อ่าน page ก่อนหน้าให้หมด เพื่อที่จะได้ไม่ถามคำถามซ้ำๆ

อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ

หนังสือในท้องตลาดมีหลากหลายครับ
มือใหม่ถ้าไม่มีพื้นความรู้มาบ้าง
ผมว่าอ่านออกทะเลไปเลย
เรื่องง่ายๆ อาจะกลายเป็นเรื่องยากๆ ได้

อาจจะ Focus ไปที่หนังสือในกลุ่ม VI ก่อน
(แนะนำหลายคนและ )
ทยอยอ่านไปครับ ส่วนการลงทุนก็ทยอยลงทุนไป
ไม่ต้องไปทุ่มสุดตัวครับ

เมื่อก่อนพอร์ตของผม เงินผมไปแหมะอยู่กองทุนตั้งเยอะ
พอเริ่มแบ่งเงินมาซื้อหุ้นเองบ้าง ส่วนหนังสือ
ก็หาอ่านไปเรื่อยๆ ทำการบ้านไปเรื่อยๆ
ลองผิดบ้าง ลองถูกบ้าง ถามคนนั้นบ้าง ถามคนนี้บ้าง
จากนั้นเมื่อเริ่มมั่นใจว่าเราบริหารพอร์ต บริหารใจได้ดี
ค่อยทยอยแบ่งเงินมาเติมลงไปในพอร์ตหุ้นครับ

ที่ว่าหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวราคาลงมามาก
นั่นแน่ใจรึครับ ว่ามันพื้นฐานดีจริงๆ

หุ้นพื้นฐานดี ก็ทำให้ขาดทุน
หรือผลตอบแทนต่ำได้
ถ้าเราซื้อมาในราคาที่แพงเกินไป

ส่วนตัวไม่รู้จัก 100EMA
แล้วก็ไม่เคยหา Bottom ด้วย
เวลาจะ ซื้อ-ขาย หุ้น
ก็ดูแค่ Bid กับ Offer
แล้วก็ส่งคำสั่งเท่านั้นเองครับ

ผมเข้าทำช่วง ค.ศ. 2007 - 2008 ครับ เคยขาดทุนแล้วอ่านหนังสือ ไม่กลัวไม่ได้หนีตลาดไปไหน และ ตอนนี้กลับมากำไร (ใครๆก็กำไรถ้าลงทุนในช่วงนี้ , กำไรยิ่งมากถ้ายังถือจนถึงปัจจุบัน) ดู MOS ที่เหมาะสมในใจ , ROA , ROE , PE , PEG , PB , NPM , dividence yield ในอนาคต และ แนวโน้มหลังเศรษฐกิจฟื้น เลือก 5 บริษัทที่แข็งแกร่งใน 5 กลุ่มธุรกิจ

ส่วนในช่วง ค.ศ. นี้ทำงานเก็บเงิน และ ปันผล ทะยอยเข้าซื้อน้อยๆในบริษัทเดิมในธุรกิจที่มีกระแสการเติบโตในจำนวนเงินที่จำกัด แล้ว รอเข้าฟองสบู่แตกรอบหน้า ลงทุน 100% จากเงินสะสม อาจรอ 5 6 7 8 9 หรือ 10 ปี จ้องทะยอยขายเอาต้นทุนออกมาเมื่อราคา , PE , PEG สูง , และผมจะเต้นตามจังหวะนี้ไปเรื่อยๆครับ

ใครเข้าช่วง ค.ศ. นี้ต้องเก่งจริง แม่นยำในธุรกิจนั้นจริงๆ หรือ อ่านหนังสือแล้วเลือกบริษัทที่ดีเข้า watch list แล้ว ทำงานเก็บเงินๆๆๆและรอซื้อ อาจรอ 5 6 7 8 9 หรือ 10 ปี ทนไหวหรือเปล่า หรือ ทะยอยเข้าซื้อน้อยๆ ( คือ ขาดทุนได้โดยไม่เดือดร้อน )ในบริษัทที่หมายตาในธุรกิจที่มีกระแสการเติบโตในจำนวนเงินที่จำกัด

EMA 100 คือ Exponential moving averages 100 วันครับ

เป็นเส้นค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นแบบหนึ่ง แต่จะให้น้ำหนักการเฉลี่ยกับ
ราคาปัจจุบันมากกว่าอดีต ซึ่งการที่ราคาต่ำกว่าเส้นนี้บอกได้แค่ว่า
ราคาลงมาต่ำกว่าราคาเฉลี่ย 100 วัน ย้อนหลัง

ผมเคยเป็นนักลงทุนโดยใช้เทคนิค และเล่น Daytrade มาก่อน เลยพอรู้มาบ้างครับ
แต่ช่วงนั้นขาดทุนนะครับ และรู้สึกดีที่สามารถปรับมุมมองมาแนว VI ได้

ตอนนี้เปลี่ยนมาลงทุนแนว VI ก็กำำไรค่อนข้างดีครับ และที่สำคัญก็ไม่เครียดด้วย
แต่ก็เพิ่งมาเริ่มลงทุนแนว VI ประมาณ 4 ปี ที่แล้ว(แต่คิดว่ายังต้องเรียนรู้อีกมาก)
ซึ่งเป็นช่วง ก่อนวิกฤตนิดหน่อย จึงอาจเป็นไปได้ว่าที่ผมกำไรอาจเป็นเพราะตลาดเริ่มดีขึ้นหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าการลงทุนแนวนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะมันเป็นหลักการที่มีเหตุผล
นอกจากนี้เราก็เห็นหลายๆคนประสบความสำเร็จด้วยหลักการนี้แล้วด้วย

ผมอาจผิดหรือถูกก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามการจะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ผมคิดว่า
เราควรจะใช้ ตรรกะ และเหตุผล ของเราในการตัดสินใจนะครับ