Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ลองอ่านๆดู จากหลายๆ กระทู้ เริ่มสับสนว่า
1.สำหรับมือใหม้่ ที่งบน้อย อาจจะหลักหมื่น หรือหลักพัน จริงๆ ควรจะลงทุน แนวทางแบบไหนดีครับ เพราะตอนนี้ผมได้แต่ตั้งหน้าตาหาทุน ออม เพิ่มทุน แต่ยังไม่ลงทุน T_T

2.ด้วยตลาดหุ้น ณ ตอนนี้ หลายๆคนก็บอกว่า ให้รอโอกาส ไปก่อน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าโอกาส จะมาเมื่อไหร่ ด้วย ควรไหมที่จะหาหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาไม่สูง เราพอรับได้ ถือไว้ รอเวลา แต่ตอนนี้ก็หายากเหลือเกิน (ยังไม่ได้ลองหานะครับ อ่านอย่างเดียว ช่วงนี้)

3.ดร. เขียนบอกว่า ให้มอง ภาพรวมของหุ้นก่อน หาตัวที่ไม่มีคู่แข่ง แล้วก็มองไป 3-5 ปี แล้วค่อยมาดู งบการเงินเพื่อยืนยัน แต่ตอนนี้ หุ้นดีๆ มันก็ราคาแพงเกิน ที่หน้าใหม่จะไปถึง ควรทำไงดีครับ

รบกวนด้วยครับ แมงเม่าตัวใหม่ T_T

กำลังจะเข้าตลาดเหมือนกันครับ
เงินทุนก็นิดเดียว

คิดเหมือนกันว่าตลาดอาจจะ crash ได้ เพราะอเมริกายังแย่อยู่
แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเมื่อไร่

ทางที่ดีที่สุดที่คิดได้ตอนนี้ก็คือ เลือกหุ้นตัวที่พื้นฐานแข็งแกร่ง ที่จะสามารถฟื้นตัวได้หลังจากตลาด crash ไปแล้ว
อาจจะกระจายสัก 2-3 ตัว

หลักหมื่นหลักพันก็เงินครับ เงินออมเป็นของเรา ใช้ก็ใช้ของเรา เรามีน้อยเราก็ใช้น้อย ยิ่งเราลงทุนและสะสมได้เยอะมันก็เป็นกำไรที่เยอะสำหรับเรา เพียงพอสำหรับเรา เงินน้อยเงินเยอะ พอหรือไม่พอ อยู่ที่ตัวเราครับ

ตลาดหุ้นมันสูง ความหมายคือมันสูงจากเดิมเมื่อสองสามปีที่แล้ว และมั่นใจได้อย่างไรว่ามันสูงที่สุดหรือเปล่า อีกสองปีสมมติมันสูงไปอีก แล้วจะมานั่งเสียดายทุนปีนี้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ ดังนั้นหาหุ้นที่ให้ปันผลเราในช่วงนี้ดีกว่าที่ปล่อยให้มันแพ้เงินเฟ้อ ให้มันทำงานบ้าง อย่าปล่อยมันไว้เฉยๆ

ดร.ให้มอง เราก็มองไปก่อนครับ ดร.ยังไม่ได้บอกให้ซื้อ

มีน้อยซื้อ ที่ตัวเองรู้จักดีดีก่อน
ผมเลือก บริษัทคู่ค้าเอาไว้ตามข่าวสารของเค้าบ้าง
ลองผิดลองถูก งบน้อยก็เจ็บน้อย

1. จำนวนเงิน ไม่น่าจะเกี่ยวกับวิธีการ ว่าจะลงทุนแบบไหน ?
แต่อาจจะมีผลว่าจะจัดพอร์ตอย่างไรมากกว่านะครับ คิดว่า ...

2. หายาก ก็ต้องหาต่อไปครับ คนอื่นเขาก็หากัน แต่อย่าไปซีเรียส
เมื่อถึงเวลามันจะเจอเองครับ คล้ายๆ เนื้อคู่ครับ

3. ถ้าคิดอย่างงั้นก็ลองมองในมุมใหม่ดูครับ เช่น
เริ่มจากหาหุ้นราคาไม่แพงก่อน แล้วค่อยเจาะเข้าไปดูว่า
กิจการเขาน่าสนใจพอหรือเปล่า ? แบบว่า มันเป็นศิลปะครับ
ไม่ใช่กฏ

มีงบน้อยก้อลงสัก2-3 ตัวเอาครับ (150000)
ปล ตามความคิดของปลและปมกำลังทำยุครับ

ผมเริ่มแค่50000 ได้กำไรมาบ้างแต่มีความจำเป็นเป็นต้องใช้ก็ต้องขายบางส่วนออกไปบ้างแล้วเริ่มเก็บสะสมใหม่ครับ ไปเรื่อยๆครับเร็งมากก็อันตรายเกินความเสี่ยงที่รับได้ ต้องถามตัวเองว่าลงแบบนี้จำนวนนี้ถ้าพลาดตัวเองรับได้หรือเปล่าถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนยังมั่นใจในหุ้นที่ลงอยู่หรือเปล่าถ้ามั่นใจถือต่อ ถ้าไม่มั่นใจขาย ถ้าได้กำไรขายออกบ้างบางส่วนในราคาที่พอใจแล้วรอซื้อใหม่ที่ราคาที่เราคิดว่าok
ผมเองก็เพิ่งเริ่มได้ปีเศษ เงินลงทุนก็นิดเดียว เคยชวนเพื่อนรองศึกษาดูเพื่อนก็ไม่สนใจ ตอนนี้ก็เล่นอยู่คนเดียวในที่ทำงาน ไม่มีคนคุยเรื่องนี้เลยในที่ทำงาน

tawich เขียน:ผมเริ่มแค่50000 ได้กำไรมาบ้างแต่มีความจำเป็นเป็นต้องใช้ก็ต้องขายบางส่วนออกไปบ้างแล้วเริ่มเก็บสะสมใหม่ครับ ไปเรื่อยๆครับเร็งมากก็อันตรายเกินความเสี่ยงที่รับได้ ต้องถามตัวเองว่าลงแบบนี้จำนวนนี้ถ้าพลาดตัวเองรับได้หรือเปล่าถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนยังมั่นใจในหุ้นที่ลงอยู่หรือเปล่าถ้ามั่นใจถือต่อ ถ้าไม่มั่นใจขาย ถ้าได้กำไรขายออกบ้างบางส่วนในราคาที่พอใจแล้วรอซื้อใหม่ที่ราคาที่เราคิดว่าok
ผมเองก็เพิ่งเริ่มได้ปีเศษ เงินลงทุนก็นิดเดียว เคยชวนเพื่อนรองศึกษาดูเพื่อนก็ไม่สนใจ ตอนนี้ก็เล่นอยู่คนเดียวในที่ทำงาน ไม่มีคนคุยเรื่องนี้เลยในที่ทำงาน

555 ชอบใจเรื่องไม่มีคนคุยด้วย ผมก็เป็นครับ รู้สึกจะทั้งอำเภอที่อาศัยอยู่จะไม่มีใครเล่นหุ้นเลย พูดเองคนเดียวบ้าง พูดๆให้ภรรยารู้เรื่องไว้บ้าง จะได้มองมองกิจการเป็นบ้าง เผื่อผมตาย จะได้ไม่ตกใจขายหุ้นทิ้งหมดเวลาหุ้นตก แฟนก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แล้วแต่อารมณ์ แต่ใช้แฟนช่วยป้อนข้อมูลตัวเลขจากงบการเงินลง excelประจำ แต่เขาวิเคราะห์แปรผลไม่ค่อยเป็นหรอก อยากคุยก็เข้าไทยวีไอนี่แหละครับ ทางระบายออกของผม ที่จะมีคนพูดจาภาษาเดียวกัน และพูดกันรู้เรื่อง

ไม่อยากจะบอกเลยเรื่องเงินลงทุนเริ่มแรก ของผมเริ่มที่ 5000 บาท เล่นแนวมวยวัดนะครับ 5555
อ่อ ในตลาดหุ้นมีโอกาสเสมอนะครับที่มันอาจจะขึ้นต่อ 1200+++ หรือปรับฐานแรงๆๆๆ---- เอาใจช่วยครับ

สวัสดีครับ ผมเองก็เป็น มือใหม่งบน้อย เหมือนกันครับ

ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ




1.สำหรับมือใหม้่ ที่งบน้อย อาจจะหลักหมื่น หรือหลักพัน จริงๆ ควรจะลงทุน แนวทางแบบไหนดีครับ เพราะตอนนี้ผมได้แต่ตั้งหน้าตาหาทุน ออม เพิ่มทุน แต่ยังไม่ลงทุน T_T

ค่อย ๆ สะสมเงินไปเรื่อย ๆ พอได้เป็นกอบเป็นกำ ก็นำมาลงทุนในตลาดหุ้น แทนการฝากธนาคาร

เลือกหุ้นที่มีจ่ายปันผลด้วยนะครับ

ที่สำคัญตอนนี้ก็เตรียมความพร้อมด้วยการเปิดบัญชีสำหรับซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนนะครับ เตรียมเอกสารประจำตัวและสำเนาสมุดธนาคารย้อนหลังหกเดือนไปด้วยนะครับ

2.ด้วยตลาดหุ้น ณ ตอนนี้ หลายๆคนก็บอกว่า ให้รอโอกาส ไปก่อน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าโอกาส จะมาเมื่อไหร่ ด้วย ควรไหมที่จะหาหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาไม่สูง เราพอรับได้ ถือไว้ รอเวลา แต่ตอนนี้ก็หายากเหลือเกิน (ยังไม่ได้ลองหานะครับ อ่านอย่างเดียว ช่วงนี้)

บอกตรง ๆ นะครับว่า ในฐานะมือใหม่ด้วยกัน ผมก็สับสนกับคำว่า ให้รอโอกาส เช่นกันครับ

ในขณะที่เวลาดู ข่าวหุ้น ตามสื่อต่าง ๆ ก็เห็นเชียร์ตัวโน้นตัวนี้กันจัง แต่ดีที่ผมยังพอมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง ก็เลยไม่หลงระเริงไปกับ ข่าวต่าง ๆ เหล่านั้นนะครับ

ส่วนใหญ่ผมจะเลือกหุ้นเองครับ หุ้นตัวหนึ่งที่ผมเลือกก็คือ หุ้นในกลุ่มพลังงาน ( แต่ไม่ใช่ตัว Top นะครับ ) ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ สำหรับสาเหตุที่เลือกหุ้นพลังงาน เพราะมองว่า ความต้องการใช้พลังงานบ้านเรา ยังมีสูงครับ สังเกตจากปริมาณรถที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี

ส่วนราคาเข้าซื้อนั้น ตอนนั้นเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งครับ ผมมองว่า หลังการเลือกตั้งแล้ว หุ้นต้องแพงขึ้นมาอีก ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดครับ

กลับมาที่คำว่า รอ ต่อนะครับ ผมมองว่า คงไม่ใช่ รอโอกาส นะครับ แต่ต้องเป็นการ รอวิกฤติ ครับ คือ รอให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นมา แล้วดูว่ามีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวหรือเปล่า ซึ่งมองไม่ยากหรอกครับ อย่างถ้าหาก หุ้น พลังงานตัวเด่นสุด เกิดตกลงมาเยอะ เพราะเกิดข่าวร้าย นั่นแหละครับคือ พลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้เข้าซื้อครับ

3.ดร. เขียนบอกว่า ให้มอง ภาพรวมของหุ้นก่อน หาตัวที่ไม่มีคู่แข่ง แล้วก็มองไป 3-5 ปี แล้วค่อยมาดู งบการเงินเพื่อยืนยัน แต่ตอนนี้ หุ้นดีๆ มันก็ราคาแพงเกิน ที่หน้าใหม่จะไปถึง ควรทำไงดีครับ

เอาแนวทางของ ดร. มาเป็นทฤษฏี ส่วนการปฏิบัติคงต้องเป็นเรื่องเฉพาะตัวครับ เพราะกำไรขาดทุน ดร. ท่านก็ไม่ได้มามีส่วนร่วมอยู่แล้ว การตัดสินใจซื้อขายหุ้นอยู่ที่ตัวเราเองล้วน ๆ ครับ

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ผมจะพยายามให้เต็มที่ เอาใจช่วย ด้วยครับ

ผมก็เริ่มเล่นหุ้นด้วยเงินไม่ถึง 20000 บาทครับ จบปริญญาตรีใหม่ๆ ทำงานเก็บเงิน 3 เดือนถึงได้ซื้อหุ้นครับ

ผมคิดว่าการลงทุนอย่ารีบร้อน หาความรู้ให้มากๆ อ่านกระทู้ในห้องคุณค่าให้มากๆก่อนครับ การฝึกจิตใจไม่ให้หวั่นไหวเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าความรู้อีกนะครับ

เมื่อเราเริ่มคิดที่จะลงทุนแนวเน้นคุณค่าแล้วก็ถือว่าเริ่มเร็วกว่าอีกหลายๆคนครับ แต่เราอย่าหยุด ศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อยๆครับ

การลงทุน เราต้องมีความสุขในการลงทุนครับ ถ้าเราไม่เข้าใจ คอยเปรียบเทียบกับคนอื่น ชีวิตของเราก็จะมีแต่ความเครียด

มองหุ้นไว้ แต่ยังไม่ซื้อ ราคาหุ้นขึ้น ซื้อไม่ทัน ก็เสียดาย
ซื้อหุ้นแล้ว ราคาตก เราก็เสียดาย
ซื้อหุ้นแล้ว ราคาขึ้น แต่ซื้อไม่มาก ก็เสียดาย
ขายหุ้น แล้วราคาขึ้น ก็เสียดาย

ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร อย่าตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป

การเปรียบเทียบกับคนอื่น การตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป ทำให้เราเครียด และบีบบังคับให้เราต้องลงทุนแบบเสี่ยงๆ

เราควรมองผลตอบแทนระยะยาวๆครับ อย่ามองระยะสั้นๆ เข้าใจในสิ่งที่เราทำ ราคาหุ้นบ่อยครั้งก็ขึ้นหรือลงโดยเหตุผลอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับพื้นฐาน และเราไม่รู้ทุกเรื่องหรอกครับ

เอาใจช่วยครับ

เห็นด้วยกับพี่ chatchai คะ เราต้องมีความสุขในการลงทุน
เริ่มต้นด้วยเงินน้อยเหมือนกันคะ 4000 บาทแต่เก็บออมเรื่อยๆทุกเดือน
ตอนนี้ได้หกหลักแล้ว (ผ่านมา 2 ปี )มีความสุขกับการลงทุนทุกวัน

ช่วย จขกท ตอบข้อแรกนะครับ ผมแนะนําอย่างนี้ไหมครับ ศึกษาและลองลงทุนในหุ้นปันผลก่อนแล้วระหว่างนี้เก็บเงินเพิ่มไปด้วย สิ่งที่ได้ คือ ประสบการณ์จริงในหุ้นและรอรับปันผล + ระหว่างนี้ศึกษาข้อมูลเป็นTextไปด้วยพร้อมเก็บเงิน ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มลงทุนอาจจะขยับไปหุ้นประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือที่ท่านชอบตามที่ท่านได้ศึกษามาครับ สรุปที่ผ่านมาท่านจะได้ประสบการณ์ขึ้นลงของราคาหุ้นที่เราถือรับปันผลและเงินปันผล พร้อมมีเวลาอ่านความรู้ที่เป็นtext boxด้วย และได้ออมด้วย

ตามนี้ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=26058

เงินน้อย ก้อลงทุนได้ แต่ถ้าเป้าหมายใหญ่คือต้องมีเงิน10-100ล้าน แบบนี้ ต้องทำงานหนัก มาก

ตอนที่ผมลงทุนครั้งแรกใช้เงิน 3-5แสน เพราะอยากมีเงิน 100ล้าน

สุดท้าย เติมเงินเท่าไรก้อไม่ขึ้นล้านซะที แต่พอมาเติมความรู้แทนการเติมเงินก่อน

แปลกแต่จริง เงินล้านก้อมาเติมเงินทีหลังเพิ่ม พร้อมสะสมความรุ้ไปเรื่อยๆๆ

บ้างช่วงจังหวะ การลงทุนคือการรักษาเงินต้นให้อยู่ครบ ก้อเป็นเรื่องจำเป็น อย่าขาดทุน

ลงไปเรื่อยๆ ครับถือว่าเก็บเงินออม
ดูไว้เลย
ศึกษาจากรุ่นพี่แถวนี้เอาเลย

macaber เขียน:ลองอ่านๆดู จากหลายๆ กระทู้ เริ่มสับสนว่า
1.สำหรับมือใหม้่ ที่งบน้อย อาจจะหลักหมื่น หรือหลักพัน จริงๆ ควรจะลงทุน แนวทางแบบไหนดีครับ เพราะตอนนี้ผมได้แต่ตั้งหน้าตาหาทุน ออม เพิ่มทุน แต่ยังไม่ลงทุน T_T

2.ด้วยตลาดหุ้น ณ ตอนนี้ หลายๆคนก็บอกว่า ให้รอโอกาส ไปก่อน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าโอกาส จะมาเมื่อไหร่ ด้วย ควรไหมที่จะหาหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาไม่สูง เราพอรับได้ ถือไว้ รอเวลา แต่ตอนนี้ก็หายากเหลือเกิน (ยังไม่ได้ลองหานะครับ อ่านอย่างเดียว ช่วงนี้)

3.ดร. เขียนบอกว่า ให้มอง ภาพรวมของหุ้นก่อน หาตัวที่ไม่มีคู่แข่ง แล้วก็มองไป 3-5 ปี แล้วค่อยมาดู งบการเงินเพื่อยืนยัน แต่ตอนนี้ หุ้นดีๆ มันก็ราคาแพงเกิน ที่หน้าใหม่จะไปถึง ควรทำไงดีครับ

รบกวนด้วยครับ แมงเม่าตัวใหม่ T_T

ถ้าเปรียบเทียบ การลงทุน = การว่ายน้ำ

ต้องถามกลับว่า อยากศึกษาเรื่องการว่ายน้ำ หรืออยากว่ายน้ำเป็น

เพราะ อยากศึกษา กับอยากทำเป็น ไม่เหมือนกันคับ

ตอนศึกษามันเป็นทฤษฎี แต่ตอนฝึกทำจริงมันมี มือที่มองไม่เห็น พร้อมจู่โจมให้เราไขว้เขวตลอดเวลา

ที่เหลือลองไปคิดต่อเองนะคับ ขอให้โชคดี

ผมเริ่มลงทุน 3 ปีครับ แต่สนใจตลาดหุ้นมานานแล้ว ด้วยเงินเริ่มแรก 5 พันบาท แล้วเพิ่มเงินเก็บมาอีก 8 หมื่นบาท ปีแรกมวยวัดไม่รู้จัก VI เน่าสนิทครับ เหลือ 3 หมื่นบาท แต่พอเจอหนังสือตีแตกก็พอจะรู้แนวทาง สรุปว่าเก็บเงินทุกเดือนครับ ประหยัดอะไรได้ประหยัด จนตอนนี้ก็มากกว่าเดิมเยอะแล้วครับ สรุปง่ายๆ ว่า ออมทุกเดือน แล้วค่อยๆ หาความรู้ไปครับ ช่วงแรกเงินเราน้อยยิ่งดีใหญ่ เพราะเงินน้อย ประสบการณ์น้อย ความรู้น้อย เวลาพลาดก็ยังมีโอกาสแก้ตัวอีกเยอะ พอผ่านไปสักพัก ความรู้ เงิน ประสบการณ์ที่เราเพียรศึกษามาจะออกดอกผลเองครับ

เพิ่มอีกนิดครับ จะบริหารพอร์ต 4-5-6 หรือ 7 หลัก ผมว่าไม่ต่างกันมากครับ ถ้ามาแนวทางพื้นฐานแล้ว เพราะหุ้น คือ หน่วยของธุรกิจ แต่ดีกว่าทำธุรกิจเองเพราะเราเริ่มจากเงินน้อยได้เลย แล้วค่อยๆ ลงทุนเพิ่มได้เรื่อยๆ แถมธุรกิจไหนขาลงเราก็เปลี่ยนมือได้ทันที สรุปว่า

ผมก็เงินลงทุนน้อยเหมือนกัน แต่ผมอยากให้คุณลงทุนในตลาดเมื่อคุณมีความแน่ใจในความรู้มากพอแล้ว
การลงทุนถ้าเรายึดแนวคิดที่ว่า ลงทุนเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเราจะมีความรู้สึกอีกอย่างเลย แต่ถ้าเราลงทุนเพราะความไม่รู้และตามกระแสไปมันไม่มีเป้าหมายไม่มีหลักการแล้ว เราจะไม่สบายใจ ดังนั้นอยากให้คุณมั่นใจว่ามีความรู้พอแล้วจึงลงทุนเมื่อเกิดความผิดพลาดจากการลงทุนจะได้หาวิธีหรือทางแก้ไขเองและเมื่อเราอยู่ในตลาดตลอดเราจะมีประสบการณ์ทำให้เกิดเป็นแนวทางของตนเอง

ค่ะๆๆ

ลงหลักหมื่นสองหมื่น กำไรที่ได้ไม่กี่พัน ยังไม่คุ้มค่าหนังสือกับค่าเสียเวลาศึกษาเลย
แต่สิ่งที่ได้คือความรู้ครับ

ลงทุนในความรู้
เอาความรู้มาลองหาหุ้น วิเคราะห์เอง
ด้วยพอร์ตที่ยังเล็กอยู่ ก็ดูให้ละเอียดๆ
เลือกหุ้นให้ดีๆ
แล้วก็ลองซื้อสัก 10-30% ของพอร์ต

ติดตามผล ว่าเราคิดถูกทางไหม
ถ้าถูกทางก็ค่อยลงเงินเพิ่ม + ต้องหาความรู้เพิ่มด้วยนะ

ถ้าไม่ถูกทาง ลงทุนในความรู้ต่อ ค่อยมาสู้ใหม่


สู้ๆครับ

ผมเริ่มด้วยเงินเริ่มแรก(อีกครั้ง) เพียง 2-3 หมื่นบาท ครับ เมื่อปี 52 เติมเงินมาเรื่อยๆ บางเดือนหลักพัน ครับ
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ทำให้ พอร์ทลงทุน มีเสถียรภาพ มาก ครับ แนวทางนี้เป็นแนวทางที่เหมาะสมแล้วครับ

แต่ก้ยังคงต้องปรับปรุงเรื่องเวลาขาย ครับ เพราะขายหมู ไปหลายเด้งๆๆๆ

superboy เขียน:เงินน้อย ก้อลงทุนได้ แต่ถ้าเป้าหมายใหญ่คือต้องมีเงิน10-100ล้าน แบบนี้ ต้องทำงานหนัก มาก

ตอนที่ผมลงทุนครั้งแรกใช้เงิน 3-5แสน เพราะอยากมีเงิน 100ล้าน

สุดท้าย เติมเงินเท่าไรก้อไม่ขึ้นล้านซะที แต่พอมาเติมความรู้แทนการเติมเงินก่อน

แปลกแต่จริง เงินล้านก้อมาเติมเงินทีหลังเพิ่ม พร้อมสะสมความรุ้ไปเรื่อยๆๆ

บ้างช่วงจังหวะ การลงทุนคือการรักษาเงินต้นให้อยู่ครบ ก้อเป็นเรื่องจำเป็น อย่าขาดทุน

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

การเปรียบเทียบกับคนอื่น การตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป ทำให้เราเครียด และบีบบังคับให้เราต้องลงทุนแบบเสี่ยงๆ

เห็นด้วยครับพี่ฉัตรชัย

เริ่มเลยครับ ไม่ต้องรอเงินมาก ไม่ต้องรอตลาด crash ไม่ต้องรอ Set ต่ำๆ ไม่มีใครทำนายได้หรอก

เริ่มเงินน้อย ตอนอายุน้อยอะดีแล้ว เหมือนเรามาฝึกงาน พลาดบ้างอะไรบ้าง เงินหายบ้างก็ไม่เสียหายมาก
อายุยังน้อย ตั้งใจทำงานหาเงินมาลงทุนได้อีกนาน

พอมีเงินสะสมมากแล้ว ตอนนั้นก็มีความรู้จากตอนที่มาฝึกงานด้วยเงินน้อยๆ พอดี รู้พอที่จะเอาตัวรอดไม่ให้เราพลาดแบบตอนเราฝึกงานอีก เพราะคราวนี้เดิมพันมันจะสูงขึ้น

แต่ผมแนะนำนะ ควรมีเงินแสนหละถ้าจะเข้ามาลงทุน
เคยเริ่มด้วย หมื่น ไม่ไหวอะ ได้กำไร 20% คิดเป็นเงินได้จี๊ดเด๊ว มันเสียกำลังใจ

ค่อยๆลงทุน
แล้วเก็บสะสม"ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนที่ถูกต้อง"ไปเรื่อยๆ จะทำให้เราลงทุนอย่างเข้าใจ

เมื่อเข้าใจแล้วเราจะไม่เครียดเลยครับว่าตลาดจะเป็นอย่างไร
ช่วงแรกๆอาจมีปัญหาบ้างเกี่ยวกับความเข้าใจ แต่มันไม่ยากเกินไปหรอกครับ

ผมเองก็แนะนำแนวทาง VI ให้กับน้องที่ทำงานเหมือนกัน
โดยให้เริ่มจากเก็บเงินเดือนละ 5,000 แล้วไปลงทุนในหุ้นที่เน้นการปันผล โดยใช้แนวทางของคุณ เทพ เป็นหลัก

หลังจากที่เค้าเริ่มเข้าใจการลงทุน ว่า Capital gained มากจากอะไร ปันผลมาจากไหน
ผมก็จะแนะนำให้เริ่มลงทุนในแนว VI มากขึ้น
(ของคุณเทพ ก็เป็น VI ชนิดหนึ่งนะครับโดยเน้นการปันผล และตัวเลข Financial ratioที่เหมาะสม)

ส่วนใหญ่ผมจะแนะนำให้ปรับทัศนคติก่อนที่จะเข้ามาในตลาดทุนครับ

ผมก็พึ่งลงทุนเหมือนกันครับ

ได้ข่าวคำแนะนำของพี่ๆทุกคน เป็นกำลังใจที่ดีมากเลยครับ
ขอบคุณมากครับ