Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมตั้งกระทู้นี้ เพียงแต่ ถามความคิดเห็น ของนักลงทุนโดยทั่วไปนะครับ ไม่มีจุดประสงค์ทางการเมืองนะครับ

ประเด็นคือ ถ้า พรรคเพื่อไทย ชนะขาด และได้เป็นรัฐบาล
หุ้นรัฐบาลใหม่ จะมีตัวไหนบ้างครับ ที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
และ ทิศทางข้างๆ อีก 4 ปี จะเป็นเช่นไร มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ

หรือ ถ้า พลิกล็อก ประชาธิปัต กลับเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หุ้นรัฐบาลเดิมๆ จะมีตัวไหนบ้างครับ

กรีซ...

อาจจะเป็นประโยชน์
อย่างไง นักธุรกิจ กับ นักการเมือง มันก็ใกล้ๆกัน


http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1&catid=00

แกออกข่าวทุบหุ้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ ฟังหูไว้หู

http://akeyuth.name/mid2009/stocks-trad ... 1-04-14-29

ผมว่า NBC กับ STEC งานงอกแน่
ส่วนตัวที่จะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาก็ SC THCOM WIN

ผมเดาเอานะ ดูจากสถิติเก่าๆ

ผมว่า sis synex ได้ประโยชน์แน่ครับ
เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบาย
แจก tablet ฟรีกับนักเรียกทุกคนทั่วประเทศ

ผมมองว่าไม่น่ามีผลกับราคาพรุ่งนี้
เพราะผมคิดว่า โพลทุกสำนักชี้ผลการเลือกตั้งมานานแล้ว ราคาหุ้นน่าจะมีประสิทธิภาพพอสมควรในเรื่องนี้ครับ

chowbe76 เขียน:ผมมองว่าไม่น่ามีผลกับราคาพรุ่งนี้
เพราะผมคิดว่า โพลทุกสำนักชี้ผลการเลือกตั้งมานานแล้ว ราคาหุ้นน่าจะมีประสิทธิภาพพอสมควรในเรื่องนี้ครับ

ใช่ครับ หุ้นบางตัว วิ่งไปรับ แล้ว

โพลก่อนหน้านี้บอกว่า เพื่อไทยจะชนะ หุ้นบางตัวก็วิ่งไปรอรับแล้ว

พรุ่งอาจมีแรงเก็งกำไร หรือ อาจขายทำกำไรเลยก็ได้

(ศึกษาไว้ครับ จะได้เห็นโอกาส เยอะๆ อิอิ)

financeseed เขียน:โพลก่อนหน้านี้บอกว่า เพื่อไทยจะชนะ หุ้นบางตัวก็วิ่งไปรอรับแล้ว

พรุ่งอาจมีแรงเก็งกำไร หรือ อาจขายทำกำไรเลยก็ได้

(ศึกษาไว้ครับ จะได้เห็นโอกาส เยอะๆ อิอิ)

หรืออาจจะนิ่งๆ ก็ได้นะ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

หุ้น​ไทยวัดดวง 'ผล​เลือกตั้ง'
http://www.ryt9.com/s/tpd/1183205

SVOA?? อาจจะได้ประโยชน์ด้วย

ถ้าดูเฉพาะนโยบายหลักๆนี่ กลุ่มธนาคาร อสังหา ยานยนต์ และ รับเหมา น่าจะอู้ฟู้ในระยะสั้นถึงกลาง ... กลุ่มชิโนไทยเองก็คงไม่ถึงกับลำบากอะไรเพราะ รับเหมาเมืองไทยมีแค่ไม่มีกี่รายอย่างไงก็ต้องแบ่งงานมาให้ทำอยู่แล้ว ...

และกลุ่มโทรคมนาคม ก็คงจะยิ้มได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสองยักษ์ใหญ่ ....

ตลาดตอบรับผลการคาดการณ์ไปแล้วหรือเปล่า?? อันนี้ยังน่าสงสัยน่ะ เพราะเท่าที่ผ่านมาตลาดมักจะไม่ค่อยมีเหตุผลในระยะสั้นๆ ... อาจจะไม่ถึงกับตอบรับผิดทิศผิดทางแต่คงประเภทขึ้นลงเกินเหตุไปเยอะ

และหุ้นพวกนี้ sc mlink advanc intouch บ้านก้ qh lh ap

เหล็กที่ใช่คือ sam tsth

โรงแรมก้ erw

ยังไม่รวมหุ้นท่อน้ำเลี้ยงอื่นๆ

พวกใครพวกมัน บางตัววิ่งรับข่าวแล้ว

วันนี้ฝั่งหุ้นตรงข้าม คงเทขายอย่างหนักแน่นอน

แต่หุ้นข้างบนทุกตัว คงง ไปด้วยจิตวิทยามวลชน

หน้าแรก / หน้าหนึ่ง
แปะข้างฝาไว้! "พท."มา ค่าจ้างขั้นต่ำ300บาท เงินเดือนป.ตรี 15,000 ลดภาษีนิติบุคคล-ลดราคาน้ำมัน ฯลฯ
วันที่ 04/07/2554 09:30 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 31 นาที)

วินาทีนี้ นอกจากเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรค"เพื่อไทย"ว่าจะออกมาอย่างไรแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ประชาชนคนไทยที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ก็คือนโยบายการหาเสียงของเพื่อไทย ที่ถูกมองว่า"ประชานิยม"สุดๆ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

"มติชนออนไลน์" ย้อนรอยกลับไปดูนโยบายหาเสียงหลักๆที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีอะไรบ้างที่"โดนใจ"ประชาชนทั่วไป ทั้งคนระดับรากหญ้า คนทำงานที่เป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัทเอกชนรวมทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ

แน่นอนว่าเรื่องใกล้ตัวที่สุดคือเรื่องปากท้อง เงินเดือน อาทิ

1.การประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น300บาท/วัน

2.ปรับขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีคือสตาร์ทขั้นต่ำ 15,000บาท/เดือน

3.ปรับเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

4.พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกิน5แสนบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี
5.คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก

6.คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก และต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
7.แจกแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์พีซี ให้เด็กนักเรียนทุกคน ให้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต (Wi-Fi ) ฟรีในที่สาธารณะ
8.ทำรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง10สาย คิดค่าโดยสาร20บาทตลอดสาย

9.จำนำข้าวเปลือกขาว 15,000 บาท/เกวียน ข้าวหอมมะลิ 20,000/เกวียน

10.ออกเครดิตการ์ดให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปซื้อปุ่ยหรือเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อการเพาะปลูก

11.นำโครงการ30บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้ใหม่

12.กองทุนหมู่บ้าน เพิ่มเงินทุกตำบลๆละ หนึ่งล้านบาท

13.ลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23%

14.ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง6-7บาท/ลิตร และดีเซลลดลงประมาณ2บาท/ลิตร

นอกจากนี้ยังมีโครงการ"เมกะโปรเจ็คต์"ใหญ่ๆอีกหลายโครงการอาทิ

15.ทำเขื่อนกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ แถวๆ สมุทรสาครและสมุทรปราการ ไม่ต้องกู้
16ดึงน้ำจากเขื่อน จากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า เขมร และเชื่อมแม่น้ำด้วยลำคลองใหม่
17.ทำรถไฟรางคู่เชื่อมต่อบริเวณชานเมืองกรุงเทพ
18.ทำรถไฟความเร็วสูงไปโคราช ไประยอง จันทบุรี
19.สร้างโครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้

20 ทำสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เป็น HUBในภูมิภาค

21.พัฒนาระบบน้ำทั้งประเทศ
ยังไม่นับรวมนโยบายใหญ่ๆ อื่นๆ เช่น ปราบยาเสพติด สนับสนุนโครงการโอทอป ขจัดความยากจนให้หมดไปใน4ปี กองทุนร่วมทุนแต่ละจังหวัด สนับสนุนภาครัฐและเอกชนไปหาสัมปทานพลังงานเช่นน้ำมันจากทั่วโลก ตั้งกองทุนร่วมทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน โดยมีเงินนักศึกษาที่จบการศึกษากู้ยืม เป็นต้น

financeseed เขียน:หน้าแรก / หน้าหนึ่ง
แปะข้างฝาไว้! "พท."มา ค่าจ้างขั้นต่ำ300บาท เงินเดือนป.ตรี 15,000 ลดภาษีนิติบุคคล-ลดราคาน้ำมัน ฯลฯ
วันที่ 04/07/2554 09:30 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 31 นาที)

วินาทีนี้ นอกจากเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรค"เพื่อไทย"ว่าจะออกมาอย่างไรแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ประชาชนคนไทยที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ก็คือนโยบายการหาเสียงของเพื่อไทย ที่ถูกมองว่า"ประชานิยม"สุดๆ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

"มติชนออนไลน์" ย้อนรอยกลับไปดูนโยบายหาเสียงหลักๆที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีอะไรบ้างที่"โดนใจ"ประชาชนทั่วไป ทั้งคนระดับรากหญ้า คนทำงานที่เป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัทเอกชนรวมทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ

แน่นอนว่าเรื่องใกล้ตัวที่สุดคือเรื่องปากท้อง เงินเดือน อาทิ

1.การประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น300บาท/วัน

2.ปรับขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีคือสตาร์ทขั้นต่ำ 15,000บาท/เดือน

3.ปรับเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

4.พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกิน5แสนบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี
5.คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก

6.คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก และต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
7.แจกแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์พีซี ให้เด็กนักเรียนทุกคน ให้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต (Wi-Fi ) ฟรีในที่สาธารณะ
8.ทำรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง10สาย คิดค่าโดยสาร20บาทตลอดสาย

9.จำนำข้าวเปลือกขาว 15,000 บาท/เกวียน ข้าวหอมมะลิ 20,000/เกวียน

10.ออกเครดิตการ์ดให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปซื้อปุ่ยหรือเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อการเพาะปลูก

11.นำโครงการ30บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้ใหม่

12.กองทุนหมู่บ้าน เพิ่มเงินทุกตำบลๆละ หนึ่งล้านบาท

13.ลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23%

14.ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง6-7บาท/ลิตร และดีเซลลดลงประมาณ2บาท/ลิตร

นอกจากนี้ยังมีโครงการ"เมกะโปรเจ็คต์"ใหญ่ๆอีกหลายโครงการอาทิ

15.ทำเขื่อนกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ แถวๆ สมุทรสาครและสมุทรปราการ ไม่ต้องกู้
16ดึงน้ำจากเขื่อน จากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า เขมร และเชื่อมแม่น้ำด้วยลำคลองใหม่
17.ทำรถไฟรางคู่เชื่อมต่อบริเวณชานเมืองกรุงเทพ
18.ทำรถไฟความเร็วสูงไปโคราช ไประยอง จันทบุรี
19.สร้างโครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้

20 ทำสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เป็น HUBในภูมิภาค

21.พัฒนาระบบน้ำทั้งประเทศ
ยังไม่นับรวมนโยบายใหญ่ๆ อื่นๆ เช่น ปราบยาเสพติด สนับสนุนโครงการโอทอป ขจัดความยากจนให้หมดไปใน4ปี กองทุนร่วมทุนแต่ละจังหวัด สนับสนุนภาครัฐและเอกชนไปหาสัมปทานพลังงานเช่นน้ำมันจากทั่วโลก ตั้งกองทุนร่วมทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน โดยมีเงินนักศึกษาที่จบการศึกษากู้ยืม เป็นต้น

จะมีผล อย่างไรต่อตลาดหุ้นไหมครับ

chukieat30 เขียน:และหุ้นพวกนี้ sc mlink advanc intouch บ้านก้ qh lh ap

เหล็กที่ใช่คือ sam tsth

โรงแรมก้ erw

ยังไม่รวมหุ้นท่อน้ำเลี้ยงอื่นๆ

พวกใครพวกมัน บางตัววิ่งรับข่าวแล้ว

วันนี้ฝั่งหุ้นตรงข้าม คงเทขายอย่างหนักแน่นอน

แต่หุ้นข้างบนทุกตัว คงง ไปด้วยจิตวิทยามวลชน

itd ขึ้นแท่นแทน สเต็ก

มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากนะครับ
ว่า ตัวใด ไป ตัวใดจะถอย
ขออย่าให้ถึงขนาด มีเรื่อง วุ่นวาย กลางเมืองอีกแล้วกัน
ก่อนเลือกตั้ง ผมเก็บแต่ ตัวใหญ่ๆ ที่เป็นเป้าซื้อของต่างชาติ
หวังว่า ถ้าผ่านเลือกตั้ง ไม่วุ่นวาย เขาคงเข้ามาสนใจบ้างครับ

financeseed เขียน:

financeseed เขียน:หน้าแรก / หน้าหนึ่ง
แปะข้างฝาไว้! "พท."มา ค่าจ้างขั้นต่ำ300บาท เงินเดือนป.ตรี 15,000 ลดภาษีนิติบุคคล-ลดราคาน้ำมัน ฯลฯ
วันที่ 04/07/2554 09:30 (ผ่านมา 1 ชั่วโมง 31 นาที)

วินาทีนี้ นอกจากเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรค"เพื่อไทย"ว่าจะออกมาอย่างไรแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ประชาชนคนไทยที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ก็คือนโยบายการหาเสียงของเพื่อไทย ที่ถูกมองว่า"ประชานิยม"สุดๆ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

"มติชนออนไลน์" ย้อนรอยกลับไปดูนโยบายหาเสียงหลักๆที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีอะไรบ้างที่"โดนใจ"ประชาชนทั่วไป ทั้งคนระดับรากหญ้า คนทำงานที่เป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัทเอกชนรวมทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ

แน่นอนว่าเรื่องใกล้ตัวที่สุดคือเรื่องปากท้อง เงินเดือน อาทิ

1.การประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น300บาท/วัน

2.ปรับขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีคือสตาร์ทขั้นต่ำ 15,000บาท/เดือน

3.ปรับเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

4.พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกิน5แสนบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี
5.คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก

6.คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก และต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
7.แจกแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์พีซี ให้เด็กนักเรียนทุกคน ให้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต (Wi-Fi ) ฟรีในที่สาธารณะ
8.ทำรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง10สาย คิดค่าโดยสาร20บาทตลอดสาย

9.จำนำข้าวเปลือกขาว 15,000 บาท/เกวียน ข้าวหอมมะลิ 20,000/เกวียน

10.ออกเครดิตการ์ดให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปซื้อปุ่ยหรือเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อการเพาะปลูก

11.นำโครงการ30บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้ใหม่

12.กองทุนหมู่บ้าน เพิ่มเงินทุกตำบลๆละ หนึ่งล้านบาท

13.ลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23%

14.ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง6-7บาท/ลิตร และดีเซลลดลงประมาณ2บาท/ลิตร

นอกจากนี้ยังมีโครงการ"เมกะโปรเจ็คต์"ใหญ่ๆอีกหลายโครงการอาทิ

15.ทำเขื่อนกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ แถวๆ สมุทรสาครและสมุทรปราการ ไม่ต้องกู้
16ดึงน้ำจากเขื่อน จากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า เขมร และเชื่อมแม่น้ำด้วยลำคลองใหม่
17.ทำรถไฟรางคู่เชื่อมต่อบริเวณชานเมืองกรุงเทพ
18.ทำรถไฟความเร็วสูงไปโคราช ไประยอง จันทบุรี
19.สร้างโครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้

20 ทำสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เป็น HUBในภูมิภาค

21.พัฒนาระบบน้ำทั้งประเทศ
ยังไม่นับรวมนโยบายใหญ่ๆ อื่นๆ เช่น ปราบยาเสพติด สนับสนุนโครงการโอทอป ขจัดความยากจนให้หมดไปใน4ปี กองทุนร่วมทุนแต่ละจังหวัด สนับสนุนภาครัฐและเอกชนไปหาสัมปทานพลังงานเช่นน้ำมันจากทั่วโลก ตั้งกองทุนร่วมทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน โดยมีเงินนักศึกษาที่จบการศึกษากู้ยืม เป็นต้น

จะมีผล อย่างไรต่อตลาดหุ้นไหมครับ

จากนโยบายที่คิดว่าดีก็น่าจะเป็น กลุ่มรับเหมา เหล็ก สื่อสาร

ที่เสียหาย หน่อย ก็ส่งออก เพราะ ขึ้นค่าแรง

มีคามคิดเห็นอย่างไรกันบ้างไหมครับ

เปิดโผหุ้นเด่น "เพื่อไทย"
เตรียมวิ่งขานรับนโยบาย
วันจันทร์ที่ 04 กรกฏาคม 2011 เวลา 10:18:41 น. บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ สรุปผลกระทบการเมือง

เป็นที่แน่ชัดว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากได้เสียงส.ส. เกินกว่ากึ่งหนึ่ง และได้รับการตอบรับจากพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงได้มีการทาบทามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพลังชล ซึ่งจะทำให้มีเสียงส.ส. ของผั่งรัฐบาลมีทั้งสิ้นประมาณ 297 เสียง จากทั้งหมด 500 เสียง ซึ่งแน่นอนจะทำให้ตลาดหุ้นตอบสนองในเชิงบวกระยะสั้นและ SET index อาจปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 1070 จุด โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ เนื่องจากนักลงทุนที่ขายไปก่อนหน้านี้กังวลว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้งจะไม่แน่นอน



อย่างไรก็ตามเรามองว่าปัจจัยการเมืองเป็นเพียงปัจจัยบวกระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากเราเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงหยิบยกเรื่องการนิรโทษและการนำเอาอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับไทย ซึ่งแน่นอนคงมีแรงต่อต้านจากประชาชนกลุ่มหนึ่ง นอกจากนั้นในแง่เศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจะต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ต่อจนถึงสิ้นปีนี้และอาจขึ้นไปแตะถึง 5% นี้ยังไม่นับรวมนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไปที่ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบในชิงลบต่อกลุ่ม กลุ่มผู้รับเหมากลุ่มIMM กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเกษตร กลุ่มนิคมฯ และกลุ่มขนส่ง เป็นต้น

เราจึงมองประเด็นบวกเรื่องการเมืองเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น สุดท้ายตลาดหุ้นจะยังคงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเราเชื่อว่าต้นไตรมาส 3 ของปี 2554 ตลาดหุ้นจะมีการปรับฐานสะท้อนสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ และวิกฤติหนี้ยุโรป รวมถึงสภาพคล่องในตลาดเงินโลกที่จะลดลงหลังมาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณรอบสองของสหรัฐ (QE2) หมดอายุลง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นและทำจุดสูงสุดที่ 1250 ในไตรมาส 4 ของปีนี้ เราจึงแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมหุ้น domestic play ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคารกลุ่มพาณิชย์ กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย กลุ่มไอซีที (กลุ่มรับเหมาวางโครงข่าย) กลุ่มอาหาร กลุ่มบันเทิง กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม เป็นต้น ขณะที่หุ้น top picks ในแง่ของหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลได้แก่ KTB BBL TISCO CPALL HMPRO CPF SPALI PS LOXLEY RS MAJOR BGH MINT เป็นต้น

สรุปนโยบายของพรรคเพื่อไทย

นโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทย ยังคงมุ่งเน้นไปที่ฐานเสียงระดับ “รากหญ้า” เป็นหลัก อาทิ กองทุนหมู่บ้าน กองทุน S-M-L การพักชำระหนี้ครัวเรือน นโยบายประกันราคาข้าว บัตรเครดิตเกษตรกร เป็นต้น โดยเราคาดว่านโยบายเหล่านี้อาจช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศให้กลับมาเติบโตเหมือนยุคพรรคไทยรักไทย โดยจะส่งผลดีต่อหุ้น domestic play เช่นหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ (CPALL HMPRO MAKRO BIGC ROBINS) ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ตลอดจนหุ้นในกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY) และกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่คาดว่าน่าจะได้รับอานิสง ค์จากกำลังซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงบ้านและคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นของประชาชนจากนโยบายคืนภาษีบ้านหลังแรกและรถคันแรกอีกด้วย นอกจากนี้หุ้นที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อยก็น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวด้วยเช่นกัน (TISCO TCAP KK AEONTS THANI) และนโยบายเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและเมืองหลังเขื่อน ตลอดจน สะพานเศรษฐกิจ (Land Bridge) ภาคใต้ การขยายแอร์พอร์ตลิงค์ไปภาคตะวันออก โครงการรถไฟรางคู่จากเหนือจรดใต้ โครงการรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพและปริมณฑล 10 สาย ของพรรคเพื่อไทย เราคาดว่าจะเป็นแรงหนุนที่ดีสำหรับกลุ่มผู้รับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้างรวมถึงกลุ่มธนาคารที่จะได้ประโยชน์จากการขอสินเชื่อเพื่อลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างไรก็ตามนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทย จะส่งผลลบต่อหลายอุตสาหกรรมเช่นกลุ่มผู้รับเหมา กลุ่มIMM กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเกษตร กลุ่มนิคมฯ และกลุ่มขนส่ง อย่างไรก็ตามเราคาดว่ารัฐบาลคงลดภาษีนิติบุคคลเพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง ดังนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มที่ค่าจ้างแรงงานมิได้อิงกับค่าแรงขั้นต่ำเป็นหลัก เช่นกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัย กลุ่มพาณิชย์กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มสื่อ กลุ่มประกันและกลุ่มธนาคารนโยบายด้านการสื่อสารก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ พรรคเพื่อไทยมีโครงการ Free WiFi เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นผลลบต่อผู้ประกอบการหลัก แต่เป็นผลดีต่อกลุ่มผู้รับเหมาวางระบบเช่น LOXLEY SAMART SAMTEL และAIT

http://www.kaohoon.com/online/index.php ... Itemid=224

ขึ้นค่าแรง
SME เจ๊งแน่ครับ
อาจมีการตกงาน

teetotal เขียน:ขึ้นค่าแรง
SME เจ๊งแน่ครับ
อาจมีการตกงาน

นี่มันแน่นอนครับ
และผลร้ายก็ตกอยู่กับผู้ใช้แรงงานโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

150/30000

เป็นอะไรที่แรงมาก

และที่สำคัญ ทุกคนรับทราบไปหมดแล้ว

จะมาแก้ทีหลังว่าขึ้นค่าแรงแบบมีเงื่อนไขคงจะยาก

ที่อยากรู้คือ "เมื่อไหร่" ครับ?

อีกประเด็นคือภาษีนั้นคิดจากกำไร

แต่ว่าค่าแรงถือเป็นค่าใช้จ่าย

กลุ่มที่มี margin บางๆ คงจะแย่

istyle เขียน:150/30000

300/15000 หรือเปล่าครับ

ส่วนตัวผมคิดว่า 15000 เนี่ย ถ้าจะทำได้ก็ทำได้แต่กับข้าราชการเท่านั้นนะครับ
เอกชนคงไม่สามารถทำได้

ส่วนค่าแรง 300 บาท ผมว่าไม่ง่าย คงต้องรอดู

chowbe76 เขียน:

teetotal เขียน:ขึ้นค่าแรง
SME เจ๊งแน่ครับ
อาจมีการตกงาน

นี่มันแน่นอนครับ
และผลร้ายก็ตกอยู่กับผู้ใช้แรงงานโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

ผมเห็น ผู้ใช้แรงงาน บางราย ยัง ดีใจ อยู่เลย ว่า อาจได้ค่าจ้างเพิ่ม
รายได้เพิ่ม ข้าวของแพงตาม เพราะผลักภาระไปสู่คนซื้อ
สุดท้าย ไม่มีเงินเหลือเก็บเหมือนเดิม
ยิ่งถ้า เจ้าของเจ๊ง ไม่มีปัญหาจ้าง สู้รายใหญ่ไม่ได้ ก็ คงมีการตกงาน
อาชญากรรม อาจเพิ่มขึ้นได้
อีกพวกที่ เซ็ง คือ พวกที่มีเงินสดฝากกินดอก

ให้เงินเดือน ปริญญาตรี 15,000 บาท
หรือ จะสร้างงานให้พอกับ คนจบปริญญาตรี (ที่อาจไม่มีคุณภาพ)
ผมคิดว่า น่าจะ ลดจำนวนการผลิตบัณฑิต ป ตรี
และ ควบคุม จำนวนให้ สอดคล้องกับ ความต้องการของประเทศจะดีกว่า

เรียน ป ตรี ออกมาไม่มีคุณภาพ ไม่มีงานทำ
ชอกช้ำ แก่ พ่อแม่
บางบ้าน หมดที่ เป็นไร่ๆ ส่ง ลูก จบ ป ตรี เพื่อมาตกงาน

สอนให้ คนรู้จักออมเงิน ดีกว่าครับ

คาดว่าการขึ้นค่าแรง 300 บาท ต้องกระทบกับSME แน่นอน
แต่ว่าเพื่อไทย ต้องมีแนวทางรองรับ SME ที่ทำให้ธุรกิจ ดำรงอยู่ได้
เพราะผมเชื่อว่าเขาคงไม่ออกนโยบาย ไร้ซึ่งวิธีการ แม้แต่เรายังรู้
พวกมือเศรษฐกิจของเพื่อไทยเป็นมืออาชีพ น่าจะรู้ก่อนเราอย่างแน่นอน
ผมว่าเรารอดูก่อนดีกว่า อย่าพึ่งดิ้นและร้อนรนไปก่อนครับ

เหล็งฮู้ชง เขียน:คาดว่าการขึ้นค่าแรง 300 บาท ต้องกระทบกับSME แน่นอน
แต่ว่าเพื่อไทย ต้องมีแนวทางรองรับ SME ที่ทำให้ธุรกิจ ดำรงอยู่ได้
เพราะผมเชื่อว่าเขาคงไม่ออกนโยบาย ไร้ซึ่งวิธีการ แม้แต่เรายังรู้
พวกมือเศรษฐกิจของเพื่อไทยเป็นมืออาชีพ น่าจะรู้ก่อนเราอย่างแน่นอน
ผมว่าเรารอดูก่อนดีกว่า อย่าพึ่งดิ้นและร้อนรนไปก่อนครับ

เค้าจะดันนโยบายข้อ 13 สู้หรือเปล่า แต่ถ้า บ. ไหนขาดทุนอยู่แล้วหละครับ ผีซ้ำด้ามพลอย

^
^
น่าคิดเหมือนกันนะครับ หลายๆบริษัททั้ง SME และขนาดใหญ่ เมื่อเริ่มต้น อาจจะยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน หรือ break even ทำให้ต้องแบกรับการขาดทุนในช่วงแรก ฉะนั้น นโยบายด้าน ภาษี 23 % ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่กลับต้องมาแบกรับภาระค่าแรงงาน ที่เพิ่มขึ้นอีก...
อีกอย่างภาคแรงงานไทย เดี๋ยวนี้ หนักไม่เอา เบาก็สู้นิดๆ พูดแล้วก็เหนื่อยครับ

กลับมาพูดถึ model ธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคแรงงานเยอะ นี่อาจจะมีปัญหาได้ เช่นพวกสิ่งทอ สิ่งพิมพ์ พวกนี้ margin ไม่ได้เยอะ แต่ใช้พนักงานเยอะเหมือนกัน

Jazzman เขียน:^
^
น่าคิดเหมือนกันนะครับ หลายๆบริษัททั้ง SME และขนาดใหญ่ เมื่อเริ่มต้น อาจจะยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน หรือ break even ทำให้ต้องแบกรับการขาดทุนในช่วงแรก ฉะนั้น นโยบายด้าน ภาษี 23 % ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่กลับต้องมาแบกรับภาระค่าแรงงาน ที่เพิ่มขึ้นอีก...
อีกอย่างภาคแรงงานไทย เดี๋ยวนี้ หนักไม่เอา เบาก็สู้นิดๆ พูดแล้วก็เหนื่อยครับ

กลับมาพูดถึ model ธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคแรงงานเยอะ นี่อาจจะมีปัญหาได้ เช่นพวกสิ่งทอ สิ่งพิมพ์ พวกนี้ margin ไม่ได้เยอะ แต่ใช้พนักงานเยอะเหมือนกัน

ก้ปลดคน ซื้อเครื่องจักรทำงานแทนครับ เอาให้เหมือนฟิลิปินส์ได้ก้ดีมาก

รายได้ดี แต่คนตกงานเพียบ

หาเงินไม่เป็น ก้คงต้องขายของเก่ากิน แทบจะเหมือนกันหมด ไม่พอก้กู้ๆๆ

ทำไมไม่ตั้งกองทุนแบบเฮจฟันด์ ที่เป็นของประเทศเราเอง

จะได้นำหน้า สิงค์โปร ไปบ้างครับ

แนวทางการหาเงิน ไปซื้อแท๊ปเลตแจก เด็กทั่วประเทศไม่ยาก

ไม่ต้องกู้

ไม่ต้องยืม

หาเงินได้ยั่งยืน

ถ้าเป็นผมนะ ขุดพวกใต้ดิน มาบนดิน

เปิดคาสิโนที่ชายเดน ปอยเปต

เปิดอ่างเสรี แต่ให้อยู่ ต่างจังหวัดตามชายแดน

ให้รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เก็บภาษีพวกนี้น้อยล ะ 10 ก้ขี้เกียจจะรวยแล้ว

แก้ภาษีบุหรี่ ให้ขึ้นราคาได้ถึงซองละ 100

เก็บภาษีเข้าไป

ลดภาษีให้ ผู้ประกอบการเหลือร้อยละ 10-15

และชดเชยส่วนต่าง ค่าแรงงาน คนละ 50บาท/คน

ทำแค่นี้ ก้ขี้เกียจจะรวย ประเทศไทย

เอาคนหัวการค้าไปบริหาร ก้จะได้ ประเทศที่ก้าวไปข้างหน้า

เอาคนหัวเก่าไปบริหาร ก้จะได้แต่การโกงกิน

ทุกวันนี้ เจอแต่คนมีเงิน 100 บาทแต่บอก จะจ่ายให้พอ 2000 บาท

คิดจะประชานิยมไม่ยาก แต่ยากตรงหาเงินให้พอจ่าย

คนที่เงิน 100 แต่ทำอะไรเงินพัน แล้วกู้ ผมเรียกว่า คนเกินตัว

คนที่เงิน 100 แล้วลงทุนเพื่อให้พอจ่ายเงินพัน ผมเรียก คนฉลาดลงทุน

เมื่อไหร่จะเจอขุนคลังเก่งๆๆ