Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ

หมายถึงโอกาสในการปรับฐานไม่ได้มาบ่อยๆ

จะซื้อหุ้นได้ถูก มี 4 เหตุการณ์

1.เศรษฐกิจไม่ดี recession
2. technical correction
3. อุตสาหกรรม มีปัญหา
4. กิจการนั้นๆมีปัญหา แต่แก้ได้

ถ้าตอนนี้เกิด technical correction มือใหม่ คงไม่เคยเจอ คิดว่าถูกแล้ว มีถูกกว่า

ต่อมาเมื่อลงอีก แล้วซื้ออีก คิดว่าถูกที่สุด ก็มีถูกลงไปอีก เป็นต้น

technical correction เป็น perfect situation to buy

จำมาได้เท่านี้นะครับ คล้ายๆจะบอกว่า เป็นสถานการณ์ที่ได้หุ้นดี ราคาถูก และจะปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ถ้าเป็น recession ต้องใช้เวลานานกว่ามาก กว่าหุ้นที่ซื้อจะปรับตัวขึ้นมา

VI น่าจะคิดแบบนี้หรือเปล่าครับ

๑. ตรวจสอบว่า เราประเมิณพื้นฐานหุ้นผิดไปหรือไม่ ระหว่างเรากับ Mr. Market ใครผิดใครถูก
๒. ถ้ามูลค่าที่เราซื้อไปถือว่าถูกแล้ว หรือ ยุติธรรม ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ถือต่อ ถ้ามีเงินซื้อเพิ่มก็ได้
๓. ถ้าเป็นเราที่ประเมินผิดเอง ก็เก็บไว้เป็นบทเรียนครับ

ผม"นั่งทางใน"มาแล้ว ตอนนี้ฝรั่งมันแค่panic sell อเมริกายังไม่น่าจะเจ๊งเร็วๆนี้สักหน่อย
เดี๋ยวฝรั่งมันคิดได้ หุ้นไทยก็ขึ้นอีก เชื่อเปล่า อิอิอิ

1. ซื้อลงทุน เมื่อเข้ากรอบที่ตนพอใจครับทั้งส่วนลดราคา + ระดับปันผลขั้นต่ำที่น่าจะได้ตลอดกาล ไม่สนว่า จะลดจากสถานการณ์อะไร และสาเหตุอะไร

2. เลิกซื้อเก็งทุกเงื่อนไข แม้ว่าจะใช้พื้นฐานเป็นตัวนำ - ขายทิ้งออกมาเป็นเงินสดให้มากเท่าที่พอใจ ถ้ายังเหลือ ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นเฉยๆ ไม่สวนเพิ่ม

3. นั่งถอนขนจมูกที่บ้าน อ่านหนังสือที่อยากอ่าน

ประมาณนี้ครับพี่เจ๋ง

sarawut_p เขียน:VI น่าจะคิดแบบนี้หรือเปล่าครับ

๑. ตรวจสอบว่า เราประเมิณพื้นฐานหุ้นผิดไปหรือไม่ ระหว่างเรากับ Mr. Market ใครผิดใครถูก
๒. ถ้ามูลค่าที่เราซื้อไปถือว่าถูกแล้ว หรือ ยุติธรรม ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ถือต่อ ถ้ามีเงินซื้อเพิ่มก็ได้
๓. ถ้าเป็นเราที่ประเมินผิดเอง ก็เก็บไว้เป็นบทเรียนครับ

ถ้าตัดสินใจซื้อไปแล้ว
ทุกครั้งที่หุ้นลงต่อผมก็จะทำประมาณนี้แหละครับ
จากนั้นผมก็จะรอและตามดูตัวกิจการที่ลงทุนเอาครับ

Jeng เขียน:โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ

หมายถึงโอกาสในการปรับฐานไม่ได้มาบ่อยๆ

จะซื้อหุ้นได้ถูก มี 4 เหตุการณ์

1.เศรษฐกิจไม่ดี recession
2. technical correction
3. อุตสาหกรรม มีปัญหา
4. กิจการนั้นๆมีปัญหา แต่แก้ได้

ถ้าตอนนี้เกิด technical correction มือใหม่ คงไม่เคยเจอ คิดว่าถูกแล้ว มีถูกกว่า

ต่อมาเมื่อลงอีก แล้วซื้ออีก คิดว่าถูกที่สุด ก็มีถูกลงไปอีก เป็นต้น

เหตุการณ์ตอนนี้ มันจะมีโอกาสเป็นแบบ 1 , 2, หรือทั้ง 1+2 อย่างละกี่%ครับ

pakhakorn เขียน:

Jeng เขียน:โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ

หมายถึงโอกาสในการปรับฐานไม่ได้มาบ่อยๆ

จะซื้อหุ้นได้ถูก มี 4 เหตุการณ์

1.เศรษฐกิจไม่ดี recession
2. technical correction
3. อุตสาหกรรม มีปัญหา
4. กิจการนั้นๆมีปัญหา แต่แก้ได้

ถ้าตอนนี้เกิด technical correction มือใหม่ คงไม่เคยเจอ คิดว่าถูกแล้ว มีถูกกว่า

ต่อมาเมื่อลงอีก แล้วซื้ออีก คิดว่าถูกที่สุด ก็มีถูกลงไปอีก เป็นต้น

เหตุการณ์ตอนนี้ มันจะมีโอกาสเป็นแบบ 1 , 2, หรือทั้ง 1+2 อย่างละกี่%ครับ

คงแล้วแต่มุมมอง

สำหรับผม เศรษฐกิจเมืองไทย ดีแน่ๆ เงินเฟ้อก็เป็นตัวบอกว่าเศรษฐกิจดี ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เงินจะเฟ้อได้อย่างไร ขึ้นราคาแล้วไม่มีคนมาซื้อ

ดอกเบี้ยขึ้น ก็บ่งบอกว่าเศรษฐกิจดี คือกู้เงินแล้วไปทำการค้า แล้วปรากฎว่าได้กำไร ก็อยากมากู้เพิ่ม ขยายงานแล้ว ได้กำไร ก็อยากขยายงาน และอยากมากู้เพิ่ม ดอกเบี้ยถึงได้เพิ่ม

เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ข้อ 1 เหลือ 0 %

ข้อ 2 กำลังจะเกิดขึ้น ผมให้ข้อ 2 100 %

เกิดหรือไม่เกิด
ก็ดีทั้งนั้นครับ
เพราะมือใหม่ได้เรียนรู้
ส่วนมือเก่าได้ฝึกฝน

ถ้ารีปเข้าไปซื้อหุ้นแล้วหุ้นลงต่อผม
ในฐานะที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าเริ่มเห็นว่าดูท่าจะแย่ ผมก็จะรอจังหวะขายทิ้งครับ

โดยเฉพาะยิ่งตอนนี้ยิ่งต้องระวังไว้ให้ดีพวกหุ้นที่กำไรเยอะๆทั้งหลาย
กลุ่มพวกพลังงาน เปโตรเคมี แบงค์. กำไรแทบจะนิวไฮเลยทีเดียว
แถมนักวิเคราะห์บอกว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปอีกหลายๆปี
ตอนนี้เรากำลังถูกทำให้มองว่าที่หุ้นไทยตกเป็นเพราะตกตามต่างประเทศ
ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง เศรษกิจไทยเติบโตดี แบงค์ฐานะมั่นคง

ดูอย่างตลาดหุ้นจีนเริ่มตกลงตอนที่เศรษกิจรุ่งสุดๆ
และก็ตกลงเรื่อยๆทั้งที่เศรษกิจดีกว่าของเราอีก

จังหวะเช่นนี้ มีเงินสดอยู่บ้างคงดีไม่น้อย

Jeng เขียน:

pakhakorn เขียน:

Jeng เขียน:โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ

หมายถึงโอกาสในการปรับฐานไม่ได้มาบ่อยๆ

จะซื้อหุ้นได้ถูก มี 4 เหตุการณ์

1.เศรษฐกิจไม่ดี recession
2. technical correction
3. อุตสาหกรรม มีปัญหา
4. กิจการนั้นๆมีปัญหา แต่แก้ได้

ถ้าตอนนี้เกิด technical correction มือใหม่ คงไม่เคยเจอ คิดว่าถูกแล้ว มีถูกกว่า

ต่อมาเมื่อลงอีก แล้วซื้ออีก คิดว่าถูกที่สุด ก็มีถูกลงไปอีก เป็นต้น

เหตุการณ์ตอนนี้ มันจะมีโอกาสเป็นแบบ 1 , 2, หรือทั้ง 1+2 อย่างละกี่%ครับ

คงแล้วแต่มุมมอง

สำหรับผม เศรษฐกิจเมืองไทย ดีแน่ๆ เงินเฟ้อก็เป็นตัวบอกว่าเศรษฐกิจดี ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เงินจะเฟ้อได้อย่างไร ขึ้นราคาแล้วไม่มีคนมาซื้อ

ดอกเบี้ยขึ้น ก็บ่งบอกว่าเศรษฐกิจดี คือกู้เงินแล้วไปทำการค้า แล้วปรากฎว่าได้กำไร ก็อยากมากู้เพิ่ม ขยายงานแล้ว ได้กำไร ก็อยากขยายงาน และอยากมากู้เพิ่ม ดอกเบี้ยถึงได้เพิ่ม

เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ข้อ 1 เหลือ 0 %

ข้อ 2 กำลังจะเกิดขึ้น ผมให้ข้อ 2 100 %

พี่เจ๋งครับ มันจริงแค่ในบางสถานการณ์

thaloengsak เขียน:

Jeng เขียน:

pakhakorn เขียน:

Jeng เขียน:โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ

หมายถึงโอกาสในการปรับฐานไม่ได้มาบ่อยๆ

จะซื้อหุ้นได้ถูก มี 4 เหตุการณ์

1.เศรษฐกิจไม่ดี recession
2. technical correction
3. อุตสาหกรรม มีปัญหา
4. กิจการนั้นๆมีปัญหา แต่แก้ได้

ถ้าตอนนี้เกิด technical correction มือใหม่ คงไม่เคยเจอ คิดว่าถูกแล้ว มีถูกกว่า

ต่อมาเมื่อลงอีก แล้วซื้ออีก คิดว่าถูกที่สุด ก็มีถูกลงไปอีก เป็นต้น

เหตุการณ์ตอนนี้ มันจะมีโอกาสเป็นแบบ 1 , 2, หรือทั้ง 1+2 อย่างละกี่%ครับ

คงแล้วแต่มุมมอง

สำหรับผม เศรษฐกิจเมืองไทย ดีแน่ๆ เงินเฟ้อก็เป็นตัวบอกว่าเศรษฐกิจดี ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เงินจะเฟ้อได้อย่างไร ขึ้นราคาแล้วไม่มีคนมาซื้อ

ดอกเบี้ยขึ้น ก็บ่งบอกว่าเศรษฐกิจดี คือกู้เงินแล้วไปทำการค้า แล้วปรากฎว่าได้กำไร ก็อยากมากู้เพิ่ม ขยายงานแล้ว ได้กำไร ก็อยากขยายงาน และอยากมากู้เพิ่ม ดอกเบี้ยถึงได้เพิ่ม

เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ข้อ 1 เหลือ 0 %

ข้อ 2 กำลังจะเกิดขึ้น ผมให้ข้อ 2 100 %

พี่เจ๋งครับ มันจริงแค่ในบางสถานการณ์

ยังไงก็ได้ครับ

Cost push ก็เงินเฟ้อได้ครับ

ไม่ใช่ฝั่ง demand อย่างเดียว

ถ้าลง แต่คิดว่ายังลงไม่สุด หุ้นไม่ได้ถูกโคตรๆเหมือนสองปีกว่าที่แล้ว ผมคงซื้อ แต่ซื้อแบบยั้งๆมือครับ ไม่ใช่เกหมดหน้าตัก (เมื่อวานพึ่งทำแบบที่ว่าไป) แต่ต้องดูupsideประกอบครับ บางตัวลงมา แต่ยังแพงมากก้อยังมี (แต่ก้อมีคนตื่นเต้นเข้าไปซื้อกันใหญ่เสมือนหุ้นนั้นถูกโคตรๆ ก้องงเหมือนกัน)

คิดว่าน่าจะปรับฐานขึ้นต่ออีกเวฟนึงครับ เดาหยาบๆนะครับ ถ้าจะซื้อเพิ่มอีก คงเตรียม CUT ไว้ครับ

Jeng เขียน:technical correction เป็น perfect situation to buy

technical correction ไม่ได้เป็น perfect situation to buy นะครับ พี่เจ๋ง ........

แงซาย เขียน:

Jeng เขียน:technical correction เป็น perfect situation to buy

technical correction ไม่ได้เป็น perfect situation to buy นะครับ พี่เจ๋ง ........

ยังไงเหรอครับ

ในมุมของพี่ สมมุติพี่อยากซื้อ cpall เพราะคิดว่าดี แต่พี่เกี่ยงราคา

ถ้าอยู่ๆ cpall ลงทุกวัน ทั้งๆที่กิจการยังดีอยู่

cpall ลงเพราะ อเมริกา มีหนี้

cpall ลงเพราะ s&p ลดเครดิต อเมริกา

cpall ลงเพราะ set ลง

cpall ลงเพราะ อะไรก็ไม่รู้ เห็นเค๊าลง ก็ลงกะเค๊าด้วย เดี่ยวไม่มีเพื่อน

สรุปว่า ถ้า หุ้นทีเราคิดอยากได้มานานแล้ว แล้วราคาลงมาถึงจุดที่เราคำนวณพื้นฐานแล้วน่าซื้อ

technical correction ก็น่าจะเป็น โอกาสซื้อที่ดีที่สุด ตามที่พี่เข้าใจ จากการอ่านหนังสือมานะคับ

แต่ คนที่เข้าไปรับเร็ว แล้วเห็นราคาลงทุกวัน ก็ต้องรู้ตัวว่า เข้าซื้อเพราะเห็นว่ามันถูก โดยที่ตัวเองไม่สามารถคำนวณราคาพื้นฐานได้

ทำให้เวลาลงแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี จริงๆแล้ว หากเราคำนวณราคาพื้นฐาน ที่เราอยากได้ แล้วเราซื้อ ต่อให้ราคาลงอีก เราจะไม่รู้สึกว่า เราขาดทุนนะครับ เราจะรู้ว่า เออดี ลงไปซิ เดี่ยวจะหาเงินมาซื้อเพิ่ม

อย่ารีบขึ้นละกัน

สมควรไหมครับถ้าเราจะขายกำไรหุ้นที่มีบางส่วนเพื่อเอาเงินสด

มารอมันลงอีก...จะได้ซื้อเพิ่มอ่ะครับ

เออ ผมไม่รู้ว่า technical correction คืออะไรครับ แต่ขอเขียนในฐานะเป็นวีไอตัวเล็กๆตัวหนึ่ง
ผมขออนุญาตเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาเราให้ฟังครับ
ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่งครับเริ่มต้นที่ 10 บาท แล้วขึ้นไป12 บาทมั้งพอประกาศผลประกอบการหล่นวูบเหลือ 10หน่อยๆหล่นวันเดียว 10%กว่าๆ พอผมตรวจแล้วไม่พบอะไร ผมก็ซื้อเพิ่มเข้ามา หลังจากนั้นมันก็ทรงๆ จนประกาศงวดต่อมา หุ้นก็ร่วงอย่างเมามันอีก จนหล่นมา8บาทกว่าๆ ลดลงวันเดียว10%กว่าอีกครั้ง คราวนี้ผมก็ซื้อเพิ่มอีกเช่นเคย จนทุนผมเหลือ8.8บาทมั้งนะ แล้ววันหนึ่งก็มาถึง เขาประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา1:1 หุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมขายออกที่13บาทก่อนถึงวันปันผล โดยผมรับผลอดทนนั้นที่เกือบ50% เวลาที่หุ้นที่เราซื้อนั้นราคาลงมาเรื่อยๆนั้นเราที่เป็นนักลงทุนวีไอควรทำดังนี้
1. สำคัญมากสุดครับคือข้อนี้ กลับไปดูด่วนเลยครับว่า ที่เราวิเคราะห์นั้น ถูกจริงหรือไม่ ถ้าตรวจพบว่าผิด ผมแนะนำน้องๆว่า ยอมขาดทุนขายออกเถอะครับ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าความคิดเราไม่ผิด หุ้นไม่ได้มีพื้นฐานที่เปลี่ยนอะไร นั้นคือโอกาสสุดยอดของยอดๆๆ ที่เราจะเก็บหุ้นเพิ่ม แต่นั้นคุณควรตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนซื้อเพิ่มครับ
2. ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหุ้นที่เราศึกษาเสมอครับ การที่เราซื้อเพิ่มด้วยความมั่นใจ ไม่ได้หมายความว่าคุณละเลยมันได้ครับ หุ้นมันเหมือนลูกนะครับ ดูแลดีผลตอบแทนก็ดีด้วยเสมอ
อาจจะมีคนคิดว่าผมขายหมูเพราะทุกวันนี้ หุ้นนั้นขึ้นเป็น10บาทหลังหุ้นปันผลเพิ่มเข้ามา แต่วันนั้นผมสวิทช์ไปเข้าหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ผมคิดว่ามันถูกกว่าและดีกว่า ซึ่งตอนแรกมันก็ไม่ได้ดีกว่าหุ้นตัวเดิม แต่ปัจจุบันนั้นหุ้นตัวนั้นได้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าหุ้นเดิมมากแล้วครับ
ดังนั้นถ้าน้องๆซื้อหุ้นที่คิดว่าดีแล้วแล้วราคามันลง ขอให้ตรวจสอบด้วยครับว่าเราเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ อย่างตอนนี้ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของผม ผมรู้สึกว่าผมหาหุ้นที่ราคาเหมาะสมไม่ได้มากนัก ถึงมีก็มี margin of safety น้อยมาก ผมอาจมีความรู้ไม่มากนัก และอาจรู้จักหุ้นไม่มากเหมือนหลายๆคน แต่ผมเชื่ออยู่เสมอว่าถ้าคุณซื้อในกิจการที่คุณรู้จักดีมากๆโอกาสผิดพลาดของคุณก็จะลดลง ดังนั้นการทำการบ้านมากๆจะช่วยให้น้องๆและพี่ๆอยู่รอดปลอดภัยในภาวะผันผวนเช่นนี้ ขอให้ทุกคนร่ำรวยนะครับ

ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดแย้งกับใครนะครับ ผมแค่เสนอความคิดในแบบของผม ถ้าไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยครับ

technical correction สำหรับตอนตลาดขาขึ้น คือตอนช่วงปรับฐาน เป็นช่วงที่น่าซื้อครับ ส่วนถ้าตลาดขาลง technical correction คือตอนที่เด้งขึ้นสั้นๆแล้วลงต่อ อันนี้เขาบอกให้ขายกันครับ

sovlfly เขียน:สมควรไหมครับถ้าเราจะขายกำไรหุ้นที่มีบางส่วนเพื่อเอาเงินสด

มารอมันลงอีก...จะได้ซื้อเพิ่มอ่ะครับ

อย่าเลยครับไม่มีใครรู้หลอกครับว่าsetมันจะลงไปที่ไหน ถ้าคูณขายแล้วหุ้นม้นขึ้นหละ เดี๋ยวจะมานั่งเซ็งเปล่าๆ

viหัดคลาน เขียน:เออ ผมไม่รู้ว่า technical correction คืออะไรครับ แต่ขอเขียนในฐานะเป็นวีไอตัวเล็กๆตัวหนึ่ง
ผมขออนุญาตเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาเราให้ฟังครับ
ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่งครับเริ่มต้นที่ 10 บาท แล้วขึ้นไป12 บาทมั้งพอประกาศผลประกอบการหล่นวูบเหลือ 10หน่อยๆหล่นวันเดียว 10%กว่าๆ พอผมตรวจแล้วไม่พบอะไร ผมก็ซื้อเพิ่มเข้ามา หลังจากนั้นมันก็ทรงๆ จนประกาศงวดต่อมา หุ้นก็ร่วงอย่างเมามันอีก จนหล่นมา8บาทกว่าๆ ลดลงวันเดียว10%กว่าอีกครั้ง คราวนี้ผมก็ซื้อเพิ่มอีกเช่นเคย จนทุนผมเหลือ8.8บาทมั้งนะ แล้ววันหนึ่งก็มาถึง เขาประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา1:1 หุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมขายออกที่13บาทก่อนถึงวันปันผล โดยผมรับผลอดทนนั้นที่เกือบ50% เวลาที่หุ้นที่เราซื้อนั้นราคาลงมาเรื่อยๆนั้นเราที่เป็นนักลงทุนวีไอควรทำดังนี้
1. สำคัญมากสุดครับคือข้อนี้ กลับไปดูด่วนเลยครับว่า ที่เราวิเคราะห์นั้น ถูกจริงหรือไม่ ถ้าตรวจพบว่าผิด ผมแนะนำน้องๆว่า ยอมขาดทุนขายออกเถอะครับ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าความคิดเราไม่ผิด หุ้นไม่ได้มีพื้นฐานที่เปลี่ยนอะไร นั้นคือโอกาสสุดยอดของยอดๆๆ ที่เราจะเก็บหุ้นเพิ่ม แต่นั้นคุณควรตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนซื้อเพิ่มครับ
2. ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหุ้นที่เราศึกษาเสมอครับ การที่เราซื้อเพิ่มด้วยความมั่นใจ ไม่ได้หมายความว่าคุณละเลยมันได้ครับ หุ้นมันเหมือนลูกนะครับ ดูแลดีผลตอบแทนก็ดีด้วยเสมอ
อาจจะมีคนคิดว่าผมขายหมูเพราะทุกวันนี้ หุ้นนั้นขึ้นเป็น10บาทหลังหุ้นปันผลเพิ่มเข้ามา แต่วันนั้นผมสวิทช์ไปเข้าหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ผมคิดว่ามันถูกกว่าและดีกว่า ซึ่งตอนแรกมันก็ไม่ได้ดีกว่าหุ้นตัวเดิม แต่ปัจจุบันนั้นหุ้นตัวนั้นได้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าหุ้นเดิมมากแล้วครับ
ดังนั้นถ้าน้องๆซื้อหุ้นที่คิดว่าดีแล้วแล้วราคามันลง ขอให้ตรวจสอบด้วยครับว่าเราเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ อย่างตอนนี้ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของผม ผมรู้สึกว่าผมหาหุ้นที่ราคาเหมาะสมไม่ได้มากนัก ถึงมีก็มี margin of safety น้อยมาก ผมอาจมีความรู้ไม่มากนัก และอาจรู้จักหุ้นไม่มากเหมือนหลายๆคน แต่ผมเชื่ออยู่เสมอว่าถ้าคุณซื้อในกิจการที่คุณรู้จักดีมากๆโอกาสผิดพลาดของคุณก็จะลดลง ดังนั้นการทำการบ้านมากๆจะช่วยให้น้องๆและพี่ๆอยู่รอดปลอดภัยในภาวะผันผวนเช่นนี้ ขอให้ทุกคนร่ำรวยนะครับ

dsgt

ซื้อแล้ว ลงต่อ ทำได้อย่างเดียวครับ แซ่บ เถอะครับ

ไม่แซ่บ เด๋วมันลงมาหนักมากจะเจ็บ ตัว หนีคือ สุดยอดกลยุทธ

หุ้นลง มอสไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นนอกจากจะลดลงและหมดไป

MOS มอสช่วยไม่ไหว เพราะมอสเองก้หมด สู้เหลือมอสพอประมาณแล้วขายก่อน

มองปรับฐาน ประมาณสองร้อยถึงสามร้อยจุดครับ จริงๆ มันมีสัญญานมาก่อนแล้ว

หุ้นเน่าเข้า ทอปเกนเนอร์ อันนี้แสดงว่า หมดรอบครับ

ถ้าเข้าซื้อหุ้น แล้ว หุ้นลงต่อ เราจะทำอย่างไร

--หุ้นที่เราซื้อหากมีกิจการกำไร ที่ดีขึ้น หากมันลง ก็ซื้อเพิ่ม หากมันลงต่อ ก็ซื้อเพิ่มอีก จนตังค์หมด
แต่ถ้าเรา ตังค์หมดแล้ว ดันลงไปเยอะกว่าอีก อันนี้ก็คงนั่งเสียดาย

แต่หาก เราตาสั้น มองผิด เราก็คงซวยเจ็บตัวจร้า
แต่หาก เราตายาว ระยะสั้นตามอารมณ์ ตลาด มันก็ผัวผวนได้ ขาดทุนได้ ลุงบัพเพ่ต์ ยังเคยซื้อหุ้นที่คิดว่าถูกแล้ว ปีต่อมาลดต่ออีกครึ่งนึงเลยครับ ดันเจอถูกกว่า แต่แกไม่ได้ตกใจอะไร กิจการมันโตขึ้นเรื่อยๆ ไปๆ มาๆ หลายปีเข้า กำไรหลายสิบเท่าเฉย

คนที่ซื้อหุ้นราคาถูกมากแล้วไม่ขายเมื่อหุ้นตกอีกเพราะเขาไม่รู้ว่า
พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือลง
แต่คนที่ไม่ประมาท เขาจะมีเงินสดสำหรับซื้อหุ้นเมื่อหุ้นลงต่อ
อย่างไรก็ตามถ้าหุ้นลงต่อเนื่องสามปี
ผมเชื่อว่าพวกเราชาววีไอจะมีหุ้นเต็มปอดครับ555

อุดมคติคือ ขายทิ้งก่อนลงหนักๆ ซื้อก่อนขึ้น แล้วถือยาวๆ รอหลายๆเด้ง อยากทำกันทุกคน
เพียงแต่เราไม่น่าจะคาดการณ์ได้ว่ามันจะลงเมื่อไหร่ และมันจะลงหนักๆจริงหรือไม่ ถ้าขายทิ้งไปก่อน แล้วหุ้นมันดันไม่ลงต่อ คุณจะเสียหุ้นไปเพราะซื้อใหม่อาจจะไม่ได้ต้นทุนอย่างเดิม

ช่วงที่มันแกว่ง อยู่เฉยๆดีที่สุดครับ ยกเว้นว่ามันลงมากจริงๆค่อยเข้าไปซื้อ ถ้าซื้อแล้วลงต่อก็อยู่เฉยๆครับ ผมจะมีลิมิตว่าตัวไหนเราจะซื้อไม่เกินจำนวนเงินซักเท่าไหร่ เผื่อเราคิดผิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

yoko เขียน:คนที่ซื้อหุ้นราคาถูกมากแล้วไม่ขายเมื่อหุ้นตกอีกเพราะเขาไม่รู้ว่า
พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือลง
แต่คนที่ไม่ประมาท เขาจะมีเงินสดสำหรับซื้อหุ้นเมื่อหุ้นลงต่อ
อย่างไรก็ตามถ้าหุ้นลงต่อเนื่องสามปี
ผมเชื่อว่าพวกเราชาววีไอจะมีหุ้นเต็มปอดครับ555

ผมคนหนึ่งละ คงเสร็จแน่เลย

ฮ่ะๆๆ พูดถึง DSGT ผมประเมินมันต่ำไปมาก ประกอบกับ DR.นิเวศน์ ได้ให้ข้อระวังเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ (ผมไปถามแกในงาน)
ผมเลยมองว่าไม่มี MOS และ ราคาดังกล่าวแพงมากแล้ว (ก่อนจ่าย 1:1) ก็เลยขายไปหมด แถมขาดทุนด้วย

ก็เลยมีข้อคิดว่า ไม่ sure อย่าไปซื้อครับ เดี๋ยวไขว้เขว แล้วจะผลาดเอาง่ายๆ
แล้วถ้าหุ้นลงต่อ ต่ำกว่าราคาที่เราประเมินไว้ ก็ต้องยิ้มครับ แล้ว กด buy at ATO โลด
(แต่อย่าเต็ม แม็ก นะ อะไรมีต่ำแล้วย่อมมีต่ำกว่า)
แล้วก็ดูมันซักพัก ทะยอยซื้อเข้า port ครับ
ถ้ามันเด้งขึ้นมาถึงราคาที่ประเมิน ก็ซัดเต็ม (เดี๋ยวไม่ได้ซื้อ)
ถ้ามันลงต่อ ก็ทะยอยซื้อ ขำๆ ไปเรื่อยๆ

หากถามว่าจะเอาตังค์มาจากไหน ก็คงขายบางตัวใน port มาซื้อ ไม่ก็เอาเงินเดือนมาเติม

ประมาณนั้นครับ

แต่ตอนนี้หายากมากเลยอ่ะเกินราคาประเมินทุกตัวเลย - -"