ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 29, 2011 8:47 am
ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54
กูรู เชียร์นลท.เก็บหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังคาดผลประกอบการไตรมาส 2/54 สุดบรรเจิด กำไรเติบโต 31.8% จากไตรมาสก่อน ส่วนครึ่งปีหลังยังมั่นใจอวดผลงานดีต่อเนื่อง เพราะรับอานิสงส์สินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย ส่วน Top pick เลือก AP- PS-SPALI -RAIMON ฟากผู้บริหาร LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม พร้อมมั่นใจทั้งปีทำรายได้เข้าเป้าที่ 1.2 หมื่นลบ.ด้าน QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน เหตุทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนต่อเนื่อง ขณะที่ SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
*** ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไร Q2/54 กลุ่มอสังหาฯ โต 31.8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยระบุว่ากำไรในไตรมาส 2/2554 ฟื้นตัว คาดโต 31.8%Q-Q และ 14.3%Y-Y โดยบริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP มีกำไรโดดเด่นสุดและมี Upside มากสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 7.20 บาทต่อหุ้น จึงเป็น Top pick แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาถึง 13% MTD มากสุดในกลุ่มแล้วก็ตาม นอกจากนี้บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ก็น่าสนใจเนื่องจากราคา laggard ที่สุดในกลุ่มในขณะที่ผลประกอบการดีทั้งคู่ ส่วนบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มที่ราคาเกินมูลค่าแล้ว (เป้าหมาย 6.80 บาทต่อหุ้น) กำไรคาดว่าไม่โดดเด่น และมี PE แพงสุด 12.5 เท่า จึงแนะนำขาย
*** ASP เลือก PS-SPALI -RAIMON เป็น Top Pick
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่ากรณีที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าพร้อมที่จะทำตามนโยบายปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี สำหรับบ้านหลังแรกของพรรคเพื่อไทย โดยธอส.มีสภาพคล่องเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องกำหนดให้ลูกค้าเข้าโครงการนาน 10 ปี เพราะช่วง 5 ปีแรก ธอส.และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยให้ นอกจากนั้นยังมีความเห็นว่าโครงการของรัฐบาลใหม่จะไม่ส่งผลต่อโครงการสินเชื่อบ้าน 0% นาน 2 ปี ซึ่งล่าสุดมียอดสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเดือนส.ค.54 จะอนุมัติสินเชื่อได้ครบทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้ม 2H54 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวตามนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯและจะมีโครงการเปิดตัวบ้านใหม่อีกไม่น้อยกว่า 5 หมื่นหน่วย จากช่วง 1H54 ยอดปล่อยสินเชื่อลดลง 20% YoY ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเห็นว่านโยบายปล่อยสินเชื่อบ้าน 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย จะช่วยกระตุ้นยอดขายและยอดโอนฯอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง และคาดว่าจะมีกระแสตอบรับดีกว่าโครงการเดิมที่ให้สินเชื่อ 0% นาน 2 ปี ซึ่งไม่แตกต่างจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เมื่อพิจารณา 14 บริษัทในตลาดฯที่ฝ่ายวิจัย Cover พบว่าส่วนใหญ่ยังมีนโยบายเชิงรุกที่จะเติบโต เห็นได้จากแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากช่วง 1H54 ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม
ส่วนกำหนดการโอนฯ พร้อมบันทึกรายได้ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากยอด Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 จำนวน 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนดโอนฯช่วงที่เหลือของปีกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3.4 หมื่นล้านบาทและคอนโด 4.2 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มากกว่าตลาด โดยเลือก PS, SPALI และ RAIMON เป็น Top Pick ของกลุ่ม
*** LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทไม่มีแผนจะปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกจะออกมาดี เพราะประมาณการเดิมเป็นการประเมินจากโครงการที่จะสามารถโอนได้จริงในปีนี้ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้รายได้เกินจากประมาณการที่ตั้งไว้
ขณะที่ไตรมาส 3 คาดว่าจะเปิดอีก 2 โครงการ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องทำเลที่ตั้ง เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่คาดว่าจะมีการแจ้งข่าวให้ทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้อยากเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าน่าจะทำให้ภาพของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น ซึ่งขณะนี้สิ่งที่ติดตามคือ จะทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ และสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อยากให้มีมาตรการกระตุ้น เช่น ดอกเบี้ย 0% เป็นต้น จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมีความคึกคักมากขึ้น
นายโอภาส กล่าวว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อเทียบกับในอดีตย้อนไป 10 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว พบว่าดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 10% กว่า แต่ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ประมาณ6-7% แต่ดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น เชื่อว่า จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ
***QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่าคาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ในไตรมาส 2/2554 จะดีกว่าไตรมาส 1/2554 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนมากขึ้น พร้อมทั้งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2554 หลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ แต่ยอมรับว่าแนวโน้มกำไรของบริษัทฯในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 2 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่รัฐบาลมีให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปีนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนรายได้บริษัทฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายคาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน
' กำไรปีนี้คงสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาช่วย แต่รายได้น่าจะใกล้เคียงเท่าปีที่แล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาน่าจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของคนซื้อกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3' นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ กล่าวต่อไปว่าจากกรณีที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ แต่หากจะกระทบก็คงไม่มากนัก เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะเน้นการจ้างแรงงานและก่อสร้างล่วงหน้า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มีนโยบายในการขายก่อนและมีการก่อสร้างภายหลังจะมีผลกระทบมากกว่า อย่างไรก็ดีประเมินว่าอัตราค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นไประดับดังกล่าวจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งผลทางตรงคือต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมคือต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนค่าแรงประเมินว่ามีสัดส่วนราว 2-3% ของต้นทุนเฉลี่ยรวม นอกจากนี้ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยในปีหน้าให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่การปรับราคาขึ้นของบริษัทฯยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะขึ้นในอัตราเท่าใด โดยต้องพิจารณาว่าตลาดโดยรวมจะตอบรับกับราคาที่ปรับขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
*** SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของSCBในปีนี้ คาดจะอยู่ที่ประมาณ 7.3-7.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2553 ที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปได้ทั้งสิ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ในส่วนของภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 10-12% จากเดิมที่ครึ่งปีแรกเติบโตที่ระดับ 7-8%
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้น 4.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่เป้าที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท และถือว่าปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3.8-3.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในปี2554 ไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลเหมือนปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารฯปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.2-3.3 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯอาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง อีกเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี2554คงไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก เนื่องจากการแข่งขันยังรุนแรง รวมทั้งการที่ธนาคารรัฐอย่างออมสินและ ธอส. มีการออกโปรดักส์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% ออกมา จึงน่าจะยิ่งทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ต้องการรักษามาร์เก็ตแชร์ของตนเองเอาไว้
*** ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยืนแดนบวกสลับแดนลบ
วานนี้ (28 ก.ค.54) หุ้น AP ปิดตลาดที่ราคา 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.67%
PS ปิดตลาดที่ราคา 20.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.49%
SPALI ปิดตลาดที่ราคา 13.70 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
RAIMON ปิดตลาดที่ราคา 1.33 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76%
LPN ปิดตลาดที่ราคา 11.10 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.89%
QH ปิดตลาดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.53%
SENA ปิดตลาดที่ราคา 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.89%
PRIN ปิดตลาดที่ราคา 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.63%
eFinanceThai hot news 29/07/11
กูรู เชียร์นลท.เก็บหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังคาดผลประกอบการไตรมาส 2/54 สุดบรรเจิด กำไรเติบโต 31.8% จากไตรมาสก่อน ส่วนครึ่งปีหลังยังมั่นใจอวดผลงานดีต่อเนื่อง เพราะรับอานิสงส์สินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย ส่วน Top pick เลือก AP- PS-SPALI -RAIMON ฟากผู้บริหาร LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม พร้อมมั่นใจทั้งปีทำรายได้เข้าเป้าที่ 1.2 หมื่นลบ.ด้าน QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน เหตุทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนต่อเนื่อง ขณะที่ SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
*** ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไร Q2/54 กลุ่มอสังหาฯ โต 31.8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยระบุว่ากำไรในไตรมาส 2/2554 ฟื้นตัว คาดโต 31.8%Q-Q และ 14.3%Y-Y โดยบริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP มีกำไรโดดเด่นสุดและมี Upside มากสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 7.20 บาทต่อหุ้น จึงเป็น Top pick แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาถึง 13% MTD มากสุดในกลุ่มแล้วก็ตาม นอกจากนี้บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ก็น่าสนใจเนื่องจากราคา laggard ที่สุดในกลุ่มในขณะที่ผลประกอบการดีทั้งคู่ ส่วนบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มที่ราคาเกินมูลค่าแล้ว (เป้าหมาย 6.80 บาทต่อหุ้น) กำไรคาดว่าไม่โดดเด่น และมี PE แพงสุด 12.5 เท่า จึงแนะนำขาย
*** ASP เลือก PS-SPALI -RAIMON เป็น Top Pick
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่ากรณีที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าพร้อมที่จะทำตามนโยบายปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี สำหรับบ้านหลังแรกของพรรคเพื่อไทย โดยธอส.มีสภาพคล่องเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องกำหนดให้ลูกค้าเข้าโครงการนาน 10 ปี เพราะช่วง 5 ปีแรก ธอส.และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยให้ นอกจากนั้นยังมีความเห็นว่าโครงการของรัฐบาลใหม่จะไม่ส่งผลต่อโครงการสินเชื่อบ้าน 0% นาน 2 ปี ซึ่งล่าสุดมียอดสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเดือนส.ค.54 จะอนุมัติสินเชื่อได้ครบทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้ม 2H54 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวตามนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯและจะมีโครงการเปิดตัวบ้านใหม่อีกไม่น้อยกว่า 5 หมื่นหน่วย จากช่วง 1H54 ยอดปล่อยสินเชื่อลดลง 20% YoY ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเห็นว่านโยบายปล่อยสินเชื่อบ้าน 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย จะช่วยกระตุ้นยอดขายและยอดโอนฯอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง และคาดว่าจะมีกระแสตอบรับดีกว่าโครงการเดิมที่ให้สินเชื่อ 0% นาน 2 ปี ซึ่งไม่แตกต่างจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เมื่อพิจารณา 14 บริษัทในตลาดฯที่ฝ่ายวิจัย Cover พบว่าส่วนใหญ่ยังมีนโยบายเชิงรุกที่จะเติบโต เห็นได้จากแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากช่วง 1H54 ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม
ส่วนกำหนดการโอนฯ พร้อมบันทึกรายได้ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากยอด Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 จำนวน 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนดโอนฯช่วงที่เหลือของปีกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3.4 หมื่นล้านบาทและคอนโด 4.2 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มากกว่าตลาด โดยเลือก PS, SPALI และ RAIMON เป็น Top Pick ของกลุ่ม
*** LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทไม่มีแผนจะปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกจะออกมาดี เพราะประมาณการเดิมเป็นการประเมินจากโครงการที่จะสามารถโอนได้จริงในปีนี้ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้รายได้เกินจากประมาณการที่ตั้งไว้
ขณะที่ไตรมาส 3 คาดว่าจะเปิดอีก 2 โครงการ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องทำเลที่ตั้ง เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่คาดว่าจะมีการแจ้งข่าวให้ทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้อยากเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าน่าจะทำให้ภาพของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น ซึ่งขณะนี้สิ่งที่ติดตามคือ จะทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ และสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อยากให้มีมาตรการกระตุ้น เช่น ดอกเบี้ย 0% เป็นต้น จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมีความคึกคักมากขึ้น
นายโอภาส กล่าวว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อเทียบกับในอดีตย้อนไป 10 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว พบว่าดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 10% กว่า แต่ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ประมาณ6-7% แต่ดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น เชื่อว่า จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ
***QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่าคาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ในไตรมาส 2/2554 จะดีกว่าไตรมาส 1/2554 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนมากขึ้น พร้อมทั้งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2554 หลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ แต่ยอมรับว่าแนวโน้มกำไรของบริษัทฯในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 2 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่รัฐบาลมีให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปีนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนรายได้บริษัทฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายคาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน
' กำไรปีนี้คงสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาช่วย แต่รายได้น่าจะใกล้เคียงเท่าปีที่แล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาน่าจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของคนซื้อกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3' นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ กล่าวต่อไปว่าจากกรณีที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ แต่หากจะกระทบก็คงไม่มากนัก เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะเน้นการจ้างแรงงานและก่อสร้างล่วงหน้า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มีนโยบายในการขายก่อนและมีการก่อสร้างภายหลังจะมีผลกระทบมากกว่า อย่างไรก็ดีประเมินว่าอัตราค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นไประดับดังกล่าวจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งผลทางตรงคือต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมคือต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนค่าแรงประเมินว่ามีสัดส่วนราว 2-3% ของต้นทุนเฉลี่ยรวม นอกจากนี้ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยในปีหน้าให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่การปรับราคาขึ้นของบริษัทฯยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะขึ้นในอัตราเท่าใด โดยต้องพิจารณาว่าตลาดโดยรวมจะตอบรับกับราคาที่ปรับขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
*** SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของSCBในปีนี้ คาดจะอยู่ที่ประมาณ 7.3-7.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2553 ที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปได้ทั้งสิ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ในส่วนของภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 10-12% จากเดิมที่ครึ่งปีแรกเติบโตที่ระดับ 7-8%
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้น 4.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่เป้าที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท และถือว่าปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3.8-3.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในปี2554 ไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลเหมือนปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารฯปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.2-3.3 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯอาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง อีกเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี2554คงไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก เนื่องจากการแข่งขันยังรุนแรง รวมทั้งการที่ธนาคารรัฐอย่างออมสินและ ธอส. มีการออกโปรดักส์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% ออกมา จึงน่าจะยิ่งทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ต้องการรักษามาร์เก็ตแชร์ของตนเองเอาไว้
*** ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยืนแดนบวกสลับแดนลบ
วานนี้ (28 ก.ค.54) หุ้น AP ปิดตลาดที่ราคา 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.67%
PS ปิดตลาดที่ราคา 20.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.49%
SPALI ปิดตลาดที่ราคา 13.70 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
RAIMON ปิดตลาดที่ราคา 1.33 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76%
LPN ปิดตลาดที่ราคา 11.10 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.89%
QH ปิดตลาดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.53%
SENA ปิดตลาดที่ราคา 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.89%
PRIN ปิดตลาดที่ราคา 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.63%
eFinanceThai hot news 29/07/11