ถ้าเป็นไปตามคาด
คือมาร์เก็ตติ้ง เอาพอท์ตลูกค้าไปรับหุ้นตามวงเงินของลูกค้าสัก2-300ล้าน
พอหุ้นตกไม่กล้าคัด ถึงอยู่ไปก็ติดคุก ถูกยึดใบอนุญาต นำทรัพย์สินของตัวมาร์ขายทอดตลาดก็คงจะไม่พอค่าดอกเบี้ย
สุดท้ายก็ต้องหนีปัญหาแบบนี้
เมืองไทยมีแต่นักลงทุนยิงตัวเองที่ตลาดหลักทรัพย์
____________________________________________________________________
ทุกๆ เหตุการณ์ข่าวสำคัญ ในหนังสือ 2530-2551
จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
เพื่อทำให้เข้าใจปัจจุบัน และมองอนาคตได้อย่างถูกต้อง
นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก
Great Depression หรือภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุด
ผ่านเลยมาแล้ว 73 ปี (เกิดขึ้นระหว่างปี 2472-2478) จวบจนวันนี้
ยุคข้าวยากหมากแพงก็หมุนกลับซ้อนทับประวัติศาสตร์อีกครา
สัจธรรมของเหรียญที่มีสองด้าน ภายใต้วิกฤติจึงแฝงเร้นไว้ซึ่งหนทาง
อยู่ที่ใครจะพลิกวิกฤตินั้นเป็นโอกาส
เหตุการณ์ Black Monday วันจันทร์ทมิฬที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2530
นับเป็นวิกฤติตลาดหุ้นครั้งประวัติศาสตร์ของโลกและของไทย กระทบมา
ยังตลาดหุ้นทั่วทั้งโลก เป็นวิกฤตการณ์ที่ต้อนรับการถือกำเนิดของหนังสือ
พิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (6 ตุลาคม 2530) เพียงไม่กี่วัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงกับนักลงทุน
ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ดัชนีราคาหุ้น
ลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดที่ 472.86 จุด มาอยู่ที่ระดับต่ำสุด
ที่ 243.97 จุด ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2530 โดยระดับดัชนีลดลง
ถึง 228.89 จุด หรือ 48.4 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน
พอเกิดเหตุการณ์ Black Monday ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและ
เอกชนต่างตระหนักถึงผลกระทบและระดมกำลัง ทั้งมีการจัดตั้งกองทุน
และดำเนินมาตรการหลายประการเพื่อแก้ไขสถานการณ์จนคลี่คลาย
ความตื่นตกใจ ทำให้ระดับราคาหุ้นกลับฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
วิกฤติครั้งนั้น ก็คือ “โอกาส” สำหรับใครอีกหลายคน
ในยุคส่งผ่านอำนาจ จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาสู่พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
หัวหน้าพรรคชาติไทย นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย
ได้ก่อให้เกิดประวัติศาสตร์เศรษฐกิจหน้าใหม่ของประเทศไทยที่ต้องจ
ดจำ ทั้งรีบเร่ง รุ่งเรือง หลงระเริง ฟุ่มเฟือย และเจ็บปวด
ความรู้จักอดออม ดำรงความเป็นอยู่อย่างไม่ฟุ่มเฟือยในยุครัฐบาลป๋าเปรม
สะสมฐานะทางการคลังจนเข้มแข็ง ส่งต่อผลดีมาถึงรัฐบาลพลเอกชาติชาย
ชุณหะวัณ หันมายึดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจการคลังเชิงรุก ขยายการ
ลงทุนไปทุกสารทิศบนฝันอยากเป็น “เสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย
” ยุคนั้นเราจะได้ยินคำว่า NICs หรือ Newly Industrialized Countries
และนโยบาย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” อันโด่งดัง
ในยุคน้าชาติ "No Problem ..ไม่มีปัญหา” เป็นวลีที่ผู้นำพูดให้ได้ยินกัน
จนติดหู แม้ยุคนั้นจะใช้การลงทุนเป็นธงนำ แต่ก็ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ล้อไปกับนโยบายประชานิยมดีๆ นี่เอง เราได้ยินโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด
เราได้เห็นราคาที่ดินพุ่งทะยานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เวลา
ฮันนีมูนของน้าชาติก็มาสะดุดหลังจากเกิดไฟสงครามอ่าวเปอร์เซีย
อิรักบุกยึดคูเวตเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2533 ปัญหาคอร์รัปชันแพร่กระจาย
ในวงกว้าง จนรัฐบาลชุดนี้ถูกตั้งฉายาว่า “รัฐบาลบุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ในที่สุด
ก็ถูกคณะรสช.นำโดย "บิ๊กจ๊อด" พลเอกสุนทร คงสมพงษ์
โค่นลงจากอำนาจ
หลังจากคณะรสช.แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เข้าดำรงตำแหน่งนายก
รัฐมนตรี เศรษฐกิจไทยยังไม่ทันจะฟื้นตัว รสช.ก็วางแผนสืบทอดอำนาจ
วางตัวให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จนเกิดขบวนการ
เคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยพลังประชาชน นำโดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง
และบานปลายนำไปสู่เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ที่ต้องจดจำ
ในปีเดียวกันนั้นเองก็ได้ก่อกำเนิดนักเลงหุ้นระดับพระกาฬที่ประวัติศาสตร์
ต้องจารึก เขาคือ “สอง วัชรศรีโรจน์” ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย ที่เข้ามา
แสวงหาโอกาสความร่ำรวยจากตลาดหุ้น ผ่านมาแล้ว 16 ปี จนถึงทุกวันนี้
ก็ยังมีชื่อสองอยู่เบื้องหลังหุ้นร้อนหลายต่อหลายตัว
ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกอีกครั้งในช่วงปลายปี 2536 ดัชนีราคาหุ้นติดเครื่อง
ทะยานขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง มีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวันในช่วงนั้น หุ้น
ทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ 1,753.73 จุด
จนกระทั่งถึงวันนี้ 15 ปีผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่เคยไต่ขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อีกเลย
“สูงสุดคืนสู่สามัญ” คือความจริงแท้แน่นอน ไม่มีฟองสบู่ใดจะยืนยาว
และมั่นคงเท่ากับพื้นฐานที่เป็นจริง ในที่สุดงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา
รัฐนาวาชวน 1 ดำเนินไปได้พักใหญ่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.4-01
ก่อนจะเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา กงล้อเศรษฐกิจไทย
เริ่มหมุนอย่างเชื่องช้า ขณะที่ภาคเอกชนยังหลงระเริงเงินกู้บีไอบีเอฟ
โดยไม่หวั่นเกรงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ในหลายธุรกิจ
ได้เกิด Over Supply
ปีศาจร้ายเข้ามาเยือนแล้วอย่างเงียบๆ
ในยุค "นายบรรหาร" ตลาดหุ้นไทยต้องถูกบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์
อีกครั้ง เมื่อนักลงทุนรายย่อยทนไม่ไหวกับภาวะความตกต่ำ รวมตัวกัน
ประท้วงนายเสรี จินตนเสรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
และนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังในขณะนั้น
และแล้ว
เสียงปืนก็ดัง เปรี้ยง!!! ณ อาคารสินธร
นายวิวัฒน์ ศรีสัมมาชีพ
ลั่นไกหมายปลิดชีพตนเองเพื่อประท้วง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ใดๆ
ดีขึ้น และก็ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าปรอทวัดไข้เศรษฐกิจได้ส่งสัญญาณ
ใกล้ถึงจุดระเบิดแล้ว
เศรษฐกิจไทยมาถึง “จุดอับปาง” ในยุครัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 โดยสัญญาณร้ายเริ่มมีตั้งแต่ “ม็อบโทรศัพท์
มือถือ” ก่อตัวประท้วงย่านถนนสีลม เริ่มมีข่าวลือสถาบันการเงินถูกปิด
กิจการ ในที่สุดก็นำไปสู่การสั่งปิด 56 ไฟแนนซ์ ขณะเดียวกันค่าเงินบาท
เริ่มถูกนักเก็งกำไรโจมตีอย่างหนัก ธนาคารแห่งประเทศไทยต่อสู้จน
ทุนสำรองระหว่างประเทศหมด นำไปสู่การประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
และต้องเข้าโครงการขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ
หลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก
เศรษฐกิจไทยดำเนินไปด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด ธุรกิจน้อยใหญ่
ต้องล้มละลาย ตลาดหุ้นตกต่ำถึงขีดสุดตกจาก 1,753 จุด
ลงมาต่ำสุด 204 จุด มี “เจ้าสัวเยสเตอร์เดย์” เกิดขึ้นมากมาย
รวมทั้งได้ก่อเกิดวลีดัง “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ของเจ้าพ่อวงการเหล็ก
"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"
และการต่อสู้ชนิดหัวชนฝาของ "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"
เพื่อรักษาอาณาจักรแสนล้าน "ทีพีไอ" สุดท้ายก็รักษาเอาไว้ไม่ได้
รัฐนาวาชวน 2 เข้ามาแก้ปัญหาในยุคที่เศรษฐกิจไทยมีความหวังเหลือ
เพียงเลือนราง และถูกโจมตีอย่างหนักเมื่อเปิดให้ต่างชาติเข้ามารุมทึ้ง
เศษซากธุรกิจในราคาแบกะดิน นับตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เข้ามาบริหารประเทศ กว่า 5 ปี ด้วยนโยบาย “ประชานิยม”
เอาใจรากหญ้า กงล้อเศรษฐกิจไทยเริ่มขับเคลื่อนไปข้างหน้า
แต่ยิ่งรัฐบาลเข้มแข็งมากเท่าไร ก็ยิ่งสะสมจุดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น
และก็นำมาสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง
ทุกๆ เหตุการณ์ข่าวสำคัญ ในหนังสือ 2530-2551
จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis เล่มนี้
ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อทำให้เข้าใจปัจจุบันดีขึ้น
และมองทางเดินไปสู่อนาคตได้อย่างถูกต้อง
“คนเดินถนนที่ราบเรียบตลอดเวลา มักจะชะล่าใจชอบวิ่ง
จึงมักหกล้มในที่สุด แต่คนที่เดินบนถนนที่ขรุขระ มักระวังตัว
เพราะความกลัวจึงปลอดภัย ธรรมชาติมักหยิบยื่นความสามารถ
ให้แก่เรา ถ้าเรารู้เท่าทัน”
เล่มนี้เป็นหนังสืออ้างอิงข่าวเศรษฐกิจ “เล่มแรก-เล่มเดียว”
ของประเทศไทย ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง
เสริมต่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจ “ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย”
ตลอดช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษ ภายใต้การพิมพ์ของสำนักพิมพ์
กรุงเทพธุรกิจ Bizbookโดดเด่นด้วยกราฟฟิก “SET Index” มากถึง
21 ภาพ ช็อตคัตให้คุณได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้สาเหตุการเติบโต
ตีบตัน ของตลาดทุนไทยในรอบ 21 ปีที่ผ่านมา
นี่คือหนังสือที่ทรงคุณค่าเล่มหนึ่งที่บันทึกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
Tags : จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
ตัดข่าวมาแป่ะ จาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
เพื่อการศึกษาค้นคว้า ไม่ใช่การค้า ไม่หวังผลกำไร
_______________________________________________________
เรื่องของ นายช่วย คชสิทธิ์ 'อึราดตัว' ประท้วงออมสิน
ส่วนข่าวนี้เป็นเรื่องเหม็นโฉ่ที่เกิดขึ้นใน สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การ
บริหารของรัฐบาล เหตุเกิดที่ธนาคารออมสิน สาขาท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
โดยนายช่วย คชสิทธิ์ อายุ 65 ปี ราษฎร ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง ได้ใช้
อุจจาระสีเหลืองอร่ามราด ใส่ตัวเอง แล้วเดินเข้าไปประท้วงกับเจ้าหน้าที่
ของ ธนาคารออมสิน เพื่อให้รับผิดชอบกรณีเจ้าหน้าที่ ธนาคารชักชวนให้
คุณลุง ซื้อใบกองทุนรวมออมสินไปเป็นจำนวนกว่าครึ่งล้าน แต่สุดท้าย
กลับทุนหายกำไรหด ไม่ได้เงินคืนซักบาท โดยลุงช่วยเปิด ใจถึงสาเหตุ
ที่ต้องทำตัวเป็นโถชักโครกรองรับอุจจาระในครั้งนี้ว่า ตนเป็นลูกค้าขอ
งธนาคารออมสินมากว่า 20 ปี และเมื่อปี 2537 ได้มีเจ้าหน้าที่ของธนาคาร
มาชักชวนให้ซื้อใบกองทุนฯ โดยอ้างว่าจะได้ดอกเบี้ยทุกปี และไม่ต้องกลัว
สูญเงินต้น เนื่องจากรัฐบาลเป็นประกัน ตนจึงหลงเชื่อ นำเงินที่เก็บหอม
รอมริบมากว่า 20 ปี จำนวน 570,000 บาทไปซื้อ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้
ดอกเบี้ย แถมเงินต้นก็ไม่ได้คืน ซึ่งเรื่องนี้ธนาคารน่าจะรับผิดชอบบ้าง
ไม่ใช่นิ่งเฉยอย่างเดียว ส่วนอุจจาระที่นำมาราดตัวนั้น ตนเก็บรวมไว้
ในถุง 5 วันเต็มๆ บ่มจนได้ที่
ส่วนที่ต้อง นำมาประท้วงก็เพราะหาทางออกอย่างอื่นไม่ได้
ขณะที่นายชาญชัย มุสิกนิศากร ผอ.ธนาคารออมสิน กล่าวว่า
รู้สึกเห็นใจนายช่วย แต่ในปี 2540 ได้เกิดสภาพวิกฤติเศรษฐกิจ
จึงกระทบทำให้หน่วยการลงทุนลดลง จึงไม่สามารถจ่ายผลตอบแทน
ให้แก่ ผู้ลงทุนได้.
http://board.dserver.org/r/rojana7/00000030.html
______________________________________________________
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ
แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
______________________________________________________
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... 5&group=16