Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เหตุผลที่ผมเข้าใจคือเบี้ยของประกันชีวิตมีลักษณะที่ต้องจ่ายติดต่อกันเป็นระยะยาว
แต่ประกันภัยจ่ายแค่เพียงในปีนั้น ๆ และเมื่อขึ้นปีใหม่ก็ต้องเริ่มติดต่อลูกค้าใหม่
แต่ไม่ทราบมีเหตุผลมากกว่านี้รึเปล่า ที่หุ้นประกันชีวิตต้องเทรดที่ P/E สูงกว่าหุ้นประกันภัย
รบกวนผู้รู้ให้คำแนะนำด้วยครับ

ผมว่าประกันชีวิตไม่ควรดูมูลค่ากิจการที่ P/E แต่ควรไปดูที่ Embedded Value กับ New Business Value มากกว่า เพราะ ในช่วงอายุของบริษัทประกันชีวิต เบี้ยรับ เงินชดเชยจ่าย จะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ดังนั้นรายได้ไปจนถึงอัตรากำไรจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา การประเมินมูลค่าด้วย P/E จึงทำได้ยาก ค่า P/E ที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ อายุเฉลี่ยของกรมธรรม, Demographic, Penetration Rate ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อ ณ ขณะนั้นๆ

ไม่เหมือนประกันภัยที่เบี้ยรับเป็นปีๆ จบกันไปเป็นปีๆ อันนี้ดูเป็น P/E ได้ครับ

[quote="picatos"]ผมว่าประกันชีวิตไม่ควรดูมูลค่ากิจการที่ P/E แต่ควรไปดูที่ Embedded Value กับ New Business Value มากกว่า เพราะ ในช่วงอายุของบริษัทประกันชีวิต เบี้ยรับ เงินชดเชยจ่าย จะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ดังนั้นรายได้ไปจนถึงอัตรากำไรจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา การประเมินมูลค่าด้วย P/E จึงทำได้ยาก ค่า P/E ที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ อายุเฉลี่ยของกรมธรรม, Demographic, Penetration Rate ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อ ณ ขณะนั้นๆ

Can you explain more on this please?Thanks in advance kab.

ake3004 เขียน:

picatos เขียน:ผมว่าประกันชีวิตไม่ควรดูมูลค่ากิจการที่ P/E แต่ควรไปดูที่ Embedded Value กับ New Business Value มากกว่า เพราะ ในช่วงอายุของบริษัทประกันชีวิต เบี้ยรับ เงินชดเชยจ่าย จะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ดังนั้นรายได้ไปจนถึงอัตรากำไรจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา การประเมินมูลค่าด้วย P/E จึงทำได้ยาก ค่า P/E ที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ อายุเฉลี่ยของกรมธรรม, Demographic, Penetration Rate ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อ ณ ขณะนั้นๆ

Can you explain more on this please?Thanks in advance kab.

ขอโทษทีครับ... พอดีความรู้ผมก็งูๆ ปลาๆ ... ลองถามคนที่เก่งๆ หุ้นประกัน หรือ ลองไปหาหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจประกันชีวิตอ่านเอาดีกว่าครับ...

แต่ที่ผมเข้าใจรวมๆ ก็คือ ธุรกิจประกันชีวิต Stream of Cash Flow จะไม่สมดุลกับ Stream of Profit คล้ายๆ กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า หรือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า ดังนั้นจึงควรใช้ DCF ในการประเมินมูลค่ากิจการมากกว่า อย่างไรก็ตาม เราในฐานะนักลงทุนไม่มีข้อมูลของกรมธรรมทั้งหมดของบริษัทประกันจึงคำนวนค่าตรงนี้เองไม่ได้ แถมมันมีเรื่องความน่าจะเป็นที่จะเกิดการตาย หรือบางทีจะมีพวก Embedded Option อยู่ในกรมธรรม ยิ่งทำให้การคำนวณมูลค่าของกรมธรรมยิ่งยากเข้าไปอีก ซึ่งต้องใช้ศาสตร์ของคณิตศาสตร์ประกันภัยเข้ามาคำนวณ จึงทำให้นักลงทุนอย่างเราๆ ท่านๆ คำนวณมูลค่ากิจการเองไม่ได้ แต่โชคดีที่กรมการประกันภัยมีการบังคับให้บริษัทประกันทำการประเมินมูลค่ากรมธรรมของกิจการทั้งหมดออกมาตามแนวทางของคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งเป็นค่าที่เชื่อถือได้มากกว่าการดูกำไรทางบัญชี จึงเป็นที่มาว่าทำไมโบรกออกบทวิเคราะห์จึงให้มูลค่าเป้าหมายของกิจการตาม Embedded Value + New Business Value x Multiple มั้งครับ

ผมมั่วนะครับ...​ ไปถามคนอื่นเอาดีกว่าครับ...