Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. - นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประกาศให้ผู้ประกอบการต้องยกเลิกใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือภายใน 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ในการสนับสนุนการลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ แต่ภาคเอกชนพบว่าสถานการณ์ปัจจุบันแรงงานไทยส่วนใหญ่ย้ายไปสู่ภาคการเกษตร ธุรกิจบริการและอาชีพอิสระ รวมถึงการเลือกงานมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจัดหาแรงงานต้นทุนที่เหมาะสมและเกิดปัญหาขาดแคลน แรงงานอย่างมากในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายไพบูลย์ กล่าวว่า สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ จึงมีข้อเสนอต่อบีโอไอ ด้วยการผ่อนผันการห้ามใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ โดยออกประกาศอย่างชัดเจน และควรปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตใช้แรงงานต่างด้าวตามประกาศ ป.4/2553 เพื่อให้จ้างแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือเท่าเทียมกัน ควรอนุญาตให้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจ้างแรงงานต่างด้าวไร้ ฝีมือได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีกำหนดไม่เกินร้อยละ 15 ของแรงงานทั้งหมดในโครงการ.-สำนักข่าวไทย

harikung เขียน:กระทบโรงงานไหนผมไม่รู้ แต่อยากทราบว่าเค้าใช้อะไรจำแนกว่าแรงงานเป็นแรงงานฝีมือ แรงงานคนไหนไม่เป็นครับ และต้องถามว่าที่ออกมาประกาศแบบนี้ต้องการจะแก้ปัญหาอะไรครับ ถ้าจะแก้ปัญหากลัวคนไทยไม่มีงานทำ บอกได้เลยครับว่าไม่มีประโยชน์ คนไทยไม่มีงานทำเพราะเค้าไม่ไปทำเองครับ โรงงานทุกวันนี้ในหลายๆอุตสาหกรรมเค้าหาคนงานยากกว่าหาออเดอร์อีกนะครับ และในความเป็นจริงผู้ประกอบการเค้าก้อไม่ได้อยากจะใช้ต่างด้าวเลยถ้าสามารถหาแรงงานไทยได้ เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากต่อหัว(ในกรณีถูกกฎหมายนะครับ และจ่ายค่าแรงตามกฎหมายด้วย) ซึ่งมาประกาศแบบนี้นี้เหมือนยอ่งซ้ำเติมผู้ประกอบลงไปอีก

harikung เขียน:จริงๆรัฐต้องลงลึกไปดูปัญหาจริงๆครับว่าปัญหาคืออะไร อย่างสังคมต่างจังหวัด มีอย่างที่ไหนครับ ผู้ชายไม่ทำงานนอนอยู่บ้าน ในแฟนผู้หญิงมาทำงานหาเลี้ยง บางคนหนักกว่านั้น ผู้ชายหึงหวงแฟนบังคับให้แฟนลาออกไปอยู่บ้านเฉยๆก้อมีนะครับ สารพัดปัญหาครับสำหรับแรงงานไทยซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบต้องอดทนมาตลอด บอกได้เลยว่าถ้ารัฐคิดๆได้เท่านี้ก้อเหนื่อยครับ เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการเอกชนหลายๆคนเค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันครับว่าเค้าไม่เคยหวังให้รัฐช่วยอะไรเหมือนที่ประเทศอื่นเค้าทำกันหรอกครับ แค่อย่ามาสร้างปัญหาให้ก้อบุญแล้ว

chukieat30 เขียน:

harikung เขียน:กระทบโรงงานไหนผมไม่รู้ แต่อยากทราบว่าเค้าใช้อะไรจำแนกว่าแรงงานเป็นแรงงานฝีมือ แรงงานคนไหนไม่เป็นครับ และต้องถามว่าที่ออกมาประกาศแบบนี้ต้องการจะแก้ปัญหาอะไรครับ ถ้าจะแก้ปัญหากลัวคนไทยไม่มีงานทำ บอกได้เลยครับว่าไม่มีประโยชน์ คนไทยไม่มีงานทำเพราะเค้าไม่ไปทำเองครับ โรงงานทุกวันนี้ในหลายๆอุตสาหกรรมเค้าหาคนงานยากกว่าหาออเดอร์อีกนะครับ และในความเป็นจริงผู้ประกอบการเค้าก้อไม่ได้อยากจะใช้ต่างด้าวเลยถ้าสามารถหาแรงงานไทยได้ เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากต่อหัว(ในกรณีถูกกฎหมายนะครับ และจ่ายค่าแรงตามกฎหมายด้วย) ซึ่งมาประกาศแบบนี้นี้เหมือนยอ่งซ้ำเติมผู้ประกอบลงไปอีก

+1ครับ

คนไทยส่วนใหญ่ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ขี้ขโมย

ชอบอู้งาน เอาเจ้านายไปนินทา อยากแ่ต่จะขึ้นค่าแรง

ชอบหยุดบ่อย ส่วนน้อยจะดี


ผมพูดจากประสบการณ์ตรง ไม่เชื่อก้ถามเฮียฮาริดูไ้ด้ครับ

harikung เขียน:กระทบโรงงานไหนผมไม่รู้ แต่อยากทราบว่าเค้าใช้อะไรจำแนกว่าแรงงานเป็นแรงงานฝีมือ แรงงานคนไหนไม่เป็นครับ และต้องถามว่าที่ออกมาประกาศแบบนี้ต้องการจะแก้ปัญหาอะไรครับ ถ้าจะแก้ปัญหากลัวคนไทยไม่มีงานทำ บอกได้เลยครับว่าไม่มีประโยชน์ คนไทยไม่มีงานทำเพราะเค้าไม่ไปทำเองครับ โรงงานทุกวันนี้ในหลายๆอุตสาหกรรมเค้าหาคนงานยากกว่าหาออเดอร์อีกนะครับ และในความเป็นจริงผู้ประกอบการเค้าก้อไม่ได้อยากจะใช้ต่างด้าวเลยถ้าสามารถหาแรงงานไทยได้ เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากต่อหัว(ในกรณีถูกกฎหมายนะครับ และจ่ายค่าแรงตามกฎหมายด้วย) ซึ่งมาประกาศแบบนี้นี้เหมือนยอ่งซ้ำเติมผู้ประกอบลงไปอีก

harikung เขียน:จริงๆรัฐต้องลงลึกไปดูปัญหาจริงๆครับว่าปัญหาคืออะไร อย่างสังคมต่างจังหวัด มีอย่างที่ไหนครับ ผู้ชายไม่ทำงานนอนอยู่บ้าน ในแฟนผู้หญิงมาทำงานหาเลี้ยง บางคนหนักกว่านั้น ผู้ชายหึงหวงแฟนบังคับให้แฟนลาออกไปอยู่บ้านเฉยๆก้อมีนะครับ สารพัดปัญหาครับสำหรับแรงงานไทยซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบต้องอดทนมาตลอด บอกได้เลยว่าถ้ารัฐคิดๆได้เท่านี้ก้อเหนื่อยครับ เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการเอกชนหลายๆคนเค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันครับว่าเค้าไม่เคยหวังให้รัฐช่วยอะไรเหมือนที่ประเทศอื่นเค้าทำกันหรอกครับ แค่อย่ามาสร้างปัญหาให้ก้อบุญแล้ว

การ์เมนต์ป่วนหนัก "เพื่อไทย"เป็นรัฐบาลปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน แถมดีเดย์ 28 ก.ค.ต้องจ่ายค่าแรงตามมาตรฐานฝีมือ ดันต้นทุนพุ่งกระฉูด เร่งอุตสาหกรรมปิดตัว ลูกค้าส่งสัญญาณย้ายฐานสั่งซื้อ
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม(การ์เมนต์) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือรวม 22 สาขาอาชีพ ของคณะกรรมการค่าจ้างที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมศกนี้เป็นต้นไป จะเป็นตัวเร่งให้โรงงานผลิตและส่งออกเครื่องนุ่งห่มของไทยปิดตัวเร็วขึ้น เพราะต้นทุนด้านค่าจ้างแรงงานจะปรับตัวสูงขึ้นมาก
ทั้งนี้ในสาขาช่างเย็บสำหรับมาตรฐานฝีมือระดับ 1 คือ ผู้ที่มีฝีมือและความรู้พื้นฐานในการทำงาน ปฏิบัติงานภายใต้คำแนะนำของหัวหน้างาน ระดับ 2 ผู้ที่มีฝีมือระดับกลาง มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ได้ดี และมีประสบการณ์ในการทำงานสามารถให้คำแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชาได้ และระดับ 3 ผู้ที่มีฝีมือระดับสูง สามารถวิเคราะห์ วินิจฉัย ตัดสินใจ แก้ไขปัญหา นำความรู้และทักษะมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีใหม่ได้ หากผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือในแต่ละระดับจะได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 250 , 340 และ 430 บาทต่อวันตามลำดับ จากปัจจุบันอัตราค่าจ้างแรกเข้าของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มเฉลี่ยที่ 170 บาท/วัน และ แรงงานที่มีทักษะเฉลี่ยที่ 250 บาท/วัน
จากอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานดังกล่าวจะมีผลให้ต้นทุนการผลิตเครื่องนุ่งห่มของไทยจะสูงกว่าคู่แข่งขันมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาคือลูกค้าต่างประเทศจะหันไปจัดหา (ซอร์ซซิ่ง)หรือสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่นที่มีต้นทุนและราคาที่ถูกกว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตประเทศไทยจะถูกลบออกจากแผนที่การสั่งซื้อจากลูกค้า ซึ่งเวลานี้สถานการณ์ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยลูกค้าเริ่มหันไปสั่งซื้อเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากเวียดนาม อินโดนีเซีย บังกลาเทศ รวมถึงจีนเพิ่มขึ้น
"ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเรามีปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง ยิ่งจากนี้ไปค่าแรงจะปรับขึ้นมากหากขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน ตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ รวมทั้งปรับเพิ่มตามมาตรฐานฝีมือที่ต้องจ้างสูงกว่า 300 บาท จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้โรงงานการ์เมนต์ในภาพรวมปิดตัวเร็วขึ้น แทนที่จะอยู่ได้อีก 5 ปี 10 ปีอาจอยู่ได้เหลือ 2 ปี"
ขณะเดียวกันจะเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพต้องออกไปลงทุนในประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงที่ยังถูกกว่า และยังมีแรงงานเป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้น ซึ่งเวลานี้ในกลุ่มผู้ประกอบการการ์เมนต์รายใหญ่ 5 อันดับแรกของไทย ได้ออกไปลงทุนแล้วในเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย และจีน ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ โดยยอดสั่งซื้อ และยอดขายดีกว่าธุรกิจที่มีอยู่ในเมืองไทย และกำลังขยายธุรกิจ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดส่งออกของประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่นปัจจุบันเวียดนามมีการส่งออกเครื่องนุ่งห่มมากกว่าไทย 1.5 เท่า อินโดนีเซียสูงกว่าไทยถึง 4 เท่า เป็นต้น
จากนี้ไปขอให้จับตาในรายที่ไม่มีความสามารถไปลงทุนในต่างประเทศจะทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ เพราะในช่วงที่ผ่านมาเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งด้านแรงงานที่ขาดแคลน ขณะที่บีโอไอไม่อนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวตามที่ผู้ประกอบการพยายามเสนอ ทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมยุคบุกเบิกการส่งออกของไทย และมีศักยภาพความครบวงจรของอุตสาหกรรมที่สามารถขยายธุรกิจได้ แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ซึ่งความอยู่รอดของอุตสาหกรรมจากนี้ไปผู้ประกอบการอยากหารือกับรัฐบาลใหม่เพื่อหาทางออกอย่างเร่งด่วน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,650 7-9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554