Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อ่านกระทู้พี่ๆ อ่านหนังสืออ.ดร. มาก็หลายเล่ม

พอมาเจอตลาดแบบนี้ก็เริ่มท้อใจเลยคะ

อ่านร้อยคนร้อยหุ้นมาก็หลายตัวแล้ว

ยังไม่เจอตัวไหน บ้างเลย มีใครเริ่มท้อๆบ้างแล้วคะ

ใจนึงก็รอ มี3-4 ตัวที่สนใจ รอวันที่ตลาดจะลดราคาให้
ใจนึงก็ไม่อยากให้ตลาดลดราคา เพราะกลัวตัวที่ถืออยู่มานานจะถูกลดจนเกินเหตุ

คงเรียกๆว่าท้อบ้าง ไม่ท้อบ้าง ล่ะมังครับ

murder_doll เขียน:ใจนึงก็รอ มี3-4 ตัวที่สนใจ รอวันที่ตลาดจะลดราคาให้
ใจนึงก็ไม่อยากให้ตลาดลดราคา เพราะกลัวตัวที่ถืออยู่มานานจะถูกลดจนเกินเหตุ

คงเรียกๆว่าท้อบ้าง ไม่ท้อบ้าง ล่ะมังครับ

หากตลาดเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่
ผมกลัวใจตัวเองสั่งขายหุ้นใน port จริงๆเลยครับ

ความลับเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ของบัฟเฟต
ไม่ใช่การหาหุ้น
ไม่ใช่การถือยาว
แต่คือ การอดทนรอคอยที่จะจะต่อเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มือคัน

สิ่งที่สำคัญของการเป็นนักลงทุนที่ดี คืออดทน อดทน อดทน ลองนึกภาพตัวเองมีพอร์ตสักร้อยล้าน ลงทุนไม่เกินห้าตัว คงตัวละยี่สิบล้าน คิดว่าจะมีหุ้นที่ม่สภาพคล่องขนาดนั้นกี่ตัว แล้วจะมีราคาที่มีความเหมาะสมเหลือกี่ตัว เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้อดทนไม่ได้ ภาพท่่เราเป็นนักลงทุนร้อยล้าน ก็ยังคงเป็นแค่ภาพเท่านั้นครับ แต่ถ้าวันนี้ม่ความอดทน ภาพนั้นอาจเป็นจริงในอนาคต เอาใจเชียร์ครับ
ปล.ผมเคยไม่ซื้ออะไรเลยเกือบครึ่งปี วันหนึ่งอยู่ดีๆ. ก็มีคนมาเลหลังขายของให้ถูกๆเมื่อตอนต้นปี ซื้อแทบไม่ทัน อิอิ

เข้ามาท้อด้วยคน

ถ้าหาตัวที่ under ในอดีตกับปัจจุบันไม่เจอ

ลองดูตัวที่จะ under ในอนาคต 1 - 2 ปี

แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้น ด้วยต้องเผื่อเยอะ mos เยอะหน่อย

บางตัว เต็มมูลค่า หรือปริ่ม ๆ ผมก็ยังไม่ขายถ้ายังโตได้ต่อเพราะ หุ้นมันเริ่มหายากขึ้น

สู้สู้ครับ กิจการที่ดีในราคาที่เหมาะสมผมว่ายังมีครับ

เพียงแต่อาจมี MOS ไม่มากพอครับ

ผมคิดว่าลองหาบริษัทที่มีกำไรเติบโตดี แล้วราคายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับตลาดก็น่าจะพอหาได้นะครับ จริงๆผมว่าบริษัทที่มีแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในการบริหารธุรกิจก็มีหลายบริษัท ซึ่งปัจจุบันอาจจะไม่ใช่บริษัทที่คุณภาพดีมากนักถ้าวิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบัน แต่ผมว่าเราคงต้องมองอนาคตมากขึ้น เพราะปัจจุบันหลัก VI ถูกนำมาใช้แพร่หลายจนบริษัทที่ปัจจุบันดูดีมากๆ ราคาก็ขึ้นมาสูงมากจนไม่คุ้มที่จะลงทุนเกือบหมดแล้ว

หุ้นในตลาดมี 500 กว่าตัว
ก็ดูไปวันละตัวสองตัว
สุดท้ายก็จะมี บมจ. ที่ดูดีที่สุด
แต่ถ้า บมจ. ที่คิดว่าดูดีที่สุด
ยังไม่เข้าเกณฑ์ แนะนำว่าไปเที่ยวเล่น
พักผ่อนใจให้ชุ่มฉ่ำสักเดือนสองเดือน
แล้วค่อยกลับมาดูใหม่วันละตัวสองตัว

ปล.
ส่วนตัวคิดว่าเป็นงานที่สนุก
มากกว่างานที่ทำงานซะอีก

ผมเริ่มอ่านหนังสือแนว vi ตั้งแต่ช่วงปลายปี 52 อ่านมาสิบกว่าเล่ม พอต้นปี 53 ก็เปิดพอร์ทกะว่าซื้อแน่ๆ ลิสท์ตัวที่สนใจไว้ได้สิบกว่าตัว ปรากฏว่าราคาเลยจุดที่น่าซื้อไปนิดๆ แล้วเกือบทุกตัว ผมก็เลยกะว่ารอไปก่อนดีกว่า แล้วทุกตัวที่ผมลิสท์ไว้มันก็ขึ้นไปเรื่อยๆ กันหมด บางตัวขึ้นนิดหน่อย บางตัวก็ขึ้นมากๆ แล้วผมก็เริ่มเบื่อๆ นานๆ ดูมั่งไม่ดูมั่ง จนตอนนี้ผมยังไม่ได้ซื้อหุ้นสักตัว ผมว่าช่วงปีที่ผ่านมานี่หุ้นมันยังเป็นช่วงขาขึ้นอยู่นะครับ คงต้องรอให้หุ้นตกกันมากๆ ก่อนแล้วค่อยซื้อ

หุ้นถ้าคิดว่ามันแพงไปแล้ว ก็อย่าซื้อเด็ดขาด ถึงเห็นมันกำลังวิ่งขึ้น แต่เดี๋ยวมันก็ลงครับ หุ้นไม่มีขึ้นตลอดเวลาหรอก ปี สองปี หรือ สามปี มันก็ไม่นานหรอกครับ เสียดายดีกว่าเสียใจ

พอเราอยู่ในช่วงกำลังศึกษา มันจะมีหุ้นทำนองนี้บ่อยครับ ที่มองว่าดีแต่ไม่มั่นใจ ส่วนตัวเพราะผมยังวิเคราะห์เชิงคุณภาพหรืออนาคตยังไม่เก่งด้วย เลยยังไม่ได้ซื้อ แต่พอผ่านไปราคาหุ้นกลับขึ้นไปเรื่อย ก็มาคิดว่า "รู้งี้" (อีกแล้ว) ผมก็เป็นครับ อดทนอย่างเดียว
อย่าท้อครับ

ระหว่างรอ ก็ควรทำการบ้านศึกษาให้รูจักหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีโอกาสมากขึ้นเอง
(แทนที่จะมีโอกาสรอไม่กี่ตัว เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น)

ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ให้กำลังใจคะ จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไปเรื่อยๆส่วนตัวหวังผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีไว้ที่ 8-9%

(ไม่รู้สูงไปไหม)

เป้ก็จะเป็นกำลังใจให้ทุกท่านด้วยนะคะ ไว้เจอกันบ้างตอนเผื่อมีงานmeeting คะ

สู้ต่อไป

เข้ามาท้ออีกคนครับ อิอิ

8-9% ? ที่ต้องการนี่คืออะไรครับ

ขอโทษครับอ่านไม่ละเอียด
8-9% นี่ไม่เยอะครับ
ลองไปดูสถิติกองทุนดัชนีดูก็ได้

องค์ประกอบของการซื้อหุ้นสักตัวหนึ่งเท่าที่ผมอ่านตามที่เซียนทั้งหลายบอกกล่าวมา มีหลายข้อมากเหมือนกัน ผมก็สักจะท้อเหมือนกันเพราะผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย ตอนนี้ลงทุนมาได้เกือบ 2 ปี ก็เป็นแบบมวยวัดอาศัยที่มีกำไรตอนนี้คงเป็นเพราะตลาดเป็นขาขึ้นมากกว่า ผมหล่ะกลัวมากเลยถ้าถึงช่วงหมีมาพอร์ตของผมคงแดงเดือดแน่เลย ตอนนี้ผมคงลงทุนแบบเด็กๆมากกว่า เห็นว่าหุ้นไหนที่คิดว่าดีก็ซื้อเลยโดยไม่รู้ว่ามันถูกหรือแพง ก็หวังว่าประสบการณ์จะสอนผมให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม

ใช่คะ ผลตอบแทนแต่ละปีเฉลี่ย8-9%ต่อปี
มีเงินตั้งต้นประมาณ 500000 บาท สามารถออมเฉลี่ยได้เดือนละ 40000-50000 บาท

ตัวเองไม่ได้หวังว่าจะเลิกทำงานน่ะค่ะ ชีวิตนี้ไม่ทำงานไม่ได้คะ มันไม่มีความสุข แหะแหะ

คิดว่าจะต้องค่อยๆเล็งๆหุ้นไป มันจะต้องมีสักตัวสองตัวให้เราเริ่มต้น เวลาท้อมักจะคิดว่า
คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ วิเคราะห์อะไรมาก็น่าจะพอทำได้ (คิดบวกนิดๆ)

แต่ตอนนี้ด้วยความที่ไม่ชำนาญ คำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้นยังไม่เป็น, รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดMOS
ต่ำถ้าจะหาหุ้นที่ราคาสมเหตุสมผล คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปคะ พยายามให้กำลังใจตัวเอง

paeagain เขียน:ใช่คะ ผลตอบแทนแต่ละปีเฉลี่ย8-9%ต่อปี
มีเงินตั้งต้นประมาณ 500000 บาท สามารถออมเฉลี่ยได้เดือนละ 40000-50000 บาท

ตัวเองไม่ได้หวังว่าจะเลิกทำงานน่ะค่ะ ชีวิตนี้ไม่ทำงานไม่ได้คะ มันไม่มีความสุข แหะแหะ

คิดว่าจะต้องค่อยๆเล็งๆหุ้นไป มันจะต้องมีสักตัวสองตัวให้เราเริ่มต้น เวลาท้อมักจะคิดว่า
คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ วิเคราะห์อะไรมาก็น่าจะพอทำได้ (คิดบวกนิดๆ)

แต่ตอนนี้ด้วยความที่ไม่ชำนาญ คำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้นยังไม่เป็น, รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดMOS
ต่ำถ้าจะหาหุ้นที่ราคาสมเหตุสมผล คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปคะ พยายามให้กำลังใจตัวเอง

ณ ราคาปัจจุบัน หุ้นบางตัวที่ผมเจอ ยังเข้าข่ายที่คุณ paeagain ว่านะครับ เพราะคาดหวังแค่เพียงปีละ 8-9 %
หุ้นดีๆหลายบริษัทปันผลถึงปีละ 5 % เทียบกับราคาปัจจุบัน และยังมีโอกาสราคาโตด้วยเฉลี่ยปีละ 10-15 %
ดังนั้นถ้าลองตั้งใจหาหุ้นดูในตอนนี้ก็ยังน่าจะพอเจอบ้างนะครับ

ปล. ออมเงินเดือนละ 4-5 หมื่นบาทต่อเดือนสำหรับผมถือว่าไม่ธรรมดาครับ ผมต้องใช้เวลาตั้งหลายเดือนกว่าจะออมได้ขนาดนี้นะครับ
ยังไงก็สู้ๆครับ

ไม่ได้เชียร์ให้รีบซื้อนะครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้หุ้นตกที่สุดแล้วถึงจะซื้อ เพราะเป็นเรื่องยากมากๆที่เราจะซื้อหุ้นได้ในราคาก้นเหว และผมก็ไม่คิดว่ามีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนไหน จะกะจังหวะซื้อที่ก้นเหวได้ถูกต้องนะครับ เลือกบริษัทชั้นดี ในราคาที่สมเหตุสมผล ถ้าเราทำการบ้านมาดีแล้ว + ไม่ Bias ไม่ต้องกลัวครับ
ส่วนตัวผมก็ไม่เคยซื้อหุ้นได้ที่ก้นเหวเลย - -* เอามือไปรับมีดก่อนจะถึงพื้นทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจครับ เพราะเป็นราคาที่ผมพอใจแล้ว ยิ่งลงลึกมากๆจนถึงจุดที่ผมพอใจมากขึ้นอีก ผมก็ซื้อเพิ่มเท่านั้น ไม่เคยห้ามเลือดด้วยเหตุผลจากราคาหุ้นครับ
หวังเพียงปีละ 8 - 9 % นี่ไม่ยากครับ ขยันทำการบ้านหน่อยน่าจะเจอดีกว่าที่หวังครับ ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ แม้โชคจะเป็นเพียงส่วนน้อยในความสำเร็จแต่ก็อยากจะอวยพรให้ครับ

paeagain เขียน:ใช่คะ ผลตอบแทนแต่ละปีเฉลี่ย8-9%ต่อปี
มีเงินตั้งต้นประมาณ 500000 บาท สามารถออมเฉลี่ยได้เดือนละ 40000-50000 บาท

ตัวเองไม่ได้หวังว่าจะเลิกทำงานน่ะค่ะ ชีวิตนี้ไม่ทำงานไม่ได้คะ มันไม่มีความสุข แหะแหะ

คิดว่าจะต้องค่อยๆเล็งๆหุ้นไป มันจะต้องมีสักตัวสองตัวให้เราเริ่มต้น เวลาท้อมักจะคิดว่า
คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ วิเคราะห์อะไรมาก็น่าจะพอทำได้ (คิดบวกนิดๆ)

แต่ตอนนี้ด้วยความที่ไม่ชำนาญ คำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้นยังไม่เป็น, รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดMOS
ต่ำถ้าจะหาหุ้นที่ราคาสมเหตุสมผล คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปคะ พยายามให้กำลังใจตัวเอง

อยากรู้ว่าทำงานอะไรเหรอครับ ถึงสามารถออมเฉลี่ยได้เดือนละ 4-5 หมื่น
ผมยังเป็นนักศึกษา อยากรู้ ครับผม

เงิน 5 หมื่นนี่
เงินออมทั้งปีของผมเชียวครับ

ปล.
แต่ตอนนี้เลิกออมแล้ว
เพราะมีเจ้าหนี้ช่วยเก็บ

ก็ลองเล่นนิดๆ เป็นประสบการณ์สิครับ

เด๋วเวลาหุ้นต่ำเกิดกลัวตลาดทำอะไรไม่ถูกอีก

ผมว่าคงต้องเข้า course เรียนเพิ่มเติมหรืออ่านหนังสืออื่นๆ นอกเหนือจากดอกเตอร์เขียนให้มากขึ้นครับ (อย่างช่วงแรกๆ ผมก็งงเหมือนกันครับ ผมเลยอ่านเยอะหนังสือให้มากเข้าไว้ครับ อ่านหลายๆคนเขียน ประมาณ 20 เล่มได้ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เอา) แล้วลองหาเพื่อนในกลุ่มมาแชร์ความเห็นกันดูครับ

ส่วนเงินเดือน 40,000-50,000 ผมว่าน่าจะเป็นระดับ Manager level เลยนะครับ ซึ่งผมเชื่อว่าคุณ paeagain น่าจะมีประสบการณ์ในการทำงานมากพอ ที่จะเห็นภาพในอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำงานอยู่ อาจจะเริ่มจากตรงจุดนี้ก็ได้ครับ

จุดสำคัญคือ แค่อ่านในหนังสือมันไม่พอครับ ต้องลองขุดหุ้นและทำดูด้วยครับ

อย่าลืมอ่านพวก 56-1, Annual Report ด้วยครับ

ผมหาเจอตลอดๆ แต่ช่วงนี้ไม่มีตังค์ซื้อแล้ว
เงินเดือนออกทีไรซัดเกลี้ยงทุกเดือน
นี่กำลังรอปันผลออก ก็คงซัดหมดแม็คเหมือนเดิม
5555+

ดร. บอกว่า อยากได้หุ้นชั้นดี ก็รอเวลามันลดราคา
ตอนนี้ผมก็รออยู่เหมือนกันครับ เพิ่งเปิดพอร์ทไป ยังไม่มีหุ้นซักตัว

เงินออมเดือนละ 4-5 หมื่น ให้เดาน่าจะระดับ Manager ไม่งั้นก็น่าจะพวกหมอ

paeagain เขียน:ใช่คะ ผลตอบแทนแต่ละปีเฉลี่ย8-9%ต่อปี
มีเงินตั้งต้นประมาณ 500000 บาท สามารถออมเฉลี่ยได้เดือนละ 40000-50000 บาท

ตัวเองไม่ได้หวังว่าจะเลิกทำงานน่ะค่ะ ชีวิตนี้ไม่ทำงานไม่ได้คะ มันไม่มีความสุข แหะแหะ

คิดว่าจะต้องค่อยๆเล็งๆหุ้นไป มันจะต้องมีสักตัวสองตัวให้เราเริ่มต้น เวลาท้อมักจะคิดว่า
คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ วิเคราะห์อะไรมาก็น่าจะพอทำได้ (คิดบวกนิดๆ)

แต่ตอนนี้ด้วยความที่ไม่ชำนาญ คำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้นยังไม่เป็น, รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดMOS
ต่ำถ้าจะหาหุ้นที่ราคาสมเหตุสมผล คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปคะ พยายามให้กำลังใจตัวเอง

1.ผลตอบแทนที่น้องหวังไว้ไม่มากหรอกครับ
2. ด้วยอัตราที่น้องหวังไว้บวกกับเงินออมเท่านี้ ไม่เกิน 10ปีพอร์ตคุณคงเกินสิบล้านสบายๆ เพราะฉะนั้น อย่างแรกที่เตือน
2.1 อย่าละเลยวินัยทางการเงิน เคยออมได้อย่างไร ก็ออมอย่างนั้น
2.2 อย่าละเลยวินัยในการลงทุน คือไม่ดีไม่เข้า ไม่เจอหุ้นดี ก็ไม่เข้า
รับรองว่าอนาคตคุณจะสดใสครับ

ขออณุญาติลงบทความนี้ครับ ของคุณสุมาอี้ครับ http://www.sarut-homesite.net/%e0%b8%ad ... %e0%b9%8c/

การเริ่มต้นสมัยผมเริ่มก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันหาทางไม่เจอ
ทางที่เจอก็ไม่รู้จะพาเราไปถึงจุดหมายหรือเปล่า
ผมก็เริ่มที่นี่ครับไทยวีไอทางก็น่าจะถูกแล้วตอนนั้นบอกกับตัวเองไว้
เราจะไม่เล่นเก็งกำไรไม่ทำให้เรานิสัยเสียในระยะยาวเพราะคนที่เก็งกำไรแล้วสำเร็จดังทุกคน
แต่ที่เหลือและนับไม่ถ้วนหายไปจากตลาด และผมไม่อยากเเป็นแบบ Jesse Lauriston Livermore

http://en.wikipedia.org/wiki/Jesse_Lauriston_Livermore

ดังนั้นวิธีท่ีผมคิดว่าผมทำได้คือVI

ดร นิเวศน์เคยบอกว่าวิธีการนี้แม้ดูว่าไม่รวย(เร็ว)แต่ถ้าเราถูกทางอย่างน้อยเราจะไม่จนครับ
ผมจึงเริ่มอ่านหนังสือของดร.นิเวศน์ ทุกเล่มเท่าที่จะหาอ่านได้

แล้วก็เริ่มลงทุน ตอนประมาณปี07
900กว่าจุดพอดี
เข้ามาอ่านกระทู้ทุกคืนหลังเลิกงาน
เจอกระทู้หนึ่งจุดประกายความคิด
บอกเริ่มลงทุนหลังวิกฤต 280จุด. เงินต้นสามแสนกว่าบาทงอกเงยเป็นสามล้านกว่าบาท

ภายในสามปี หัวใจเริ่มพองโต
อยากมีโอกาสนั้นบ้าง

ไม่นานโอกาสนั้นก็มาถึงจากเก้าร้อยเป็นสามร้อยกว่า
หุ้นผมเต็มport
แน่นอนครับขาดทุนหนักมากจนผมไม่คิดว่าจะกลับไปเท่าเดิมได้ในเร็ววัน

ผมไปงานวีไอมีทติ้งทุกครั้ง
และได้ความคิดความเห็นดีๆกลับมาเสมอ

ผมก็เป็นคนนึงครับ ที่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้น เพราะเริ่มจะมีเงินเก็บ แต่ก็มาสนใจเอาตอนที่หุ้นวิ่งไปที่ 1100 จุด และหุ้นคุณค่าหลายตัวก็แพงจนเกือบถึงมูลค่าที่แท้จริงไปแล้ว และตัวก็มากกว่า ตอนนี้ผมตัดสินใจที่จะรอ และรอ เก็บตังรอไปก่อน อาจเป็นหลาย ๆ ปี แต่ก็จะรอครับ เพราะผมต้องการ MOS ที่ผมยอมรับได้ หุ้นอาจขึ้นไปได้อีก แต่มันน่าจะลงมาสักวันนึง ที่ผมเก็บตังได้มากพอที่จะเริ่มก้าวอย่างมั่นคง ช่วงนี้ขอเก็บตัง และศึกษาแนวทาง VI ไปก่อนครับ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

เข้ามาร่วมเก็บตังค์ด้วยคน อดออมๆ