เจาะลึก '6 โหรหุ้นดัง'กระแส 'ยิ่งลักษณ์' เพิ่มทุน 'ตลาดหุ้น'
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 12, 2011 8:11 pm
เจาะลึก '6 โหรหุ้นดัง'กระแส 'ยิ่งลักษณ์' เพิ่มทุน 'ตลาดหุ้น'
หลังเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง 'ถล่มทลาย' 'เซียนหุ้น' ประเมิน ถ้า 'ครม.เศรษฐกิจยิ่งลักษณ์ 1' เป็นที่ยอมรับ..เกมเพิ่มทุนให้ตลาดหุ้น 'ยังไม่จบ'
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek สำรวจความคิดเห็นเหล่าบรรดา "เซียนหุ้น" แถวหน้าของเมืองไทย ถามถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยนับจากนี้ ภายหลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายได้คะแนนเสียง 265 ที่นั่ง ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอันดับสอง 106 ที่นั่ง เตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรคกุมเสียงข้างมาก 300 ที่นั่ง ท่ามกลางสายตาทุกคู่จับจ้อง "คณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1" ชี้นำทิศทางตลาดหุ้น
ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ เซียนหุ้นรุ่นเดอะ แสดงความคิดเห็นถึงทิศทางตลาดหุ้นนับจากนี้ว่า ในระยะสั้นดัชนีน่าจะยืนเหนือ 1,000 จุดได้ นักลงทุนยังคงซึมซับข่าวความมีเสถียรภาพทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย แต่โอกาสทะลุ 1,100 จุดขึ้นไป คิดว่า "ค่อนข้างยาก" เว้นเสียแต่ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะมีหน้าตาที่โอเคมาก (เป็นที่ยอมรับของสังคม) โอกาสที่ตลาดหุ้นจะขยับมากกว่านี้ก็พอมี
พ่อค้าแซนด์วิชคนดังให้เหตุผลว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าลำพังความชัดเจนทางการเมืองข่าวดีนี้ทุกคนก็รับรู้หมดแล้ว ไม่น่าจะมีผลให้ตลาดหุ้นดีขึ้นไปกว่านี้ได้ ปัจจุบันยังมีอีกหลายปัจจัยลบที่คอยกดดันดัชนี (แต่อาจจะถูกลืมชั่วคราว) ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน "ไตรมาส 2" ที่คาดว่าจะออกมา "ไม่สวย" ขณะที่การแก้ไขปัญหาหนี้สินของต่างประเทศก็ยังไม่จบ แถมส่อเค้าไม่ดีอีกต่างหาก
"เหตุผลที่ตลาดหุ้นขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน ต้องบอกว่าเป็นเพียงการ “รีบาวด์ทางเทคนิค” หลังการเลือกตั้งออกมา “ชนะเด็ดขาด” นักลงทุนมองว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ผลการเลือกตั้งไม่ได้บ่งบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะบริหารประเทศแล้วเจริญก้าวหน้า หรือนำพาประเทศไปสู่ความปรองดองในเวลาอันใกล้ ผมมองว่าตลาดหุ้นต้องดูกันยาวๆ อย่าไป "คาดหวังสูง" เกินไป ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนได้"
ศิริวัฒน์แซนด์วิชยังมองตลาดหุ้นในทิศทาง "ขาลง" เขาแนะนำว่าหากดัชนีขึ้นมาแรงๆ ให้ "ทยอยขายหุ้น" ออกไปก่อน แล้วนำเงินสดไปพักไว้ที่ธนาคาร "ฝากประจำ 3 เดือน" ดอกเบี้ยน่าจะดีกว่าลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ เมื่อ SET Index ปรับตัวลดลงมาระดับ 800-900 จุด ให้ทยอยซื้อหุ้นประมาณ 50% ใครชอบตัวไหนก็ซื้อตัวนั้น
ด้าน “เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง นักเก็งกำไรรายใหญ่ระดับแถวหน้าของเมืองไทย เจ้าของวลี "ตลาดหุ้นไทยซึมนาน คลานเป็นเต่า เศร้าเป็นปี สุขขีประเดี๋ยวเดียว" แสดงทัศนะว่า พรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ได้ ขอแค่อย่าทะเลาะกันก็พอแล้วเพราะถ้าบ้านเมืองวุ่นวายทุกคนรวมถึงนักเล่นหุ้นก็เดือดร้อนเหมือนกันหมด ส่วนตัวขณะนี้บอกตามตรงไม่กล้าฟันธงทิศทางตลาดหุ้นในระยะสั้นว่าจะไปต่อได้หรือไม่ (หลังขึ้นมาแรงและเร็ว) ตอนนี้ก็คอยดูคณะรัฐมนตรี "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1" ถ้าเป็นที่ยอมรับ ตลาดหุ้น "ไปต่อแน่"
"ผมคิดว่าให้ทยอยซื้อหุ้นได้ แต่ไม่ต้อง(ทุ่ม)มาก ให้เลือกซื้อหุ้นบลูชิพ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ หุ้นตัวที่นักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่ายังมี “อัพไซด์” ราคาขึ้นได้อีกมาก"
นักเก็งกำไรรายใหญ่เจ้าของพอร์ต "หลายร้อยล้านบาท" ชี้แนะว่า สำหรับนักลงทุนที่ไม่อยากเสี่ยงมากตอนนี้เล่นหุ้น 20-30% ของพอร์ตก็พอ แต่ถ้าใครสามารถรับความเสี่ยงสูงได้ก็ซื้อเข้าไปเลย 50% ของพอร์ต การเล่นหุ้นเก็งกำไรช่วงนี้ เสี่ยป๋อง บอกว่าไม่ต้องมีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษให้ "เล่นไปตามตลาด" เขาซื้อก็ซื้อตาม ถ้าเราถือหุ้นดี ต้นทุนไม่แพงก็ไม่ต้องรีบขาย
"รัฐบาลชุดนี้อาจอยู่ได้แค่ 6 เดือน ถึง 1 ปี ทำให้ผมไม่ค่อยมีจิตใจลงทุนมากเท่าไร (ถอนหายใจ)" เสี่ยป๋อง ทิ้งปริศนา!! ก่อนจะเล่าต่อว่าสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง (27 มิถุนายน-1 กรกฎาคม) รอบนั้นก็ตกขบวนรถไฟเพราะกระแสขณะนั้นคิดว่าพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลตลาดหุ้นจะตก สุดท้ายหุ้นกลับขึ้นแรง ตอนนั้นไม่แน่ใจเลยซื้อหุ้นไปแค่ 20-30% ของพอร์ต "คิดแล้วยังเสียดาย"
เซียนหุ้นเก็งกำไรรายใหญ่ ประเมินว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด SET Index สิ้นปี 2554 น่าจะยืน 1,200 จุด ได้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ก็โอเค ที่สำคัญหุ้นไทยถือว่า "ยังไม่แพง" P/E เรโช 13 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่อยู่ 14-15 เท่า สิ่งที่อาจจะทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ดีสมใจ ก็น่าจะเป็นเรื่องการฟ้องร้องต่างๆ การนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการฟ้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ด้าน “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เซียนหุ้นพันล้าน กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังอยู่ในสภาพดี เว้นแต่โดนปัจจัยภายนอกประเทศเล่นงานกรณีนั้นไม่ต้องพูดถึง "ดัชนีลงแน่" ตลาดหุ้นภายใต้รัฐบาลชุดนี้คงอยู่ในอาการ “ฮันนีมูน พีเรียด” สัก 3-5 เดือน เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยชนะขาดลอย นั่นแปลว่าความมีเสถียรภาพเกิดขึ้นแล้ว เว้นเสียแต่ว่าเขาทำร้ายตัวเอง ถามว่า SET Index จะทะลุ 1,100 จุด ได้หรือไม่ ต้องรอดูหน้าตา ครม.ชุดใหม่ก่อน
"วันนี้ผมมองว่านักลงทุนไทยไม่เหมือนในอดีตแล้ว เขาฉลาดขึ้นและเก่งขึ้นมาก รู้จักเล่น รู้จักเลือก ยิ่งนักลงทุนประเภท "แวลูอินเวสเตอร์" เขาไม่ได้มองแค่ 3 วัน 10 วัน แต่เขามองกันเป็นปีๆ ฉะนั้นต่อให้เปลี่ยนรัฐบาลแต่ถ้าปัจจัยพื้นฐานหุ้นยังดีอยู่ เขาก็อาจไม่ขาย ถ้าลงแรงๆ หาโอกาสเก็บเพิ่ม ส่วนกองทุนในประเทศก็เริ่มคานแรงขายฝรั่งอยู่แล้ว ต่อให้ขายเป็นหมื่นล้านก็มีกองทุนไทยมาเก็บ เรียกได้ว่า "คุณออกผมเข้า" หุ้นจะลงก็ลงไม่มาก"
พีรเจต สุวรรณนภาศรี นักลงทุนกลุ่มแวลูอินเวสเตอร์ และประธานกรรมการบริหาร บมจ.ยูเนี่ยน อินทราโก้ หุ้นน้องใหม่ในตลาด mai มองในแง่บวกว่า นโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทยถ้าสามารถทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้จริง นอกจากตลาดหุ้นจะดีแล้ว เศรษฐกิจจะเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วย แต่ถ้าไม่สามารถทำได้อย่างที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่างก็จะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
"ค่า P/E ตลาดหุ้นไทยปีนี้ ต่ำแค่ 11-12 เท่า แถมพื้นฐานหลายๆ อย่างก็ดี ผมมองว่า SET Index สิ้นปี 2554 น่าจะยืน 1,300 จุด ได้ ตอนนี้ก็รอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรกเชื่อว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นคงปลอดภัยไปอีกสัก 9 เดือน (3 ไตรมาส) ผมว่าลงทุนได้ ชอบตัวไหนก็ซื้อตัวนั้น"
ด้านนักลงทุนรายใหญ่คนรุ่นใหม่ สง่า ตั้งจันสิริ หลายชาย ไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง TUF แนะนำว่าให้ "ถือเงินสด" ไว้ก่อน เมื่อดัชนีย่อตัวลงมายืน 950 จุด ค่อยกลับเข้าซื้อใหม่ประมาณ 50% ของพอร์ต เชื่อว่าจะได้เห็นภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ให้เน้นซื้อหุ้นตัวใหญ่ (บิ๊กแคป) เข้าพอร์ต เช่น บ้านปู ราคายังมีโอกาสลดลงต่ำกว่า 700 บาท เป็นต้น
สุดท้ายดาราหนุ่ม "แซน" พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ นักลงทุนรุ่นใหม่ มองว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสไปต่อแน่ ถ้ามีการวางตัวคณะรัฐมนตรีที่สมเหตุสมผล ต่างชาติพร้อมจะลงทุนหุ้นไทยอยู่แล้วเนื่องจากหุ้นไทยยังถูก ช่วงที่หุ้นพักตัวนักลงทุนควรหาโอกาสเก็บหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต เช่น TOP, IRPC, LPN, SC เป็นต้น