Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง การลงทุน และเทคโนโลยี่

ทำให้สภาพแวดล้อมการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมๆ

เดิมนั้น เรายังอาจจะมีช่วงเวลาผ่อนคลายในการที่เราจะลงทุนในหุ้นอยู่บ้าง เวลาจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆเป็นระยะ เช่น Black Monday สงครามอิรัก วิกฤตเศรษฐกิจปี40 9/11

แต่ปัจจุบัน ผมคิดว่าปัญหาต่างๆมีชนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเป็นปัญหาเรือรัง ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และผู้แก้ไขก็ไม่พร้อมที่จะแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นเราคงต้องปรับตัว ปรับสภาพจิตใจ ที่จะต้องอยู่กับปัญหาที่เรือรังนี้ โดยที่เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และติดจามเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ตื่นตระหนก อย่าตื่นเต้นเกินจริงไปกับการรายงานข่าวที่ดูน่าตื่นเต้นเกินจริง

ถ้าเรายังอยากจะเป็นนักลงทุนอยู่ เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่เราจะยังได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความสุขในการลงทุนเหมือนเดิมครับ

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยครับ..

ขอบคุณ พี่ฉัตรชัย ครับ และขอบคุณเว็บvi พร้อมทั้งสมาชิกทุกท่าน ครับ

ใช่แล้วครับ... ต้องปรับตัวให้อยู่ได้ท่ามกลางปัญหา..ให้ได้.....ชีวิตถึงมีความสุข

ขอบคุณครับ แล้วพี่ฉัตรชัยมีแนวทางในการปรับตัวและใจอย่างไร พอจะบอกกับน้องๆรุ่นหลังๆได้บ้างมั้ยครับ

ขอบคุณครับ

ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี

โชคดีครับ

เทียน เขียน:ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี

โชคดีครับ

ผมให้ กีบไปแล้วนะครับ ถูกใจครับ

Globalization ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งครับ ที่ทำให้เราปวดหัวมากขึ้น

ตอนนี้ศึกษาธรรมะครับ จิตใจมันกระวนกระวายเกินไป

ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติ ครับ

Paul VI เขียน:ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติ ครับ

ให้กีฟเลยครับ

โดนใจครับพี่พอล

คนที่เก่ง ฉลาด ใช่ว่าจะอยู่รอดในโลกปัจจุบัน
คนที่ปรับตัวได้ตลอดเวลาต่างหากที่จะอยู่รอด

ทุกสิ่งเกิดขึ้น ในเบื้องต้น ตั้งอยู่และแปรปรวนในท่ามกลาง สุดท้ายก็แตกดับ

ข้อมูลถามโถมมากมายและรวดเร็ว เสพมากก็เครียดมาก ไม่เสพก็กลัวตามไม่ทัน

ต้องให้ใจสงบ งดเสพข่าวสารนาทีต่อนาทีครับ

ใจสงบและนิ่ง สติก็จะมา สตางค์ก็จะมี

ขอบคุณคับพี่ฉัตรชัย

ผมว่านักลงทุนอาชีพควรตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นนะคับ
ในผลกระทบของเรื่องต่างๆที่จะมากระทบกับหุ้นที่เราถืออยู่
เพื่อที่จะได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงเน้นที่การบริหารพอร์ต
ปรับสัดส่วน และกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมในหุ้นแต่ละตัว
เพื่อที่จะพร้อมรับกับสถานะการณ์ต่างๆอย่างไม่ประมาท
รวมถึงคิดวางแผนเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันไว้ก่อนว่าจะทำอะไร
ในช่วงระยะเวลาอันยาวนานตลอดชีวิตการลงทุนของเราคับ

ฉลองโหวตแรกไปแระ

เอาตัวรอดให้ได้สักสามวิกฤตินั่นแหละถึงจะได้ชื่อว่ามีฝีมือ
ขอบคุณพี่chatchai

ผมว่า เปลี่ยนแค่เปลือกกับกระพี้
ส่วนแก่นก็ยังเหมือนเดิมครับ

นักลงทุนในตลาดทุกคน
โลภและกลัวไปตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง

ผมรับมือกับความโลภและความกลัวของตัวเอง
ด้วยคลายเครียดเรโข ทั้งจุลภาคและมหภาค
เพราะไม่กล้าทำอะไร ที่เกินความรู้ ความสามารถของตัวเองครับ

คลายเครียด เขียน:ผมว่า เปลี่ยนแค่เปลือกกับกระพี้
ส่วนแก่นก็ยังเหมือนเดิมครับ

นักลงทุนในตลาดทุกคน
โลภและกลัวไปตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง

ผมรับมือกับความโลภและความกลัวของตัวเอง
ด้วยคลายเครียดเรโข ทั้งจุลภาคและมหภาค
เพราะไม่กล้าทำอะไร ที่เกินความรู้ ความสามารถของตัวเองครับ

สุดยอดเลยครับ คุณคลายเครียด

คลายเครียด เขียน:ผมว่า เปลี่ยนแค่เปลือกกับกระพี้
ส่วนแก่นก็ยังเหมือนเดิมครับ

นักลงทุนในตลาดทุกคน
โลภและกลัวไปตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง

ผมรับมือกับความโลภและความกลัวของตัวเอง
ด้วยคลายเครียดเรโข ทั้งจุลภาคและมหภาค
เพราะไม่กล้าทำอะไร ที่เกินความรู้ ความสามารถของตัวเองครับ

เห็นด้วยครับ บางทีเมื่อชักไม่แน่ใจว่ารู้จริงหรือเปล่า

สบายใจก็ทำกำไร คลายเครียดไว้ก่อน ก็สบายใจดีครับ

chatchai เขียน:โดยที่เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และติดจามเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ตื่นตระหนก อย่าตื่นเต้นเกินจริงไปกับการรายงานข่าวที่ดูน่าตื่นเต้นเกินจริง

ถ้าเรายังอยากจะเป็นนักลงทุนอยู่ เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่เราจะยังได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความสุขในการลงทุนเหมือนเดิมครับ

สุดยอดมากครับ

เรื่องความรู้ความเข้าใจในเหตุการณ์อย่างแท้จริง เราอาจจะทำไม่ได้มาก เพราะข้อมูลเราอาจจะมีไม่เท่าคนอื่นๆที่มีแหล่งข้อมูลพร้อมกว่าเราหลายเท่า

แต่ การควบคุมความตื่นเต้นและความกลัวในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ เป็นสิ่งที่เราควบคุมตัวเองได้ครับ

ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านความคิดเห็นของพี่ฉัตรชัยขอบคุณค่ะ

เวลามีวิกฤตรุนแรง จะเป็นบททดสอบใหญ่ให้กับตัวเองว่า ที่บอกว่าเป็น VI กันนั้นเรามั่นคงในแนวทางแค่ไหน ไม่ใช่เป็น VI เฉพาะกระทิง ส่วนหนึ่งที่ผมยึดมั่นตามแนวทางที่รุ่นพี่ๆทำกันมาคือ ความรู้ ยิ่งมาก ทำให้มั่นใจ บวกกับพุทธปัญญา (ศึกษาแนวพุทธอย่างพี่ฉัตรแล้วเกิดปัญญา) ทำให้มั่นคง นิ่ง และมีสติ ไม่ไหวเอนไปตามกระแส ผมไม่ใช่คนธรรมะ ธรรมโม เข้าวัด เข้าวานะครับ แต่ผมชอบและศึกษาแนวคิดและหลักธรรม ของท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา ท่านอาจารย์ ชยสาโร ภิกขุ ยิ่งศึกษายิ่งมั่นใจ ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน การทำงาน โดยเฉพาะการลงทุน...นิ่ง...มีสติ...ตื่นรู้...ธรรมง่ายๆ ธรรมเถ๊อะ

ผมได้ยินคำว่า New normal เมื่อตอนอบรมกับพี่มนตรี เมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นยังงงๆอยู่ แต่ตอนนี้เข้าใจละครับ ว่ามันหมายความว่าอะไร

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากนะครับกับคำแนะนำดีๆ

มาอ่านทบทวนใหม่

ผ่านไป 5 เดือนเศษ ปัญหาต่างๆ ที่เป็นเหตุให้ผันผวน ก็ยังดำเนินอยู่ แต่หุ้น(set)ก็ลงไปมาก แล้วก็กลับมายืนใกล้ที่เดิมมากๆอีกแล้ว (เหมือนพวกมาเร็ว เคลมเร็วเลย หรือจะว่ายุคนี้ ช่วงเวลามันไวเหมือนโกหกจริงๆ)

"ถ้าเรายังอยากจะเป็นนักลงทุนอยู่ เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่เราจะยังได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความสุขในการลงทุนเหมือนเดิมครับ"


ขอบคุณคำแนะนำดีๆของพี่ฉัตรชัยอีกครั้ง ครับ

ขอบคุณครับ

บทความนี้ทำให้ผมฉุกคิด และเตรียมรับมือหากสถานการณ์ต่างๆมันเลวร้ายขึ้นมาจริงๆ

ไทยกำลังตามอย่างอินโดล่ะมั้งครับ อนาคตอีกไม่นานอาจได้เห็นเซททำไฮทะลุ 1700

วันนี้ผมมีประสบการณ์มากกว่าเมื่อวาน
วันนี้ผมรอหุ้นที่ชอบรอให้เขาตกได้นานกว่าเมื่อวาน
555 555

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ ผมว่าหลักความคิดนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นในชีวิตประจำวันได้ด้วยครับ ถ้าใจเราแข็งแรงซะอย่าง ปัญหาต่างๆ ก็จะดูเล็กลง แล้วมันก็จะผ่านไป แต่สิ่งที่เหลือไว้ คือประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้นครับ