หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 06, 2011 11:37 pm
โดย roronoa
จริงอยู่ที่ว่าหุ้นทุกตัวมีมูลค่าที่ควรจะเป็น
แต่กว่าที่ราคาของมันจะไปถึงมูลค่าที่เราตีไว้มันต้องใช้เวลา
และความอดทน อดกลั้น เหมือนคนห่างแฟนประมาณ 1 เดือน กับ 18 วัน
ธรรมชาติของมัน มีขึ้นก็ต้องมีลง
หุ้น A ราคา 5 บาท เราตีมูลค่าว่า ถึง 10 บาทจะขาย
แต่ในตลาดหุ้นน้อยครั้งที่จะขึ้นทีเดียวไป 10 บาทเลย
ส่วนใหญ่แล้ว 5 บาท ขึ้นไป 8 บาท แล้วลงมาเหลือ 7 บาท
ขึ้นสลับลงแต่ขึ้นมากกว่าหรือ sideway up
ทำให้สามารถทำ SAP ได้หลายครั้ง
จากประสบการณ์ส่วนตัว จริงอยู่ว่าแนวทาง VI นั้นเจ๋งโคตรๆ
แต่ทุกท่านเคยประสบปัญหาเช่นนี้มั้ยครับ
บร๊ะแล้ว พระเจ้าจอร์จมันยอดมากก หุ้นขึ้นแล้วเว่ยย
จาก 5 บาทไป 8 บาท สักพักจาก 8 บาท ลงไป 7 บาท
ซาร่าถึงกับนั่งเซ็ง แล้วบอกกับตัวเองว่า รู้งี้...
ผมว่าอาการณ์นี้ส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์บุคคลสามัญธรรมดาเยี่ยงกระผม
เป็นกันเกือบทุกคน ยกเว้นเทพเจ้าชั้นเทพยดา ดาวดึงส์ เท่านั้น
ที่สามารถผนึกลมปราณควบคุมจิตใจให้กล้าแข็งดั่งหินผาได้
ดังนั้น ผมจึงทำการทดลอง
โดยทำการซื้อหุ้นตัวเดียวกันที่ราคาเท่ากัน แบ่งอย่างละครึ่งไว้ 2 port
port แรก ซื้อแล้วถือ
port ที่สอง sap ตลอดทาง
4 เดือนต่อมา ปรากฎว่า
port ที่ sap ตลอดทางกลับทำผลงานได้ดีกว่ามาก
จริงอยู่ว่าการทดลองนี้ไม่ได้มีสาระสำคัญมากมาย
แต่ขออนุญาติตั้งคำถามแบบผิดวัตถุประสงค์ของ web สักหน่อยครับว่า
เพื่อนๆพี่ๆ เคยคิดถึงค่าเสียโอกาส หรือเกิดอาการรู้งี้...กันบ้างมั้ยครับ
และให้ความสำคัญกับมันมากน้อยแค่ไหน
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 06, 2011 11:41 pm
โดย aonzzung
ผม SAP ประจำ
หุ้นมันขึ้นพรวดๆๆๆไม่ได้หรอกครับ
มันต้องมีขึ้นสลับกับพักฐาน หรือปรับฐานบ้าง
มันถึงจะขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ขึ้นพรวดๆๆนั่นมันมักจะเป็นหุ่นปั่นซะส่วนใหญ่
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 06, 2011 11:41 pm
โดย densin
4เดือนมานี้ ตลาดsideway เล่นsapอาจจะดีกว่าhold
แต่ถ้าเจอตลาดกระทิงช่วง2ปีก่อน ก็จะกลายเป็นขายหมู
ลองทดลองยาวๆครับ แล้วดูผลอีก5ปีว่าเป็นอย่างไร
ผลลัพย์อาจจะช่วยการตัดสินใจให้เพื่อนนักลงทุนคนอื่นๆ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 06, 2011 11:43 pm
โดย aonzzung
ใช่ครับ เห็นด้วยกับคุณ densin เช่นกันว่าขึ้นอยู่กับสภาพตลาดโดยรวมด้วย
แต่ถ้าเจอกระทิงเปลี่ยวจิงๆคง sap ไม่ทันหละ
ขายๆไป ดันต้องกลับมาซื้อแพงอีก
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 06, 2011 11:54 pm
โดย << New >>
ค่าเสียโอกาส ? ประเด็นอยู่ที่ว่าเรารู้หรือเปล่าว่ามันจะลง ถ้ารู้ถ้าเข้าใจ มันก็เรียกว่าโอกาส
แต่ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ ผลเกิดก่อนแล้วก็มาอธิบายทีหลัง บางทีก็ไม่ควรเรียกว่าเสียโอกาส
อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า การนั่งเฝ้าหน้าจอรอ sap ก็มีค่าเสียโอกาสของตัวมันเองอยู่ด้วยเหมือนกันนะครับ
เวลาที่ผ่านไปนั้นเราไม่ได้สามารถเอามาหาหุ้นใหม่ หรือพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น
ลองหลับตาแล้วนึกดูว่าเวลาผ่านไป 5ปี 10ปี อยากเห็นตัวเองเฝ้าหน้าจอได้กินส่วนต่างเวลาลง
หรือว่าอยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหน ?
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:13 am
โดย firstee
SAP คืออะไรครับ
ไม่รู้จริงๆครับผม
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:23 am
โดย satantuey
firstee เขียน:SAP คืออะไรครับ
ไม่รู้จริงๆครับผม
คือการขายหุ้นที่มีอยู่...แล้วรอมารับกลับที่ถูกกว่าครับ...เป็นวิธีทำกำไรในหุ้นขาลง ขายตอนแพง ลงมารับกลับตอนถูกมันก็ได้หุ้นจำนวนเพิ่มขึ้น
แต่ปัญหาผมว่ามันก็กลับมาตรงที่...ไม่มีใครรู้ว่ามันจะลงหรือจะขึ้นเมื่อไหร่ ถ้ามีคนรู้ก็คงไม่ต้องเล่นแนว VI แล้ว ไปเล่นรอบกันหมด รวยเร็วปรู๊ดปร๊าดดดเลย ก็อย่างที่ข้างบนบอก อย่างวันนี้หุ้นตกเราขายทิ้งไป กะว่าพรุ่งนี้ไปซื้อคืน.....พอพรุ่งนี้เจอหุ้นกระโดดแบบวันจันทร์ที่ผ่านมา(+48จุด) ก็ขายหมูยืนงงตาค้างกันเลย
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:33 am
โดย roronoa
มุมมองและเหตุผลของแต่ละท่านมีประโยชน์ทั้งนั้นครับ
และผมก็เห็นด้วยกับทุกๆท่าน
ปัจจัยเรื่องจังหวะเวลามีผลอย่างมาก
ตามที่คุณ densin และคุณ aonzzung ได้กล่าวไว้
รวมถึงเหตุผลของคุณ << New >> ก็ชัดเจนมาก
อยากรู้ครับ ว่าทำไมเพื่อนๆพี่ๆทุกคนถึงคิดว่าวิธีนี้สำคัญกับการลงทุนหรือไม่อย่างไร
มาคุยแลกเปลี่ยนความคิดของเพื่อนบ้านเดียวกัน เยอะๆครับ สนุกดี
สำหรับผมสำคัญระดับนึง ถ้าให้เป็นเปอร์เซนต์ก็ซัก 15 %
เหตุผลส่วนตัว มันคือกิเลสส่วนตัวตามที่ได้กล่าวไว้ด้านบน
อยู่ในตลาดมาหลายปี ตัวรู้งี้ ไม่เคยหายไปจากความคิดครับ
แต่ทำใจอยู่กับมันได้อย่างสบาย
วันดีคืนดีว่างๆนั่งดูประวัติเก่าๆของหุ้นแต่ละตัวที่เคยมีและยังมีอยู่
ก็นึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมา เลยอยากแชร์ความคิดเห็นกับเพื่อนๆทุกท่านครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 1:26 am
โดย multipleceilings
ตัวแปรและ possibility ต่าง scenario เยอะมากนะครับ จขกท
เอาง่ายๆว่าผมเห็นหุ้นในตลาดหลายตัวมากที่ถ้านักลงทุนทำการ sap คงจะ
ยกตัวอย่าง การที่ทำ sap ของจขทก ให้ผลลัพธ์เป็นบวกประจวบเหมาะพอดีกับการที่หุ้นนั้นมี character ของ price movement ที่ภาพกลางถึงใหญ่อยู่ใน sideway หรือ uptrend และมีการ swing เป็นระยะๆ (sap ควรจะได้ผลดีกับหุ้นที่มี price movementลักษณะแบบนี้)
price movement ลักษณะนั้นเป็นห นึ่งใน price movement ที่มีอีกหลายแบบ
ดังนั้นมีปัจจัยที่เชื่อมโยงอีกมากมาย ว่าทำไมจขกทจึงได้ลงทุนในหุ้นที่ดันมี price movement ลักษณะนั้น ที่อำนวยต่อการทำ sap อันนี้เป็น externality เช่นรื่องของพื้นฐาน etc. แล้วแต่ใช้อะไรเป็นตัวคัด
แต่ท้ายสุด สรุปการ sap ก็คือพยายามคาดเดาราคาตลาด หากทำในจำนวนครั้งที่มากพอเพื่อดู significance ได้ และ experimental condition sufficient พอ ก็สามารถสรุปได้ระดับนึงว่า จขกท มีความสามารถในการคาดเดาการปรับตัวของราคา
แต่ใน case นี้จากข้อมูลที่ จขกทให้มา ผมคิดว่า experimental condition ไม่ sufficient ที่จะ draw conclusion ได้ว่า การทำ sap ให้ผลตอบแทนดีกว่าหรือไม่ หรือ คุณ จขกท มีความสามาถในการทำ sap หรือไม่
คงต้องคิดให้ครบ loop กว่านี้ดูครับ แต่ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่า ตลาดหุ้นนั้นเป็นที่ๆ characteristics ทุกอย่าง dynamic มาก การกรอง criteria คัดเลือกหุ้นและ condition ให้ sufficient เพื่อมา conduct experiment หา net effect นั้นคิดว่าทำไม่ได้เลย ถึงแม้จะมีคนพยายามมากมาย .........ส่วนตัวผมก็คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องทำด้วย
ผมคิดว่าสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือวัดผลลัพธ์จริงของ investment framework คุณ --> การลงทุน และ indicator ที่ดีที่สุดก็คือ CAGR over time ... สำหรับผมน่าจะเป็นตัววัดที่ดีที่สุดครับ
ส่วนตัวผมไม่ได้ขายหุ้นมาร่วม 9 เดือนแล้วและ YTD return ผมแกว่งอยู่ที่ประมาณ 50-55%
สำหรับผมมอง ผมไม่ได้มอง performance เทียบ sap กับ ไม่ sap....(แต่ถ้าทำ sap สำเร็จทุกครั้งต้องได้เยอะกว่าอยู้แล้ว) แต่ผมมองเทียบ alternative การลงทุนใน combination ของหุ้นคนละ set และ น้ำหนักคนละแบบตาม roadmap อื่นๆที่วางไว้ (assume ถือหมดและไม่มีการขาย) และสำหรับ YTD performance ของ roadmap ที่ผมเลือก .... ผมก็แพ้ตัวเองกระจุย T_T
ตอบคำถามจขกท เรื่อง opportunity cost/holding cost หรือการรู้งี้ เสียดาย
ความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้เรียกว่า hindsight หรือ อารมณ์พวกนี้จะเกิดขึ้นได้และเป็นผลลัพธ์เมื่อเรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นมันไม่มีตัวตนอยู่จริงและไม่ได้มีสาระสำคัญต่อการลงทุนของคุณ มันก็แค่อารมณ์ที่เราสร้างขึ้นมา สำหรับหลายคนมันมารบกวนจิตและยิ่งทำให้ตัดสินใจแย่ลงไปอีก
ท้ายสุดจัดตัดก็อยู่ที่ investment framework ครับ ผมคิดว่าสาระสำคัญอย่างนึงของการลงทุนคือการทดสอบ framework รอดูผลลัพธ์ของ input เรา ส่วนตัวผมคิดว่าต้องลงทุนอีกสัก 10 ปีและผ่าน crisis อีกสัก 2 รอบจึงจะรู้ได้ว่า framework efficientพอหรือไม่
และสำคัญมากที่ต้องทดสอบ over time ในจำนวน periodที่มากพอ เพราะถ้าเราไม่ให้เวลามัน framework เราอาจจะใช้ได้แต่ condition ของตลาดมี abnormality สูงมากทำให้ผลของการทดสอบในปีนั้นแย่ หากมี time period มากพอก็จะ smooth out abnormalities ได้..... ดังนั้นถ้าเรามองสั้นๆ เราอาจจะคิดว่า framework เราใช้ไม่ได้ เพราะผลออกมาไม่ดีและมีสิ่งที่เรียกว่า latent inhibation ......... ด้วยธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ถ้าอะไรที่มัน "ไม่ใช่" เราจะคิดว่ามันแย่แล้วลืมมันไปและไม่กลับมามองมันอีกเลย ฉนั้นระวังสมองตัวเองให้ดี อย่าให้มันหลอกเรา รู้ให้ทันธรรมชาติของเรา
จะให้พูดภาษาธรรมซึ่งผมไม่เก่ง ก็อาจจะเป็นเรื่องการใช้จิตดูจิตให้เป็นครับ และถ้าใช้จิตดูจิตที่ใช้ดูจิตให้เป็นอีกจะดีมาก (งงไม๊? 55) ...มันช่วยได้เยอะครับถ้าลงทุนได้โดยปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง ลองดูไม่เสียหาย
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 7:59 am
โดย chukieat30
เป้าไม่มา ก้ไม่ขาย นอนรอ เด๋วก้มา ถ้าเทรนดูเหมือนจะเปลี่ยนก้ แซ่บไปก่อน
หุ้นไม่ใช่เฟอรารี่ วิ่งยาว
แต่ถ้ารอไหว กำไรอาจจะได้มากกว่าเฟอรารี่
บางอย่างนอกจากพื้นฐานกิจการ ก้ต้องรู้ลึกเรื่องการเมือง
คนไทย ถือคติ ไม่ใช่พวกเราก้ไม่ต้องไปอุ้มชู
หุ้นเสื้อแดงในตลาดมีมาก นอกจากจะมองกิจการออกแล้ว
บางทีก้ต้อง มองการเมืองออก
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 9:11 am
โดย Broadway Capital
ปกติผม SAP เฉพาะตัวที่คิดว่าซื้อด้วยต้นทุนที่ไม่มี MOS เท่านั้นครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 9:42 am
โดย aonzzung
VI จ๋าาา
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 10:08 am
โดย อนัตตา
ที่เจอกับตัวเองคือ
1. ระยะสั้นดูดี แต่ระยะยาวแล้วสู้ถือเฉยๆ ไม่ได้
ความภูมิใจที่ได้เงินจากการ sap เล็กๆ น้อยๆ สู้ความเจ็บใจที่ขายหมูไม่ได้
2. เสียเวลานั่งเฝ้าหน้าจอ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 10:10 am
โดย roronoa
vocher40 เขียน:ปกติผม SAP เฉพาะตัวที่คิดว่าซื้อด้วยต้นทุนที่ไม่มี MOS เท่านั้นครับ
คิดเหมือนกันเลยครับว่า mos มีส่วนสำคัญมาก
บางครั้งต้นทุนมันสูงจนทำให้ไม่มั่นใจในการถือรอ
การฝึกจิตอย่างที่คุณ multipleceilings ว่าไว้
จะทำให้ผมมีความสุขในการลงทุนยิ่งขึ้นแน่นอนครับ ขอบคุณครับ
ยอมรับตามตรงทุกวันนี้ ในบางครั้ง ก็ยังใช้อารมณ์ในการตัดสินใจอยู่ครับ
แต่ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมากมาย อยากจะขจัดมันออกไปทั้งหมดก็ยากยิ่ง
แต่ถึงจะขจัดมันออกไปไม่ได้ แต่ก็พยายามรู้เท่าทันมัน อยู่ด้วยกันอย่างมีสุข
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 11:12 am
โดย ซุนเซ็ก
SAP ดีมั้ย? ดีมาก...ถ้าทำได้
แต่
-ทำยาก...เพราะต้องเดาว่าต้องลงและจะขึ้น (ต้องเดาถูก2ครั้งใน 1 bet )
-ทำกับหุ้นหลายๆตัวไม่ได้...ไป SAP หุ้นที่ไม่มีเทรนอาจจะได้ SAD แทน
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 11:49 am
โดย roronoa
ซุนเซ็ก เขียน:SAP ดีมั้ย? ดีมาก...ถ้าทำได้
แต่
-ทำยาก...เพราะต้องเดาว่าต้องลงและจะขึ้น (ต้องเดาถูก2ครั้งใน 1 bet )
-ทำกับหุ้นหลายๆตัวไม่ได้...ไป SAP หุ้นที่ไม่มีเทรนอาจจะได้ SAD แทน
จริงครับ การ sap ต้องพึ่ง ดวง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมยากที่สุด
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:25 pm
โดย tt
บางทีเราเห็นเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว เราจึงบอกได้ว่าถ้าทำแล้วจะดี
แต่ ณ.เวลานั้นจริงๆ อะไรจะเกิดไม่มีใครรู้ หุ้นอาจจะขึ้นโดยไม่กลับลงมาอีกเลย
หรือพอเราขายไปแล้ว ตอนจะซื้อคืนจะซื้อเท่าไร ต่อราคาเยอะๆ มัีนก็กลับ
ขึ้นเกินราคาที่เราขาย ถ้าเรามองตามทฤษฎีเราก็เชื่อว่าน่าจะทำได้
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:38 pm
โดย doctornum
ถ้าแน่ใจว่าหุ้นเรา undervalue จริง ถือยาวๆ แล้วสะสมเพิ่มตามความมั่นใจ ระยะยาวดีกว่าเห็นๆ การแกว่งตัวในระยะสั้นคงเป็นแค่ Noise จากประสบการณ์เคยมีความรู้สึกว่าเสียโอกาสแบบนี้เหมือนกันครับ ถ้าใครทำใจไม่ได้กับอาการรู้งี้ จะทำ SAP คงช่วยเรื่องความรู้สึกได้บ้าง แต่ควรมีระบบที่วางไว้ก่อนแล้ว เพื่อป้องกันอารมณ์ชั่ววูบทำให้ตัดสินใจผิดพลาด เพราะหุ้นนั้นเราคิดวิเคราะห์มาแล้วว่าดี บางทีตลาด panic จับพลัดจับผลูขายล้างพอร์ตคิดว่า เดี๋ยวจะซื้อคืน แล้วพอหุ้นขึ้น ก็คิดว่าเดี๋ยวย่อลงมาจะซื้อคืน ไปๆมาๆ ก็เลยไม่ได้ซื้อคืน ทำให้ผิดจากความตั้งใจเดิม ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะ SAP ควรตั้งไว้เลยจะแบ่งสักกี่เปอร์เซ็นต์ ราคาลงมากี่ช่องจะซื้อคืน ถ้าผิดจากที่คาดจะยอมมอบตัวซื้อคืนที่ราคาสูงหรือไม่ คิดไว้หลายๆ Situation ลองศึกษาแนวคิดของ DSM กับ KSM คงอธิบายเรื่อง position และแนวคิด SAP ได้ดีครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:48 pm
โดย pullmeunder
ยิ่งมีการแซ่บบ่อยผมว่ามันมีแต่ทำให้ผลตอบแทนลดนะครับ แถมยังเหนื่อยไปหาหุ้นตัวใหม่อีก
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:49 pm
โดย chukieat30
อนัตตา เขียน:ที่เจอกับตัวเองคือ
1. ระยะสั้นดูดี แต่ระยะยาวแล้วสู้ถือเฉยๆ ไม่ได้
ความภูมิใจที่ได้เงินจากการ sap เล็กๆ น้อยๆ สู้ความเจ็บใจที่ขายหมูไม่ได้
2. เสียเวลานั่งเฝ้าหน้าจอ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
+100
ทำไมต้องเฝ้า ??? ในเมื่อ คิดว่ามันเป็นราคาอนาคต เอาเวลาดูหนังฟังเพลง
เล่นเกมเล่นคอมพ์ เลี้ยงหมาแมว
ตั้ง Ticker ไว้สิครับ
วันไหนมันถึงราคาที่ต้องการก้ร้องเอง ผมใช้ Ketrade เสียงดังดีมาก
ต๊องๆๆๆ รู้เลย มาและ ได้เงินและ
เงินวิ่งมาชน
บางทีก้ตั้งสต๊อปลอส ไว้เหมือนกัน ถ้าต่ำกว่าเท่าไหร่ ถึงจะแซ่บ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:51 pm
โดย chukieat30
จะแซ่บก้ต่อเมื่อ คิดว่าจะลงได้อีกลึกๆๆ
ไม่งั้นมันจะกลายเปง แสบบบนะครับ แผลลึก
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 12:55 pm
โดย roronoa
ทุกวันนี้ คุณ ซุนเซ็ก คุณ tt และคุณ doctornum
ยัง sap กันอยู่มั้ยครับ
ขอบคุณครับ
แล้วคุณ chukieat30 เคยมีประสบการณ์แสบบบ้างมั้ยครับหรือแค่คันๆ 555
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 1:04 pm
โดย tawitin9
กด Like ความเห็นคุณ <<New>> เห็นด้วยครับ กด Like จขกท.เป็นคนเปิดกว้างดีครับ
สำหรับส่วนใหญ่ผมจะเกิด รู้งี้ ไม่ SAP ดีกว่า (เคยแบ่งขายออกไป อยากซื้อกลับแต่ไม่รู้ซื้อตอนไหนดี จากนั้นมันก็ทยอยขึ้นต่อยาวปาย 7-8 เด้ง) หลังจากเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ผมก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องค่าเสียโอกาสอีกเลยครับ ถ้า weight น้ำหนักตอนนี้ให้ความสำคัญกับค่าความสุขมากสุดครับ ลงทุนแบบไหนพอใจในวิถีชีวิต ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก็เอาแบบนั้นแล
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 1:13 pm
โดย roronoa
pullmeunder เขียน:ยิ่งมีการแซ่บบ่อยผมว่ามันมีแต่ทำให้ผลตอบแทนลดนะครับ แถมยังเหนื่อยไปหาหุ้นตัวใหม่อีก
นั่นนะสิครับ ผมก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลองทดสอบดูเอาสนุก
แต่ประเด็นมันคือไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน
เพราะมีปัจจัยร่วมมากมาย จังหวะเวลาและสถานการณ์ อีกทั้งการคาดการณ์ที่ต้องแม่นยำ
ตามที่คุณ multipleceilings คุณ densin คุณ ซุนเซ็ก ว่าไว้
ผมจึงตั้งสมมติฐานแบบกว้างๆว่า วิธีการการถือเฉยๆ ดีกว่า วิธีการ SAP
แล้วทดสอบดู และพยายามหาเหตุผลมาหักล้างสมมติฐานนั้น
แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ขัดได้ว่ามันดีกว่าจริงๆ
ส่วนตัว จึงขอสรุปว่า ไม่มีวิธีไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับบุคลิก นิสัยส่วนตัว
บวกกับบุญพาวาสนาส่ง ที่จะนำพาให้เราคิดว่า วิธีไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด
เฮงๆทุกๆท่านครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 1:18 pm
โดย roronoa
tawitin9 เขียน:กด Like ความเห็นคุณ <<New>> เห็นด้วยครับ กด Like จขกท.เป็นคนเปิดกว้างดีครับ
สำหรับส่วนใหญ่ผมจะเกิด รู้งี้ ไม่ SAP ดีกว่า (เคยแบ่งขายออกไป อยากซื้อกลับแต่ไม่รู้ซื้อตอนไหนดี จากนั้นมันก็ทยอยขึ้นต่อยาวปาย 7-8 เด้ง) หลังจากเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ผมก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องค่าเสียโอกาสอีกเลยครับ ถ้า weight น้ำหนักตอนนี้ให้ความสำคัญกับค่าความสุขมากสุดครับ ลงทุนแบบไหนพอใจในวิถีชีวิต ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก็เอาแบบนั้นแล
ลึกซึ้ง...
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 2:39 pm
โดย kunjoja
ผมสังเกตว่า เราชอบเอาคำว่า ค่าเสียโอกาส มาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม ...
ผมไม่ได้ ทำ sap เพราะอย่างราคาหุ้นในปัจจุบันถ้าขายออกมาก็กำไรได้มากกว่า เราเอาเงินไปฝากแบงค์ ได้ดอกเบี้ยน้อยกว่ามากๆ (อันนี้เป็น fact จากข้อมูลที่เรามี)
แต่ถ้าเรา ทำ sap เพื่้อหวังว่า เราจะได้กำไรและต้นทุนที่ต่ำลง นั้น (อันนี้ไม่ใช่fact เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้) มันก็คือความเสี่ยง ที่เรียกว่า การเก็งกำไร นั่นเอง
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 3:33 pm
โดย Sumotin
ลงทุนมา 5 ปีกว่า ไม่เคยทำ SAP เลย เพราะเราไม่รู้อนาคตนี่ครับ ถ้ามองย้อนไปอาจจะเห็นโอกาสที่ทำได้ หรือก็มีเคยคิดเล่นๆ หลายๆครั้งว่าถ้าขายก่อนแล้วเป็นไง ก็มีทั้งได้ทั้งเสียคือ มันลงจริงหรือไม่มันก็ไม่ลงแล้ววิ่งหายไปเลย ครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 6:27 pm
โดย sylph
ผม SAP เพียงครึ่งนึงของหุ้นตัวที่เราต้องการจะทำการ SAP
ถ้าขายหมู อีกครึ่งนึงก้อไปไกล
แต่จะไม่มีการทำ SAP ครึ่งของครึ่งนะครับอิอิ ถ้าพอร์ทโตไม่แน่อาจแบ่งหลายส่วนมากขึ้นให้คุ้มค่าคอม
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 6:40 pm
โดย sylph
multipleceilings เขียน:
1.ตัวแปรและ possibility ต่าง scenario เยอะมากนะครับ
2.หากทำในจำนวนครั้งที่มากพอเพื่อดู significance ได้ และ experimental condition sufficient พอ ก็สามารถสรุปได้ระดับนึงว่า จขกท มีความสามารถในการคาดเดาการปรับตัวของราคา
3.ผมคิดว่า experimental condition ไม่ sufficient ที่จะ draw conclusion ได้ว่า การทำ sap ให้ผลตอบแทนดีกว่าหรือไม่ หรือ คุณ จขกท มีความสามาถในการทำ sap หรือไม่
4.การกรอง criteria เพื่อมา conduct experiment หา net effect นั้นคิดว่าทำไม่ได้เลย
5.ผมคิดว่าสิ่งที่ทำได้ดี คือ CAGR over time
ส่วนตัวผมไม่ได้ขายหุ้นมาร่วม 9 เดือนแล้วและ YTD return ผมแกว่งอยู่ที่ประมาณ 50-55%
ขอถามคำศัพท์หน่อยครับว่าแปลว่าอะไร
ผมยังมือใหม่ ที่จริงอีกครึ่งนึงยังไม่รู้ศัพท์เหมือนกัน แต่ขอถามแค่นี้ก่อน
นับถือกับ YTD ~50% ซึ่งมากกว่าผมซึ่งมี YTD ที่ ~10% เท่านั้นเอง
ขอบคุณครับ
Re: ค่าเสียโอกาส หรือ SAP
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 6:46 pm
โดย simplelife
ขอฉายซ้ำ
simplelife เขียน:ผมว่าซื้อหุ้นแล้วหวังว่ามันจะขึ้น ก็ยากแล้ว
นี่ถือหุ้นอยู่คิดว่ามันจะขึ้น ก็เลยจะถือต่อ แต่ระหว่างทางมันลงก่อนเลยขายไปก่อน เพราะคิดว่าจะลงไปอีกเพื่อที่จะลงไปซื้อถูกลงไปอีก แล้วถือเพื่อให้ขึ้นไปเยอะๆ ยากซ้อนยาก
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ