เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 6 สิงหาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในการลงทุนของ “เซียน” หรือนักลงทุนที่ “มุ่งมั่น” นั้น ดูเหมือนว่าจะมีความคิดเกี่ยวกับอนาคตหรือแนวโน้มของกิจการเป็น 2 แนวทาง กลุ่มของเซียนที่กล้าได้กล้าเสียมากกว่า อายุน้อยกว่า กระตือรือร้นกว่า และมีสปิริตของ “นักเก็งกำไร” มากกว่า พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่กำลังมีการ “เปลี่ยนแปลง” ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ พวกเขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของกิจการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ และนั่นเป็นโอกาสที่เขาจะซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว
นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรกมาก พวกเขาน่าจะมีอายุมากกว่า อนุรักษ์นิยมกว่า เป็นพวกที่เน้นความปลอดภัยสูง และมีสปิริตของ “นักลงทุน” มากกว่าการเทรดหุ้น พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่มีความแน่นอนของผลประกอบการและชอบกิจการที่ “ไม่เปลี่ยนแปลง” ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ พวกเขาเชื่อว่ากิจการที่มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไปง่าย ๆ นั้น จะทำให้เขาสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำหรือใกล้เคียงความเป็นจริง ดังนั้น การซื้อหุ้นลงทุนจะมีความผิดพลาดน้อยกว่ากิจการที่มีหรือจะมีการเปลี่ยนแปลงสูง คนกลุ่มนี้มีความคิดว่าผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นมาก ๆ นั้น อยู่ที่การเติบโตของกิจการในอนาคตจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ของบริษัท พูดง่าย ๆ พวกเขาเชื่อว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของยอดขายและกำไรของบริษัท ดังนั้น วิธีทำเงินก็คือ ซื้อหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวแล้วถือไว้ยาว ๆ โดยไม่ต้องทำอะไร ยกเว้นแต่การคอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท
การเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็สามารถจำแนกออกได้เป็นหลาย ๆ กลุ่มที่เราสามารถพบเห็นในตลาดหุ้นได้ดังต่อไปนี้
กลุ่มแรกที่พบได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทขนาดเล็กและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหาในการดำเนินงานและกำลัง “ฟื้นฟู” กิจการโดยผู้ถือหุ้นและผู้บริหารกลุ่มใหม่ การที่เป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้การเปลี่ยนแปลงแบบ “พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ” นั้นทำได้ง่าย วิธีการก็คือทำการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ แล้วก็ประกาศเปลี่ยนธุรกิจ จากธุรกิจเดิมเป็นธุรกิจที่ “มีโอกาส” ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เคยทำธุรกิจนั้นอยู่เช่น ธุรกิจรับเหมาหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่กำลัง “ร้อนแรง” และการเข้าสู่ธุรกิจทำได้ง่ายเช่น ธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทนต่าง ๆ หรือถ้าเป็นบริษัทที่ทำทางด้านบริการก็อาจจะหันไปจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบันเทิงหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลง “พื้นฐาน” ของกิจการเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างสิ้นเชิงนั้น ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ จริงอยู่ ในระยะยาวบริษัทก็อาจจะมีกำไรและทำให้บริษัทที่เคยมีปัญหาฟื้นตัวได้ แต่ถ้าหากกำไรที่ทำได้นั้น เป็น “กำไรปกติ” หรือเป็นกำไรที่เหมาะสมกับ “เงินลงทุน” ที่ใส่เข้าไปในบริษัท ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอาจจะเท่ากับ 10% ต่อปีในระยะยาว ถ้าเป็นแบบนี้ มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น ราคาหุ้นก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น—ในระยะยาว ความหมายก็คือ ใส่เงินใหม่เข้าไปเท่าไร ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น—ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาหุ้นนั้นย่อมขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อ” ของนักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถ้า “สปอนเซอร์” หรือคนที่เข้ามาเปลี่ยนกิจการสามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำกิจการใหม่ให้มีกำไรได้อย่างรวดเร็วและสูงเหมือนกับกิจการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน คนก็จะเข้ามาซื้อหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และดังนั้น คนที่เข้าไปเปลี่ยนกิจการหรือคนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนก็สามารถขายหุ้นทำกำไรได้มากและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
กลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการที่เป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมาและไม่มีปัญหาการดำเนินงานนั้น น่าจะเป็นกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีหรือกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเทคโอเวอร์กิจการที่เป็นคู่แข่ง และ/หรือ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของตน และในกระบวนการนั้น ทำให้เกิดความได้เปรียบเนื่องจากขนาดหรือทำให้เกิดความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในสายตาของลูกค้า ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่บริษัทจ่ายไป ลักษณะนี้จะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับกับ “พื้นฐานใหม่” คนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนในราคาต่ำก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ และก็เช่นเดียวกัน ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไปทันทีเพียงเพราะว่านักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนเชื่อว่าสิ่งที่บริษัททำนั้นจะเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้ว ผลประกอบการที่ประกาศออกมาจะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ดีขึ้นหรือเลวลง และราคาหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานนั้น
คนที่ “หากิน” กับความเปลี่ยนแปลงของกิจการนั้น บ่อยครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานระยะยาวจริง ๆ พวกเขามองหาการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัทหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายนั้น ถ้าราคาสินค้าหรือบริการกำลังปรับตัวขึ้นและเขาคิดว่าด้วยความไม่สมดุลของการผลิตและการบริโภคที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์มีการปรับตัวขึ้นไปอีกมาก แบบนี้ การซื้อหุ้นไว้ก่อนก็จะทำให้ได้กำไรมหาศาล อย่างไรก็ตาม คนที่สามารถคาดการณ์ได้จริง ๆ ก็หาได้ยาก โอกาสผิดพลาดมักจะมีสูง
การเล่นหุ้นที่กำลังมีการ “เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ” นั้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ บ่อยครั้งเราไม่จำเป็นต้องคาดถูกหรือคาดผิดด้วยซ้ำ เราเพียงแต่คาดถูกต้องว่า “คนอื่นเชื่ออย่างไร” เพราะราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นอยู่ที่ความเชื่อไม่ใช่ความจริง ผลตอบแทนของการคาดการณ์ถูกต้องนั้นสูงมาก เช่นเดียวกัน ผลตอบแทนจากการคาดผิดก็เลวร้ายได้ไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม คนที่เล่นเกมนี้ต้องเข้าใจว่ามีบางคนที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น อย่างน้อย “สปอนเซอร์” ก็รู้ดีกว่าคนนอก ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีพลังการซื้อและการชี้นำสูงก็อาจจะได้เปรียบรายย่อยที่เป็นฝ่ายรับข้อมูลมากกว่า
กลับมาในกลุ่มของคนที่หากินกับการ “ไม่เปลี่ยนแปลง” นี่คือยุทธศาสตร์การลงทุนที่ “น่าเบื่อ” เพราะโดยตัวธุรกิจเองนั้น ธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมักเป็นธุรกิจที่ไม่ใคร่มีความคิดสร้างสรรค์มากมายนัก เป็นธุรกิจที่เรียกว่า “รูทีน” ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นมานานส่วนใหญ่อาจจะนับสิบ ๆ ปี หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายก็มักจะเป็นกิจการที่ “แข็งแกร่ง” หรือ “ยิ่งใหญ่” ทั้งในด้านการตลาดและการเงินเมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ผลประกอบการนั้นมักจะคาดการณ์ได้แต่การเติบโตขึ้นเป็นหลายสิบหรือร้อย ๆ เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ ตัวหุ้นเองก็มักจะไม่ปรับตัวขึ้นหรือลงหวือหวา ดังนั้น ถ้าคนชอบที่จะมีชีวิตการลงทุนที่มั่นคงพอสมควรและไม่ต้องการความกังวลใจกับการลงทุนตลอดเวลา นี่ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็อาจจะไม่แพ้การลงทุนที่เน้นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพพอ ๆ กัน
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในการลงทุนของ “เซียน” หรือนักลงทุนที่ “มุ่งมั่น” นั้น ดูเหมือนว่าจะมีความคิดเกี่ยวกับอนาคตหรือแนวโน้มของกิจการเป็น 2 แนวทาง กลุ่มของเซียนที่กล้าได้กล้าเสียมากกว่า อายุน้อยกว่า กระตือรือร้นกว่า และมีสปิริตของ “นักเก็งกำไร” มากกว่า พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่กำลังมีการ “เปลี่ยนแปลง” ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ พวกเขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของกิจการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ และนั่นเป็นโอกาสที่เขาจะซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว
นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรกมาก พวกเขาน่าจะมีอายุมากกว่า อนุรักษ์นิยมกว่า เป็นพวกที่เน้นความปลอดภัยสูง และมีสปิริตของ “นักลงทุน” มากกว่าการเทรดหุ้น พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่มีความแน่นอนของผลประกอบการและชอบกิจการที่ “ไม่เปลี่ยนแปลง” ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ พวกเขาเชื่อว่ากิจการที่มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไปง่าย ๆ นั้น จะทำให้เขาสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำหรือใกล้เคียงความเป็นจริง ดังนั้น การซื้อหุ้นลงทุนจะมีความผิดพลาดน้อยกว่ากิจการที่มีหรือจะมีการเปลี่ยนแปลงสูง คนกลุ่มนี้มีความคิดว่าผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นมาก ๆ นั้น อยู่ที่การเติบโตของกิจการในอนาคตจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ของบริษัท พูดง่าย ๆ พวกเขาเชื่อว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของยอดขายและกำไรของบริษัท ดังนั้น วิธีทำเงินก็คือ ซื้อหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวแล้วถือไว้ยาว ๆ โดยไม่ต้องทำอะไร ยกเว้นแต่การคอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท
การเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็สามารถจำแนกออกได้เป็นหลาย ๆ กลุ่มที่เราสามารถพบเห็นในตลาดหุ้นได้ดังต่อไปนี้
กลุ่มแรกที่พบได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทขนาดเล็กและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหาในการดำเนินงานและกำลัง “ฟื้นฟู” กิจการโดยผู้ถือหุ้นและผู้บริหารกลุ่มใหม่ การที่เป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้การเปลี่ยนแปลงแบบ “พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ” นั้นทำได้ง่าย วิธีการก็คือทำการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ แล้วก็ประกาศเปลี่ยนธุรกิจ จากธุรกิจเดิมเป็นธุรกิจที่ “มีโอกาส” ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เคยทำธุรกิจนั้นอยู่เช่น ธุรกิจรับเหมาหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่กำลัง “ร้อนแรง” และการเข้าสู่ธุรกิจทำได้ง่ายเช่น ธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทนต่าง ๆ หรือถ้าเป็นบริษัทที่ทำทางด้านบริการก็อาจจะหันไปจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบันเทิงหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลง “พื้นฐาน” ของกิจการเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างสิ้นเชิงนั้น ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ จริงอยู่ ในระยะยาวบริษัทก็อาจจะมีกำไรและทำให้บริษัทที่เคยมีปัญหาฟื้นตัวได้ แต่ถ้าหากกำไรที่ทำได้นั้น เป็น “กำไรปกติ” หรือเป็นกำไรที่เหมาะสมกับ “เงินลงทุน” ที่ใส่เข้าไปในบริษัท ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอาจจะเท่ากับ 10% ต่อปีในระยะยาว ถ้าเป็นแบบนี้ มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น ราคาหุ้นก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น—ในระยะยาว ความหมายก็คือ ใส่เงินใหม่เข้าไปเท่าไร ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น—ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาหุ้นนั้นย่อมขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อ” ของนักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถ้า “สปอนเซอร์” หรือคนที่เข้ามาเปลี่ยนกิจการสามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำกิจการใหม่ให้มีกำไรได้อย่างรวดเร็วและสูงเหมือนกับกิจการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน คนก็จะเข้ามาซื้อหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และดังนั้น คนที่เข้าไปเปลี่ยนกิจการหรือคนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนก็สามารถขายหุ้นทำกำไรได้มากและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
กลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการที่เป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมาและไม่มีปัญหาการดำเนินงานนั้น น่าจะเป็นกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีหรือกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเทคโอเวอร์กิจการที่เป็นคู่แข่ง และ/หรือ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของตน และในกระบวนการนั้น ทำให้เกิดความได้เปรียบเนื่องจากขนาดหรือทำให้เกิดความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในสายตาของลูกค้า ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่บริษัทจ่ายไป ลักษณะนี้จะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับกับ “พื้นฐานใหม่” คนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนในราคาต่ำก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ และก็เช่นเดียวกัน ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไปทันทีเพียงเพราะว่านักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนเชื่อว่าสิ่งที่บริษัททำนั้นจะเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้ว ผลประกอบการที่ประกาศออกมาจะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ดีขึ้นหรือเลวลง และราคาหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานนั้น
คนที่ “หากิน” กับความเปลี่ยนแปลงของกิจการนั้น บ่อยครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานระยะยาวจริง ๆ พวกเขามองหาการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัทหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายนั้น ถ้าราคาสินค้าหรือบริการกำลังปรับตัวขึ้นและเขาคิดว่าด้วยความไม่สมดุลของการผลิตและการบริโภคที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์มีการปรับตัวขึ้นไปอีกมาก แบบนี้ การซื้อหุ้นไว้ก่อนก็จะทำให้ได้กำไรมหาศาล อย่างไรก็ตาม คนที่สามารถคาดการณ์ได้จริง ๆ ก็หาได้ยาก โอกาสผิดพลาดมักจะมีสูง
การเล่นหุ้นที่กำลังมีการ “เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ” นั้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ บ่อยครั้งเราไม่จำเป็นต้องคาดถูกหรือคาดผิดด้วยซ้ำ เราเพียงแต่คาดถูกต้องว่า “คนอื่นเชื่ออย่างไร” เพราะราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นอยู่ที่ความเชื่อไม่ใช่ความจริง ผลตอบแทนของการคาดการณ์ถูกต้องนั้นสูงมาก เช่นเดียวกัน ผลตอบแทนจากการคาดผิดก็เลวร้ายได้ไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม คนที่เล่นเกมนี้ต้องเข้าใจว่ามีบางคนที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น อย่างน้อย “สปอนเซอร์” ก็รู้ดีกว่าคนนอก ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีพลังการซื้อและการชี้นำสูงก็อาจจะได้เปรียบรายย่อยที่เป็นฝ่ายรับข้อมูลมากกว่า
กลับมาในกลุ่มของคนที่หากินกับการ “ไม่เปลี่ยนแปลง” นี่คือยุทธศาสตร์การลงทุนที่ “น่าเบื่อ” เพราะโดยตัวธุรกิจเองนั้น ธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมักเป็นธุรกิจที่ไม่ใคร่มีความคิดสร้างสรรค์มากมายนัก เป็นธุรกิจที่เรียกว่า “รูทีน” ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นมานานส่วนใหญ่อาจจะนับสิบ ๆ ปี หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายก็มักจะเป็นกิจการที่ “แข็งแกร่ง” หรือ “ยิ่งใหญ่” ทั้งในด้านการตลาดและการเงินเมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ผลประกอบการนั้นมักจะคาดการณ์ได้แต่การเติบโตขึ้นเป็นหลายสิบหรือร้อย ๆ เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ ตัวหุ้นเองก็มักจะไม่ปรับตัวขึ้นหรือลงหวือหวา ดังนั้น ถ้าคนชอบที่จะมีชีวิตการลงทุนที่มั่นคงพอสมควรและไม่ต้องการความกังวลใจกับการลงทุนตลอดเวลา นี่ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็อาจจะไม่แพ้การลงทุนที่เน้นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพพอ ๆ กัน
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 6
โดนมากครับ บทความนี้
ดูเหมือนว่าผมจะอยู่กลุ่มชอบเปลี่ยนแปลง
ดูเหมือนว่าผมจะอยู่กลุ่มชอบเปลี่ยนแปลง
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 9
2บทความแล้วนะครับซุนเซ็ก เขียน:โดนมากครับ บทความนี้
ดูเหมือนว่าผมจะอยู่กลุ่มชอบเปลี่ยนแปลง
ดูเหมือนอาจารย์กำลังเตือนอยู่ครับ ส่วนตัวผมก้ซื้อเน้นอนาคตจริงๆๆหวือหวาจริงๆ
ขอบคุณนะครับ ท่านอาจารย์
ดูมันนี่ทอรค ไลฟก่อนและครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 12
น่าแปลกใจว่า ไอสไตน์ กล่าวว่า สิ่งอัศจรรย์ของโลกคือดอกเบี้ยทบต้น
และ บัฟเฟต นักลงทุนมือหนึ่ง ลงทุนแบบแนวไม่เปลี่ยนแปลง และใช้ความอัศจรรย์ของโลก
แต่น้อยคนนนักที่จะทำตามได้จริงๆ แม้แต่ในบอร์ด VI
และ บัฟเฟต นักลงทุนมือหนึ่ง ลงทุนแบบแนวไม่เปลี่ยนแปลง และใช้ความอัศจรรย์ของโลก
แต่น้อยคนนนักที่จะทำตามได้จริงๆ แม้แต่ในบอร์ด VI
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณคร้าบ
-
- Verified User
- โพสต์: 195
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
ชอบจัง
ดังนั้นถ้าจับความเปลี่ยนแปลงได้ก่อนคนส่วนใหญ่ ก็นำมาซึ่งผลกำไรได้
ดังนั้นถ้าจับความเปลี่ยนแปลงได้ก่อนคนส่วนใหญ่ ก็นำมาซึ่งผลกำไรได้
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
-
- Verified User
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 19
ผมเปนแนวที่ไม่ชอบเปลี่ยนแปลงครับ
และยอมถือหุ้นบางตัวเปน 10 ปี ได้ ตามแบบ idol หลายๆ คน จนปันผลมัน cover เงินต้น
(ผมถือว่าให้เงินทำงานไปด้วย ผมทำงานไปด้วย)
แต่บางตัวผมก็ชอบแบบแนวเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปนตัวที่จะมีกำไรที่เกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต
เช่น ปัจจุบันอยู่ใน growth stage ถือไปจน maturity stage พอถึงเวลานั้นหุ้นที่ผมถือบางตัวก็กลายเป็น
หุ้นปันผลชั้นดีขึ้นมาได้ เพราะ กำไรที่เติบโต จนปันผล cover cost
อีกเช่น กันออกแนว ห่านทองคำ อะครับ
และยอมถือหุ้นบางตัวเปน 10 ปี ได้ ตามแบบ idol หลายๆ คน จนปันผลมัน cover เงินต้น
(ผมถือว่าให้เงินทำงานไปด้วย ผมทำงานไปด้วย)
แต่บางตัวผมก็ชอบแบบแนวเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปนตัวที่จะมีกำไรที่เกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต
เช่น ปัจจุบันอยู่ใน growth stage ถือไปจน maturity stage พอถึงเวลานั้นหุ้นที่ผมถือบางตัวก็กลายเป็น
หุ้นปันผลชั้นดีขึ้นมาได้ เพราะ กำไรที่เติบโต จนปันผล cover cost
อีกเช่น กันออกแนว ห่านทองคำ อะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณที่ชี้แนวทางการลงทุน ที่ดีที่สุดสำหรับ ผม ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
ชอบครับ อ่านแล้วใช่เลย...
ขอบคุณ Dr.
ขอบคุณ Dr.
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
คลานเป็นเต่า ช้า ๆ ก็ถึงเหมือนกัน น่าเบื่อก็เถอะ อิ อิ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
rattanakon เขียน:คลานเป็นเต่า ช้า ๆ ก็ถึงเหมือนกัน น่าเบื่อก็เถอะ อิ อิ
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
เป็นบทความที่ดีมากๆเลยครับ ขอบคุณดร.มากครับ
Value = Quality/Cost
-
- Verified User
- โพสต์: 480
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 28
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับmong_eg เขียน:น่าแปลกใจว่า ไอสไตน์ กล่าวว่า สิ่งอัศจรรย์ของโลกคือดอกเบี้ยทบต้น
และ บัฟเฟต นักลงทุนมือหนึ่ง ลงทุนแบบแนวไม่เปลี่ยนแปลง และใช้ความอัศจรรย์ของโลก
แต่น้อยคนนนักที่จะทำตามได้จริงๆ แม้แต่ในบอร์ด VI
The miracle of compounding,
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ขอยึดแนวทางวีไอม่ะเปลี่ยนเเปลงคับ ใช้ดีขอบอกๆ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG