Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

รายละเอียด
http://money.cnn.com/2011/08/05/news/ec ... m?iid=Lead

จาก AAA เป็น AA+

ผมคิดว่า

โลกใบนี้เป็นของนักการเงินผู้ชาญฉลาดจริงๆ เขาไม่ได้รู้ขัอสอบก่อนหรอก
แต่เขาเป็นคนออกข้อสอบเองต่างหาก

จากหุ้น ค่าเงิน น้ำมัน BDI สุดท้ายทองคำ ต่อไปจะเป็นอะไรเนี่ย
ทุกคนรู้ตอนจบอยู่แล้วว่ามันจะเป็นยังงัยนะครับ

เป็นไงครับ อยากรู้่

ระยะสั้นปั่นป่วน ซื้อตลาดความเสี่ยงสูงเช่นหุ้นจะไม่ชอบ
ระยะกลาง ต้องเก็งกว่าเม็ดเงินที่ล้นจะไหลไปไหนแทนอเมริกา

มาปูเสื่อรอ... เชื่อแต่ว่า downgrades มันไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าผลของมัน ทำให้เกิดอะไรในลำดับถัดไปๆๆ

นี่คือเหตุผลที่วันศุกร์ ที่ผ่านมาถึงแย่งกันขาย

โอ้ รายย่อยเป็นผู้รับเหมา รายเดียว

marble เขียน:นี่คือเหตุผลที่วันศุกร์ ที่ผ่านมาถึงแย่งกันขาย

โอ้ รายย่อยเป็นผู้รับเหมา รายเดียว

แย่งกันขาย ??? หรือแย่งกันซื้อเำพิ่มเพราะเห็นว่าหุ้นถูก ???

เราดูตัวเลขที่ไหนดีครับ ว่ารายย่อยแย่งกันขาย

วันศุกร์ ต่างชาติ กองทุน portโบรค ช่วยกันขาย

รายย่อยรับเหมาซื้อ ครับ

[quote="Jeng"][quote="marble"]นี่คือเหตุผลที่วันศุกร์ ที่ผ่านมาถึงแย่งกันขาย

โอ้ รายย่อยเป็นผู้รับเหมา รายเดียว[/quote]

แย่งกันขาย ??? หรือแย่งกันซื้อเำพิ่มเพราะเห็นว่าหุ้นถูก ???

เราดูตัวเลขที่ไหนดีครับ ว่ารายย่อยแย่งกันขาย[/quote]

เขาคงหมายถึง. ต่างชาติ. สถาบัน โบกเกอร์เป็นคนขาย
ส่วนรายย่อยเป็นผู้ซื้อ
แต่รายย่อยอาจจะเป็นฝ่ายชนะก็ได้ หรือเปล่า???

นักลงทุนรายย่อย มวลชนจงสู้ต่อไปครับ อิอิ

สมใจคนที่อยากให้ panic ต่อแล้ว

สองวันก่อน

ณ วอลสตรีท

ขายหุ้นๆๆ ซื้อพันธบัตรๆๆๆ

สองวันต่อมา.... จะไปซื้ออะไรดีเนี่ยะ

ขยายเพดานหนี้ได้ แต่โดนลดอันดับเครดิต นอกจากผลเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะปรับตัวสูงขึ้นแล้ว มันมีผลอะไรอย่างอื่นอีกไหมครับ

S&P’s action may hurt the U.S. economy over time by increasing the cost of mortgages, auto loans and other types of lending tied to the interest rates paid on Treasuries. JPMorgan Chase & Co. estimated that a downgrade would raise the nation’s borrowing costs by $100 billion a year. The U.S. spent $414 billion on interest expense in fiscal 2010, or 2.7 percent of gross domestic product, according to Treasury Department data

ในทางทฤษฎีในหนังสือบอกไว้ว่า อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล​สหรัฐ เป็น Risk Free Rate แต่เมื่อคืน S&P เค้าลดอันดับเครดิตของรัฐบาลอเม​ริกาลงจาก AAA มาเป็น AA+ แถมยังพ่วง Nagative Outlook อีกครับ แสดงว่าการลดอันดับเครดิตในครั้​งนี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของพัน​ธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ใช่ Risk Free Rate อีกต่อไปใช่ไหมครับ แล้วเราจะหา Risk Free Rate ได้จากที่ไหนครับพี่ (ถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆนะครับ​)

ไปอ่านเวปอื่นมา เขาเขียนอย่างนี้ ผมไม่มีความรู้เลย พี่ๆช่วยวิจารณ์ให้ฟังหน่อยครับ

มองแล้ววิกฤติคล้ายๆจะเป็น stagflation ยังไงยังงั้น.

navapon เขียน:ในทางทฤษฎีในหนังสือบอกไว้ว่า อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล​สหรัฐ เป็น Risk Free Rate แต่เมื่อคืน S&P เค้าลดอันดับเครดิตของรัฐบาลอเม​ริกาลงจาก AAA มาเป็น AA+ แถมยังพ่วง Nagative Outlook อีกครับ แสดงว่าการลดอันดับเครดิตในครั้​งนี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของพัน​ธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ใช่ Risk Free Rate อีกต่อไปใช่ไหมครับ แล้วเราจะหา Risk Free Rate ได้จากที่ไหนครับพี่ (ถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆนะครับ​)

ไปอ่านเวปอื่นมา เขาเขียนอย่างนี้ ผมไม่มีความรู้เลย พี่ๆช่วยวิจารณ์ให้ฟังหน่อยครับ

ทอง สวิสฟรังค์ เยน

หรือในสายตา vi ก็หุ้นดีๆ รอราคา grand sale

เพื่อนๆ ประเมิณ สถานการณ์ของ เศรษฐกิจสหรัฐ ไว้ยังไงบ้างครับ

พอจะรุนแรง เหมือน subprime ไหม

ใครถือเงินรอโอกาสก็ ดูดีๆ ทยอยๆ นะคร้าบบ

ดูแล้ว ผมว่าก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับเราสักเท่าไรนะครับ
พื้นฐานของเราก็ไม่ได้เปลี่ยน รู้สึกไม่ต่างกับตอนแฮมเบอเกอร์ เท่าไหร่

บริษัทที่จะได้รับผลก็ทบก็คงเป็นบริษัทที่ "ส่งออกไปยังสหรัฐ" เป็นหลัก
บริษัทไหนคู่ค้าไม่ได้อยู่ในสหรัฐ หรือคู่ค้า ไม่ได้พึงพิงหรืออิงเศรษฐกิจของสหรัฐ ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร

ในทางตรงข้าม หาก outlook การลงทุนในสหรัฐเป็นลบ เงินจะหายไปไหน
ผมคิดว่า Asia Stock Will Rise ครับ วันที่เอเชียจะเป็นผู้นำ เงินหลั่งไหลเข้ามาในเอเชียน่าจะมาถึงสักที

ระยะสั้นอาจจะมี panic แต่ระยะยาวผมมองตลาดเอเชียดีครับ เผลอๆ ตลาดจะปรับ P/E ขึ้นอีกเพราะเงินไหลเข้ามาลงทุน
และยอมซื้อในราคาแพงขึ้นกว่าเดิม ธุรกิจที่เป็น Domestic Consumption ต่างๆ น่าจะได้รับการปรับ P/E ขึ้น
รวมถึงส่งออกบางกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

รอช้อปปิ้งของถูกตอน panic ได้เลยครับ

Pat T Buffett เขียน:มองแล้ววิกฤติคล้ายๆจะเป็น stagflation ยังไงยังงั้น.

• “Stagflation” เป็นการรวม 2 แนวคิดเข้าด้วยกัน คือ stagnation ซึ่งหมายถึง ภาวะเศรษฐกิจซบเซา และ inflation หรือเงินเฟ้อ (stagflation = stagnation + inflation) อาการของเศรษฐกิจในภาวะ stagnation จึงมี 2 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน คือ เศรษฐกิจซบเซา ซึ่งอาจสะท้อนออกมาทางอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
  
  สถานการณ์ดังกล่าวเป็นภาวะที่ผิดปกติ และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์ ซึ่งระบุว่า กลไกตลาดจะมีปัญหาการขาดเสถียรภาพในตัวเองเสมอ เพราะในยามที่เศรษฐกิจขยายตัว (อัตราการว่างงานต่ำ) อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัว (อัตราการว่างงานสูง) อัตราเงินเฟ้อจะต่ำ ดังนั้นเป้าหมายการว่างงานในระดับต่ำและอัตราเงินเฟ้อต่ำจึงมีความขัด
  Stagflation เป็นภาวะที่เกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน (supply shock) ส่งผลทำให้ผลผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว หรืออุปทานมวลรวมลดลงทันที ซึ่งไม่ได้เกิดจากกลไกราคาหรือระดับราคาสินค้าที่ลดลง แต่เป็นการลดลงของอุปทานมวลรวม ณ ทุก ๆ ระดับราคาสินค้า เมื่อผู้ผลิตผลิตสินค้าลดลงจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
  ในอดีต stagflation เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกายุคทศวรรษ 1970 อัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 12 อัตราว่างงานสูงเกือบร้อยละ 9 ซึ่งสาเหตุของปัญหาดังกล่าวมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้นไปกว่าร้อยละ 400 จากราคาเดิม สำหรับในประเทศไทยเคยเกิดภาวะ stagflation เมื่อปี พ.ศ.2523 ในเวลานั้น อัตราเงินเฟ้อสูงเกินกว่าระดับร้อยละ 10 เนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้นกว่าร้อยละ 40 และทำให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี
  
  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=318924

อเมริกาเงินเฟ้อยังไม่สูง ไม่ใช่หรือครับ หรือจากนี้ไปอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากเครดิตลด ทำให้ต้นทุนการเงินเพิ่ม แล้วจะเป็นการเพิ่มเงินเฟ้อให้มากขึ้นในภายหลัง............พยายามเรียนรู้อยู่ครับ ขออภัยถ้าไม่ make sense

เน้นหลักการเดิมครับ

ลงทุนในเขตศก.ที่มั่นคง และ segment ที่ปลอดภัยของเขตศก.นั้น

ผมหมายถึงบ้านเราและ domestic consumption

แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าภาคการส่งออกถดถอย น่าจะมีผลต่อการจ้างงานและศก.โดยรวม

เราควรจะหันมาเน้นสินค้าเกษตรและการบริโภคในประเทศ รวมไปถึงตั้งหน้าตั้งตาตาเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน มากกว่ารับจ้างผลิตได้แล้วครับ

โอกาสมาถึงแล้ว

คุณKimVi
สวัสดีครับ อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ คืออาจจะไม่หนักขนาด stagflation แต่ผมมองว่ามันมีบางอย่างที่คล้ายๆ กัน
เนื่องจากการบริโภคในอเมริกาต้องถดถอยหนักๆตั้งแต่เพิ่มเพดานหนี้ ทำให้โดนบังคับลดรายจ่าย และหลังจากโดนลดเกรด ก็น่าจะทำให้การบริโภคทุกอย่างยิ่งลดลงเนื่องจาก ต้นทุนการเงินมันยิ่งสูงขึ้นไปอีก ใครจะซื้อบ้านซื้อรถก็ต้องระวัง ผมเลยมองว่ามีโอกาศเกิด stagnation

ส่วน inflation อันนี้น่าจะเป็นตัว cost push ไม่ใช่ demand pull ....ผมว่านอกจากน้ำมันแล้ว อาหาร และสินค้าอื่นๆมีราคาที่สุงขึ้นเรื่อยๆ

ผมเลยมองว่าอเมริกาลำบาก เงินน้อยลง แต่สินค้าในการดำรงชีวิตทุกอย่างสูงขึ้น มองดูตันๆครับ ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน

ปล.แค่มุมมองมั่วๆมือใหม่คนนึงนะครับ

ขอบคุณครับ คุณ Pat T Buffett
ผมก็พยายามมองดูว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อครับ มองว่า inflation ทางฝั่งเมกาอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดก็ได้ครับ เมื่อต้นทุนการเงินเพิ่ม ค่าเงินดอลลดลง สินค้าต่างๆ อาจจะแพงขึ้น ก็อาจจะทำเงินเฟ้อเกิดขึ้นได้ เศรษฐกิจเมกาจะยิ่งซบเซามากขึ้น......แล้วจะส่งผลต่อเมืองไทยอย่างบ้างครับ

navapon เขียน:ในทางทฤษฎีในหนังสือบอกไว้ว่า อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล​สหรัฐ เป็น Risk Free Rate แต่เมื่อคืน S&P เค้าลดอันดับเครดิตของรัฐบาลอเม​ริกาลงจาก AAA มาเป็น AA+ แถมยังพ่วง Nagative Outlook อีกครับ แสดงว่าการลดอันดับเครดิตในครั้​งนี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของพัน​ธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ใช่ Risk Free Rate อีกต่อไปใช่ไหมครับ แล้วเราจะหา Risk Free Rate ได้จากที่ไหนครับพี่ (ถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆนะครับ​)

ไปอ่านเวปอื่นมา เขาเขียนอย่างนี้ ผมไม่มีความรู้เลย พี่ๆช่วยวิจารณ์ให้ฟังหน่อยครับ

ใช้อัตราเงินเฟ้อในประเทศของผู้ลงทุนเองก็ได้ครับ แบบว่าแทนที่จะออมมาลงทุน สู้บริโภคเลยดีกว่าถ้าลงทุนได้ไม่เท่าอัตราเงินเฟ้อ

KimVi เขียน:ขอบคุณครับ คุณ Pat T Buffett
ผมก็พยายามมองดูว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อครับ มองว่า inflation ทางฝั่งเมกาอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดก็ได้ครับ เมื่อต้นทุนการเงินเพิ่ม ค่าเงินดอลลดลง สินค้าต่างๆ อาจจะแพงขึ้น ก็อาจจะทำเงินเฟ้อเกิดขึ้นได้ เศรษฐกิจเมกาจะยิ่งซบเซามากขึ้น......แล้วจะส่งผลต่อเมืองไทยอย่างบ้างครับ

น่าจะเกิด แสต็กแฟล็คชั่นมากกว่า อินเฟรชั่นนะครับ

เงินเฟ้อก้จริง เพราะเงินดอลมูลค่าลดลง แต่ตอนนี้ข้างในมันดีเฟรชั่น คือ ฝืดได้ที่

เมื่อ2อย่างเกิดพร้อมกันทั้งดีและอิน เฟรชั่น ก้จะเกิดแสต๊ปแฟล็กชั่น

ซึ่งลอรด์เคน ไม่สามารถอธิบายได้แน่นอนครับ

อยากรู้สแต๊กแฟล็กชั่นเป็นแบบไหน เกิดแล้วจะเกิดไร ลองเอาแม่เหล็กขั้วที่โตๆๆๆ

พอๆๆกันสองแท่ง หันให้ขั้ว ชนกัน มันจะผลักกัน เพราะแรงมันเท่ากัน

สแต๊กแฟลกชั่นก้แบบนั้น จุดที่ไม่มีการชนะหรือแพ้ของเิงินเฟ้อและเงินฝืด

จะก่อให้เกิด การช๊อคคือ มันจะค้างแบบนั้น ไปหลายปี

วงเวียนรอบนี้ มีเหมือนและต่างจากปี 1930

KimVi เขียน:ขอบคุณครับ คุณ Pat T Buffett
ผมก็พยายามมองดูว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อครับ มองว่า inflation ทางฝั่งเมกาอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดก็ได้ครับ เมื่อต้นทุนการเงินเพิ่ม ค่าเงินดอลลดลง สินค้าต่างๆ อาจจะแพงขึ้น ก็อาจจะทำเงินเฟ้อเกิดขึ้นได้ เศรษฐกิจเมกาจะยิ่งซบเซามากขึ้น......แล้วจะส่งผลต่อเมืองไทยอย่างบ้างครับ

ระยะสั้น ตลาดหุ้นของเมกาจะตกลงเร็วและแรง จะนำพาตลาดทั้งโลกตกก่อน

ระยะกลาง กงอทุนเฮดจ์ฟันก้จะมองหาที่ที่ ยังมีอาหารสมฐูรณ์อย่างเอเซีย

ระยะยาว เอเชี่ยนมิราเคิ่ล 2 เงินไหลจากที่ที่หากินยากมายังที่ที่หากินง่าย


แต่รอบนี้ก้เป็นโอกาศของ วอเรนบัฟเฟต และ นักลงทุนไทยในเมกา

ที่จะซื้อของถูกคุณภาพดี ในราคาที่เซลล์

น่าจะเป็น begining of the end อย่างที่เขาชอบพูดกันครับ

เริ่มจาก ความกลัวด้านเศรษฐกิจ ของประชาชนโดยทั่วไป --> ชะลอการบริโภค --> เศรษฐกิจหดตัว ---> คนตกงานเพิ่ม -->เก็บภาษีได้น้อยลง --> แต่รายจ่ายยังคงเพิ่ม (คนตกงาน) --> สถานภาพการเงินประเทศไม่ดี --> ประชาชนกลัว


โดยยิ่ง เครดิตโดนลด ต้องเสียเงินไปจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มอีก..ฯลฯ ผลกระทบวงกว้าง

กระทบไปที่ยุโรป ที่กำลังป่วยไข้ อิตาลี่ น่าจะพังเร็วกว่าที่คิด สเปน ก็ไม่น่ารอด

จุดอ่อนของระบบทุนนิยม ที่ใช้เงินหมุนต่อเงิน คือ "เครดิต" เมื่อคนเริ่มไม่เชื่อเครดิต เงินที่ต่อเงิน ก็เริ่มโดนดึงคืน เงิน 100 ที่หมุนหลายรอบกลายเป็น 1000 นั้นมีเงินจริงเพียง 100 อีก 900 คือเงินมายา หากคนเริ่มดึงเงินออกมา ระบบก็จะล้มไปทั้งหมด

ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับว่า
การที่สหรัฐโดนลดอันดับเครดิต ส่งผลทำให้สหรัฐจะต้องเพิ่มดอกเบี้ยพันธบัตรของตัวเอง เพื่อให้สูงขึ้นทันกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ในสินทรัพย์ที่ด้อยค่าลงของตนเอง
ดังนั้นแปลว่า ผู้ที่ถือพันธบัตรสหรัฐเช่น จีน ก็จะได้รับผลประโยชน์คือได้ดอกเบี้ยมากขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้รับเงินต้นคืน ถูกต้องไหมครับ

ถ้าวันจันทร์หุ้นลง

นักวิเคราะห์ "ตลาดตอบสนองด้านลบต่อข่าว S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ แนวโน้มตลาดไม่น่าไว้วางใจ แนะนำลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น"

ถ้าวันจันทร์หุ้นขึ้น

นักวิเคราะห์ "ตลาดซึมซับรับข่าวร้ายนี้มาหลายวันแล้ว ตอนนี้ราคาหุ้นลงมาค่อนข้างมาก ทำให้นลท.ที่มองว่าผลประกอบการของบ.จดทะเบียนไทยที่กำลังจะออกมาในสัปดาห์หน้ายังมีกำไรเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี จึงเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี"

คิดเล่น ๆ ครับ