Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พี่ทุกคนครับผมสงสัยว่าหุ้นอย่าง CPF ถือเป็นหุ้นวัฏจักรหรือเปล่าครับ เพราะคิดว่าสินค้าเป็นรูปแบบผลผลิตเกษตร หน้าตารูปร่างก็เหมือนกันทุกๆเจ้ามีช่วงเวลาถูกแพงของแต่ละชนิดตามฤดูการแต่มีบางคนบอกว่าไม่ใช่หุ้นวัฏจักรเพราะกำไรขึ้นลงไม่ได้มาจากความต้องการ แต่มาจากการควบคุมการผลิตของบริษัทแทน ขอความคิดเห็นด้วยครับ แบบว่าเด็กใหม่มากๆ

ผมมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีวัฐจักรคับ
วัฐจักร ผันแปรไปตาม demand & supply
"ไม่ใช่หุ้นวัฏจักรเพราะกำไรขึ้นลงไม่ได้มาจากความต้องการ แต่มาจากการควบคุมการผลิตของบริษัทแทน"
ประโยคนี้แสดงให้เห็นชัดเลยคับว่า การควบคุมการผลิตของบริษัท ก็คือการเปลี่ยนแปลงของsupplyนั่นเอง
จริงแล้วธุรกิจนี้ demandเปลี่ยนแปลงตามอัตราการเพิ่มของประชากรประกอบกับเงินเฟ้อ
หมายความว่า การเคลื่อนไหวของdemandมีอัตราเพิ่มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้ว
ราคาจึงมักจะเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวของsupplyมากกว่า เช่นที่ผ่านมาเกิดเหตุให้ไข่ไก่ขาดตลาด ราคาไข่ก้อเพิ่ม
ดังนั้น การควบคุมการผลิตของบริษัท คือการcontrol supply นั่นเองคับ

ขอขอบคุณ คุณ Aegiszero มากๆครับอ่านแล้วเปิดมุมมองให้ได้มากเลยครับ จริงๆแล้วหุ้นแนวนี้เราควรศึกษาที่ supplyมากกว่าเว้นแต่ว่า demand จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆเพราะโดยปกติควรจะเพิ่มอย่างช้าๆ

commodities คำนี้ถูกนำมาใช้โดยจำกัดความว่า สินค้าไม่มีความแตกต่าง ขึ้นกับ demand-supply

คราวนี้ฝนลองมองแต่ละภาพจากใหญ่ลงมาเล็ก

ภาพใหญ่สุดคือ Food industry
demand คือประชากรหรือสิ่งที่มีความสามารถในการบริโภค
supply คืออาหาร
ปัจจัยกระทบdemand คือ ประชากรเพิ่มขึ้น และพืชถูกใช้เป็นพลังงาน (รถแย่งอาหารคน) ^^
ปัจจัยกระทบฝั่ง supply เกี่ยวกับโลกร้อน น้ำท่วม โรคระบาด บลาๆๆๆๆ

ถ้ามองแบบนี้กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารทั้งหมดเป็น commodities cycle รวมทั้ง cpf ค่ะ

แต่ถ้ามองภาพเล็กลงมาหน่อย แยกเป็น อุตสาหกรรมไก่ อุตสาหกรรมกุ้ง อุตสาหกรรมสุกร
ภาพของ cpf รายได้มีการกระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งการแปรรูปอาหาร
ทำให้ demand และ supply ของแต่ละอุตสาหกรรม ไม่กระทบรายได้มากนัก

ฝนมองว่า CPF เป็น commodities cycle ขึ้นกับอุตสาหกรรมใหญ่คือ Food industry
แต่ความรุนแรงของ cycle ค่อนข้างน้อย
เมื่อเทียบกับ ธุรกิจอาหารที่พึ่งพิงจากรายได้แค่ส่วนเดียว เช่น ไก่ กุ้ง สุกร ค่ะ

ขอบคุณครับ คุณฝน ที่แนะนำ ถ้าหุ้นหนึ่งตัวแต่ทำครบทุก product แต่ถ้าแต่ละproducมีความเสี่ยงที่แตกต่างอาจทำให้ลดความผันผวนได้ใช่มั๊ยครับ

ผมขอแทรกความเห็นครับ
ผมลองวิเคราะห์งบการเงินย้อนหลังราวๆ 7 ปีได้ ตั้งแต่ปี 47-53
โดยดูจาก ROE
จะเห็นว่าที่กำไร(ROE)มากหรือน้อย มันมาจาก NPM มีการเปลี่ยนแปลงซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่สัดส่วนยอดขาย(ต่อสินทรัพย์)ค่อนข้างคงที่ ก็แปลว่ามันขายของออกได้ตลอด แต่บางปีที่กำไรไม่ดีเพราะNPMมันตํานั่นเอง คงเพราะมันเป็นสินค้าวัฎจักรอย่างที่กล่าวกันนั่นเอง

อ่านจากกระทู้CPF เขาว่ากันว่ารุปแบบธุรกิจเปลี่ยนเพราะมีการรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ถ้าเป็นครัวของโลกได้จริง มันคงไม่เป็นวัฎจักรขึ้นๆลงๆให้หวาดเสียวอีกต่อไป และถึงวันนั้นผูถือหุ้นนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกคงได้ยิ้มกัน ส่วนตัวผมมองไม่ออกขนาดนั้นครับ เพราะยังไม่เก่งเรื่องวิเคราห์เชิงคุณภาพนัก แต่ซื้อติดพอร์ต5% ไว้สักพักหนึ่งตอนนี้มันขึ้นมา 26%แล้วครับ คิดว่าจะถือต่อไป มองสั้นๆว่าวัฎจักรของสินค้า soft commoรอบนี้มันยังไม่จบง่ายๆ