หน้า 1 จากทั้งหมด 2
คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 11:57 am
โดย hongvalue
พอดีผมทำเรื่อง winner stock แล้วก็ได้ไล่ ratio ต่างๆกับการฟื้นตัวของราคาหุ้นอีกทีแล้วก็ได้ทำตารางนี้ขึ้นมา ผมเองเห็นตารางนี้แล้วก็มีความคิดอะไรหลายอย่างแต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะคิดผิดคิดถูกคิดมั่วยังไง
เลยอยากแชร์ความเห็นกับเพื่อนๆหน่อยครับ
ว่าคิดว่าไงครับ เช่น
1.แนวคิดที่ว่าซื้อหุ้นโดยดูจาก pbv อย่างเดียวแล้วให้ผลลัพธ์ดี หรือ ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ถูกต้องไหม
2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง
3.หุ้นที่ pbv ต่ำแบบไหนที่ฟื้นตัวได้ดีเมื่อ set กลับมาแต่แบบไหนที่ไม่ค่อยฟื้นเพราะอะไร
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 12:07 pm
โดย Neverland
ผมเคยทำค้นคว้าอิสระตอนเรียนเรื่องหุ้น net-net เอาเฉพาะสินทรัพย์หมุนเวียนหักด้วยหนี้สินมาเรียงลำดับผลคือผลตอบแทนไม่สูงอย่างที่คิด (ใน 1 ปีนะ) คนยังดูกำไรและแนวโน้มอนาคตกันมากกว่า ดูเหมือนว่ามีสินทรัพย์เยอะก็จริงแต่ไม่รู้ว่าจะปลดล็อคยังไง ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะ volume ต่ำแล้วก็กำไรบางมากครับ
ปล. วิชานี้ได้เกรด B+
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 12:33 pm
โดย pdGrff
thelostchild เขียน:ผมเคยทำค้นคว้าอิสระตอนเรียนเรื่องหุ้น net-net เอาเฉพาะสินทรัพย์หมุนเวียนหักด้วยหนี้สินมาเรียงลำดับผลคือผลตอบแทนไม่สูงอย่างที่คิด (ใน 1 ปีนะ) คนยังดูกำไรและแนวโน้มอนาคตกันมากกว่า ดูเหมือนว่ามีสินทรัพย์เยอะก็จริงแต่ไม่รู้ว่าจะปลดล็อคยังไง ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะ volume ต่ำแล้วก็กำไรบางมากครับ
ปล. วิชานี้ได้เกรด B+
Current asset- debt มันก็เกือบจะ quick ratio ใช้พิจารณามูลค่าหุ้นอาจจะไม่ค่อยตรงซักเท่าไหร่
เข้าใจว่าหุ้นมีหลากหลายประเภท แบ่งออกเป็นหลาย sector
ทุกครั้งที่พยายาม compare หุ้นแต่ละตัว ต้องให้น้ำหนักมันแตกต่างกันออกไป
step มีดังนี้
1. ดู sector ก่อน ว่า sector ไหนน่าสนใจ (MOS p/b ect)
2. compare พวก Ratio ต่างๆ หลายๆ ratio (โดยแยกตาม sector) + ผู้บริหาร และ background
3. ดู growth opportunity หรือ eps projection
4. ถ้าเลือกไม่ถูกว่าเอาตัวไหนดี แบบมี 3-4 ตัวใน list ก็เอาตัวที่เราถนัดที่สุด ที่เรามีความรู้และเข้าถึงได้ง่ายที่สุดค่ะ
ส่วนเรื่อง pbv ไม่ค่อยได้ดูเพราะมันเป็นมูลค่าทางบัญชีในอดีตค่ะ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 12:49 pm
โดย Blueblood
It's earnings that count ครับฮง
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 1:11 pm
โดย MO101
ผมมองว่า ฮง มองจากฝัง winner เลยทำให้ดูดีไปหน่อย
ถ้าซื้อต่ำว่า bv แล้ว lose เอามาเทียบกัน
อาจจะเห็นว่า มี win 10 lose 10 ก็ได้นะ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 1:13 pm
โดย ake3004
market is all about expectation n the reality kab.
remember brock dai mai kab.
i may b wrong kab.Pls correct it if i have some misunderstanding kab..
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 1:51 pm
โดย Warantact
ผมก็ชอบมอง bv นะ ผมว่าผลตอบแทนไม่เลวเลย
ทางด้านความรู้สึกก็ด้วย มันเหมือนมีอะไรมาค้ำยัน
หลายตัวที่มอง bv เป็นหลักแล้วซื้อได้ต่ำกว่า 2/3 ของมูลค่า netnets สร้างกำไรให้ผมงดงามมาก
แต่บางตัวก็ไม่ไปไหน
มันเป็นธรรมชาติหละ
แต่อย่างน้อยถ้าผ่านการวิเคราะห์แบบนี้ เราจะรู้สึกว่ามันเจ๊งยาก และโอกาสขาดทุนต่ำมากๆ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 2:16 pm
โดย very_insider
ซื้อ low สุด ขาย high สุดๆ
เห็นตัวเลขคงฝันหวานไปตามๆกัน
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 2:41 pm
โดย Green
1.แนวคิดที่ว่าซื้อหุ้นโดยดูจาก pbv อย่างเดียวแล้วให้ผลลัพธ์ดี หรือ ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ถูกต้องไหม
-- ผมคิดว่า ราคาหุ้นจะวิ่งไปตามผลประกอบการ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ส่วนตัว ผมไม่ค่อยดู PBV เลยอ่ะ จะมีความเสี่ยงอะไรมั้ยนี่
2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง
-- ลองทำดูดิครับ ว่า ถ้าเราไม่ดูพื้นฐานเลย กลุ่มที่ PBV ต่ำๆ แล้วทำสถิติเทียบกับ กลุ่มที่ มี PBV เฉลี่ยพอๆ กับตลาด แล้ว มันได้ผลตอบแทนดีกว่าหรือไม่ มีนัยยะหรือป่าว
แต่ถ้าไม่ดูพื้นฐานเลย เวลาซื้อตอนเกิดวิกฤต อาจจะเครียดขึ้นสมองลงกระเพาะได้ง่ายๆ หากหุ้นที่เราเห้นว่า Pbv ถูกจัดแล้ว ยังจะถูกยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันไม่มีพื้นฐานมาเป็น back สร้างความมั่นใจให้กับเรา อาจจะเกิดโรคชักกระตุก ขายขาดทุนได้
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 3:53 pm
โดย arica
แฮมไครซิสที่ผ่านมา ผมมอง p/bv ครับ ช่วยผมได้เยอะในเรื่องสภาพจิตใจ ซื้อแล้วกินอิ่มนอนหลับ ครับ ถึงแม้จะไม้ได้หลายเด้งเท่าตัวที่แย่กว่าก็ตาม ถ้าเกิดไครซิสครั้งใหม่ผมก็คงต้องมองเหมือนเดิมครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:17 pm
โดย hongvalue
MO101 เขียน:ผมมองว่า ฮง มองจากฝัง winner เลยทำให้ดูดีไปหน่อย
ถ้าซื้อต่ำว่า bv แล้ว lose เอามาเทียบกัน
อาจจะเห็นว่า มี win 10 lose 10 ก็ได้นะ
ตัวเลขที่นำมาคือ the lowest pbv ครับ
เรียงจาก 1-10 ซื้อต่ำกว่า bv แล้ว loss คงมีบ้าง
แต่ผมสนใจหุ้นแบบว่าถ้าต่ำ pbv สุดๆไปเลยว่าจะมีผลลัพธ์เป็นไงเลยได้ 10 ตัวตามตารางออกมาครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:26 pm
โดย hongvalue
thelostchild เขียน:ผมเคยทำค้นคว้าอิสระตอนเรียนเรื่องหุ้น net-net เอาเฉพาะสินทรัพย์หมุนเวียนหักด้วยหนี้สินมาเรียงลำดับผลคือผลตอบแทนไม่สูงอย่างที่คิด (ใน 1 ปีนะ) คนยังดูกำไรและแนวโน้มอนาคตกันมากกว่า ดูเหมือนว่ามีสินทรัพย์เยอะก็จริงแต่ไม่รู้ว่าจะปลดล็อคยังไง ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะ volume ต่ำแล้วก็กำไรบางมากครับ
ปล. วิชานี้ได้เกรด B+
เรื่องมูลค่าเลิกกิจการผมก็ได้ทำออกมาเหมือนกันครับใน project นี้
แต่เฉพาะกลุ่ม deveoper เท่านั้นนะครับ
ลองดูแล้วหุ้นที่มูลค่าเลิกกิจการเทียบกับ market cap แล้วสูงมากๆอย่าง noble และ pf เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวก็ให้ return สูงหุ้นอย่าง ps spali lpn ไม่ได้
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:35 pm
โดย hongvalue
Blueblood เขียน:It's earnings that count ครับฮง
สวัสดีครับว่าที่เจ้าบ่าวคนหล่อ
ผมลองดูหุ้นที่ขึ้นมากที่สุดจากตาราง pbv คือ kce
ผมไม่ได้คิดว่าขึ้นเพราะมัน pbv ต่ำ แต่มันขึ้นเพราะกำไรมันทำนิวไฮจะเห็นได้ว่า kce ทำกำไร q3/52 นิวไฮได้ในรอบ 9 ปี ทำได้ทั้งๆที่ตอนนั้นบริษัทปิดโรงงานบางปูไป แสดงว่ากำไรต้องดูมากซึ่งสะท้อนที่ gm ที่สูงระดับ 24-25% ในช่วงนั้น
ในอีกแง่นึงหุ้นอย่าง rcl ที่ pbv ถูกมากเหมือนกันติด 1 ใน 10 อันดับแรกทุกวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นไข้ขึ้นมาได้แค่นิดเดียว
ในทางกลับกันหุ้น commodity ที่ี pbv ไม่ได้ถูกมากขนาด rcl อีกหลายๆตัวก็ขึ้นมาได้หลายเท่าตัวมากๆ ดังนั้นการซื้อหุ้น commodity ที่ pbv ถูกแต่ cycle ไม่ได้คำตอบน่าจะเป็นการเสียเวลารออย่างลมๆแล้งๆ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:38 pm
โดย hongvalue
Green เขียน:
2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง
-- ลองทำดูดิครับ ว่า ถ้าเราไม่ดูพื้นฐานเลย กลุ่มที่ PBV ต่ำๆ แล้วทำสถิติเทียบกับ กลุ่มที่ มี PBV เฉลี่ยพอๆ กับตลาด แล้ว มันได้ผลตอบแทนดีกว่าหรือไม่ มีนัยยะหรือป่าว
โดยส่วนตัวผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับ pbv มากเท่าไหร่
แต่ผมคิดว่าจากตารางหุ้น 10 ตัวที่ pbv ต่ำสุดในช่วง subprime ถ้าเราซื้อ 10 ตัวนั้นแล้วถือไว้สองปีผลตอบแทนก็ชนะ set ได้อย่างมีนัยยะนะครับ เพราะมีตัวที่ขึ้น 13 เท่า และอีกหลายตัวขึ้น 7 เท่า
ความเห็นผมคือถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าผมก็จะดูว่าตัวไหนที่ต่ำบุคสุดๆ แล้วดูว่าตัวไหนมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้มากกว่ากันแล้วค่อยซื้อ แต่คงไม่ซื้อแบบเหมายกเข่งกับหุ้น lowest pbv ในช่วงวิกฤติน่ะครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 9:01 pm
โดย sci
แล้วจะรู้ได้ไงครับ ว่าช่วงเวลานั้น มันต่ำสุด เมื่อราคามันเปลี่ยนตลอด ค่าก็จะเปลี่ยนตาม
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 10:07 pm
โดย Green
hongvalue เขียน:ความเห็นผมคือถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าผมก็จะดูว่าตัวไหนที่ต่ำบุคสุดๆ แล้วดูว่าตัวไหนมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้มากกว่ากันแล้วค่อยซื้อ แต่คงไม่ซื้อแบบเหมายกเข่งกับหุ้น lowest pbv ในช่วงวิกฤติน่ะครับ
อย่างนี้ ก็ดูน่าเห็นด้วยหน่อยครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 10:35 pm
โดย oatty
ที่สำคัญ วิกฤติครั้งหน้า เราไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไหนน่ะสิ
ที่ผ่านมา มักไม่ค่อยซ้ำรอย
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 11:41 pm
โดย hongvalue
sci เขียน:แล้วจะรู้ได้ไงครับ ว่าช่วงเวลานั้น มันต่ำสุด เมื่อราคามันเปลี่ยนตลอด ค่าก็จะเปลี่ยนตาม
เรื่องนี้ผมแก้ปัญหาด้วยการที่ผมเลือกช่วงเวลาปลายเดือนพฤจิกายนที่ถือว่าเซทแย่สุดๆของสุดๆ
ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่หุ้นหลายตัวราคาใกล้เคียงจุดต่ำสุดครับและก็ใช้งบในช่วงนั้น ราคาต่ำสุดของหุ้นแต่ละตัวไม่เท่ากันบางตัวอาจจะถึงจุดต่ำสุดกว่าช้าหน่อย แต่ถ้าดูรูปแรกที่ผมให้ดู ผมได้เขียนไว้ว่าผมเอาราคาวันที่เท่าไหร่มาคำนวนน่ะครับ
ถ้าใช้ราคาคนละช่วงกันก็ทำได้ครับแต่ผมไม่ได้ทำเนื่องจากว่ามันยุ่งยากไปหน่อย
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2011 11:56 pm
โดย hongvalue
จริงๆแล้ว ผมลองตั้งข้อสังเกตุส่วนตัวขึ้นมาก็คือว่า
ราคาหุ้นจะตามผลประกอบการไม่ได้ตาม bv
แต่หุ้นที่ bv ต่ำมากๆถ้าผลประกอบการจากขาดทุนพลิกกลับมาได้
น่าจะเป็นหุ้นที่ให้ return สูง
ตัวอย่างที่ผมพอจะคิดออกก็คือกรณีของ rcl
ทุกวันนี้ยังต่ำ 10 บาทก็ยังต่ำบุคอยู่มาก แต่ซื้อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าค่าระวางไม่ใช่ขาขึ้น หรือหุ้นบัตรเครดิตที่ต่ำบุคเช่นกันและเหมือนจะกลับมา
ทำกำไรได้แต่ก็ไม่ฟื้นเท่าไหร่หุ้นเลยลงไปใหม่
ถามว่าเราดูกำไรมากกว่าดู bv อันนี้ผมเห็นด้วยไหม เห็นด้วย
แต่ถามว่าทำไมผมถึงทำตารางนี้ขึ้นมาเหตุผลเพราะว่า ผมคิดว่าหุ้นที่
ไม่ได้ขาดทุนทำกำไรได้ปกติ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องธรรมภิบาลอะไร
โดยทั่วไปไม่ควรเทรดต่ำกว่า bv ดังนั้นหุ้นที่ขาดทุนและราคาลงไปที่
pbv 0.20 เท่า ถ้าบริษัทพลิกขาดทุนมาทำกำไรได้ตามปกติบริษัทก็ไม่ควรเทรด
ต่ำกว่า bv ซึ่งหมายความว่าหุ้นน่าจะขึ้นได้ 400% จาก pbv 0.20 มาเทรดที่ pbv 1 เท่า
ไม่น่าแปลกที่หุ้นใน list ที่ใส่มามีบางตัวขึ้นไป 8-13 เท่าเพราะว่าบริษัทกลับมาทำกำไรได้
เนื่องจากบางครั้งบริษัทขาดทุนอย่างหนักเป็นปัญหาเพียงชั่วคราว แต่หุ้นที่ต่ำบุคบางตัวตั้งแต่สมัย set ต่ำกว่า 400 จุด ทุกวันนี้ set เกิน 1000 หุ้นก็ยังต่ำบุคอยู่ เพราะกำไรไม่มาก็เป็นตัวสะท้อนได้ว่า กำไรสำคัญกว่าบุค แต่ไม่ใช่ว่าบุคไม่สำคัญเลย
ความเห็นส่วนตัวของผมเฉยๆครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 12:24 am
โดย Laziale
แล้วอย่างหุ้นหลักทรัพย์บางตัวที่ต่ำกว่า book มากมายแถมเงินสดล้นหละครับ แค่เงินสดก็เกือบเท่า market cap แล้ว กำไรก็ยังเรื่อยๆไม่ได้ขาดทุน ปันผลเกือบหมด น่าสนใจมั๊ยครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 10:09 am
โดย hongvalue
Laziale เขียน:แล้วอย่างหุ้นหลักทรัพย์บางตัวที่ต่ำกว่า book มากมายแถมเงินสดล้นหละครับ แค่เงินสดก็เกือบเท่า market cap แล้ว กำไรก็ยังเรื่อยๆไม่ได้ขาดทุน ปันผลเกือบหมด น่าสนใจมั๊ยครับ
ผมคิดว่ามีหุ้นหลายตัวที่เคยเข้าข่ายนั้น
พี่ฉัตรชัยเคยลงทุนในหุ้นโรงแรมแมนดาริน
เพราะอ่านข่าวเจอว่ามีกำไรจากการขายที่(ถ้าจำไม่ผิด)
แล้วได้เงินสดมาก้อนนึงซึ่งเยอะมากๆแล้วก็ปันผลออกมาเยอะ
ทำให้หุ้น ceiling ตั้งหลายวัน
แต่หุ้นที่จ่ายปันผลออกมาแบบนั้นผมแทบจะไม่เคยเห็นเท่าไหร่เลย
ธุรกิจหลักทรัพย์ผมเข้าใจว่าเขาต้องมีเงินสดไว้สำหรับให้คนกู้ไปเล่นมาร์จิ้น
เงินตรงนั้นคงไม่ตกถึงผู้ถือหุ้นครับ
สำหรับหุ้นที่มีเงินสดในมือมากกว่า market cap ที่ classic อีกตัวที่ผม cover เอาไว้ในเอกสารของผมก็คือ kye ครับ
kye ตอน bottom ก่อนจะขึ้น 10 เด้งมี net cash จากงบในตอนนั้นมากกว่า market cap สองเท่าตัว และมี ca-tl มากกว่า mkp cap ถึง 2.4 เท่าตัว นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกมากๆและต่อมาได้เกิดจุดปลดล็อกความถูกขึ้นก็คือว่า ปกติ kye จะขาดทุนจากตู้เย็นแล้วกำไรจาก mcp หุ้นแอร์แทนแต่ถึงจุดนึงตู้เย็นกำไรด้วย และไตรมาสหลังจากเกิดวิกฤติก็มีจุดเปลี่ยนบางอย่างทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมหาศาล
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าหุ้น kye ขึ้นเพราะเงินสดเยอะ แต่ขึ้นเพราะตัวถ่วงธุรกิจอย่างตู้เย็นกลับมาทำกำไรได้ในปี 2552 ต่างหาก ผมว่าการมีเงินสดเยอะสะท้อนว่าบริษัทน่าจะจ่ายปันผลได้เยอะ โดยเฉพาะถ้านับเป็น net cash แล้วการที่บริษัทกำไรโตน่าจะทำให้นักลงทุนได้ปันผลสมน้ำสมเนื้อมากกว่า
ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 11:22 am
โดย picatos
คิดว่า... ถ้าเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่นแล้ว p/b หรือตัวแปรใดๆ ก็ตาม ก็คงเอาไว้ใช้แค่กรองหุ้น เพื่อไปศึกษาต่อ ถ้าจะเอามาใช้กรองแล้วลงทุนเลย คงต้องถือหุ้นกระจายสัก 20 ตัวในพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงจากความขี้เกียจของเรา
การใช้ p/b ก็ถือว่าโอมั้งครับ ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่า แต่กำไรจะมารึเปล่าก็ไม่รู้ ราคาจะขึ้นไปสะท้อนมูลค่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งการลงทุนในหุ้น p/b ต่ำ ความเสี่ยง คือ เวลา มั้งครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 9:44 pm
โดย i_sarut
hongvalue เขียน:จริงๆแล้ว ผมลองตั้งข้อสังเกตุส่วนตัวขึ้นมาก็คือว่า
ราคาหุ้นจะตามผลประกอบการไม่ได้ตาม bv
แต่หุ้นที่ bv ต่ำมากๆถ้าผลประกอบการจากขาดทุนพลิกกลับมาได้
น่าจะเป็นหุ้นที่ให้ return สูง
เห็นด้วยครับ เอาไว้รอวิกฤตรอบหน้าจะลองดูบ้าง
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2011 10:54 am
โดย prakarnb
ขอบคุณทุกความเห็นที่ให้เป็นวิทยาทาน ครับ
ในความเห็นของผม ผมดูที่ฑธรรมชาติของตัวบริษัท นั้นๆ เป็นหลัก เพราะบางบริษัท จ่ายปันผลในอัตราที่สูงทุกปี ( มากกว่า 75% ของกำไร ) ทำให้ BV ไม่เพิ่มเท่าไหร่ แต่ศักยภาพของบริษัท ก็ยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมเห็นว่า ยุติธรรมกับผู้ถือหุ้น ดีมากครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2011 11:28 am
โดย chukieat30
สุดยอดครับ พี่ฮง
ขอบคุณในแง่มุมดีๆๆครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 9:23 am
โดย blackninja
ผมเป็นน้องใหม่ของบอร์ด แต่ไม่ใหม่ในตลาดหุ้น ขอสวัสดีทุกท่านด้วยครับ ผมอยากจะเสนอความคิดเห็นอย่างนี้ครับ
1.แนวคิดที่ว่าซื้อหุ้นโดยดูจาก pbv อย่างเดียวแล้วให้ผลลัพธ์ดี หรือ ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ถูกต้องไหม
-แนวคิดนี้น่าจะผิดตรงคำว่า ดูจาก pbv อย่างเดียว pbv น่าจะเป็นคงองค์ประกอบนึงในการซื้อ
2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง
-ถ้าวิกฤตนั้นแย่ลงเรื่อยๆจนถึงขั้นบริษัทในตลาดหุ้นบ้านเราเจ๊งกันเยอะๆ หุ้นที่ pbv ถูกที่สุดอาจจะเจ็บตัวน้อยที่สุด แต่ถ้าผ่านวิกฤตมาได้แล้วตลาดปรับขึ้นหุ้นที่ pbv ถูกสุดอาจจะไม่ได้ขึ้นมากสุด
3.หุ้นที่ pbv ต่ำแบบไหนที่ฟื้นตัวได้ดีเมื่อ set กลับมาแต่แบบไหนที่ไม่ค่อยฟื้นเพราะอะไร
-จังหวะฟื้นตัวขึ้นนักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักของ pbv จะน้อยลง แต่จะให้น้ำหนักกับโอกาสของธุรกิจในการทำกำไรได้เร็วๆ เช่น ฟื้นจากวิกฤตปี42โอกาสเป็นของพวก kk spl แต่ฟื้นจากวิกฤต52 กลับเป็นพวกอิเล็คทรอนิคส์
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 10:01 pm
โดย เกล้า
อันนี้ผมนอกเรื่องเลย..วันนี้ดูพี่ฮง..ชักจะดังใหญ่
คุยกับเจ๊มดดำ..ทางช่อง9..รายการบอกเล่าเก้าสิบ
เห็นแล้วต้องบอกว่านับวันยิ่งสุดยอดจริงๆ
..
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 10:39 pm
โดย pasaaris
ประเภทธุรกิจ กับ กำไร น่าจะสำคัญกว่าเยอะนะครับ
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 07, 2011 12:49 am
โดย hongvalue
เกล้า เขียน:อันนี้ผมนอกเรื่องเลย..วันนี้ดูพี่ฮง..ชักจะดังใหญ่
คุยกับเจ๊มดดำ..ทางช่อง9..รายการบอกเล่าเก้าสิบ
เห็นแล้วต้องบอกว่านับวันยิ่งสุดยอดจริงๆ
..
ดูด้วยเหรอครับ อายจัง
ผมว่าเนื้อหามันน้อยไปหน่อยอะครับ จริงๆอยากจะพูดให้แง่คิดอะไรมากกว่านี้
แต่ไม่มีเวลา
Re: คิดว่าไง
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 07, 2011 12:55 am
โดย hongvalue
blackninja เขียน:
1.แนวคิดที่ว่าซื้อหุ้นโดยดูจาก pbv อย่างเดียวแล้วให้ผลลัพธ์ดี หรือ ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ถูกต้องไหม
-แนวคิดนี้น่าจะผิดตรงคำว่า ดูจาก pbv อย่างเดียว pbv น่าจะเป็นคงองค์ประกอบนึงในการซื้อ
อ่านดูแล้วก็ไม่ใช่มือใหม่สมกับที่บอกเลยครับ
มีคำกล่าวว่า bv ก็เปรียบเหมือนสินทรัพย์(หักหนี้แล้ว)
บริษัทที่มีสินทรัพย์สูงย่อมดีกว่าบริษัทที่มีสินทรัพย์ต่ำ
ถ้าผู้หญิงคนนึงจะแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยแต่หาเงินไม่เก่ง
แต่รวยเพราะได้มรดกนั้นน่าจะเข้าข่าย หุ้น pbv ต่ำ(bvสูง) แต่ roe ต่ำ
ส่วนผู้ชายที่หาเงินเก่งแต่ไม่มีมรดกตกทอดน่าจะเทียบได้กับหุ้น pbv สูง
แต่ roe สูงครับ แล้วแต่ว่าผู้หญิงจะเลือกแบบไหน
ผู้หญิงบางคนบอกว่าจะขอเลือก pbv สูงครับแต่มีข้อมูลคือต้องเป็นผู้ชายแก่ๆนะครับ
เพราะเมือคนแก่ตายไปเขาจะได้เอา bv ผู้ชายมาเป็นของตัวเอง
อันนี้พูดเล่นๆเป็นโจ๊กขำๆนะครับ แต่ผมเคยไปสอนเรื่องงบแล้วมีผู้หญิงตอบผมมาแบบนี้จริงๆ
ตอนที่ผมถามว่าจะเลือกแบบไหนก็เลยมาเล่าให้ฟัง