ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีวีไอ(3):ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 11, 2011 11:39 am
Value Way ฉบับวันที่ 16 พฤษภาคม 2554
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีวีไอ (3)
ต่อจากฉบับที่แล้ว
ถาม: ถ้าคิดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยหรือเศรษฐกิจโลกจะแย่ จะทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่
นพ.บำรุง ศรีงาน: เคยคิดว่าเศรษฐกิจจะแย่แน่ ขายหุ้นไปแต่จริงๆก็ไม่แย่อย่างที่คิด เลยคิดว่าตนเองไม่ใช่หมอแผนอนาคต เป็นหมอแผนปัจจุบันก็อยู่กับปัจจุบัน หรือคิดว่าเศรษฐกิจจะดีมากบางทีก็คิดผิดอีก
คุณอนุรักษ์ บุญแสวง: ขายแน่นอนถ้ามั่นใจว่ากระทบบริษัทที่ลงทุน เพราะส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้น วิกฤติแต่ละครั้งมันไม่มีใครคาดการณ์ได้แน่นอน ถ้าไม่แน่ใจให้กลับมาดูหุ้นที่ถือว่ามีส่วนต่างความปลอดภัย (margin of safety) พอไหมถ้ามีไม่เพียงพอก็ขาย
คุณฉัตรชัย วงศ์แก้วเจริญ: จากประสบการณ์ที่ผ่านมาวิกฤติทางเศรษฐกิจไม่มีใครรู้จะเกิดเมื่อไหร่ มีแต่สัญญาณเตือน ถ้าขายเร็วไปก็เสียโอกาส ให้วิเคราะห์ว่ากระทบหุ้นเราไหม อย่างวิกฤติค่าเงินบาทเกิดในไทยกระทบหมดทุกบริษัทในประเทศก็ขายออกไปก่อนได้ แต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ไม่กระทบหุ้นเราก็ไม่ได้ขาย กับอีกกรณีคือมาแบบไม่รู้ตัวเช่นสึนามิ ปฏิวัติ หรือเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรด ทำให้เราต้องระลึกไว้เสมอว่าต้องซื้อกิจการที่ดีและไม่ประมาทในการลงทุน
คุณนริศ จิระวงศ์ประภา: คิดก่อนว่าเหตุการณ์นั้นเกินความรู้ของเราไหม เช่นปัญหาค่าเงินถ้าไม่เข้าใจก็อย่าไปคิด แล้วดูว่ากระทบหุ้นเราไหม ถ้าส่งออกกระทบก็ขาย แต่เรื่องราคาหุ้นที่ว่าฟันโฟลจะเข้าจะออกโดยส่วนตัวไม่สนใจเลย
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร: ดูว่ากระทบไหม บางทีเรามองไม่กระทบ คนอื่นขายก็เป็นโอกาสซื้อเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่เราเลือกมาดีแล้วกระทบยาก
ถาม: ชื่นชมนักลงทุนท่านใด
ดร.นิเวศน์: วอเรน บัฟเฟตเพราะตามหลักการของเขาเยอะมาก
คุณอนุรักษ์: บัพเฟต เพราะพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนานในการลงทุนว่าใช้ได้ เสียดายที่บัฟเฟตไม่ได้เขียนหนังสือถ่ายทอดของตัวเองต่างจากปีเตอร์ ลินซ์ที่ถ่ายทอดวิธีการลงทุนโดยการเขียนหนังสือ แต่เสียดายที่เลิกลงทุนเร็วไปหน่อย อีกคนคือเซต คลายแมน ผู้จัดการกองทุนอีกคนในอเมริกาที่บัพเฟตเคยบอกว่าอยากให้บริหารเงินให้
คุณฉัตรชัย: ปีเตอร์ ลินซ์เป็นผู้จุดประกายการลงทุน
คุณนริส: ฟิลิป ฟิชเชอร์ กับปีเตอร์ ลินซ์ คือมุมมองธุรกิจธรรมดาแบบที่คนทั่วไปมองได้จริงๆ อย่างปีเตอร์ ลินซ์ลงทุนได้ในหุ้นทุกประเภทที่มีโอกาส
นพ.บำรุง: ชื่นชม ปีเตอร์ ลินซ์, บัพเฟต, เกรแฮม เพราะเก่ง แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
ถาม: มีข้อห้ามในการลงทุนไหม
นพ.บำรุง: อะไรที่ไม่รู้อย่าเอามือไปจับ มันอันตราย เล่นในสิ่งที่รู้เห็นชัดดีกว่า ได้ข้อคิดจากเฮียคลายเครียดว่า “อย่าโลภเกินความรู้”
คุณฉัตรชัย: ผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์ ต่อให้บริษัทดีอย่างไรเราก็ไม่ได้ประโยชน์
คุณนริส: ถ้าเรายังไม่รู้จริงก็ให้นึกถึงตัวต่อ สิ่งที่ได้มาเหมือนจิกซอแต่ละชิ้น ถ้าเราไม่รู้ว่าจะต่อเป็นอะไรมันก็ไม่สำเร็จ กับอีกอย่างคือ อย่าเลือกอะไรที่ยากๆ เริ่มจากตัวต่อน้อยชิ้นหรือธุรกิจเล็กๆให้ประสบความสำเร็จเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนไปต่ออะไรยากๆ ที่ห้ามคือหุ้นวัฎจักรเพราะมือใหม่จะหลงเป็นหุ้นเติบโต ข้อมูลอะไรมันเปลี่ยนไปเร็วอันตราย
คุณอนุรักษ์: ถ้าอะไรไม่รู้เป็นเความเสี่ยงทั้งนั้น ให้พยายามดูความเป็นไปได้ว่าน่าจะกำไร 70-80% ค่อยลงทุน ถ้าโอกาสเพียง 50-50 อาจเสี่ยงเกินไปทำให้ขาดทุนได้ และที่เตือนตัวเองคือห้ามปั่นหุ้นหรือใช้ข้อมูลภายใน อย่าเป็นเสียเอง
ดร.นิเวศน์: ถ้าอะไรไม่กล้าถือ 3-5ปี ก็หลีกเลี่ยงไป