ValueWay:บทเรียนกูรูหุ้นระดับโลก-ปีเตอร์ ลินช์
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 22, 2011 12:34 pm
VALUE WAY ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน 2554
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
บทเรียนกูรูหุ้นระดับโลก – ปีเตอร์ ลินซ์
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ถาม: เราเรียนรู้อะไรจากปีเตอร์ ลินซ์
พรชัย รัตนนนทชัยสุข: จุดเด่นของปีเตอร์ ลินซ์คือเขาแบ่งหุ้นออกเป็น 6 กลุ่ม
1) หุ้นโตช้า โตตามเศรษฐกิจ ปันผลสม่ำเสมอ
2) หุ้นแข็งแกร่ง โต 10-15%
3) หุ้นโตเร็ว 20-30%
4) หุ้นวัฏจักร รายได้ กำไร ขึ้นๆลงๆเป็นรอบๆ
5) หุ้นฟื้นตัว บริษัทมีปัญหาแล้วกลับมาได้
6) หุ้นมีทรัพย์สินมาก แล้วไม่ได้สะท้อนราคาหุ้น
ถ้าเราเลือกหุ้นกลุ่มไหน ก็จะวิเคราะห์ตามแนวทางนั้นเช่นหุ้นโตช้าเราเน้นปันผล ดูว่ามีเงินสดเยอะไหมจะปันผลได้สม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าหุ้นวัฏจักรดูว่าอุปสงค์และอุปทานมีการฟื้นตัวแล้วหรือยังเป็นต้น
ผู้เขียน: แนวคิดที่เสริมคือ ปีเตอร์ ลินซ์บอกว่านักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ชอบคิดว่าตนเองเก่งสู้นักวิเคราะห์มืออาชีพไมได้ แต่จริงๆแล้วลินช์มองว่ารายย่อยรับรู้ข้อมูลข่าวสารเร็วกว่านักวิเคราะห์จากการสำรวจสิ่งต่างๆรอบๆตัว อย่างบริษัทค้าปลีกที่เริ่มเปิดสาขามากขึ้น มีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นเป็นสัญญานที่ดีของบริษัทซึ่งผู้บริโภครับรู้ได้เร็วกกว่านักวิเคาระห์ที่ต้องรอผลประกอบการรายไตรมาศหรือแม้แต่ผู้บริหารบริษัทที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงมาดูที่หน้าร้านมากพอ พอร์ตการลงทุนของลินซ์กระจายการลงทุนถึง 1,500 บริษัท แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย ลินซ์บอกว่ามี 5-10 บริษัทก็พอ
ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์: ชอบที่ลินซ์ว่า ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ซื้อหุ้นที่ลง 25% ได้คุณก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน คือเขาเน้นเรื่อง หุ้นลงให้ซื้อ หุ้นขึ้นให้ขาย แต่นักลงทุนรายย่อยทั่วไปกลับทำตรงข้ามคือขึ้นซื้อ ลงขาย ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร: ปีเตอร์ ลินช์ซื้อขายหุ้นตามรอบ หาหุ้นตามห้างไปจ่ายตลาดหรือซื้อของก็คอยสังเกตไปด้วย ไม่ได้ไปหาหุ้นตามห้องค้าหรือตามที่โบรกเกอร์บอกมา ลินซ์ยกตัวอย่างหุ้นซูบารุ เขาบอกว่าแทนที่นักลงทุนจะนำเงินไปซื้อรถซูบารุคันใหม่ ผ่านไปเพียงห้าหกปี รถคันนั้นก็เริ่มเก่าเสียแล้วหรือผ่านไปสิบปี รถก็พังพอดี แต่ถ้านำเงินจำนวนเดียวกันไปซื้อหุ้นบริษัทซูบารุแทนที่จะซื้อรถ นักลงทุนสามารถทำกำไรได้หลายเท่าภายในระยะเวลาเดียวกัน เพียงแต่นักลงทุนรายย่อยต้องรอบคอบและหมั่นหาความรู้รอบๆตัวอยู่เสมอ
