วิธีหา Growth จาก ROE
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 1
วิธีหา Growth จาก ROE
ผม Update ไม่ค่อยเป็นเวลานะครับ ถ้ายุ่งๆก็ไม่มีเวลา ช่วงนี้ตลาดมีปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งจากเรื่องการเมืองในประเทศและ หนี้ Greece ทำให้ Set Index อยู่แถวๆ 1013 จุด ปรับตัวลงเป็นระยะๆ จนหลุด EMA 5 10 Weeks ไป 2 Weeks แล้ว ใครขาดทุน หรือ ขาดทุนกำไรก็ขออย่าคิดมากครับ เรายังต้องเจอ สภาพตลาด ผันผวนแบบนี้ ตลอดตราบเท่าที่เรายังอยู่ใน ตลาดหุ้นครับ
ผมเองก็เป็นนักลงทุนรายย่อยๆไม่ใช่เซียนอะไรแต่ผมมีมุมมองที่ว่าช่วง ที่เราหาหุ้น ดีๆลงทุนไม่ได้นั้นเราควรที่จะหาความรู้ให้ได้มากๆ เพราะเมื่อฝีมือเราดี วิสัยทัศน์ เรามองโอกาศออก เงินทองจะตามมาเองครับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ วินัยในการลงทุนครับ เล่นหุ้นทุกวิธีทำเงินได้ ขอให้มีวินัย ใครตั้งใจจะCut Loss ก็ควร Cut เมื่อถึงจุดที่กำหนด หรือ เราวิเคราะห์พลาด เพราะถือว่าเราซื้อประกันความเสี่ยงครับในเมื่อเรายังมี เงิน อยู่ซึ่งเปรียบเสมือนเรามี กระสุนอยู่พร้อมจะยิงเมื่อโอกาส มา
ยิ่งหุ้นขาลงหรือ ปรับฐานนั้นเป็นโอกาสให้ เห้นหุ้นที่ มี Margin of Safety มากขึ้น และ Margin of Safety ที่ดีที่สุดสำหรับผม นอกจาก ส่วนต่าง ราคากับ มูลค่าที่แท้จริง แล้วคือ Growth ของ กิจการครับ วิธีการ หา Growth ก็มีหลายวิธีครับ วันนี้จะเสนอ วิธี พื้นๆง่ายๆ ไว้ช่วย หา Growth คือ หาจาก ROE ครับ
Return On Equity หรือ ROE นั้น สูตร คือ กำไรสุทธิ/ ส่วนของผู้ถือหุ้น X 100 ครับจะบอกถึงความสามารถในการนำเงินลงทุนของเจ้าของว่านำเงินไปลงทุน ทำธุรกิจแล้วได้ผลกำไรกลับมาเท่าไหร่
เช่น กำไรสุทธิ 20 ล้าน ส่วนของ ผู้ถือหุ้น 100 ล้าน ก็ ได้ 20% ครับ ที่นี้เรานำมา Growth ได้เมื่อเราทราบ อัตราการจ่าย เงินปันผลครับ เช่น บริษัท จ่าย ปันผล 40% ของ กำไรสุทธิคือ Payout Ratio 40% นั่นเอง หมายความว่ากำไรสะสมอีก 60% ที่จะนำไปขยายกิจการต่อ
เราก็นำ ROE คือ 20% มา คูณ 60% Growth = 20 X0.6= 12% ครับ
หมายความว่า ถ้า CEO แจ้งคุยออกสือ TV รายการ หรือ หนังสือพิมพ์ ว่า กำไรจะโต 30% หรือ 40% เราก็พอใช้ตรรกะดูความเป็นไปได้ๆแล้วครับ ว่าที่CEO พูดนั้นมีความเป็นจริงแค่ ไหน ครับ เพราะจาก ผลตอบแทนที่เป็นอยู่หลายๆปี แล้วนำกำไรสะสม ไปต่อยอด ด้วยความสามารถ ROE แค่นั้นมันจะทำให้กำไรสะสมงอกขึ้นมาอีกเท่าไหร่ซึ่งก็คือ Growth Rate นั่นเอง ครับ
วิธีนี้จริงๆเหมาะกับบริษัท ที่มี ROE สม่ำเสมอครับ พอคาดการณ์ค่าเฉลี่ย ROE ได้ครับ
หมายเหตุ วิธี หาGrowth จาก ROE นั้นไม่ได้คำนึงถึงการกู้เงินมาลงทุนนะครับเพราะบางบริษัทใช้Leverage ก็อาจสร้างผลตอบแทนได้สูงตามที่เค้าบอกได้ครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะครับ
ที่มา:http://valuespeculator.blogspot.com/
เป็น Blog ส่วนตัวครับเขียนตามใจอยากครับมีอะไรก็เข้ามาคุยกันในBlog ได้ครับ
ผม Update ไม่ค่อยเป็นเวลานะครับ ถ้ายุ่งๆก็ไม่มีเวลา ช่วงนี้ตลาดมีปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งจากเรื่องการเมืองในประเทศและ หนี้ Greece ทำให้ Set Index อยู่แถวๆ 1013 จุด ปรับตัวลงเป็นระยะๆ จนหลุด EMA 5 10 Weeks ไป 2 Weeks แล้ว ใครขาดทุน หรือ ขาดทุนกำไรก็ขออย่าคิดมากครับ เรายังต้องเจอ สภาพตลาด ผันผวนแบบนี้ ตลอดตราบเท่าที่เรายังอยู่ใน ตลาดหุ้นครับ
ผมเองก็เป็นนักลงทุนรายย่อยๆไม่ใช่เซียนอะไรแต่ผมมีมุมมองที่ว่าช่วง ที่เราหาหุ้น ดีๆลงทุนไม่ได้นั้นเราควรที่จะหาความรู้ให้ได้มากๆ เพราะเมื่อฝีมือเราดี วิสัยทัศน์ เรามองโอกาศออก เงินทองจะตามมาเองครับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ วินัยในการลงทุนครับ เล่นหุ้นทุกวิธีทำเงินได้ ขอให้มีวินัย ใครตั้งใจจะCut Loss ก็ควร Cut เมื่อถึงจุดที่กำหนด หรือ เราวิเคราะห์พลาด เพราะถือว่าเราซื้อประกันความเสี่ยงครับในเมื่อเรายังมี เงิน อยู่ซึ่งเปรียบเสมือนเรามี กระสุนอยู่พร้อมจะยิงเมื่อโอกาส มา
ยิ่งหุ้นขาลงหรือ ปรับฐานนั้นเป็นโอกาสให้ เห้นหุ้นที่ มี Margin of Safety มากขึ้น และ Margin of Safety ที่ดีที่สุดสำหรับผม นอกจาก ส่วนต่าง ราคากับ มูลค่าที่แท้จริง แล้วคือ Growth ของ กิจการครับ วิธีการ หา Growth ก็มีหลายวิธีครับ วันนี้จะเสนอ วิธี พื้นๆง่ายๆ ไว้ช่วย หา Growth คือ หาจาก ROE ครับ
Return On Equity หรือ ROE นั้น สูตร คือ กำไรสุทธิ/ ส่วนของผู้ถือหุ้น X 100 ครับจะบอกถึงความสามารถในการนำเงินลงทุนของเจ้าของว่านำเงินไปลงทุน ทำธุรกิจแล้วได้ผลกำไรกลับมาเท่าไหร่
เช่น กำไรสุทธิ 20 ล้าน ส่วนของ ผู้ถือหุ้น 100 ล้าน ก็ ได้ 20% ครับ ที่นี้เรานำมา Growth ได้เมื่อเราทราบ อัตราการจ่าย เงินปันผลครับ เช่น บริษัท จ่าย ปันผล 40% ของ กำไรสุทธิคือ Payout Ratio 40% นั่นเอง หมายความว่ากำไรสะสมอีก 60% ที่จะนำไปขยายกิจการต่อ
เราก็นำ ROE คือ 20% มา คูณ 60% Growth = 20 X0.6= 12% ครับ
หมายความว่า ถ้า CEO แจ้งคุยออกสือ TV รายการ หรือ หนังสือพิมพ์ ว่า กำไรจะโต 30% หรือ 40% เราก็พอใช้ตรรกะดูความเป็นไปได้ๆแล้วครับ ว่าที่CEO พูดนั้นมีความเป็นจริงแค่ ไหน ครับ เพราะจาก ผลตอบแทนที่เป็นอยู่หลายๆปี แล้วนำกำไรสะสม ไปต่อยอด ด้วยความสามารถ ROE แค่นั้นมันจะทำให้กำไรสะสมงอกขึ้นมาอีกเท่าไหร่ซึ่งก็คือ Growth Rate นั่นเอง ครับ
วิธีนี้จริงๆเหมาะกับบริษัท ที่มี ROE สม่ำเสมอครับ พอคาดการณ์ค่าเฉลี่ย ROE ได้ครับ
หมายเหตุ วิธี หาGrowth จาก ROE นั้นไม่ได้คำนึงถึงการกู้เงินมาลงทุนนะครับเพราะบางบริษัทใช้Leverage ก็อาจสร้างผลตอบแทนได้สูงตามที่เค้าบอกได้ครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะครับ
ที่มา:http://valuespeculator.blogspot.com/
เป็น Blog ส่วนตัวครับเขียนตามใจอยากครับมีอะไรก็เข้ามาคุยกันในBlog ได้ครับ
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 3
งั้น mcot กับ bec ก็กำไรไม่ค่อยเพิ่มสิครับ เพราะขยันจ่ายปันผลเหลือเกิน สิครับ
advance ด้วยจ่ายเสียยังกับจะหนีตายเสียให้ได้
advance ด้วยจ่ายเสียยังกับจะหนีตายเสียให้ได้
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ จะไว้ใช้ดูพฤติกรรม ceo
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 5
หมายความว่า หากการเข้าซื้อกิจการ หรือรายได้พิเศษอื่นๆ รายได้ของบริษัทควรจะมีการเติบโตไม่เกิน Growth Rate ใช่มั้ยครับReturn On Equity หรือ ROE นั้น สูตร คือ กำไรสุทธิ/ ส่วนของผู้ถือหุ้น X 100 ครับจะบอกถึงความสามารถในการนำเงินลงทุนของเจ้าของว่านำเงินไปลงทุน ทำธุรกิจแล้วได้ผลกำไรกลับมาเท่าไหร่
เช่น กำไรสุทธิ 20 ล้าน ส่วนของ ผู้ถือหุ้น 100 ล้าน ก็ ได้ 20% ครับ ที่นี้เรานำมา Growth ได้เมื่อเราทราบ อัตราการจ่าย เงินปันผลครับ เช่น บริษัท จ่าย ปันผล 40% ของ กำไรสุทธิคือ Payout Ratio 40% นั่นเอง หมายความว่ากำไรสะสมอีก 60% ที่จะนำไปขยายกิจการต่อ
เราก็นำ ROE คือ 20% มา คูณ 60% Growth = 20 X0.6= 12% ครับ
หมายความว่า ถ้า CEO แจ้งคุยออกสือ TV รายการ หรือ หนังสือพิมพ์ ว่า กำไรจะโต 30% หรือ 40% เราก็พอใช้ตรรกะดูความเป็นไปได้ๆแล้วครับ ว่าที่CEO พูดนั้นมีความเป็นจริงแค่ ไหน ครับ เพราะจาก ผลตอบแทนที่เป็นอยู่หลายๆปี แล้วนำกำไรสะสม ไปต่อยอด ด้วยความสามารถ ROE แค่นั้นมันจะทำให้กำไรสะสมงอกขึ้นมาอีกเท่าไหร่ซึ่งก็คือ Growth Rate นั่นเอง ครับ
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 8
ปันผลเกินกว่ากำไรครับXO เขียน:ถ้าเป็น บริษัท ที่ ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเรื่อยๆ ทุกปี เช่น advanc นี่เกิดขึ้นได้จากอะไรเเล้วหมายถึงอะไรครับ
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 9
ถ้ามองเรื่องการเติบโต ในช่วงนี้ ADVANC ปันผลมากๆอย่างนี้ ช่วงนี้ก็คงไม่โตขึ้นหรอกครับtodsapon เขียน:ปันผลเกินกว่ากำไรครับXO เขียน:ถ้าเป็น บริษัท ที่ ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเรื่อยๆ ทุกปี เช่น advanc นี่เกิดขึ้นได้จากอะไรเเล้วหมายถึงอะไรครับ
เพราะ G = RR x ROE, ถ้าปันผลแค่ 100% ก็คือRR= 0แล้ว ดังนั้นGจะเท่ากับศูนย์ด้วย โดยไม่พึ่งพาเงินจากภายนอก
แต่ทั้งหมดมันไม่ได้เป็นตัวบอกว่าบริษัทADVANC มีdurable competitive advantageหรือไม่
เพราะเพิ่งอ่านจากหนังสือ "วอเรนต์ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน" มาว่า ต่อให้ กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร (retained earning)เหลือน้อยหรือ โครงสร้างทุน โครงสร้างหนี้เปลี่ยนยังไง ก็ไม่สำคัญถ้าบริษัทนั้นทำกำไรได้ดีมากจนมาชดเชยแทนได้ แต่มองไม่ออก100%นี่สิว่า ADVANC มี DCA จริงเปล่า ส่วนตัวเชื่อว่ามีนะครับ น่าจะกำไรมากๆอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ ถ้าไม่มีเรื่องการลงทุนแปลกที่ไม่คุ้มค่าในอนาคต
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 11
สูตร G = (RR x ROE ) / 100 (หน่วยเป็น %)
เมื่อ
g = อัตราการเติบโตของกำไร (ที่สูงที่สุดที่บริษัท"ควร หรือ สามารถ"จะทำได้ โดยไม่พึ่งพาเงินทุนจากภายนอก เช่น เพิ่มทุน หรือ กู้หนี้เพิ่ม)
RR = สัดส่วนกำไรสะสมต่อกำไรทั้งหมด (RR คือส่วนที่ไม่ได้จ่ายปันผล, ถ้าบริษัทไม่จ่ายปันผลเลย คือ RR=100%)
ROE = return on equity (หน่วยเป็น%)
ตัวอย่างที่ 1
กรณีบริษัทไม่จ่ายปันผลเลย เก็บกำไรเพื่อเอาไว้สร้างการเติบโตอย่างเดียว (อดเปรี้ยวไว้กินหวาน) นั่นคือ RR=100% แทนค่าตามสูตรแล้ว จะได้ growth = ROE
ดังนั้นต่อให้ไม่จ่ายปันผลออกมาเลย แล้วเก็บกำไรเอาไว้ลงทุนต่อ ทุกบริษัทจะโตได้มากที่สุดเท่ากับROE ของบริษัทนั่นเองโดยไม่ใช้เงินทุนจากภายนอก
ส่วนบริษัทที่ต้องการเติบโตให้มากกว่า ROE ของตัวเอง จึงต้องกู้หนี้เพิ่ม หรือ เพิ่มทุน
ตัวอย่างที่ 2
กรณีกำไรเท่าไหร่ก็จ่ายปันผลหมด นั่นคือ RR = 0% แทนค่าตามสูตร จะได้ growth = 0 x ROE = 0 %
สุดท้าย
โดยทั่วไป บริษัทจะเติบโตได้เต็มศักยภาพได้ระดับหนึ่ง เท่าที่กำลังการผลิตจะเอื้ออำนวย หากต้องการขยายการเติบโต มักต้องลงทุนใหญ่เช่น สร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม โดยเงินที่ลงทุนเพิ่ม ก็มาจาก 3 แหล่งหลักๆก็คือ 1.เอากำไรสะสมมาลงทุน 2. กู้เงินมาลงทุน หรือ 3. ทางสุดท้ายคือ เพิ่มทุน (หากมีหนี้สินเต็มอัตรา จนไม่มีแบงค์ไหนๆอยากให้กู้แล้ว)
เวลาคาดการเติบโตของบริษัทก็อย่ามองเกินค่าตามทฤษฏีค่านี้กันมากเกินไปนะครับ เห็นบางคนมองว่าบริษัทจะโตได้เท่านั้นเท่านี้ เผลอคิดเอาเองว่า มันจะโตได้มากกว่า ROEของบริษัทซะอีก มันจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่มีเงินทุนจากส่วนอื่น เช่น เงินกู้ หรือ เงินจากการเพิ่มทุน มาหนุน ดังข้างต้น
เมื่อ
g = อัตราการเติบโตของกำไร (ที่สูงที่สุดที่บริษัท"ควร หรือ สามารถ"จะทำได้ โดยไม่พึ่งพาเงินทุนจากภายนอก เช่น เพิ่มทุน หรือ กู้หนี้เพิ่ม)
RR = สัดส่วนกำไรสะสมต่อกำไรทั้งหมด (RR คือส่วนที่ไม่ได้จ่ายปันผล, ถ้าบริษัทไม่จ่ายปันผลเลย คือ RR=100%)
ROE = return on equity (หน่วยเป็น%)
ตัวอย่างที่ 1
กรณีบริษัทไม่จ่ายปันผลเลย เก็บกำไรเพื่อเอาไว้สร้างการเติบโตอย่างเดียว (อดเปรี้ยวไว้กินหวาน) นั่นคือ RR=100% แทนค่าตามสูตรแล้ว จะได้ growth = ROE
ดังนั้นต่อให้ไม่จ่ายปันผลออกมาเลย แล้วเก็บกำไรเอาไว้ลงทุนต่อ ทุกบริษัทจะโตได้มากที่สุดเท่ากับROE ของบริษัทนั่นเองโดยไม่ใช้เงินทุนจากภายนอก
ส่วนบริษัทที่ต้องการเติบโตให้มากกว่า ROE ของตัวเอง จึงต้องกู้หนี้เพิ่ม หรือ เพิ่มทุน
ตัวอย่างที่ 2
กรณีกำไรเท่าไหร่ก็จ่ายปันผลหมด นั่นคือ RR = 0% แทนค่าตามสูตร จะได้ growth = 0 x ROE = 0 %
สุดท้าย
โดยทั่วไป บริษัทจะเติบโตได้เต็มศักยภาพได้ระดับหนึ่ง เท่าที่กำลังการผลิตจะเอื้ออำนวย หากต้องการขยายการเติบโต มักต้องลงทุนใหญ่เช่น สร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม โดยเงินที่ลงทุนเพิ่ม ก็มาจาก 3 แหล่งหลักๆก็คือ 1.เอากำไรสะสมมาลงทุน 2. กู้เงินมาลงทุน หรือ 3. ทางสุดท้ายคือ เพิ่มทุน (หากมีหนี้สินเต็มอัตรา จนไม่มีแบงค์ไหนๆอยากให้กู้แล้ว)
เวลาคาดการเติบโตของบริษัทก็อย่ามองเกินค่าตามทฤษฏีค่านี้กันมากเกินไปนะครับ เห็นบางคนมองว่าบริษัทจะโตได้เท่านั้นเท่านี้ เผลอคิดเอาเองว่า มันจะโตได้มากกว่า ROEของบริษัทซะอีก มันจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่มีเงินทุนจากส่วนอื่น เช่น เงินกู้ หรือ เงินจากการเพิ่มทุน มาหนุน ดังข้างต้น
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 12
ขอเพิ่มเติมสักเล็กน้อยครับ อย่างที่พี่ Rocker Post ไว้ครับว่าส่วนนี้ไม่รวมบริษัทที่สามารถทำ Leverage ได้ดีตรงนั้นก็ไม่ต้องเพิ่มทุนให้เป็นภาระของผู้ถือหุ้น เพราะยังคุมได้อยู่ แต่การทำ Leverage ในภาวะดอกเบี้ย หรือต้นทุนการเงินขาขึ้นต้องดู GAP ว่ายังห่างพอคุ้มกับการทำ Leverage หรือไม่อีกทีnut776 เขียน:หมายความอีกนัยหนึ่งว่ส
ถ้าgrowth เกิน roe มีสิทธิเพิ่มทุน
แต่ถ้า Growth เกิน ROE แน่นอนว่าทุนที่ใช้ไม่พอในการรักษาระดับการ Growth แน่ ๆ ก็คงมีทางเลือก 2 ทางคือเพิ่มทุน หรือ เพิ่มหนี้นั่นเองครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับผม
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 13
ค่า RR เราจะไปหาจากตรงไหนครับ สมมุติดูจากเวบ set.or.th
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 15
ผมมีความเห็นเพิ่มเติมจากตรงนี้ครับ อาจจะหุ้น scope จากข้อจำกัดของ model นี้ไปนะครับ แต่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมจาก model นี้
1. ถ้าบริษัทนั้นๆมี Cash ส่วนเกินอยู่ Cash นี้ก็สามารถนำมาใช้ลงทุนให้เกิด growth ได้ (เจอกับตัวที่บางบริษัท hold cash ไว้สูงหลายๆปี)
2. ถ้าบริษัทยังใช้ Capacity ไม่เต็ม 100% การเพิ่มกำลังผลิตให้เต็ม capacity ไม่ได้ต้องการเงินลงทุน จะเพิ่มแต่ Working Capital (อาจจะมี trigger ของ trend ของธุรกิจที่กำลังจะมา)
3. D/E ที่จะปรับสูงขึ้นได้ ถ้าบริษัทอยากใช้เงินกู้เพิ่มครับ (บางบริษัทไม่ใช้เงินกู้เลย แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะปรับมาใช้)
4. อาจมีการลงทุนใหม่ หรือการขายแบบใหม่ ที่เพิ่ม value โดยไม่ได้ใช้เงินเท่า Historical ROE
ขอบคุณครับ คุณ Rocker
1. ถ้าบริษัทนั้นๆมี Cash ส่วนเกินอยู่ Cash นี้ก็สามารถนำมาใช้ลงทุนให้เกิด growth ได้ (เจอกับตัวที่บางบริษัท hold cash ไว้สูงหลายๆปี)
2. ถ้าบริษัทยังใช้ Capacity ไม่เต็ม 100% การเพิ่มกำลังผลิตให้เต็ม capacity ไม่ได้ต้องการเงินลงทุน จะเพิ่มแต่ Working Capital (อาจจะมี trigger ของ trend ของธุรกิจที่กำลังจะมา)
3. D/E ที่จะปรับสูงขึ้นได้ ถ้าบริษัทอยากใช้เงินกู้เพิ่มครับ (บางบริษัทไม่ใช้เงินกู้เลย แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะปรับมาใช้)
4. อาจมีการลงทุนใหม่ หรือการขายแบบใหม่ ที่เพิ่ม value โดยไม่ได้ใช้เงินเท่า Historical ROE
ขอบคุณครับ คุณ Rocker
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 16
pay out ratio หรือ RR ดูตรงไหนครับผม
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีหา Growth จาก ROE
โพสต์ที่ 17
payout ratio กับ RR คนละตัวกันครับ RR คือ retention ratio ส่วนที่เหลือจากการจ่ายปันผลครับ หรือ 1-payout ratiognomeller เขียน:pay out ratio หรือ RR ดูตรงไหนครับผม
หาได้จาก 1. ดูตามนโยบายการจ่ายปันผลครับที่มีบอกไว้ทุกบริษัท
2. ดูจากอดีตว่ามีการจ่ายจริงเป็นกี่ % หักการจ่ายแบบพิเศษออก เพื่อหาอัตราจ่ายจริงเพราะบางบริษัทจ่ายเกินหรือขาดจากนโยบายเป็นประจำ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment