หน้า 1 จากทั้งหมด 3

ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 9:27 am
โดย Jeng
แต่ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะไม่ปรับฐาน

ผมคิดว่าหุ้นจะบูมมาก

1. การลงทุนต่างประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เกิดการสร้างงาน

2. สมัยก่อน ค่าเงินบาทอ่อน 40 กว่าบาท และแข็งขึ้นเป็น 30 ผมคิดว่า

ส่งออกตายแน่ๆ แต่สุดท้าย ตัวเลขออกมาส่งออก ก็โตขึ้นมาก

2. การท่องเที่ยว แต่ก่อนก็มีปัญหากีฬาสี และระเบิดภาคใต้ ผมก็นึกว่า

คนจะมาเที่ยวกันน้อยลง ปรากฎว่า มาเที่ยวกันมากขึ้นอีก

3. การใช้จ่ายในประเทศ คนไทยก็ใช้จ่ายเก่ง เงิน 1 บาท หมุนหลายรอบ

4. การลดภาษีบริษัทจาก 30 เหลือ 23 % ครั้งแรกของประเทศไทย ที่ทุกบริษัทในตลาดหุ้นจะกำไรโตขึ้นพร้อมๆกัน

5. การไม่รับประกันเงินฝาก ที่จะลดจากบัญชีละ 50 ล้านเหลือ 1 ล้านบาท เงินไม่ปลอดภัย ซื้อหุ้น ซื้ออสังหาริมทรัพย์ดีกว่า

6. ตลาดหุ้นเมืองไทย เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะนักลงทุนมีความรู้ความสามารถมากขึ้น จะลงทุน รู้จักอ่านงบการเงิน รู้จักการวิเคราะห์บริษัท ซึ่งก็ต้องยกให้ ปรมาจารย์ อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่เป็นท่านเป็นตัวอย่างความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจ ให้นักลงทุนหน้าใหม่ หลายๆคน กล้าคิด กล้าลงทุน ทั้งจากการที่ท่าน เขียนบทความ ไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ตลอดจน ออกรายการ money channel และอื่นๆ ว่างๆ พวกเราควรส่งการ์ดอวยพร วันเกิด หรือวันขึ้นปีใหม่ ไปที่บ้านท่านบ้างก็ดีนะครับ เป็นกำลังใจให้ท่าน เป็นตัวอย่างความสำเร็จแบบนี้ไปนานๆ

7. ตลาดหุ้นบ้านเรายังเล็ก และสามารถเติบโตไปได้อีกมาก ตอนนี้เรามี market cap 9.2 ล้านๆบาท มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียน ไม่ถึง 600 บริษัท ซึ่งเล็กกว่า apple ที่มีมูลค่า 11 ล้านๆบาท

บริษัทที่เข้ามาจดทะเบียน เพื่อหวังแต่กำไร เริ่มโดนตรวจสอบจากนักลงทุนผ่านทางเว็บบอร์ด และอื่นๆ นักลงทุนรุ่นใหม่ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะลงทุนไป ก็ไม่รู้ว่าจะขาดทุนเมื่อไร หุ้นดีๆ ก็เริ่มทยอยเข้าตลาด เพราะรู้แล้วว่า ที่นี่ระดมทุนง่ายมาก เงินเพรียบ

สรุป ผมมองว่า ตลาดหุ้นบ้านเราอนาคตสดใส และนักลงทุนฝากความหวัง อิสรภาพทางการเงิน กับการลงทุนในตลาดหุ้นได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับใจรักที่จะลงทุน หากคุณมีใจรักจริง คุณก็ไม่ต้องเหนื่อย เพราะคุณไม่ได้ทำงาน และคุณมันส์ในอารมณ์ในการลงทุนในตลาดหุ้น

หมายเหตุ ผมคิดว่า ตลาดหุ้นบ้านเราราคาแกว่งมาก เนื่องจากเราไม่มี capital gain ซึ่งดีแล้วที่ไม่มี การที่ราคาแกว่งมาก ทำให้เรามีโอกาสซื้อได้สมเหตุสมผลเสมอ แต่ก็มีข้อเสีย หากเราศึกษาไม่ดีพอ เราก็อาจจะขายหมู

อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยที่แพงขึ้น สำหรับผมแล้ว เป็นสัญญาเศรษฐกิจดี หากเศรษฐกิจไม่ดี ดอกถูกแค่ไหน ก็ไม่มีคนไปกู้

นโยบายประชานิยมของเรา ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มมาไม่นาน เพื่อให้ได้ฐานเสียง หนี้สารธารณะของเราแค่ 41 % นิดๆ ทำให้ยังไม่ใช่ปัญหาแบบเดียวกับที่อเมริกาเจอ ณ เวลานี้

แต่อเมริกาเองก็ไม่ใช่ประเทศที่มีหนี้สารธารณะ มากเป็นอันดับหนึ่ง อเมริกามีหนี้สาธารณะอยู่อันดับ 11

ผมนั่งคิดว่า เมกา เคยมียุคที่ value investor เลิกเล่น เพราะ pe เฉลี่ย ของตลาดขึ้นไปสูงมากๆ แต่เมืองไทย ตั้งแต่เข้ายุค value investor ก็ยังไม่เคยเห็น เลิกเล่นกัน แสดงว่า ตลาดน่าจะยังไปได้ต่อครับ

คิดต่างได้นะครับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ความเห็นก็คือความเห็น ไม่ต้องขอบคุณอะไรมากมาย พี่ไม่ใช่เซียน ก็แค่นักลงทุนคนหนึ่ง

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 9:47 am
โดย Dekfaifah
ตลาดหุ้นจะบูมมาก ที่ผมมองเห็นก็ตอนที่ เพื่อนๆ เห็นผมเริ่มมีกำไร เริ่มมาถามว่า กำไรหุ้นหรอ เริ่มอยากเล่นหุ้น ปากต่อปาก จากเพื่อน สู่เพื่อนของเพื่อน เป็นวงกว้าง

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 9:59 am
โดย Jeng
Dekfaifah เขียน:ตลาดหุ้นจะบูมมาก ที่ผมมองเห็นก็ตอนที่ เพื่อนๆ เห็นผมเริ่มมีกำไร เริ่มมาถามว่า กำไรหุ้นหรอ เริ่มอยากเล่นหุ้น ปากต่อปาก จากเพื่อน สู่เพื่อนของเพื่อน เป็นวงกว้าง
แล้วตอนนี้เป็นอย่างนั้นหรือไม่ครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 10:01 am
โดย densin
ข้อ 8. 2-3ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นทำเงินให้นักลงทุนเยอะมาก จะมีการบอกปากต่อปาก ลากนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอีกเยอะ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 10:02 am
โดย saichon
อ่านแล้วดูสมเหตุสมผลดีครับพี่เจ๋ง

สำหรับผมที่เลือกถือหุ้นที่คาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องในอนาคตเป็นหลัก
หากตลาดบูมก็ถือว่าเป็นโบนัส นอกจากที่หวังว่าราคาหุ้นที่ถือจะสูงขึ้นตามผลประกอบการณ์ของบริษัทครับ :D

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 10:12 am
โดย Jeng
densin เขียน:ข้อ 8. 2-3ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นทำเงินให้นักลงทุนเยอะมาก จะมีการบอกปากต่อปาก ลากนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอีกเยอะ
ขอข้อ 9 10 11 .... ด้วย

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 10:32 am
โดย densin
Jeng เขียน:
densin เขียน:ข้อ 8. 2-3ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นทำเงินให้นักลงทุนเยอะมาก จะมีการบอกปากต่อปาก ลากนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอีกเยอะ
ขอข้อ 9 10 11 .... ด้วย
9. โครงการประชาคมเศรฐกิจประเทศอาเชียนและมหาอำนาจของเอเชีย จะเปลียนโครงสร้างธุรกิจของไทย
10. แนวโน้มราคาอาหารและการเกษตร เป็นปัจจัยบวกต่อประชาชนกลุ่มใหญ่ในประเทศ
11. การรวมตลาดหุ้นไทยและประเทศเพื่อนบ้าน


ส่วนข้อ 12 เดี๋ยวรอคนข้างล่างที่กำลังจะกำไร10เด้งมาตอบ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 10:35 am
โดย tech
ข้อ 9 มหัศรรย์แห่งเอเซีย
จีน เป็นโรงงานของโลก
อินเดีย เป็นสำนักงานของโลก
อาเซียน ประชากรมาก
โดยเฉพาะชนชั้นกลางเยอะขึ้น และที่สำคัญเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น

ถนนทุกสายมุ่งสู่เอเซีย
ไทยไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร คงเกาะขบวนไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

(อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ถึงหน้าปรับฐาน คาดว่าแถว 1100 ต้นๆ )

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:00 am
โดย picatos
ผมว่าตลาดหุ้นไม่ได้จะบูมหรอกครับ... กำลังบูมอยู่มากกว่า... ในความเห็นของผมตลาดหุ้น ณ ขณะนี้อยู่ในสภาวะฟองสบู่เต็มรูปแบบ

ดังนั้นป่วยการที่จะหาเหตุผลที่จะบูม หรือเหตุผลที่คิดว่ามันจะบูมไปมากกว่านี้ครับ... ควรหาสัญญาณระวังฟองสบู่แตก และเตรียมแผนหนีตายมากกว่าครับ... ซึ่งแน่นอนว่าวันหนึ่งฟองสบู่ลูกนี้ก็จะแตกลงตามวัฎจักร ตามเหตุปัจจัย ตามความไม่เที่ยงของตลาดหุ้น...

โดยส่วนตัวการลงทุนในช่วงภาวะฟองสบู่... จะเป็นช่วงที่ทำเงินให้กับคนลงทุนอย่างมากมายมหาศาล การหาหุ้นและทำกำไรจากหุ้นได้ง่ายๆ จากการซื้อตามคนอื่น จะทำให้ระเบียบวินัยในการลงทุนของเราหย่อนยานลงเรื่อยๆ เราจะถูกความโลภเข้าครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ จากความง่ายดายในการทำเงินในตลาด กฎเหล็กหลายๆ ข้อที่เราเคยตั้งเอาไว้ใช้ในช่วงก่อนหน้า ถูกปลดออกทีละข้อ ทีละข้อ ตาที่เปิดสองข้าง หรี่ไปข้างหนึ่งบ้าง ปิดไปข้างนึงบ้าง ไปจนถึงปิดไปทั้งสองข้างบ้าง ขอให้ได้จับมือคนข้างหน้าขึ้นรถให้ทันก็พอ

ในสภาวะที่ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการผ่อนคลายกฎในการลงทุนออกไปเรื่อยๆ เสียงรอบข้างที่เชียร์หุ้น แต่ไม่พูดคุยเรื่องพื้นฐานกิจการ และความเสี่ยงในเชิงลึก กำไร คือ ความถูกต้อง ขาดทุนหรือหุ้นนิ่งๆ ที่ไม่วิ่ง คือ วิธีการลงทุนที่ผิด ทำให้คนหันเข้าสู่วงจรแห่งความโลภโดยไม่รู้ตัว Reflexivity ทำให้นักลงทุนที่เคยเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดกลับลงทุนในกิจการที่ไม่มีใครเข้าใจ และหวังภาวนาว่าเราจะได้ข้อมูลเร็วกว่าคนอื่น ออกได้ก่อนคนอื่น ทำให้วงจรของตลาดหุ้นขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแห่งความโลภที่ไม่มีความเป็นจริงรองรับ... และเมื่อความจริงปรากฎ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถูกรีดเค้นออกมาอย่างถึงที่สุด และได้ขาดลง หายนะแห่งการลงทุนจะมาเยี่ยมเยือนเราอย่างไม่รู้ตัว... หากเราไม่เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน...

ผมขอยกคำพูดคลาสสิกเดิมๆ ว่า "จงโลภในเวลาที่คนอื่นกลัว และ จงกลัวในเวลาที่คนอื่นโลภ" ผมว่า... ถึงเวลาที่แล้วรึเปล่าครับที่เราควรจะกลัว เตรียมตัว เตรียมใจ วางแผนในการรับมือกับวิกฤตในตลาดหุ้นที่กำลังคืบคลานเข้ามาเยือนอย่างช้าๆ ด้วยความไม่ประมาทหรือยังครับ?

ปล. หุ้นผมเต็มพอร์ตพร้อมจิ้นนะครับ... เดี๋ยวจะหาว่าผมตุ๊ด... :P :twisted: :twisted:

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:30 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดังนั้นป่วยการที่จะหาเหตุผลที่จะบูม หรือเหตุผลที่คิดว่ามันจะบูมไปมากกว่านี้ครับ... 
ยินดีรับฟังความคิดเห็น

ผมว่าของผมต่อนะ เพราะผมคิดว่า ไม่ป่วยการเลย อย่างน้อยได้ฝึกคิด

และวันก่อน คุณ picatos กระตุ้นให้คนพูดคุยไม่ใช่หรือ

เอ้า ผมว่าต่อนะ

สมัยก่อน ptt 440 วันที่ 1 เดือน 10 ปี 2550 ดัชนี 918 จุด

ผมก็คิดของผมเล่นๆ อย่างไม่เข้าใจวิธีการคำนวณดัชนี ว่า ตอนนั้น ptt ก็ไม่น่าจะกำไรเท่าตอนนี้ แต่ราคาไป 440

ตอนนั้น ก็น่าจะบูมกว่าตอนนี้ หมายถึงในแง่พื้นฐาน

งั้นมาดู pe ตลาด ณ เดือนนั้น เทียบกับตอนนี้

ขอให้ pe เดือน 9 ละกัน เพราะ ptt ราคาวันที่ 1 เดือน 10

pe เดือน 9 ปี 2550 เฉลี่ยทั้งตลาด 15.90

ในขณะที่ pe เฉลี่ยทั้งตลาด เดือน กรกฎาคม ปี 2554 14.54

ถ้าไม่มีดัชนี 1140 มาเทียบ ผมก็เห็นว่า ช่วงนี้ก็ยังไม่บูมเท่า ตอน ptt 440

แต่ถ้าเอาดัชนีมาเทียบ ก็จะรู้สึกว่า หุ้นขึ้นมามากแล้ว

และยิ่งเทียบกับ คนที่ร่ำรวยมาจากสมัย subprime ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหุ้นขึ้นมาเยอะจริงๆ

เท่าที่อ่านคร่าวๆ pe เฉลี่ยจะลดลง เพราะผลประกอบการณ์ ปีนี้ ปี 2554 จะกำไรดีขึ้น

แย้งได้นะครับ แต่ไม่ใช่สกัด แบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เช่น ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิด อะไรทำนองนี้ หมดมุขเลย 555

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:35 am
โดย << New >>
ข้อ 4 บริษัทที่ขาดทุน หรือ พวกที่ได้ BOI ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้ประโยชน์เพิ่มตรงนี้นะครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:38 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ในขณะที่ pe เฉลี่ยทั้งตลาด เดือน กรกฎาคม ปี 2554 14.54
ต่อยอดความคิดตัวเองหน่อย

pe 14.54 เอาแค่ กำไรเพิ่มขึ้น 10 % ทั้งตลาด

pe ตลาด ก็จะเหลือ 14.54/1.10 = 13.21

หากกำไร ปี 2554 โตขึ้นอีก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะไปอ่านประมาณการ pe ทั้งตลาดที่ไหน ใครรู้ก็บอกหน่อยละกัน

pe ตลาดก็จะลดลงไปอีก และนี่คือเหตุผล ที่ผมคิดว่า หุ้นจะไปต่อได้

แต่ไม่ได้แปลว่าไม่ปรับฐานนะครับ เพราะปัจจัย suprer subprime ก็กำลังจะมา

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:41 am
โดย Jeng
<< New >> เขียน:ข้อ 4 บริษัทที่ขาดทุน หรือ พวกที่ได้ BOI ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้ประโยชน์เพิ่มตรงนี้นะครับ
นิว เอาแค่ ptt และในเครือ และหุ้น bigcap ทั้งหลาย เช่น แบงค์ หรือเอาพวก หุ้นใน set 50 set 100 ที่ได้ประโยชน์จากภาษี ก็น่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทย ดูดีขึ้นเยอะแล้วครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 11:43 am
โดย ^^
อ่านคำทำนายของฝรั่ง เหมือนจะบอกว่าสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า พายุการเงินจะมา
ฟังหูไว้หูอ่ะ

สำหรับไทย เจอน้ำท่วมติดต่อกัน กว่าจะปลูกยางก็ต้องทำใหม่ ข้าวนี่โดนแล้วโดนอีก
คนที่ซวยมากคือเกษตรกร เพราะปกติถ้าจำนำข้าวต้องมีการดูคุณภาพข้าวด้วย
ไม่ดีก็โดนกดราคา ไม่แน่ต่อไปเกษตรกรอาจเป็นคนทำนาแต่ไม่มีที่นาของตัวเอง
เพราะต้นทุนสูง และโดนกดราคาอีก

สินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์แพงก็มีผลพวงตามมานี่แหละ
แต่รายใหญ่ไม่กระทบเพราะโรงเรือนปิดกันหมดแล้ว คนที่โดนคือพวกรายย่อย

ของดีของรายใหญ่ก็คงไม่ขายในไทยหรอกเพราะมันถูกไป และมีคุณภาพมากเกินไป

ไม่รวมสินเชื่อที่ปล่อยไปช่วยฟื้นธุรกิจน้ำท่วมคราวที่แล้ว แล้วมาเจอน้ำท่วมซ้ำเหมือนกัน
เรียกว่าSMEเจ็บ Bankก็เจ็บเหมือนกัน

ฉะนั้นค้าปลีกจะหวังการจับจ่ายจากคนที่โดนกระทบ รายได้ลดลง สินค้าราคาแพง
หรือน้ำท่วมสินค้าเสียหายโดนค่าแรง300อีก

ผมก็เดาไปเรื่อย อิอิ แต่ก็มีหุ้นเต็มพอร์ตเหมือนกัน แต่ไม่จิ้นนะ

ปล.เหมือนฟังธรรมะเรื่องการรู้สติ จากคุณPicatosเลย เยี่ยมครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 12:05 pm
โดย tech
picatos เขียน:ซึ่งแน่นอนว่าวันหนึ่งฟองสบู่ลูกนี้ก็จะแตกลงตามวัฎจักร ตามเหตุปัจจัย ตามความไม่เที่ยงของตลาดหุ้น...
ใช่ครับ แล้ววันหนึ่งฟองสบู่จะแตกแน่นอน
แต่กว่าจะถึงวันนั้น ... ช่วงฟองสบู่นี่แหละที่ทำกำไรให้หลายต่อหลายคนมาแล้ว

ผมเชื่อว่า ฟองสบู่ยังไม่แตกเร็ววันนี้
เพราะจำได้ถึงประสบการณ์สมัยฟองสบู่ต้มยำกุ้งปี 40

"วันนี้หุ้น ceiling อีกแล้ว กำไรจากตลาดหุ้นนี่มันง่ายจริงๆ"
"วันนี้ว่าจะไปเปลี่ยนรถคันใหม่ บ่ายนี้ไปดูรถป้ายแดงกัน"
"วันนี้ขายใบจองคอนโดที่เพิ่งซื้อเมื่อวาน ได้กำไรมาหมื่นนึง"
"สัปดาห์หน้าว่าจะไปเที่ยวยุโรปสัก 2 อาทิตย์"
"วันนี้มีสัมภาษณ์งานใหม่ จะเรียกเงินเดือน up สัก 70% ทำไมงานมันหาง่ายอย่างนี้"
"บริษัทมีนโยบายขยายการลงทุนอีกมากมาย ผู้ถือหุ้นจะต้องยินดีไปกับเราด้วย"
"บริษัทคิดว่าจะซื้อสถาบันการเงินหรือธนาคารซักแห่ง เพื่อจะได้ทำธุรกิจครบวงจร"
"ดอกเบี้ยฝากธนาคาร 17% ต่อปี"
ฯลฯ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 12:14 pm
โดย Jeng
tech เขียน:
picatos เขียน:ซึ่งแน่นอนว่าวันหนึ่งฟองสบู่ลูกนี้ก็จะแตกลงตามวัฎจักร ตามเหตุปัจจัย ตามความไม่เที่ยงของตลาดหุ้น...
ใช่ครับ แล้ววันหนึ่งฟองสบู่จะแตกแน่นอน
แต่กว่าจะถึงวันนั้น ... ช่วงฟองสบู่นี่แหละที่ทำกำไรให้หลายต่อหลายคนมาแล้ว

ผมเชื่อว่า ฟองสบู่ยังไม่แตกเร็ววันนี้
เพราะจำได้ถึงประสบการณ์สมัยฟองสบู่ต้มยำกุ้งปี 40

"วันนี้หุ้น ceiling อีกแล้ว กำไรจากตลาดหุ้นนี่มันง่ายจริงๆ"
"วันนี้ว่าจะไปเปลี่ยนรถคันใหม่ บ่ายนี้ไปดูรถป้ายแดงกัน"
"วันนี้ขายใบจองคอนโดที่เพิ่งซื้อเมื่อวาน ได้กำไรมาหมื่นนึง"
"สัปดาห์หน้าว่าจะไปเที่ยวยุโรปสัก 2 อาทิตย์"
"วันนี้มีสัมภาษณ์งานใหม่ จะเรียกเงินเดือน up สัก 70% ทำไมงานมันหาง่ายอย่างนี้"
"บริษัทมีนโยบายขยายการลงทุนอีกมากมาย ผู้ถือหุ้นจะต้องยินดีไปกับเราด้วย"
"บริษัทคิดว่าจะซื้อสถาบันการเงินหรือธนาคารซักแห่ง เพื่อจะได้ทำธุรกิจครบวงจร"
"ดอกเบี้ยฝากธนาคาร 17% ต่อปี"
ฯลฯ
ฟองสบู่ของจริง

ณ ปัจจุบัน ผมก็เห็นตลาดหุ้นก็บูมขึ้นมามาก แต่ก็ยังไม่เห็นว่าใครจะใช้จ่ายกันอย่างเมามันส์เหมือนสมัยที่คุณ tech เล่ามาให้ฟัง หรือ จะเป็นเพราะสมัยนี้

กำไรก็ดีใจ ที่เห็นพอร์ทโต วันโตคืน ไม่ค่อยอยากจะถอนออกไปใช้จ่าย

หรือ ที่กำไรกันมานั้น จริงๆ แล้ว ถ้าคิดทั้งหมด ก็ยังขาดทุนอยู่ดี จะให้ดีใจได้ไง ก็ยังขาดทุน

แต่ก็ดีใจนะ เพราะได้กำไรมาตั้งเยอะ เช่น เคยขาดทุน 30 ล้าน ตอนนี้กำไร 20 ล้าน เป็นต้น

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 12:15 pm
โดย ซุนเซ็ก
ขอมือใหม่แจมด้วยคนนะครับ :D

1. การลงทุนต่างประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เกิดการสร้างงาน
- ก็มีมาอยู่แล้วหรือป่าวครับ

2. การท่องเที่ยว แต่ก่อนก็มีปัญหากีฬาสี และระเบิดภาคใต้
ผมก็นึกว่าคนจะมาเที่ยวกันน้อยลง ปรากฎว่า มาเที่ยวกันมากขึ้นอีก
- ตอนนั้น(2-4ปีก่อน)ก็หายไปเยอะนะครับ ธุรกิจโรงแรมขาดทุนกัน

3. การใช้จ่ายในประเทศ คนไทยก็ใช้จ่ายเก่ง เงิน 1 บาท หมุนหลายรอบ
- มาตรการรัฐบาลใหม่ก็น่าจะช่วยได้ อันนี้เห็นด้วยครับ

4. การลดภาษีบริษัทจาก 30 เหลือ 23 % ครั้งแรกของประเทศไทย ที่ทุกบริษัทในตลาดหุ้นจะกำไรโตขึ้นพร้อมๆกัน
- เห็นด้วยครับ เป็นปัจจัยบวก

5. การไม่รับประกันเงินฝาก ที่จะลดจากบัญชีละ 50 ล้านเหลือ 1 ล้านบาท เงินไม่ปลอดภัย ซื้อหุ้น ซื้ออสังหาริมทรัพย์ดีกว่า
- เห็นด้วยครับ

6. ตลาดหุ้นเมืองไทย เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะนักลงทุนมีความรู้ความสามารถมากขึ้น จะลงทุน รู้จักอ่านงบการเงิน รู้จักการวิเคราะห์บริษัท ซึ่งก็ต้องยกให้ ปรมาจารย์ อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่เป็นท่านเป็นตัวอย่างความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจ ให้นักลงทุนหน้าใหม่ หลายๆคน กล้าคิด กล้าลงทุน ทั้งจากการที่ท่าน เขียนบทความ ไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ตลอดจน ออกรายการ money channel และอื่นๆ ว่างๆ พวกเราควรส่งการ์ดอวยพร วันเกิด หรือวันขึ้นปีใหม่ ไปที่บ้านท่านบ้างก็ดีนะครับ เป็นกำลังใจให้ท่าน เป็นตัวอย่างความสำเร็จแบบนี้ไปนานๆ
- ผมว่าเทียบสัดส่วนแล้วก็ยังน้อยอยู่ดีนะครับ โดยเฉพาะหลังๆมานี่ อัตราการเกิด นักลงทุนตัวจริง:แมงเม่า ผมว่าแมงเม่ายังเกิดเยอะกว่านะครับ

-------------
ส่วนตัวนะครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตลาดจะไปได้อีกซักเท่าไร แต่ผมเชื่อว่าจะไม่บูมมากครับ
เพราะตลาดจะบูมได้มากๆต้องเริ่มมาจากตลาดซบเซา เศรษฐกิจกลับมาอย่างคึกคัก แบบนี้ตลาดถึงจะไปได้เยอะ
แต่ตอนนี้ดูยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นคู่ค้าเราไม่น่าจะคึกคักได้เท่าไรช่วงนี้
เรื่องมุมมองนี่สำคัญ อย่างกระทู้ที่ว่า "คนตายขอพูดหน่อย" คนในนั้นต่างมองวิกฤต subprime จะยาวไปถึง 5-10 ปี
คือดูเหมือนว่าคนเรามักจะลำเอียงด้านใดด้านนึงเกินไปอยู่เสมอๆ เหมือนทฤษฏี reflexivity ของ Soros ว่าไว้

รูปภาพ
หยินหยาง สื่อได้ทุกอย่างจริงๆ :D

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 12:31 pm
โดย Jeng
ขอบคุณครับ ที่แย้งเป็นประเด็น

1. การลงทุนต่างประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เกิดการสร้างงาน
- ก็มีมาอยู่แล้วหรือป่าวครับ

อันนี้เคยอ่านคร่าวๆ ไว้ไปอ่านต่อ เห็นว่าเกิดซึนามิ ที่ญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นจะมาลงทุนเยอะ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

แย้งไปแย้งมาอย่างนี้ดีครับ จะได้ทำการบ้าน ทุกคนก็จะได้คม ทางความคิดมากขึ้น

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 12:34 pm
โดย Jeng
รูปภาพ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 1:14 pm
โดย Jeng
2. การท่องเที่ยว แต่ก่อนก็มีปัญหากีฬาสี และระเบิดภาคใต้
ผมก็นึกว่าคนจะมาเที่ยวกันน้อยลง ปรากฎว่า มาเที่ยวกันมากขึ้นอีก
- ตอนนั้น(2-4ปีก่อน)ก็หายไปเยอะนะครับ ธุรกิจโรงแรมขาดทุนกัน

รูปภาพ

รูปภาพ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 1:23 pm
โดย Jeng
รูปภาพ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 1:32 pm
โดย Jeng
รูปภาพ

ข่าวก่อนเลือกตั้งนะครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 1:41 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

6. ตลาดหุ้นเมืองไทย เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะนักลงทุนมีความรู้ความสามารถมากขึ้น จะลงทุน รู้จักอ่านงบการเงิน รู้จักการวิเคราะห์บริษัท ซึ่งก็ต้องยกให้ ปรมาจารย์ อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่เป็นท่านเป็นตัวอย่างความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจ ให้นักลงทุนหน้าใหม่ หลายๆคน กล้าคิด กล้าลงทุน ทั้งจากการที่ท่าน เขียนบทความ ไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ตลอดจน ออกรายการ money channel และอื่นๆ ว่างๆ พวกเราควรส่งการ์ดอวยพร วันเกิด หรือวันขึ้นปีใหม่ ไปที่บ้านท่านบ้างก็ดีนะครับ เป็นกำลังใจให้ท่าน เป็นตัวอย่างความสำเร็จแบบนี้ไปนานๆ 
- ผมว่าเทียบสัดส่วนแล้วก็ยังน้อยอยู่ดีนะครับ โดยเฉพาะหลังๆมานี่ อัตราการเกิด นักลงทุนตัวจริง:แมงเม่า ผมว่าแมงเม่ายังเกิดเยอะกว่านะครับ 
ก็จริงครับ ที่บอกว่า แมงเม่าเกิดเยอะกว่า

อืม พี่คงเทียบ จากประสบการณ์ตัวพี่เอง สมัยที่พี่เล่นหุ้นนั้น ปี 2531 ตอนนั้น jf ธนาคม คุณมนตรี ศรไพศาล ก็บริหารจน jf ขึ้นเบอร์หนึ่ง

สมัยนั้นเอง หุ้นก็บูมมาก และที่ดินก็บูมมาก เงินสะพัด หันไปทางไหนก็มีแต่โครงการก่อสร้างใหม่ๆ

ไม่น่าเชื่อว่า พี่ไม่เคยรู้เลยว่า เล่นหุ้นนี่ ต้องดูงบการเงินด้วย 555

ก็เล่นซื้อๆขายๆ ตามมาร์เก็ตติ้งเชียร์ครับ

ไม่มีจอคอมพิวเตอร์แบบปัจจุบันเทรดหุ้น เปิดดูงบการเงิน ได้เหมือนปัจจุบันนะครับ

ก็เป็นความรู้สึกว่า สมัยนี้ หุ้นสวิงน้อยกว่าสมัยก่อนเยอะมากครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 1:53 pm
โดย ซุนเซ็ก
โอ้...ข้อมูลมาเพียบเลย ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับ :bow:
ผมเองประสบการณ์ติ๊ดนึง ได้แค่คาด(เดา)ไปอย่างนั้นเองครับ
ตอนนี้ผมก็ถือหุ้นเกือบเต็มพอร์ต แต่ก็พยายามคิดบวก/คิดลบหักล้างกันเสมอ
เพื่อป้องกันตัวเองลำเอียงมากเกินไปน่ะครับ :mrgreen:

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 2:01 pm
โดย Jeng
ซุนเซ็ก เขียน:โอ้...ข้อมูลมาเพียบเลย ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับ :bow:
ผมเองประสบการณ์ติ๊ดนึง ได้แค่คาด(เดา)ไปอย่างนั้นเองครับ
ตอนนี้ผมก็ถือหุ้นเกือบเต็มพอร์ต แต่ก็พยายามคิดบวก/คิดลบหักล้างกันเสมอ
เพื่อป้องกันตัวเองลำเอียงมากเกินไปน่ะครับ :mrgreen:
เว็บบอร์ดก็ดีอย่างนี้ครับ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้สุดๆ :D :D

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบูมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 2:46 pm
โดย navapon
+1 ครับพี่เจ๋ง
ลึกๆแล้วในใจ ผมก็คิดว่าตลาดหุ้นจะบูมไปไกลกว่านี้ได้อีกมากๆ แต่ตอนนี้มีพอร์ตอยู่เท่าไหร่ก็เท่านั้นแล้วครับ ผมพอใจเท่านี้ ยังไม่ได้ลงเพิ่มอีก เพราะเราก็ไม่ควรประมาท เหตุผลที่คิดว่าหุ้นจะขึ้นก็เช่นเดียวกันกับที่คุณเจ๋งคิดนั่นแหละครับ ไหนจะเรื่องfund flow ที่ท่วมมาทางเอเชียจากดอลล่าห์อ่อนค่าลงอีก

ช่วงนี้ยังไม่เห็นปัจจัยลบที่หุ้นจะตกมากๆเลยครับ
ในประเทศ > อสังหากับธนาคาร ผมก็ว่าฟองสบู่ยังก้อนเล็กๆอยู่ แต่เงินเฟ้อกับดอกเบี้ยขาขึ้นก็ยังน่ากลัว นโยบายแปลกๆจากรัฐบาล เช่น ค่าแรง 300 ก็ประกาศมาแล้ว ตลาดก็รับรู้และให้ราคาสะท้อนในหุ้นบางส่วนแล้ว ต่อให้เกิดผลเสียมากกว่าดี ราคาหุ้นก็อาจจะไม่ได้ร่วงมากนัก
ต่างประเทศ > ก็คงจะเป็นยุโรปนี่แหละที่เป็นอนาคตอันตรายที่ใกล้ที่สุด อเมริกายังอีกนานกว่าจะเดี้ยง จีนก็ยังรุ่ง แนวโน้มสงครามใหญ่ๆก็ไม่มี ราคานํ้ามันก็ทรงตัว ไม่ได้ขึ้นแบบฉับพลันปรับตัวกันไม่ทัน

มองไปทางไหนเอเชียก็ดูดีไปหมดจริงๆ แต่อะไรที่ดูดีทุกอย่าง มันต้องระวังหรือเปล่าครับ ผมต้องคอยเตือนตัวเองอย่าประมาทเวลาลงทุน เห็นหุ้นลงทีไร อยากซื้อเพิ่มทุกที ไม่รู้ว่าผมยังเป็นหมูไม่กลัวนำร้อนมั้ง ต้องคอยห้ามตัวเอง พอก่อนๆทุกที

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 2:48 pm
โดย picatos
Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดังนั้นป่วยการที่จะหาเหตุผลที่จะบูม หรือเหตุผลที่คิดว่ามันจะบูมไปมากกว่านี้ครับ... 
ยินดีรับฟังความคิดเห็น

ผมว่าของผมต่อนะ เพราะผมคิดว่า ไม่ป่วยการเลย อย่างน้อยได้ฝึกคิด
...

แย้งได้นะครับ แต่ไม่ใช่สกัด แบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เช่น ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิด อะไรทำนองนี้ หมดมุขเลย 555
จริงๆ แล้วผมไม่ได้แย้งพี่ Jeng นะ คือ ผมเห็นด้วยกับพี่ Jeng ว่าหุ้นกำลังบูมอยู่และจะบูมมากๆ ขึ้นไปอีก ด้วยวัฎจักรความโลภของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อหุ้นขึ้นก็จะมีเหตุผลหลายๆ อย่าง มาอธิบายความโลภของเราไปเรื่อยๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

ดังนั้นผมจึงไม่ห่วงเลยว่าหุ้นมันจะบูมอีกหรือไม่ เพราะ ตอนนี้เครื่องจักรแห่งความโลภกำลังเดินเครื่องทำงานอย่างเต็มที่ ผมเห็นตัวเองและเพื่อนนักลงทุนหลายๆ คนลงทุนบางทีแล้วยังงงตัวเองเลยว่าทำลงไปได้ยังไง ดังนั้นผมจึงเป็นห่วงมากกว่าว่าการพยายามมาหาเหตุผลที่หุ้นควรจะขึ้นไปอีกเยอะๆ โดยเฉพาะเหตุผลทางการเมืองและเศรษฐศาสตร์มหภาคมารองรับ มันจะทำให้เรายิ่งมีอคติในทางบวกที่มากจนเกินไปรึเปล่า? เพราะ เศรษศาสตร์มหภาคนั้นเป็นศาสตร์ที่ใช้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี แต่ทำนายอนาคตได้ไม่ค่อยแม่นยำนัก และมักจะมีนักเศรษฐศาสตร์ทำนายอนาคตเอาไว้ทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งสุดท้ายแล้วตลาดก็จะเป็นคนเลือกคำทำนายในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองมาทำให้ตนเองเชื่อว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น และทำให้ตัวเองคิดว่าตนเองมีเหตุผลรองรับการกระทำต่างๆ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นจริงในอนาคตก็ได้ และเมื่อกระทำถูกนายตลาดก็จะชื่นชมความสามารถของตัวเอง แต่ถ้าผิดพลาดก็จะไปโทษนักเศรษฐศาสตร์ตาดำๆ เอา

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าป่วยการที่จะคิดก็เพราะ ตลาดหุ้นบูมไม่ได้หมายความว่าหุ้นเราจะขึ้น ตลาดลงก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นเราจะลง สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราลงทุนคือสิ่งที่เราได้ ถ้ากิจการที่เราลงทุนเป็นกิจการที่ดี ลงทุนในราคาที่เหมาะสม ตลาดจะเป็นยังไง การลงทุนที่ดีก็คือการลงทุนที่ดี แต่ในตลาดที่บูมก็อาจจะช่วยให้เราสามารถลงทุนในกิจการห่วยๆ ในราคาแพงๆ แล้วไปขายทำกำไรในราคาที่แพงกว่าได้ แต่นี่คงไม่ใช่เคสของนักลงทุนแบบ VI มั้งครับ

ดังนั้นผมจึงออกมาแสดงความคิดเห็นข้างต้น โดยไม่มีเจตนาจะหาเรื่อง หรือเตะสกัดขาพี่ Jeng แม้แต่น้อยครับ

หากโพสต์ก่อนหน้าของผมทำให้พี่ Jeng ไม่สบายใจ ผมขอโทษพี่ด้วยนะครับ ผมไม่มีเจตนาครับ

ขอโทษครับพี่

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 3:01 pm
โดย viหัดคลาน
ผมขอยกคำพูดคลาสสิกเดิมๆ ว่า "จงโลภในเวลาที่คนอื่นกลัว และ จงกลัวในเวลาที่คนอื่นโลภ" ผมว่า... ถึงเวลาที่แล้วรึเปล่าครับที่เราควรจะกลัว เตรียมตัว เตรียมใจ วางแผนในการรับมือกับวิกฤตในตลาดหุ้นที่กำลังคืบคลานเข้ามาเยือนอย่างช้าๆ ด้วยความไม่ประมาทหรือยังครับ?
+1 เห็นด้วยกับน้องพิตาโตส ช่วงนี้ผมเห็นแต่คนโลภมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตลาดจะขึ้นบูมหรือไม่นั้น ผมว่าสนใจและเข้าใจในกิจการเป็นรายตัวให้มากๆเป็นประโยชน์กว่าครับ

ปล. หุ้นผมเต็มพอร์ตพร้อมจิ้นนะครับ... เดี๋ยวจะหาว่าผมตุ๊ด... :P :twisted: :twisted:[/quote]
ปล. ถ้าใครจะว่าผมตุ๊ดผมก็ไม่โกรธนะ เพราะตอนนี้ผมมีแค่2/3เท่านั้น เพราะผมมีเงินสดเข้ามาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้หาอะไรไม่เจอก็เอามันไปฝากไว้กับธนาคาร ผมถือว่าถ้าหุ้นนั้นไม่ดีจริงผมก็ไม่ซื้ออยู่ดี ผมไม่ค่อยสนตลาดเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าวิธีเล่นผมอาจจะดูป๊อด หรือตุ๊ด ก็ไม่ว่าอะไร เพราะถ้าตราบใดที่ผมยังชนะตลาด ผมพร้อมเป็นตุ๊ดเสมอ 555555อ้อ ที่สำคัญไม่เคยจิ้นด้วยครับ5555 เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับน้องพิคาโตสและบัฟเฟตต์ครับ กลัวเวลาคนอื่นโลภดีกว่าครับ ขอให้ทุกคนร่ำรวยนะครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 3:03 pm
โดย Jeng
picatos เขียน:
Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดังนั้นป่วยการที่จะหาเหตุผลที่จะบูม หรือเหตุผลที่คิดว่ามันจะบูมไปมากกว่านี้ครับ... 
ยินดีรับฟังความคิดเห็น

ผมว่าของผมต่อนะ เพราะผมคิดว่า ไม่ป่วยการเลย อย่างน้อยได้ฝึกคิด
...

แย้งได้นะครับ แต่ไม่ใช่สกัด แบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เช่น ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิด อะไรทำนองนี้ หมดมุขเลย 555
จริงๆ แล้วผมไม่ได้แย้งพี่ Jeng นะ คือ ผมเห็นด้วยกับพี่ Jeng ว่าหุ้นกำลังบูมอยู่และจะบูมมากๆ ขึ้นไปอีก ด้วยวัฎจักรความโลภของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อหุ้นขึ้นก็จะมีเหตุผลหลายๆ อย่าง มาอธิบายความโลภของเราไปเรื่อยๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

ดังนั้นผมจึงไม่ห่วงเลยว่าหุ้นมันจะบูมอีกหรือไม่ เพราะ ตอนนี้เครื่องจักรแห่งความโลภกำลังเดินเครื่องทำงานอย่างเต็มที่ ผมเห็นตัวเองและเพื่อนนักลงทุนหลายๆ คนลงทุนบางทีแล้วยังงงตัวเองเลยว่าทำลงไปได้ยังไง ดังนั้นผมจึงเป็นห่วงมากกว่าว่าการพยายามมาหาเหตุผลที่หุ้นควรจะขึ้นไปอีกเยอะๆ โดยเฉพาะเหตุผลทางการเมืองและเศรษฐศาสตร์มหภาคมารองรับ มันจะทำให้เรายิ่งมีอคติในทางบวกที่มากจนเกินไปรึเปล่า? เพราะ เศรษศาสตร์มหภาคนั้นเป็นศาสตร์ที่ใช้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี แต่ทำนายอนาคตได้ไม่ค่อยแม่นยำนัก และมักจะมีนักเศรษฐศาสตร์ทำนายอนาคตเอาไว้ทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งสุดท้ายแล้วตลาดก็จะเป็นคนเลือกคำทำนายในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองมาทำให้ตนเองเชื่อว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น และทำให้ตัวเองคิดว่าตนเองมีเหตุผลรองรับการกระทำต่างๆ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นจริงในอนาคตก็ได้ และเมื่อกระทำถูกนายตลาดก็จะชื่นชมความสามารถของตัวเอง แต่ถ้าผิดพลาดก็จะไปโทษนักเศรษฐศาสตร์ตาดำๆ เอา

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าป่วยการที่จะคิดก็เพราะ ตลาดหุ้นบูมไม่ได้หมายความว่าหุ้นเราจะขึ้น ตลาดลงก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นเราจะลง สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราลงทุนคือสิ่งที่เราได้ ถ้ากิจการที่เราลงทุนเป็นกิจการที่ดี ลงทุนในราคาที่เหมาะสม ตลาดจะเป็นยังไง การลงทุนที่ดีก็คือการลงทุนที่ดี แต่ในตลาดที่บูมก็อาจจะช่วยให้เราสามารถลงทุนในกิจการห่วยๆ ในราคาแพงๆ แล้วไปขายทำกำไรในราคาที่แพงกว่าได้ แต่นี่คงไม่ใช่เคสของนักลงทุนแบบ VI มั้งครับ

ดังนั้นผมจึงออกมาแสดงความคิดเห็นข้างต้น โดยไม่มีเจตนาจะหาเรื่อง หรือเตะสกัดขาพี่ Jeng แม้แต่น้อยครับ

หากโพสต์ก่อนหน้าของผมทำให้พี่ Jeng ไม่สบายใจ ผมขอโทษพี่ด้วยนะครับ ผมไม่มีเจตนาครับ

ขอโทษครับพี่
เฮ้ย ม่ายต้องขอโทษ ไม่มีอะไรเช่นกัน

จริงๆแล้ว หากไม่มี กฎอะไรแรงๆที่มาเปลี่ยนแปลงตลาด พี่ก็ว่ามันแพงแหละช่วงนี้

แต่เจอ นโยบายค่าเงินแข็ง + ลดภาษีเหลือ 23 %

พี่ว่าแบบนี้ตั้งแต่เล่นหุ้นมาก็ไม่เคยเจอ และไม่ใช่เรื่องหาเหตุผลมาสนับสนุนแบบโคมลอย

เพราะมันคำนวณได้คร่าวๆ ว่า pe ตลาดจะลดลงไปเท่าไร fund flow จะเข้ามาเพื่ออะไร มาฝากกินค่าเงินแข็งอย่างเดียว หรือเอา 2 ต่อเลย เอาเข้ามาซื้อหุ้น หุ้นขึ้น และได้กำไรค่าเงินด้วย

พี่ก็เลยคิดว่า มันคงไม่เหมือนเหตุการณ์ปกติ ที่เราไม่ควรไปมองระดับมหภาคมากนัก ไม่ควรไปคาดการณ์ตลาดมากนัก เพราะคาดผิดกันประจำ

อย่างไรก็ตาม พี่ก็ได้ข้อสรุปว่า

ถ้าหุ้นตกหนักๆ ไม่ว่าจะด้วยมีเหตุผล หรือไม่มีเหตุผล สำหรับพี่ กับหุ้นดีๆ ราคา pe ต่ำ g สูงๆ

(คำว่าต่ำ ไม่ได้แปลว่าต้อง pe 8 นะครับ ต้องต่ำเมื่อเทียบกับ g)

หากลงมาเยอะๆ ก็น่าสนใจ เพราะพี่มองว่าปีนี้ ปีหน้า เมืองไทย เศรษฐกิจน่าจะดีครับ

Re: ปัจจัยที่หุ้นจะบมมาก

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2011 3:14 pm
โดย Jeng
[quote="viหัดคลาน"]ผมขอยกคำพูดคลาสสิกเดิมๆ ว่า "จงโลภในเวลาที่คนอื่นกลัว และ จงกลัวในเวลาที่คนอื่นโลภ" ผมว่า... ถึงเวลาที่แล้วรึเปล่าครับที่เราควรจะกลัว เตรียมตัว เตรียมใจ วางแผนในการรับมือกับวิกฤตในตลาดหุ้นที่กำลังคืบคลานเข้ามาเยือนอย่างช้าๆ ด้วยความไม่ประมาทหรือยังครับ?
+1 เห็นด้วยกับน้องพิตาโตส ช่วงนี้ผมเห็นแต่คนโลภมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตลาดจะขึ้นบูมหรือไม่นั้น ผมว่าสนใจและเข้าใจในกิจการเป็นรายตัวให้มากๆเป็นประโยชน์กว่าครับ

ตกลงตอนนี้คนส่วนใหญ่กำลังโลภใช่หรือไม่ครับ

หรือว่าคนส่วนใหญ่เจอข่าวไม่ดีของเมริกาไปแล้ว รู้สึกกลัว เราถึงต้องกล้า

???

ส่วนเรื่องดูเป็นตัวๆเห็นด้วยครับ แต่การไม่ดูไม่สนใจภาพรวม ก็เสียหายกันมาเยอะแล้ว

สมัยก่อน pe 1 เราก็เจอกันมาแล้ว

ซื้อ pe 2 ถูก เจอ pe 1 ไปเลย