หน้า 1 จากทั้งหมด 1
อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 1:43 pm
โดย raynus
อุตสาหกรรมอะไรที่อยู่ในช่วง หรือ กำลังจะเป็นขาลงของวัฏจักรมั่งครับ ? อยากได้ไอเดีย
ที่เห็นๆตอนนี้ก็
เรือ
เหล็กนี่น่าจะกำลังจะหมดขาลง
พลังงาน?
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 2:17 pm
โดย tatandchin
น่าสนใจครับ
ว่าแต่มีเหตุผลประกอบด้วยก็ดีครับ จะได้ถกกันต่อ
เรือ (เทกอง) น่าจะ supply เรือกำลังออกมามาก ในขณะที่ demand ยังไม่ฟื้นตัวดี
เหล็ก กับ พลังงาน ???
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 2:36 pm
โดย navapon
ขาลงก็"ส่งออก"มั้ง เพราะเงินบาทก็น่าจะแข็งค่าขึ้นต่อเรื่อยๆ แม้จะไม่มีQE3 ของเมกา
(อย่าเชื่อนะครับ ความคิดผมเองคนเดียว)
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 2:39 pm
โดย janjan
สไลด์เดอร์ หรือสะพานลื่น ครับ ขาลง
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 5:01 pm
โดย chootana
เหล็ก ปิโตร ถ่านหิน เรือ สรุปคือ คอมโมนั่นแหละครับ (อาจเป็นขาลงชั่วคราว)
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 09, 2011 6:12 pm
โดย sylph
raynus เขียน:อุตสาหกรรมอะไรที่อยู่ในช่วง หรือ กำลังจะเป็นขาลงของวัฏจักรมั่งครับ ? อยากได้ไอเดีย
ที่เห็นๆตอนนี้ก็
เรือ
เหล็กนี่น่าจะกำลังจะหมดขาลง
พลังงาน?
ผมเห็นหุ้นเหล็กวิ่งหน้าตั้งมาช่วงนึงแล้ว
นึกว่ากำลังจะหมดขาขึ้น... ที่แท้มันกำลังจะหมดขาลงหรอครับ
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 09, 2011 11:25 pm
โดย Financeseed
chootana เขียน:เหล็ก ปิโตร ถ่านหิน เรือ สรุปคือ คอมโมนั่นแหละครับ (อาจเป็นขาลงชั่วคราว)
เหล็ก ปิโตร ถ่านหิน เรือ แต่ละอันมี วัฏจักร โดยประมาณ กี่ปีหรอครับ
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2011 7:14 am
โดย imerlot
airline เพราะเชื้อเพลิงทำให้โลกร้อน เพราะ ปล่อย CO2มาก
ตรงกันข้าม กับ รถไฟความเร็วสูง
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 11, 2011 8:52 am
โดย imerlot
http://api.settrade.com/blog/nivate/2008/09/02/316
Tuesday, 2 September 2008
Sun Rise & Sun Set
« คุณดาว | Main | อย่าตื่นเต้น »
เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ผมได้มีโอกาสไปพูดเกี่ยวกับเรื่องหุ้นซึ่งทำให้ผมต้องศึกษาว่าหุ้นแต่ละ กลุ่มอุตสาหกรรมมีความน่าสนใจแค่ไหนหรือนักลงทุนให้มูลค่าแค่ไหน พูดง่าย ๆ มองในแง่ของนักลงทุนแล้ว พวกเขาคิดว่าหุ้นกลุ่มไหนมีอนาคตเป็นกลุ่มหุ้นที่กำลังเติบโตเป็นหุ้น Sun Riseและหุ้นกลุ่มไหนดูท่าจะแย่เป็นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมตกดินหรือ Sun Set Industry
วิธี ดูว่าหุ้นกลุ่มไหนกำลังรุ่งและกลุ่มไหนกำลังร่วงนั้น ผมใช้วิธีดูค่าความถูกความแพงของหุ้นแต่ละกลุ่มโดยใช้ค่า PE เป็นหลัก และค่า PB เป็นตัวเสริม นั่นก็คือ ถ้าหุ้นกลุ่มนั้นมีค่า PE ของกลุ่มต่ำ ผมก็จะถือว่านักลงทุนโดยทั่วไปไม่สนใจและไม่อยากลงทุนในหุ้นกลุ่มนั้นจึงให้ ราคาต่ำ เหตุผลก็คือพวกเขาเห็นว่าอนาคตการทำกำไรของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นไม่ สดใส นั่นคือกำไรไม่โตหรือกำไรอาจจะกำลังถดถอยลง ตรงกันข้าม อุตสาหกรรมที่หุ้นมีค่า PE สูง ผมก็ถือว่านักลงทุนสนใจและมองว่าเป็นหุ้นกลุ่มที่กำไรจะเติบโตดีในอนาคต นอกจาก PE แล้ว ผมยังดูค่า PB ประกอบด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าค่า PE ที่เห็นไม่มีอาการผิดเพี้ยนเนื่องจากกำไรที่ผิดปกติอันเป็นผลจากวัฏจักรของ อุตสาหกรรม จากข้อมูลการศึกษาแบบหยาบ ๆ โดยวิธีดังกล่าว ผมมีข้อสรุปว่า
โดย ทั่วไปกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตนั้นมีค่า PE ต่ำกว่าอุตสาหกรรมบริการอย่างเห็นได้ชัด นั่นแปลว่านักลงทุนมองว่าหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตมีอนาคตที่ไม่สดใสเมื่อเทียบกับ หุ้นของกิจการบริการ กลุ่มผู้ผลิตที่ดูเหมือนว่าจะเป็น Sun Set Industry นั่นคือมีค่า PE ต่ำที่สุดคือมีค่า PE ประมาณ 6-7 เท่า ประกอบด้วย 1) กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรซึ่งรวมถึงกลุ่มเหล็กทั้งหลาย 2) กลุ่มของใช้ในครัวเรือนและสำนักงานซึ่งรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ 3) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ 4 ) กลุ่มแฟชั่นซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบริษัทสิ่งทอทั้งหลาย และสุดท้ายที่อาจจะมองว่าก้ำกึ่งว่าเป็น Sun Set หรือไม่เพราะถึงค่า PE จะต่ำแต่ค่า PB อยู่ในระดับที่สูงกว่าอีก 4 กลุ่มที่กล่าวอย่างชัดเจนก็คือ 5) กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์
กลุ่ม อุตสาหกรรมชุดต่อมาน่าจะเรียกว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่พอไปได้คือมีค่า PE ประมาณ 8-12 เท่า กลุ่มนี้ประกอบไปด้วย 1) กลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งตัวใหญ่ที่สุดก็คือกลุ่มผู้ผลิตปูนซีเมนต์และเหล็ก ก่อสร้าง 2) กลุ่มยานยนต์ 3) กลุ่มธุรกิจการเกษตร และ 4) กลุ่มอาหารซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่ดูดีที่สุดในกลุ่มแต่ก็ไม่สามารถเปรียบ เทียบกับกลุ่มบริการได้ในแง่ของศักยภาพในการเติบโตในสายตาของนักลงทุน
กลุ่ม อุตสาหกรรมผู้ผลิตกลุ่มใหญ่ที่น่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มที่เกี่ยวข้อง กับน้ำมันและพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนและเป็นวัฎจักรสูงมากนั่น ก็คือ 1) กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และ 2 ) กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค จากตัวเลขค่า PE และ PB ที่เห็น ผมรู้สึกว่านักลงทุนจะดูว่ากลุ่มปิโตรเคมีนั้นอนาคตดูไม่สดใสโดยมีศักยภาพ ใกล้เคียงกับกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ที่มีความผันผวนและเป็นวัฎจักรสูงเช่นเดียว กัน ในด้านของกลุ่มพลังงานดูเหมือนว่านักลงทุนมองว่าธุรกิจยังพอไปได้แม้ว่าจะ ยังห่างชั้นธุรกิจบริการ ถ้าจะเปรียบเทียบก็จะมองว่ามีศักยภาพใกล้เคียงกับกลุ่มอาหารซึ่งก็เป็น ธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันที่น่าจะเติบโตไปพอ ๆ กับการเติบโตของเศรษฐกิจเหมือนกัน
กลุ่ม อุตสาหกรรมบริการที่น่าจะเป็นดาวเด่นหรือ Sun Rise Industry ซึ่งมีค่า PE สูงลิ่วในระดับ 17-18 เท่าขึ้นไป เช่นเดียวกับค่า PB ที่ส่วนใหญ่มีค่า 2- 3 ขึ้นไป ณ. เวลานี้ก็คือ 1) กลุ่มการแพทย์ซึ่งก็คือพวกโรงพยาบาลทั้งหลาย 2) กลุ่มพาณิชย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Modern Trade หรือค้าปลีกสมัยใหม่ 3) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ซึ่งตัวใหญ่ก็คือทีวีและกิจการบันเทิงทั้งหลายที่นัก ลงทุนให้มูลค่าค่อนข้างจะสูงมาก
กลุ่ม บริการที่นักลงทุนมองว่ามีศักยภาพไปได้เรื่อย ๆ และน่าจะโตพอ ๆ หรือดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยก็คือกลุ่มที่ทำเกี่ยวกับ ข้อมูลข่าวสารซึ่งรวมไปถึงธุรกิจเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง กลุ่มนี้มี PE ในระดับประมาณ 12-14 เท่าและ PB ใกล้เคียงกับ PB ของตลาดหรือมากกว่าแต่ไม่เกินประมาณ 2 เท่า ประกอบด้วย 1) กลุ่มธนาคาร 2) กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งตัวใหญ่ ๆ ก็คือกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์ และ 3) กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต
กลุ่ม บริการที่น่าจะถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่สดใสเลยไม่ว่าจะเป็นการมองในระยะ สั้นหรือกลางว่าบริษัทในกลุ่มกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากปัจจัยบางอย่างที่ ควบคุมไม่ได้และทำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนและทำให้ค่า PE ของกลุ่มตกลงมาต่ำกว่าธุรกิจบริการกลุ่มอื่น ๆ ก็คือ 1) กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งถูกกระทบโดยปัจจัยเรื่องน้ำมันและวัฏจักรธุรกิจ ที่กำลังอยู่ในขาลง นี่ก็คือกลุ่มการบินและขนส่งทางเรือ 2) กลุ่มหลักทรัพย์ที่ในที่สุดจะต้องเปิดเสรีการค้าหุ้นและคอมมิชชั่น โดยทั้งสองกลุ่มนั้นมีค่า PE เพียงประมาณ 10 เท่าเศษ ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ค่า PB ต่ำกว่า 1 เท่า
กลุ่ม บริการที่น่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และที่ดิน นั่นก็คือ 1) กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ 2) กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการซึ่งส่วนใหญ่ก็คือโรงแรม จากการวิเคราะห์ดูพบว่าค่า PE ของทั้งสองกลุ่มนั้นค่อนข้างสูงพอ ๆ กันคือประมาณ 15-16 เท่า แต่ค่า PB ของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่ากับประมาณ 1.6 เท่าในขณะที่ของกลุ่มโรงแรมเท่ากับ 1 เท่า เท่านั้น ตีความจากข้อมูลนี้ก็คือ นักลงทุนมองว่าธุรกิจโรงแรมนั้นน่าจะ “โตช้า น่าเบื่อ” จะขยายงานก็ต้องลงทุนสูง ขยายแล้วก็จะต้องรออีกหลายปีกว่าจะเห็นกำไร ในขณะที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น “โตเร็ว กำไรเห็นเร็วภายในปีสองปี”
สุด ท้ายก็คือหุ้นในตลาดหุ้น MAI หรือหุ้นขนาดเล็ก นักลงทุนมองว่า นี่คือ กลุ่ม “หุ้นเล็ก โตวัย” เพราะค่า PE และ PB ที่ให้กับหุ้นในกลุ่มนี้ก็คือประมาณ 12 เท่าและ 1.7 เท่าตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยทั้งที่เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ยังมี ประวัติการดำเนินงานสั้นและน่าจะมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
ทั้ง หมดนั้นก็คือการวิเคราะห์ศักยภาพของหุ้นในกลุ่มต่าง ๆ ตาม “ความเห็นของคนส่วนใหญ่ ” ในตลาดหุ้น โดยปกติแล้ว ความเห็นนั้นก็มักจะถูกต้อง อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่บางครั้งก็ผิดได้เหมือนกัน นอกจากนั้น หุ้นบางตัวในกลุ่มก็อาจจะมีศักยภาพไม่เหมือนกับหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม ดังนั้น เราสามารถที่จะทำกำไรได้โดยการมองหาหุ้นที่เรามองไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ แล้วเรามองถูก ซึ่งนี่ก็คือ ฝีมือของ Value Investor ที่ใช้ในการทำกำไรจากตลาดหุ้น
Posted by nivate at 9:50 AM in โลกในมุมมองของ Value Investor
หรือ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... 4&gblog=11
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงมั่งครับ ?
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 11, 2011 1:50 pm
โดย chootana
financeseed เขียน:chootana เขียน:เหล็ก ปิโตร ถ่านหิน เรือ สรุปคือ คอมโมนั่นแหละครับ (อาจเป็นขาลงชั่วคราว)
เหล็ก ปิโตร ถ่านหิน เรือ แต่ละอันมี วัฏจักร โดยประมาณ กี่ปีหรอครับ
5-7 ปีครับ แต่ผมคิดคนละอย่าง คือไม่ได้มองโดยใช้สถิติเป็นหลักอ่ะครับ ผมมองแนวโน้มมากกว่า คือหุ้น commodity เป็นอะไรที่คาดยากพอสมควร เราคิดว่าจะขึ้นมันก็ลง เราคิดว่าจะลงมันก็ขึ้น อย่างเรือเนี่ย เคยอ่านพี่หมอสามัญชนให้ไว้ 15 ปี (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) อย่างปิโตร ผมเคยถามน้องๆ vi เค้าก็บอกว่าประมาณ 5 ปี แต่ผมว่า แต่ละอย่างมันก็มี catalist ในตัวของมันเอง ราคาเหล็กก็ลงแล้ว ถ่านหินก็ทรงๆอยู่ที่ 90 เหรียญ มาเจอฝนที่อินโดอีก เรือนี่แน่นอนว่ายังไม่ฟื้น ประมาณนี้อ่ะครับ (อาจจะผิดนะ เป็นความเห็นส่วนตัว)