หน้า 1 จากทั้งหมด 1

คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2011 11:54 pm
โดย Jeng
สมมุติว่าหุ้นตัวนึง กำไร 1 บาท ราคา 10 บาท แล้วราคาลงเหลือ 4 บาท

ถ้าเราบอกเพื่อนว่า ซื้อหุ้นตัวนี้มั๊ย

ราคาลงจาก 10 บาท เหลือ 4 บาท เพื่อนก็คงจะถามว่า อ่า แล้วมันจะลงต่อมั๊ย

แต่ถ้าเรา บอกเพื่อนว่า หุ้นตัวนึง แต่ก่อนนะ ได้ผลตอบแทน 10 % ต่อปี มากกว่าดอกเบี้ยแบงค์

ตอนนี้ เขาเพิ่มผลตอบแทนให้ เป็น 25 % ต่อปี

สนใจซื้อมั๊ย

เพื่อนคงจะตอบว่า จริงเหรอ แล้วทำไมเขาเพิ่มผลตอบแทนให้หละ

เราก็ตอบไปว่า ไม่รู้ซิ จะซื้อมั๊ยหละ เพราะผลตอบแทนแบบนี้คุ้มค่า ไม่รู้อีกหน่อยจะซื้อได้หรือไม่

เขียนเล่นๆ ตอน dow rebound +19.1 %

โดยส่วนตัว ก็แปลกใจว่า เมืองไทย และทั่วโลก ทำไมต้องไปลงพร้อมๆกับ ดาวโจน

และที่สำคัญ ทำไมต้องมี ดัชนี

ก็แค่ตลาดหุ้น มีหุ้น 580 ตัว ถ้าไม่มีดัชนี

คนก็จะไปดูที่หุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องมาลงพร้อมๆกัน แบบนี้

และหากเปลี่ยนมุมมอง ว่าเดี่ยวนี้ หุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น แทนที่จะดูว่าราคาลง น่าจะทำให้ ตลาดหุ้น

น่าสนใจ ในยามที่หุ้นให้ผลตอบแทนมากขึ้น

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2011 11:56 pm
โดย Jeng
ดาว + 1.91 % พิมพ์ ผิดจ๊า

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 12:15 am
โดย My House
Jeng เขียน:ดาว + 1.91 % พิมพ์ ผิดจ๊า
แหะๆ ว่าแล้ว เมื่อกี้เลยรีบกดไอโฟนดูเลยว่าดาวน์ +19.1% นี่ขึ้นไปกี่จุด เกือบเฮแล้วครับพี่

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 12:32 am
โดย Warantact
โห กระทู้ VIจริงๆ ในเวปไทยวีไอ! ไม่เจอนานแล้วนะเนี่ย 5555
เห็นด้วย

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 12:39 am
โดย nw108
+1


ขอบคุณครับ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 12:40 am
โดย multipleceilings
Jeng เขียน:สมมุติว่าหุ้นตัวนึง กำไร 1 บาท ราคา 10 บาท แล้วราคาลงเหลือ 4 บาท

ถ้าเราบอกเพื่อนว่า ซื้อหุ้นตัวนี้มั๊ย

ราคาลงจาก 10 บาท เหลือ 4 บาท เพื่อนก็คงจะถามว่า อ่า แล้วมันจะลงต่อมั๊ย

แต่ถ้าเรา บอกเพื่อนว่า หุ้นตัวนึง แต่ก่อนนะ ได้ผลตอบแทน 10 % ต่อปี มากกว่าดอกเบี้ยแบงค์

ตอนนี้ เขาเพิ่มผลตอบแทนให้ เป็น 25 % ต่อปี

สนใจซื้อมั๊ย

เพื่อนคงจะตอบว่า จริงเหรอ แล้วทำไมเขาเพิ่มผลตอบแทนให้หละ

เราก็ตอบไปว่า ไม่รู้ซิ จะซื้อมั๊ยหละ เพราะผลตอบแทนแบบนี้คุ้มค่า ไม่รู้อีกหน่อยจะซื้อได้หรือไม่

เขียนเล่นๆ ตอน dow rebound +19.1 %

โดยส่วนตัว ก็แปลกใจว่า เมืองไทย และทั่วโลก ทำไมต้องไปลงพร้อมๆกับ ดาวโจน

และที่สำคัญ ทำไมต้องมี ดัชนี

ก็แค่ตลาดหุ้น มีหุ้น 580 ตัว ถ้าไม่มีดัชนี

คนก็จะไปดูที่หุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องมาลงพร้อมๆกัน แบบนี้

และหากเปลี่ยนมุมมอง ว่าเดี่ยวนี้ หุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น แทนที่จะดูว่าราคาลง น่าจะทำให้ ตลาดหุ้น

น่าสนใจ ในยามที่หุ้นให้ผลตอบแทนมากขึ้น

พี่ jeng ครับ พูดตรงๆ เอาอะไรไม่ได้หรอกครับเรื่องแบบนี้ การ short ยังถูกคิดค้นขึ้นมา

การทำกำไรจากหายนะของคนอื่น

ตรรกะมันยังไง.......... จุดประสงค์มันเปลี่ยนไปนานแล้วหละครับ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 1:00 am
โดย Packy_Kittiworawut
ผมเชื่อ Zero Sum game
ต่างชาติ สถาบันขายแพง = นลท.ในประเทศซื้อแพง
ทุนต่ำกำไรสูง ขายออกทำกำไร อีกด้านทุนสูง ติด โดน Force sell ,Cut loss, รอไม่ไหว ขายต่ำกว่าทุน
ปริมาณการซื้อขาย Peak แบบนี้ผมไม่กล้าลงทุนเพิ่มเท่าไหร่ครับ น้ำมันเชี่ยว เรือผมลำเล็ก ขอรอให้คลื่นลมสงบครับ

ผมมือใหม่นะครับ :mrgreen:

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 7:41 am
โดย kennabee
+1

เห็นด้วยกับความคิดพี่ JENG ครับ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 7:55 am
โดย supersmile
ผมคิดว่ามันก็ต้องดูหุ้นเป็นตัวๆไปน่ะครับ
ถ้ากิจการขาดทุนขึ้นมาล่ะครับ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 8:04 am
โดย harlembeats
เป็นแนวคิดดีๆคับ ขอบคุณคับ :D

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 8:39 am
โดย chukieat30
เวลาหุ้นลงมันไม่เลือกหรอกครับ หุ้นตัวไหนพื้นฐานดีไม่ดี แดงทั้งกระดาน

ผ่านวิกฤติกันมาหลายรอบ ก้แดงทั้งกระดานก่อนทุกรอบแหล่ะครับ จริงไหม

เหมือนเทเพชรมั่งกากมั่งคนๆๆรวมๆๆกันไป แล้วเท ใครตาถึงก้ได้เพชร ใครตาบอด

ก้เอากากไป แต่ผมว่า การเลือกที่จะซื้อหุ้นที่ไม่กระทบต่อวิกฤตินั้นๆๆ ดีที่สุด

ดังนั้นเราต้องมองให้ออกว่า วิกฤตินี้ใครดีใครแย่

ปี2008 ซัพไพรม์ วนธนกิจ+แบงค์ล้ม

ปี2011 วนธนกิจรวย รัฐบาลเจ๊ง

แค่นี้ก้ ต่างกันมากแล้วครับ

แต่ส่วนหนึ่งที่เหมือนกันรอบนี้คือ หลังคาและเสาบ้านเค้า ก้ปลิวมาบ้านเราทุกครั้ง

เพราะมันคือ โกลบอลไรเซชั่น

ขอบคุณคุณเม่าอินเวสเตอร์ เครดิตรูปภาพจากคุณเม่าอินเวส

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 8:49 am
โดย chukieat30
รอบนี้ก้จะเป็นรอบ คัดเลือกหาหุ้น ที่ไม่กระทบต่อวิกฤติทั้งเมกาและยุโรป

เมกา+ยุโรป ----->เน่า----->รัดเข็มขัด ---->ลดการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย

หุ้นที่จะเป็น perfect stock ที่จะต้องเจอกับ super strom แล้วรอดไปได้

คือ กิจการที่มีหนี้สินน้อย และไม่ไปยุ่งกะพวกเมกาหรือยุโรป ถึงมีโอกาศรอด

หรือเป็นกิจการที่กินใช้ในประเทศเท่านั้น

จึงจะรอด จากวิกฤติรอบนี้

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 8:56 am
โดย tt
ที่แปลกยิ่้งกว่าคือเวลาซื้อเราหวังกำไร 20-30% แต่ขอต่อราคา 1 ช่อง
ซึ่งถ้าเราคาดว่ามันจะขึ้น 20-30% การที่ต้นทุนเพิ่ม 1 ช่อง นี่ไม่มีผลอะไรเลย
พอหุ้นลงมาก็กระเถิบลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 9:06 am
โดย blackninja
ผมว่าที่มันลงก็เป็นเพราะคนคิดล่วงหน้าไปว่าอนาคตกำไรมันจะได้ไม่ถึง 1บาทเหมือนเดิมทำให้ราคามันลงมา 4 บาทครับ แต่ถ้าคนเชื่อว่ากำไรนิ่งๆอยู่เหมือนเดิมอย่างพวก prop.fund คนก็จะไม่ขายครับ

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 11:12 am
โดย pakhakorn
เขาว่ามนุษย์....เป็นสัตว์สังคมประเภทหนึ่ง(หยาบไป ขอโทษ ครับ)

จึงมีพฤติกรรม เแบบไทยมุง แล้วแตกตื่นเป็นหมู่คณะ

แล้วเดี๋ยวนี้..การสื่อสาร มันดีมาก ครับ เลย ออกอาการ ตามๆกัน เร็วมาก ตามตลาดหุ้นเมืองนอก

แต่ได้ยินมาว่า...คนมีความสามารถสูง(กว่าคนอื่น) ก็ทำความร่ำรวยจากเหตุการร์เช่นนี้เป็นประจำ ครับ

...คิดแล้วก็แปลกดี...จริงๆ ครับ พี่Jeng (ผมมือยังใหม่รอเรียนรู้...จากผู้มากประสบการณ์ ครับ) :D

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 11:34 am
โดย Radio
เพราะลงทุนในหุ้น เป็นการคาดเดาอนาคต หุ้นราคา 10 บาท
ปันผล 1 บาทในวันนี้ = 10% ปีหน้า อาจเหลือปันผล 0.4 บาท
ดังนั้น ราคาจึงลงล่วงหน้ามาเหลือ 4 บาท= ปันผล 10%เท่าเดิม

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 11:58 am
โดย บุณยา
เป็นไปได้มั้ยครับว่า คนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้นหวังกำไรจากส่วนต่างราคา มากกว่าเงินปันผล
ก็เลยให้ความสำคัญกับราคามากกว่า

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 12:00 pm
โดย luangrit
Radio เขียน:เพราะลงทุนในหุ้น เป็นการคาดเดาอนาคต หุ้นราคา 10 บาท
ปันผล 1 บาทในวันนี้ = 10% ปีหน้า อาจเหลือปันผล 0.4 บาท
ดังนั้น ราคาจึงลงล่วงหน้ามาเหลือ 4 บาท= ปันผล 10%เท่าเดิม
เพราะงั้นเราถึงต้องใส่ใจพื้นฐานของบริษัทให้มากๆไงครับ
จะได้รู้ว่าปันผลที่จะได้มันแน่นอนแค่ไหน

ปันผลจะเท่าเดิม, เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง
ก็เป็นโอกาสในการวิเคราะห์หุ้นอย่างมีประสิทธิภาพได้เท่าๆกัน

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 1:51 pm
โดย thaloengsak
ไม่ว่าจะคิดแตกต่างกันอย่างไร ก็ไม่ผิด
การลงทุนเป็นศิลปะที่เราบรรเลงด้วยตัวเองน่ะครับ :)

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 4:30 pm
โดย wj
Jeng เขียน: ก็แค่ตลาดหุ้น มีหุ้น 580 ตัว ถ้าไม่มีดัชนี

คนก็จะไปดูที่หุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องมาลงพร้อมๆกัน แบบนี้

และหากเปลี่ยนมุมมอง ว่าเดี่ยวนี้ หุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น แทนที่จะดูว่าราคาลง น่าจะทำให้ ตลาดหุ้น

น่าสนใจ ในยามที่หุ้นให้ผลตอบแทนมากขึ้น
อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ว่าไปแล้วการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจไม่ได้เกิดจากการมองผลตอบแทนเพียงลำพัง
เพราะผลตอบแทนที่สมเหตุผล เกิดจากการเปรียบเทียบ เช่น ถ้ามีหุ้น 1 ตัวให้ 10% อันนี้อาจจะมองว่าดีหรือไม่ก็ได้ เราต้องเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ถ้าตัวอื่นๆมัน >15% แล้วมันจะดีได้อย่างไร
หรือถ้าเป็นยุคที่ให้ดอกเบี้ย 15% แถวๆปี 40 มันจะดีได้อย่างไร

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 7:12 pm
โดย Jeng
wj เขียน:
Jeng เขียน: ก็แค่ตลาดหุ้น มีหุ้น 580 ตัว ถ้าไม่มีดัชนี

คนก็จะไปดูที่หุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องมาลงพร้อมๆกัน แบบนี้

และหากเปลี่ยนมุมมอง ว่าเดี่ยวนี้ หุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น แทนที่จะดูว่าราคาลง น่าจะทำให้ ตลาดหุ้น

น่าสนใจ ในยามที่หุ้นให้ผลตอบแทนมากขึ้น
อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ว่าไปแล้วการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจไม่ได้เกิดจากการมองผลตอบแทนเพียงลำพัง
เพราะผลตอบแทนที่สมเหตุผล เกิดจากการเปรียบเทียบ เช่น ถ้ามีหุ้น 1 ตัวให้ 10% อันนี้อาจจะมองว่าดีหรือไม่ก็ได้ เราต้องเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ถ้าตัวอื่นๆมัน >15% แล้วมันจะดีได้อย่างไร
หรือถ้าเป็นยุคที่ให้ดอกเบี้ย 15% แถวๆปี 40 มันจะดีได้อย่างไร
ผมเห็นด้วยครับ ว่าแต่ละบริษัทควรเปรียบเทียบกัน

แต่ผมหมายถึง ดัชนีตลาดหุ้นครับ ว่าไม่ีควรมี

ถ้าดัชนีลง แล้วหุ้นก็ลงไปด้วย

ใครที่คุม ptt ได้ คนนั้นก็คุม ดัชนีได้

ถ้าิเป็นแบบนี้ ตอน ptt ลง ดัชนีลง หุ้นบางตัวที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย

กับ ptt ก็ต้องลงไปด้วย

ผมว่าไม่น่าจะดีเลย

ก็เลยแค่จินตนาการว่า ถ้าทั้งโลกไม่มีดัชนี จะดีมากครับ

คุณ wj

Re: คิดแล้วก็แปลกดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2011 9:07 pm
โดย Packy_Kittiworawut
Jeng เขียน:
wj เขียน:
Jeng เขียน: ก็แค่ตลาดหุ้น มีหุ้น 580 ตัว ถ้าไม่มีดัชนี

คนก็จะไปดูที่หุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องมาลงพร้อมๆกัน แบบนี้

และหากเปลี่ยนมุมมอง ว่าเดี่ยวนี้ หุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น แทนที่จะดูว่าราคาลง น่าจะทำให้ ตลาดหุ้น

น่าสนใจ ในยามที่หุ้นให้ผลตอบแทนมากขึ้น
อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ว่าไปแล้วการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจไม่ได้เกิดจากการมองผลตอบแทนเพียงลำพัง
เพราะผลตอบแทนที่สมเหตุผล เกิดจากการเปรียบเทียบ เช่น ถ้ามีหุ้น 1 ตัวให้ 10% อันนี้อาจจะมองว่าดีหรือไม่ก็ได้ เราต้องเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ถ้าตัวอื่นๆมัน >15% แล้วมันจะดีได้อย่างไร
หรือถ้าเป็นยุคที่ให้ดอกเบี้ย 15% แถวๆปี 40 มันจะดีได้อย่างไร
ผมเห็นด้วยครับ ว่าแต่ละบริษัทควรเปรียบเทียบกัน

แต่ผมหมายถึง ดัชนีตลาดหุ้นครับ ว่าไม่ีควรมี

ถ้าดัชนีลง แล้วหุ้นก็ลงไปด้วย

ใครที่คุม ptt ได้ คนนั้นก็คุม ดัชนีได้

ถ้าิเป็นแบบนี้ ตอน ptt ลง ดัชนีลง หุ้นบางตัวที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย

กับ ptt ก็ต้องลงไปด้วย

ผมว่าไม่น่าจะดีเลย

ก็เลยแค่จินตนาการว่า ถ้าทั้งโลกไม่มีดัชนี จะดีมากครับ

คุณ wj
โอ... น่าคิดมากครับ หรือไม่ก็ถือซะว่าตลาดหุ้นเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เราชอบ :mrgreen: