Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมว่ากลต.ควรออกกฎใหม่ว่าบริษัทใหนจะเข้าตลาด จะต้องให้มีการจองหุ้น ipo ผ่านแบงค์

ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด ถ้าจองเกินก็ random เอา ไม่ใช่ให้ โบรกเกอร์ไม่กี่ที่ขาย

งุบงิบๆแอบทำกัน ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้เองเยอะด้วยเอาไว้ทำราคากัน ความยุติธรรมมันต้องเริ่มนับ

1ตั้งแต่วันเข้าตลาด มันถึงจะนับ2 ต่อไปได้ เมื่อตัวเองเก็บไว้มากๆก็ดาหน้าสมัครพวกพวก

ออกมาพูดว่าบริษัทดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ จบลงที่หลอกเจิ๊ยตังค์แมงเม่า เรื่องแบบนี้เห็นๆกันว่า

คนมีอำนาจไม่จัดการ คิดไม่เป็นหรือว่ามองว่าธุระไม่ใช่ครับ

อันนี้เห็นด้วย ถ้าจอง ipo แล้วมาร์บอกหมด เปิดมามักราคาวิ่ง แต่ถ้า มาร์ โทรบอก ipo ตัวนี้ มีเหลือ พี่เอาไหม นั่นแหละ ส่วนใหญ่ เปิดมาจอดแทบทุกตัว ช่วงหลังๆนี้ เลิกสนใจหุ้น ipo ไปเลย

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ลองดูหนังเรื่องนี้ดูครับ INSIDE JOB

อย่าลืมset ขาลงเหลือ 300 จุด ต้องเอาด้วยนะ จะได้เท่ากันและเทียม

เหรียญมีสองด้านเสมอ !!!

petro-expert เขียน:อย่าลืมset ขาลงเหลือ 300 จุด ต้องเอาด้วยนะ จะได้เท่ากันและเทียม

เหรียญมีสองด้านเสมอ !!!

โห รอบนี้แค่ 900 ก็คางเหลืองกันเป็นแถวแล้วครับ
หุ้น IPO เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า กลต ทำอะไรอยู่ หรือ ทำอะไรได้ หรือควรจะทำอะไรบ้าง

หุ้นบางตัว IPO 30 ล้านหุ้น แต่วันแรก Trade กันเข้าไปเหยียบๆ ห้าหกร้อยล้านหุ้น ไม่Ceiling ไม่หยุดว่างั้นเถอะ และ ก็เป็นอย่างที่พวกเรา Post นะครับ พวกรายย่อยมือสะอาดไม่ได้ซื้อครับไอ้ประเภทวิ่งๆแบบนี้ ใครเข้ามาใหม่อดใจไม่ใหวไปซื้อตอน Ceiling มีสิทธิ์เจ็บตัว ด่าส่งยันลูกหลาน

ตลาดบ้านเรามันถึงไม่เจริญ วันนี้ห่างจาก Indo และ Phillipine 4 เท่าใง
ก่อนนี้ สิบกว่าปี ดรรชนีเท่าๆกัน (ต่างชาติเรียกกลุ่มประเทศ TIP --> Thailand Indonesia Phillippine)
เฮ้อ เบื่อ

บริษัทที่เขาเสนอขายหุ้น เขาไม่โง่หรอกครับ แต่ละคนฉลาดเป็นกรดทั้งนั้น เวลาหุ้นเหลือ

200จุด เคยเห็นมีใครมาเสนอขายหุ้น ipo ใหมครับ เขาก็เลือกช่วงตลาดดีๆจะทำให้ได้ราคา

ไม่ต้องไปกลัวว่าจะขายไม่ได้ ถ้าธุรกิจคุณดีจริง underwriter ไม่ทำราคามั่วๆออกมาหลอกขาย

ชาวบ้านชาวช่อง กลต. ต้องค้ดกรองบริษัทที่ดีอยู่แล้วมันเป็นหน้าที่ ไม่ใช่ใครเสนอ fileling ก็

รับหมด เอาคุณภาพไม่ใช่เอาแต่ปริมาณ

ต้องออกกฏมาเลยครับ ถ้าเสนอขายแบบopen ผ่านแบงค์แล้วขายได้ไม่เกิน50% ก็ไม่รับเข้า

ตลาด แสดงว่าราคา ipo ไม่เหมาะสม หรือคุณเอาธุรกิจที่กำลังจะเจ๊งมาหลอกขาย แต่ถ้ายืนยันจะเข้าตลาด บริษัทต้องรับซื้อเอาไว้เอง แบบนี้แฟร์ใหมครับ ถ้าคุณมั่นใจว่าบริษัทคุณดี

กลัวอะไร เก็บไว้ก่อน ถ้าดีตจริงๆเดี๋ยวก็รวยเละ

ผมยังจำได้ ผมได้หุ้นการบินไทยมา 200 หุ้น หุ้นละ 60 บาท ก็จองผ่านธนาคาร

ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ 200 หุ้น แต่ซื้อจากตลาดหุ้นตอนราคา 7.20 (ทำไมซื้อน้อยจัง)

เขาคงจำหน่ายแต่เด็กขาโตครับ

ขาลีบๆๆ ไม่เคยได้กิน

บางตัวของกวนอิม ขาโตๆๆยังไม่ได้เลยพี่ลิขิต มันต้้องพวกแข้งทอง

แต่จะว่าไป ช่างเขาเรามองตัวอื่น

ถ้าของคุณดีจริง ไม่ต้องกลัวขายไม่ได้ครับ กลัวแต่เอาแมวมาย้อมขายอ่ะสิ ซึ่งกลต.ต้องทำ

หน้าที่กันบริษัทพวกนี้ไม่ให้เข้ามาหลอกคนในตลาด

ขณะนี้มีอยู่หลายบริษัท free float ต่ำกว่า15% กลต.ออกจดหมายสอบถามไปไม่รู้กี่รอบ

ต่อกี่รอบ เขาก็ไม่ขายหุ้นออกมา ชี้ให้เห็นว่าเขากระจายหุ้นต่ำกว่า10% เขาไม่เห็น worry

ถ้าอยากอยู่ในตลาด และเขาก็คิดว่าวันใดเป็นวันของเขาเขาก็จะขายออกมามีแต่คนแย่งกันซื้อ

กลต. ดีแต่ไปคิดทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น capital gain tax ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ

แต่งานที่เป็นหน้าที่ของคุณตรงๆทำไมไม่ทำ หาหาหา

Likhit เขียน:กลต. ดีแต่ไปคิดทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น capital gain tax ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ

แต่งานที่เป็นหน้าที่ของคุณตรงๆทำไมไม่ทำ หาหาหา

ตกลงเก็บไหมครับ cap gain tax

แค่ค่าแรง 300 ยังไม่รู้จะควักกระเป๋ากันไหวไหม

set หรือ กลต. น่าจะจัดวัน Opp. Day หุ้นที่ทำ IPO ก่อนวันเข้า Trade เพื่อให้นักลงทุนได้สอบถามข้อมูลในทุกๆด้าน ถีงจะเป็นธรรม ครับ

ไม่ค่อยได้สนใจหุ้น ipo มานานแล้ว
เมื่อก่อนเคยไปซื้อ top ให้ภรรยา ตอน ipo
ต้องใช้คําว่าไปซื้อจริงๆ นะ เพราะเค้าเปิดให้จองที่ ธ.ทหารไทย สนง.ใหญ่
ตอนนั้นได้บรรยากาศการจองซื้อหุ้นมากๆ เลย เพราะต้องไปต่อแถวตั้งแต่เช้า
ก็ยุติธรรมดี เข้าถึงรายย่อยดี ใครมาก่อนได้ก่อน
แต่เดี๋ยวนี้มีพัฒนาการมากขึ้นระบบการจองก็เปลี่ยนไป

arip เป็ยงัย

color นี่ก็มารูปแบบเดิม เมื่อใหร่จะเลิกวิธีอย่างที่ใช้อยู่

มันทับซ้อนตั้งแต่เลือก"ที่ปรึกษาทางการเงิน"ที่จะเอาเข้าตลาดแล้วครับ
บริษัทที่ปรึกษาพวกนี้ก็มีความสัมพันธ์กับโบรคเกอร์ทั้งนั้น
พอเป็นอย่างนี้ความเป็นธรรมของพวกเขาคือ
การตอบแทนลูกค้าที่ทำประโยชน์ให้เขาสูงสุด พวกที่เทรดเยอะที่สุดนั่นเอง

"ความเป็นธรรม"ในมุมมองของเรากับของเขาจึงต่างกันครับ

เห็นด้วยครับ

แบบนี้ล่ะครับตลาดขาขึ้น หลายๆบริษัทแต่งหน้าทาปาก โบรกก็ตีฆ้องร้องป่าว มโหรีกลองยาว ก่อนหุ้นเข้าเทรดก็ออกงบมาเรียกน้ำย่อย หุ้น20-30 ล้านหุ้นโยนกันทั้งวัน 6-7 รอบ ตัวก่อนนี้ก็โยนกันหลายรอบน่าดู เจ้าของ กับคนเข็นเข้าตลาดพุงกางเลย ส่วนเม่าก็โดนเผา ติดดอย เพราะความโลภ

จะว่าไป ถ้ากิจการดีจริงๆ เขาน่าจะเก็บไว้เอง ไม่เอามาแบ่งชาวบ้าน เพราะเห็นบอกกำไรดี กู้แบงค์ไหนก็คงไม่ลำบาก นอกจากแบงค์ ดูงบแล้วไม่ให้กู้. ดูแล้วมันไม่ค่อยกำไร

ดูกันยาวๆครับ สุดท้ายรายได้ กำไรจะเป็นตัวบอก เอง ว่าของจริง หรือของเก๊

ถ้าจะขายหุ้นผ่านธนาคารเหมือนรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆผมคิดว่าค่าใช้จ่ายสูงมากครับ อาจจะสูงกว่าเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจากการขาย ipo เลยด้วยครับ ยิ่งถ้าหุ้นเข้า MAI ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ผมขอคิดเปรียบเทียบนิดนึงนะครับ
ผมว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการสะสมแต้มซื้อของต่างๆ
- แสตมป์สะสม 7-11
- สะสมแต้มบัตรเครดิต เพื่อแลกของหรือ cash back
- สะสมแต้มตามห้าง
- ซื้อของเท่านั้นเท่านี้ แถมโน่นแถมนี่

เราเห็นความไม่ยุติธรรมตรงนั้นไหม เราทำอย่างไรหละครับ
ก็เลิกใช้ ร้านนั้น บัตรนั้น สินค้าชิ้นนั้น
หรือเลิกใช้ broker นั้น

ผมว่ามันก็เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีนะครับ

เทรดสองสามวันแรกมันก็หุ้นปั่นดีๆนี่แหละ
ทำไงได้ ก็อย่าไปซื้อมันก็จบ
หุ้นบางตัว IPO ผ่านมาเป็นปีแล้วนักลงทุนยังไม่เลิกหลอกตัวเองว่าราคามัน overpriced

มองต่างมุม ... บริษัทที่จะทำ IPO ส่วนใหญ่ที่มีเจตนาสุจริตเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าราคาหุ้นหลังเข้าตลาดต้องพุ่งแรง .. เพราะถ้ายิ่งหลังเข้าตลาด แสดงว่าการตั้งราคา IPO นั้นผิดพลาดอย่างมหาศาล ... บริษัทสนใจแค่ว่าทำอย่างไรให้ขายหุ้น IPO ได้หมด ในราคาที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท ... ดังนั้นจึงยอมจ่ายค่าธรรมเนียมการประกันการจัดจำหน่ายที่สูง 3% ของราคาขายให้กับบริษัทหลักทรัพย์ผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ... ดังนั้นเรื่องการกระจายหุ้นจึงเป็นความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ... มันก็มีข้อบังคับของกลต.ในเรื่องการจัดสรรอยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้มงวดมาก ...

ส่วนการไปกระจายหุ้นผ่านธนาคาร นั้นที่ไม่นิยมทำในหุ้นบริษัททั่วไป เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูง บริษัทหลักทรัพย์ก็ไม่อยากจะไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารอีกถ้าตัวเองคิดว่าสามารถกระจายหุ้นได้หมดอยู่แล้ว ... ที่ำสำคัญด้วยข้อจำกัดเกณฑ์แบงค์ชาติ ธนาคารจะทำหน้าที่เป็นเพียงช่องทางในการจัดจำหน่าย โดยไม่ได้รับประกันว่าจะจำหน่ายได้หมด ดังนั้นผู้รับความเสี่ยงหลักๆก็ัยังคงเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นคนรับประกัน ...

คิดในมุมกลับ ถ้าเราตั้งสมมติฐานว่าหุ้น IPO ทุกวันนี้ที่ร้อนแรง ราคาหลังเข้าตลาดพุ่งเหนือราคา IPO เยอะได้เป็นเพราะการกระจายหุ้นแบบกระจุกตัวในกลุ่มคนกลุ่มเดียวทำให้สามารถดึงราคาได้ง่าย ... จนในที่สุดเมื่อรายย่อยสนใจเข้าไปผสมโรงด้วย กลุ่มผู้ที่ซื้อมาในราคา IPO ก็สามารถขายทำกำไรได้อย่างสบาย ... จนทำให้มีแต่คนอยากได้จองหุ้น IPO

ถ้ามีการกระจายหุ้นอย่างกระจายทั่วถึงจริงๆ โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ราคาตลาดพุ่งแรงก็จะเป็นไปได้น้อยลงมาก (สังเกตุได้จากหุ้นรัฐวิสาหกิจเองราคาช่วงแรกหลังเข้าตลาด) นักลงทุนที่ซื้อหุ้น IPO ก็อาจจะได้กำไรไม่ได้ดีไปกว่าหุ้นในตลาด นานๆเข้าความต้องการของหุ้น IPO จากความเชื่อที่ว่าจะสามารถทำกำไรได้อย่างมโหฬารก็จะลดลง การกระจายหุ้นก็จะไม่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป จนต้องกลับไปให้ระบบการกระจายแบบเดิมอยู่ดี ....

ปตท. เสนอขายหุ้นกู้ผ่านระบบ Random ครั้งแรกของไทย

ปตท. ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ตามโครงการ PTT Debenture Loyalty Program อีกทั้งยังเปิดให้ผู้ลงทุนรายใหม่มีโอกาสได้รับการจัดสรรหุ้นกู้ ปตท. ชุดใหม่อย่างเท่าเทียมกัน โดยนำระบบการสุ่มคัดเลือก (Random) ของ SETTRADE มาใช้กับการจัดสรรหุ้นกู้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. ซึ่งใช้สิทธิจองซื้อหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาทหมดตามจำนวนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิม และจากการเสนอขายในช่วงที่สามที่เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดิมที่ต้องการลงทุนเพิ่มมีโอกาสได้รับการจัดสรรหุ้นกู้ ปตท. ชุดใหม่อย่างเท่าเทียมกันอีกจำนวน 4,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อ ปตท.

ดร.ไพรินทร์ กล่าวว่า ปตท. ได้ทำการจัดสรรแบบสุ่มคัดเลือก (Random) โดยเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อก่อนและชำระเงินเมื่อได้รับการจัดสรรแล้วนับเป็นครั้งแรกในไทยที่ใช้วิธีจัดสรรดังกล่าว โดยนำระบบคอมพิวเตอร์ของ SETTRADE ซึ่งเป็นวิธีการที่โปร่งใสและใช้ในการจัดสรรหุ้นสามัญมาใช้ ส่งผลให้ผู้ลงทุนรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดิมที่ต้องการลงทุนเพิ่มได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน

สำหรับหุ้นกู้ ปตท. ครั้งที่ 1/2555 ที่เสนอขายครั้งนี้ประกอบไปด้วยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุประมาณ 3 ปี 9 เดือน มูลค่ารวม 1,950.53 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.80 ต่อปี และชุดที่ 2 อายุประมาณ 6 ปี 10 เดือน มูลค่ารวม 18,049.47 ล้านบาท ปีที่ 1 ถึงปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.00 ต่อปี ปีที่ 5 ถึงปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.40 ต่อปี และระยะเวลาที่เหลืออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.50 ต่อปี จัดจำหน่ายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 7 ธนาคารประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารธนชาต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้มาใช้ในการลงทุนและ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปและ/หรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (Refinance)

การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา โดยช่วงแรกเสนอขายวันที่ 12-13 มกราคม 2555 สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 1 และ 2 ต่อผู้ถือหุ้นกู้ที่ไม่ใช้ผู้ลงทุนสถาบันที่ถือหุ้นกู้ของ บมจ. ปตท. ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2554 ช่วงที่สองเสนอขายวันที่ 17-18 มกราคม 2555 เสนอขายเฉพาะหุ้นกู้ชุดที่ 2 ต่อผู้ถือหุ้นกู้ที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบันที่ถือหุ้นกู้ของ บมจ. ปตท. ทุกชุดที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอน รวมถึงชุดที่ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2554 ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้เดิมทั้งสองช่วงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. สามารถปิดการเสนอขายมูลค่ารวมไม่เกิน 16,000 ล้านบาทได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และช่วงที่สามเสนอขายวันที่ 19-20 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นการเสนอขายเฉพาะหุ้นกู้ชุดที่ 2 แก่ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาที่สนใจทั่วไป ทั้งที่เป็นและไม่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ของปตท. โดยมีการจัดสรรด้วยการ Random ในวันที่ 23 มกราคม 2555 และเรียกชำระเงินในวันที่ 24 และ 25 มกราคม 2555

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอะไร ไม่ว่าวงการไหนๆ ก็มีกันเกือบหมด ดังนั้นแล้วเรื่องแบบนี้คงต้องทำใจครับ