Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ค่าแรง 300 บาท กับราคาอสังหาริมทรัพย์
ดร.โสภณ พรโชคชัย
http://www.facebook.com/pornchokchai

AREA คาด การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน คงไม่ส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัย เพราะค่าแรงเป็นต้นทุนเพียงส่วนน้อย
การที่มีข่าวว่า รัฐบาลใหม่มีนโยบายให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ซึ่งมีผู้ให้ความเห็นว่าอาจทำให้ราคาบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการคงจะผลักภาระให้ผู้ซื้อ ทำให้เกิดความเดือดร้อนในการซื้อบ้าน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เสนอข้อมูลเพื่อการพิจารณาดังนี้

1. โดยปกติในวงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ก็มักว่าจ้างในอัตราที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่างฝีมือต่าง ๆ ดังนั้นจึงอาจไม่มีผลกระทบมากนัก
2. ค่าแรงขั้นต่ำอาจมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่นอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม แต่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันใช้ระบบการก่อสร้างระบบกึ่งสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงอยู่ในภาวะที่แตกต่างจากอุตสาหกรรมทั่วไป
3. ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ค่าแรงมีสัดส่วน 30 % ของค่าก่อสร้างโดยรวม ดังนั้นหากมีการเพิ่มค่าแรงขึ้น 50% ก็จะทำให้ราคาค่าก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้น 15% อย่างไรก็ตามมูลค่าบ้านหลังหนึ่งเป็นส่วนของค่าก่อสร้างประมาณ 1/3 อีก 2/3 เป็นส่วนของราคาที่ดิน ดังนั้นการขึ้นค่าแรง 50% จึงอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาประมาณ 5% เท่านั้น อย่างไรก็ตามโดยที่ค่าแรงในก่อสร้างจ่ายสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่ในปัจจุบัน ผลกระทบจึงมีไม่มากนัก
4. หากเป็นในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นที่ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ขายจะได้ส่วนต่างของมูลค่า หากมีการเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าก่อสร้างบ้างก็คงไม่เป็นผลเสียแก่ฝ่ายใด เข้าทำนอง Win-Win ต่อทุกฝ่าย
5. หากเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งไม่มีผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ การเพิ่มขึ้นของค่าแรงหรือค่าวัสดุก่อสร้างก็ไม่มีผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ เพราะในห้วงเวลาดังกล่าวมักไม่มีการก่อสร้าง การซื้อขายมักเป็นการซื้อขายสินค้ามือสองเป็นสำคัญ
6. การที่บางฝ่ายให้ความเห็นว่า การขึ้นค่าแรงจะทำให้ราคาสินค้าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น อาจเป็นกลยุทธ์ในการกระตุ้นกำลังซื้อด้วยความกลัวว่าราคาจะขึ้นเสียก่อน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการค้าอสังหาริมทรัพย์มากกว่าการที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงขอแนะนำให้นักลงทุนและผู้สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้พิจารณาเปรียบเทียบสินค้าให้รอบคอบก่อนการลงทุน ทั้งสินค้ามือหนึ่ง และสินค้ามือสองในตลาด จะได้เป็นการลงทุนอย่างรอบรู้ (knowledgeable)

ไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้เขียนเท่าไหร่นัก ที่ว่าหากขึ้นค่าแรงเป็น 300 จะไม่กระทบราคาอสังหาริมทรัพย์....

เพราะความจริงหากค่าแรงขึ้นแล้ว ราคาวัสดุก็จะเพิ่มขึ้นด้วย... ค่าแรงของคนที่เกิน 300 อยู่แล้ว ก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นขั้นไป......แต่นั่นก็คือเรื่องของความน่าจะเป็น....ส่วนตัวยังคิดว่าค่าแรง ยังไม่ได้ขึ้นถึง 300 ทั่วประเทศ มค. 2555 .........

แต่หากได้ขึ้นจริงก็จะได้พิสูจน์กันว่าสิ่งที่ผู้เขียนคาดจะจริงหรือไม่..... เราจะขุดเอากระทู้นี้มาถกกันใหม่......

อันดับแรกเลยครับ คนตกงาน ได้ยินจากเพื่อนผมว่า คนที่จบ ป.ตรีเงินเดืนปัจจุบันไม่ถึง 15,000฿ นี่เด้งทันที

Packy_Kittiworawut เขียน:คนที่จบ ป.ตรีเงินเดืนปัจจุบันไม่ถึง 15,000฿ นี่เด้งทันที

แล้วจะไปจ้าง ป.ตรีคนใหม่ที่อาจจะทำอะไรไม่เป็นเลย จ่าย 15k เหมือนเดิม ?
หรือ จะไปจ้าง ปวช ที่ก็อาจจะทำอะไรไม่เป็นเลยเหมือนกัน ?

simplelife เขียน:

Packy_Kittiworawut เขียน:คนที่จบ ป.ตรีเงินเดืนปัจจุบันไม่ถึง 15,000฿ นี่เด้งทันที

แล้วจะไปจ้าง ป.ตรีคนใหม่ที่อาจจะทำอะไรไม่เป็นเลย จ่าย 15k เหมือนเดิม ?
หรือ จะไปจ้าง ปวช ที่ก็อาจจะทำอะไรไม่เป็นเลยเหมือนกัน ?

เอา ปวช. มาฝึกครับ ยังดีกว่าต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นนะ

Packy_Kittiworawut เขียน:เอา ปวช. มาฝึกครับ ยังดีกว่าต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นนะ

ถ้าเอา ปวช มาฝีกแล้วใช้ได้ ทำไมทุกวันนี้ไม่ทำ ? ค่าจ้าง ปวช วันนี้ได้เกินค่าแรงขั้นต่ำมานิดเดียว ซึ่งก็ยังน้อยกว่าค่าจ้างปริญญาตรีอยู่เยอะครับ

ตอนนี้ที่บริษัทรับพนักงานอยู่ครับ ก็จบ ป.ตรีขึ้นไป นี่แหละครับ

แต่เน้น เอาที่มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 3-5ปี และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี

เงินเดือนก็มากกว่าหมื่นห้ามากมาย

จริงๆปัจจุบันคนจบป.ตรีใหม่ๆไม่มีประสบการณ์ งานก็หายากอยู่แล้ว

มาเพิ่มเงื่อนไขแบบนี้ ยิ่งหายากเข้าไปอีก

In_the_middle_of_nowhere เขียน:ไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้เขียนเท่าไหร่นัก ที่ว่าหากขึ้นค่าแรงเป็น 300 จะไม่กระทบราคาอสังหาริมทรัพย์....

เพราะความจริงหากค่าแรงขึ้นแล้ว ราคาวัสดุก็จะเพิ่มขึ้นด้วย... ค่าแรงของคนที่เกิน 300 อยู่แล้ว ก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นขั้นไป......แต่นั่นก็คือเรื่องของความน่าจะเป็น....ส่วนตัวยังคิดว่าค่าแรง ยังไม่ได้ขึ้นถึง 300 ทั่วประเทศ มค. 2555 .........

แต่หากได้ขึ้นจริงก็จะได้พิสูจน์กันว่าสิ่งที่ผู้เขียนคาดจะจริงหรือไม่..... เราจะขุดเอากระทู้นี้มาถกกันใหม่......

เห็นด้วยครับ

ผมเห็นด้วยเลยว่าคนจบ ป. ตรีจะหางานยากขึ้น เพราะบริษัทจะหันไปรับ ปวช. หรือคนที่มีประสบการณ์ทำงานแล้วมากขึ้นครับ เพราะปัจจุบันมีคนจบปริญญาตรีมากมายที่จบมาแล้วทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียน เช่น จบวิทยาศาสตร์แต่ทำงาน HR หรืองานเอกสาร ซึ่งผมคิดว่างานส่วนนี้คงฝึกไม่ยากนัก

ส่วนค่าแรงขั้นต่ำผมเห็นด้วยกับคุณ In_the_middle_of_nowhere

simplelife เขียน:

Packy_Kittiworawut เขียน:เอา ปวช. มาฝึกครับ ยังดีกว่าต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นนะ

ถ้าเอา ปวช มาฝีกแล้วใช้ได้ ทำไมทุกวันนี้ไม่ทำ ? ค่าจ้าง ปวช วันนี้ได้เกินค่าแรงขั้นต่ำมานิดเดียว ซึ่งก็ยังน้อยกว่าค่าจ้างปริญญาตรีอยู่เยอะครับ

แต่ถ้าปรับเป็นหมื่นห้า ช่องว่างมันเยอะ ที่ทำเพราะจำเป็นต้องทำครับ ที่ทุกวันนี้ไม่ทำเพราะต้นทุนที่ต้องเอามาเทรนให้ ปวช มันยังไม่คุ้ม สู้จ้าง ป.ตรีไปเลยดีกว่า
แต่ถ้า ป.ตรี 15,000฿ เอาปวช.มาเทรนมาฝึกจะคุ้มกว่าในระยะยาวครับ ไม่งั้นธุรกิจก็อยู่กันไม่ได้

โดยปกติ ค่าแรง เป็น40กว่าเปอร์เซ็นต์ของ ค่าอสังหานะครับ มีผลอย่างมาก

1. โดยปกติในวงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ก็มักว่าจ้างในอัตราที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่างฝีมือต่าง ๆ ดังนั้นจึงอาจไม่มีผลกระทบมากนัก

หืมมม....

ข้อมูลจากบริษัทเอกชน ที่เน้นรับงานห้างค้าปลีกขนาดใหญ่

กรรมกร, เด็กคุมสโตร์, แม่บ้านออฟฟิศ ประมาณ 170 บาท/วัน
ช่างไม้, ช่างปูน, ช่างเชื่อม, เซอร์เวย์บอย, ช่างสี, ช่างฝ้า, ช่างปูกระเบื้อง ค่าแรงไม่เกิน 220

ทั้งหมดเป็นแรงงานไทย อายุ18+

15,000 ป.ตรีนี่ ผมเข้าใจว่าเฉพาะข้าราชการนี่ครับ ไม่รวมเอกชน

คนเขียนก็บอกว่ากระทบนี่ครับ 5% แต่มีการปล่อยข่าวว่าจะขึ้นมากเพื่อให้ขายบ้านที่สร้างเสร็จแล้วได้ไวๆ

อ่านแล้วช่วยมองให้เห็นภาพรวมได้ดีขึ้นครับ

ที่บริษัทผม จ้างเด็กฝึกงาน ก็ให้ 350 บาทต่อวันแล้ว ปริญญาตรีก็ 16,000
ราคานี้มานานแล้ว ราคานี้ไม่รวมโบนัส 2 - 3 เดือน และสวัสดิการอื่นเช่น ค่าอาหารกลางวัน ประกันสุขภาพ

ที่สำคัญคือค่าแรงพนักงานระดับล่างที่ได้เงินเดือนน้อย มีไม่ถึง 2% ของต้นทุน
ที่สำคัญที่สุดคือเงินเดือนผู้บริหารบางแผนกคนเดียว มากกว่าพนักงานคนอื่นๆในแผนกรวมกันเสียอีก

ผู้บริหารบางคนพยายามกดเงินเดือนค่าจ้างพนักงานระดับล่างเพื่อให้ตัวเองได้มีผลงานดีและได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น
สังคมเราที่พร่ำบอกให้คนอื่นพอเพียง แต่จริงๆ แล้ว คนระดับล่างไม่ใช่พอเพียง แต่เขาไม่เพียงพอจะยังชีพแล้ว
ค่าครองชีพสูงหลายเท่าตัว แต่รายได้เท่าเดิม ที่ผ่านมา ค่าแรง 225 บาท จะเอาที่ไหนเลี้ยงลูก ครอบครัว

มันถึงเวลาที่เราจะต้องแบ่งปันจริง ๆ แล้ว เป็นคนดีของสังคมในนิยามที่เป็นจริง ไม่ใช่เป็นคนดีที่มองมุมเดียว คือมุมตัวเอง

เรื่อง 300 ผมว่าตื่นตูมกันเกินไป, วันละ 300 เดือนละ 6,600 เองนะครับ
แต่คนส่วนใหญ่มักคิด 300 x 30 วัน ลืมวันเสาร์-อาทิตย์ไปแล้วเหรอ

ธุรกิจไหนที่จ้างแรงงานเดือนละ 6,600 แล้วขาดทุน ผมว่าเจ๊งไปเถอะ
ธุรกิจคุณอ่อนแอเกินไป, ต้องปรับตัวไปตั้งโรงงานตามชายแดนเพื่อใช้แรงงานเพื่อนบ้านแทนแล้วล่ะ

มันรวมถึงจ้างเป็นรายเดือนด้วยครับ กฎหมายกำหนดว่าให้คิดที่ 30วันครับ ดังนั้น จะเป็น ขั้นต่ำ 9,900 คนับ จริงๆตัวเลขเป็นเท่าไรไม่สำคัญเท่ากับ คชจ เพิ่มขึ้นกี่% หรอกครับ
ลองคิดดูสิครับ จาก 210-215 แล้วขึ้นเป็น300 คชจขึ้นเท่าไร ความหนักใจอยู่ตรงนี้ครับ
โดยเฉพาะพวก sme ที่ปกติโดยขนาดสู้ บ.ในตลาดไม่ได้ ที่อยู่ได้เพราะเสียภาษีน้อย ดังนั้นการลดภาษีชดเชยจึงไม่ส่งผลดีต่อsme เท่ากับได้รับแต่ผลเสียเต็มๆ หากsmeไปไม่รอดทั้งประเทศจะเดือดร้อนครับ

บริษัทท่ีรับสร้างบ้านให้ผมเพิ่งปริบราคาค่าก่อสร้างจากเดิม 11500/ตรม เป็น 15000/ตรม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ. โชคดีรีบตัดสินใจเซ็นไป ไม่งั้นจ่ายเพิ่มอีก 1 ล้านบาท - -" ผมฟันธงว่ากระทบกับกลุ่มรับเหมามาก

ตอนนี้ที่บริษัท ก็จ่ายมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้วครับ ถ้าปรับเป็น300 ก็ต้องจ่ายมากกว่า300 ขึ้นไปอีก ก็ต้องยอมรับว่าของทุกอย่างจะปรับขึ้นครับ
สงสารก็แต่ชาวไร่ชาวนา จะขึ้นราคาสินค้าเกษตรได้รึเปล่าครับในเมื่อยังมีคนกลางที่ยังกดราคาอยู่

jo7393 เขียน:โดยเฉพาะพวก sme ที่ปกติโดยขนาดสู้ บ.ในตลาดไม่ได้ ที่อยู่ได้เพราะเสียภาษีน้อย ดังนั้นการลดภาษีชดเชยจึงไม่ส่งผลดีต่อsme เท่ากับได้รับแต่ผลเสียเต็มๆ หากsmeไปไม่รอดทั้งประเทศจะเดือดร้อนครับ

SME จำนวนมาก จ่ายสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว เพราะว่าต้องแย่งแรงงานกับโรงงานที่อาจจะมีสวัสดิการที่ดีกว่า/ประกันสังคม/โรงอาหารราคาถูก/ความสะดวกสบายที่ดีกว่า ถ้าจ่ายเท่ากับโรงงานเลย ลูกจ้างที่สามารถหางานโรงงานได้ก็ไหลไปโรงงานหมดครับ และถ้าใครทำงานในนิคมหรือมี SME ก็พอจะรู้ว่า แม้แต่โรงงานพวกนี้ก็โดนแย่งโดยงานประเภทพนักงานขาย BigC, Lotus ที่อาจจะจ่ายเท่ากัน แต่สบายกว่าอีก เพราะทำงานในห้องแอร์ อู้ได้นิดหน่อย บางพวกได้ค่าคอมด้วย

บางครั้ง ผมรู้สึกสะท้อนใจเล็กๆกับคนที่วิจารณ์การขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะพวกเจ้าของโรงงานรายใหญ่ ที่แต่ละรายรวยๆกันไม่รู้จะเท่าไร พอมาถึงเรื่องที่ตัวเองจะเสียผลประโยชน์ก็มาตีโพยตีพายว่าตัวเองจะขาดทุน พูดเสร็จแล้วก็โทรไปคุยกับเพื่อนเรื่อง Benz ทองหล่อลดราคารถ หลายรุ่นจะหมดโปรแล้ว ลดไปตั้งห้าแสน

"โรงงานอยุธยา"ช็อกแรงงานหนี ซบ"ชลบุรี-ระยอง"รับ300บ.
วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11:34:01 น.

คนงานในอยุธยาทยอยลาออกซบโรงงานใหญ่รับค่าแรง 300 ส่วนหนึ่งย้ายเข้าชลบุรี ระยอง 4 เดือนมีแรงงานลาออกจากระบบผู้ประกันตนแล้ว 31,000 คน นักวิชาการเตือนเอสเอ็มอีแบกค่าแรงไม่ไหวแน่ คาดปิดกิจการ 1.2 แสนราย ขณะที่ "ทีดีอาร์ไอ" เตือนอาฟเตอร์ช็อก เสนอ 3 ทางเลือกบรรเทาปัญหา

นางปราณี ไชยเดช แรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 และผลกระทบจากนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ใน 7 จังหวัดนำร่องทำให้แรงงานของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีอยู่ในระบบผู้ประกันตนกว่า 300,000 คน เริ่มทยอยลาออกจากงาน เพราะค่าแรงงานขั้นต่ำของอยุธยาอยู่ที่ 265 บาท/วัน และจากการสำรวจพบว่าตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 ถึงเมษายนที่ผ่านมามีแรงงานออกจากระบบผู้ประกันตนกว่า 31,000 คน ส่วนหนึ่งย้ายไปทำงานในจังหวัดชลบุรี ระยอง และจังหวัดที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมในอยุธยาได้เริ่มปรับตัวโดยการจ่ายค่าแรงให้สูงขึ้น เพื่อจูงใจแรงงานไม่ให้ไหลไปใน 7 จังหวัดนำร่อง โดยโรงงานบางแห่งจ่ายค่าแรงสูงถึง 365 บาท/วัน

"สิ่งที่กังวลคือ แรงงานจากธุรกิจเอสเอ็มอีจะไหลไปสู่โรงงานขนาดใหญ่มากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายใน 1-2 ปี แรงงานจะขาดแคลนแน่นอน"

สอดคล้องกับ ดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นายกสมาคมเครื่องหนังที่กล่าวว่า ปัจจุบัน สมาคมมีสมาชิกประมาณ 180 บริษัท ตอนนี้แรงงานในอุตสาหกรรมเครื่องหนัง อาทิ อุตสาหกรรมกระเป๋า รองเท้า ฯลฯ มีการขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมีปัจจัยจากเรื่องค่าแรง 300 บาทมาเพิ่ม ยิ่งทำให้ขาดแคลนหนักเข้าไปอีก ขณะเดียวกัน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่จะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ด้านนายพิชิต นิลทองคำ จัดหางานจังหวัดชลบุรีกล่าวว่า มีแรงงานย้ายเข้ามาทำงานในจังหวัดชลบุรีและมาขึ้นทะเบียนกับจัดหางานจังหวัดประมาณ 5% แต่เชื่อว่ามีแรงงานเคลื่อนย้ายมามากกว่านี้ที่ไม่ขึ้นทะเบียนแต่ไปสมัครงานด้วยตนเอง เนื่องจากโรงงานขนาดใหญ่บางแห่งใช้มาตรการจูงใจจ่ายค่าจ้างมากกว่า 300 บาท หากรวมค่าทำงานล่วงเวลา (โอที) ค่าจ้างจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท/วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชลบุรียังขาดแคลนแรงงานอีก 20,000 ตำแหน่ง

ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPURC) ระบุว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทำให้เกิดการเลิกจ้างในระดับที่แตกต่างกัน ยิ่งค่าแรงขั้นต่ำใหม่มีค่าใกล้เคียงกับค่าแรงเฉลี่ยของประเทศ ผลด้านการเลิกจ้างจะยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ทำให้ค่าแรงใหม่เป็น 75% ของค่าเฉลี่ยของประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก และอาจส่งผลให้มีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา แต่อาจส่งผลให้มีเอสเอ็มอีต้องปิดกิจการประมาณ 10-15% หรือประมาณ 8 หมื่น-1.2 แสนราย ใน 18 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้จากการสำรวจแนวทางปรับตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใน 8 เดือนข้างหน้า พบว่าผู้ประกอบการมีแผนเลิกจ้างพนักงานในช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี สูงถึง 38.9% พร้อมกับจะเข้มงวดกับประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 76.6% ควบคุมต้นทุนในส่วนอื่น 61.3% ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรมาแทนพนักงาน 45.1% เพิ่มชั่วโมงการทำงานต่อวัน 36.1% และผู้ประกอบการ 63.4% จะลดการฝึกอบรมหรือการจ่ายงานเป็นชิ้นให้กับพนักงานโดยการวิจัยครั้งนี้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2555 มีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 536 ราย ใน 7 จังหวัดนำร่องของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และภูเก็ต

ขณะที่ ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ แสดงความเป็นห่วงต่อการปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้เท่ากับ 300 บาททั่วประเทศในปี 2556 ว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในรอบที่ 2 จะเกิดการช็อกเหมือนเจอแผ่นดินไหวอีกครั้งและจะใหญ่กว่า เนื่องจากจะเป็นการปรับขึ้นในอีก 70 จังหวัดที่มีค่าจ้างห่างจาก 300 บาทมาก ขณะที่ 7 จังหวัดที่ปรับไปก่อน หากไม่มีการปรับเพิ่มด้วยค่าครองชีพก็จะทำให้อำนาจซื้อลดลงไป

จากการศึกษาจึงเสนอให้นำผลการคาดการณ์ภาวะค่าครองชีพ หรือ CPI ของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งทำทุกปีในแต่ละจังหวัดมาใช้เป็นฐานในการพิจารณา แต่หากยืนตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ปี 2556 ทุกจังหวัดมีค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท พร้อมกับให้ค่าจ้างคงที่จนถึงปี 2558 อาจทำให้อำนาจซื้อจากเงิน 300 บาทลดลงไปพอ ๆ กับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าจ้างขั้นต่ำแท้จริงเฉลี่ยในปี 2556 อยู่ที่ 299 บาท โดย 7 จังหวัดแรกที่ได้ขึ้นค่าจ้างไปก่อนจะเสียเปรียบกว่า โดยกรุงเทพฯมีค่าจ้างขั้นต่ำแท้จริงเหลืออยู่ 293 บาท นครปฐมเหลือ 290 บาท ปทุมธานีเหลือ 292 บาท นนทบุรี สมุทรปราการและภูเก็ตเหลือ 289 บาท สุดท้ายสมุทรสาครเหลือ 287 บาท

พร้อมกันนี้ทีดีอาร์ไอยังเสนอ 3 แนวทางเลือกเพื่อให้ลูกจ้างไม่จนลง นายจ้างมีเวลาปรับตัว คือ 1) ปรับเพิ่มค่าจ้างเป็น 2 งวด โดยปี 2556 ขึ้นค่าจ้าง 27-55 บาท เพิ่มอีก 18 จังหวัด แล้วในปี 2557 ขึ้นค่าจ้าง 56-78 บาท ให้กับอีก 52 จังหวัดที่เหลือ ซึ่งจะทำให้ในปี 2557 มีค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ 2) ให้ขึ้นค่าจ้างครั้งเดียว 40% และทุกปีปรับค่าจ้าง

ขั้นต่ำตามดัชนีค่าครองชีพ แต่วิธีนี้จะต้องใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศจะมีค่าจ้างขั้นต่ำที่ 300 บาท และ 3) ทำตามข้อเรียกร้องของสภาอุตสาหกรรมฯที่ขอเลื่อนการดำเนินนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศเป็นมกราคม 2558 และต้องปรับค่าครองชีพ (CPI) ให้กับแต่ละจังหวัดโดยอัตโนมัติ

คน วงการ ก่อสร้าง ช่างไทย มี ประสบการณ์
ค่าแรง เกิน 300 มา นาน แล้วครับ ผม

คน ที่มา ตอบ นี่ อยากรู้ ค่าแรง ต่อ วัน จริงๆ คน ละเท่าไร กัน บ้าง
300 ยัง ว่า มาก จะ ให้ คน งาน กิน ข้าว ได้ บ้าง มั๊ย ครับ เจ้านาย

แสนสิริขึ้นราคาบ้าน 5% แบไต๋ต้นทุนพุ่งกระฉูด [ ไทยรัฐ, 4 พ.ค. 55 ]

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า
บริษัทจะปรับราคาบ้านขึ้นอีก 3-5% หลังจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาปรับขึ้นไปแล้ว 3-5% เนื่องจากต้นทุนปรับเพิ่ม
ขึ้นเฉลี่ย 7% ประกอบด้วยการลงทุนป้องกันน้ำท่วมในโครงการใหม่ ค่าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น และการปรับขึ้น
ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่ม 300 บาท อย่างไรก็ตาม การปรับราคาบ้านในครั้งนี้ไม่สามารถผลักภาระให้กับ
ประชาชนได้ทั้งหมด โดยบริษัทรับภาระไว้บางส่วน

ต้นทุนเพิ่มแน่นอนครับ

ปัจจุบัน มีการว่าจ้างแรงงานไม่มีฝีมือในอัตราต่ำกว่า 300 บาท สำหรับงานโครงสร้างซึ่งส่วนมากใช้แรงงานต่างด้าว แต่เมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แรงงานไร้ฝีมือก็ต้องได้ 300 บาท แล้วแรงงานมีฝีมือที่ได้มากกว่า 300 บาทนิดหน่อยก็ต้องขอปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วคือขึ้นทั้งระบบ ค่าก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นล่วงหน้าแล้วครับจากวัสดุก่อสร้าง และตอนนี้เพิ่มด้วยค่าแรงงานอีก น่าจะส่งผลต่อต้นทุนประมาณ 5 - 10% ด้วยซ้ำไปครับสำหรับโครงการเล็กๆ ส่วนโครงการใหญ่ๆ อาจจะมีผล 3 - 7% แล้วแต่การบริหารจัดการ และรูปแบบการก่อสร้าง การปรับราคาต่อตารางเมตรจะเริ่มมีให้เห็นเร็วๆนี้แน่นอนครับ

ผมว่าของแพงจะไปโยนบาปให้เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมันก้ไม่ถูก(ทั้งหมด)ครับ ลองคิดดูครับคนที่รับค่าแรงขั้นต่ำเพียงพอในการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพได้หรือไม่ ประเทศที่ด้อยหรือกำลังพัฒนาก็จะมีปัญหาแบบนี้แหละครับ เพราะช่องว่างรายได้ต่างกันมาก ระดับบริหารรายได้สูง+สวัสดิการดี แต่ระดับล่างรายได้ไม่พอแม้แต่จะเลี้ยงชีพตัวเองไม่ต้องไปคิดถึงภาระอย่างอื่นเลย ข้าวของที่ขายอยู่ทั่วไปก็ไม่ได้มีส่วนลดให้คนรายได้น้อย เขาต้องซื้อหาด้วยราคาเดียวกับคนรวย
อยากให้คนในสังคมรู้จักการเสียสละ การแบ่งปัน และให้โอกาสคนที่ด้อยกว่า ถ้าใครทำได้ก็น่าจะพอเรียกได้ว่าเป็นคนดี สังคมคงน่าอยู่มากขึ้น

ผมค่อนข้างแปลกใจมาก ก็เพราะที่บริษัทผมไม่มีใครที่ได้ค่าแรงต่ำกว่า 300 บาท ต่อวัน หรือ 15,000 บาท สำหรับปริญญาตรี แม้แต่คนเดียว อีกอย่างร้านของแฟนผมก็จ้างขั้นต่ำที่ 300 บาท ไม่รวมค่าเบี้ยขยัน และสวัสดิการอื่นๆ
ผมเลยงงว่ายังมีอีกหรือที่ค่าแรงต่ำกว่า 300 บาท ซึ่งผมคิดว่ามันน้อยมากจริงๆ ผมเพิ่งกลับจากยุโรปเมื่อเดือนก่อน ค่าอาหารจานละ 20 EUR นั่นคือค่าแรงของเรา 300 บาทซื้ออาหารของคนยุโรปได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

ส่วนตัวคิดว่าค่าแรงวันละสามร้อยนี่สมเหตุสมผลครับ

แต่ปริญญาตรีหมื่นห้านี่ไม่เห็นด้วยครับ

เพราะผมรู้สึกว่าเราผลิตบัณฑิตไม่ตรงตามความต้องการของประเทศครับ

อยากให้เน้นเพิ่มคุณภาพสายอาชีวะให้มากขึ้น สร้างค่านิยมให้คนอยากเรียนสายอาชีวะ ให้จบมาแล้วมีอนาคต

ผมเชื่อวลีที่ว่าอาชีวะสร้างชาติครับ

ค่าอาหารมื้อละ 20 ยูโรแล้วค่าแรง ชม.ละเท่าไหร่ละครับ ถ้าจะยกตัวอย่างควรจะบอกให้ครบด้วยครับ ชอบกันนักประเภทยกตัวอย่างเหมือนดูดี