หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 9:43 am
โดย Tong n_n
1.ผมสงงัยครับว่า เรื่องคราวนี้เป็นของรัฐบาลทั้งสหรัฐ และยุโรป ที่ใช้เงินเกินตัวจนฐานะการคลังย่ำแย่
ไม่ได้เกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐย่ำแย่ซะหน่อย ผลกระทบทำไมไม่จำกัดวงอยู่
แค่ ตลาดพันธบัตร หรือ จำกัดวงอยู่ในแค่ ตลาดทองคำครับ เพราะดูยังไงตลาดทุนก็ไม่น่าเกี่ยวกับ
สถานะการคลังของประเทศย่ำแย่ แล้วยิ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับตลาดทุนประเทศในเอเชียด้วยเลยนี่ครับ

2.ผมอ่านข่าวเรื่อง เพดานหนี้ กับ จะอัดฉีดเงินในระบบเพิ่ม QE3 เแล้วก็สงงัยอีก
เท่าที่ผมเข้าใจ ประเทศสหรัฐ อเมริกาสามารถ พิมแบงค์ได้เองไม่จำกัดโดยที่ไม่ต้อง
ทรัพย์สินหนุนหลังเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมต้องเพิ่มเพดานหนี้ด้วยครับทั้งๆ
ที่สามารถเสกเงินเท่าไรก็ได้จากอากาศอยู่แล้ว

คำถาคงจะดูไร้เดียงสามากแต่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ขอความกรุณาด้วยครับ

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 9:56 am
โดย aonzzung
ผมอาจจะไม่ได้รู้ลึกรู้จิง แต่ขออนุญาตตอบนะครับ ผิดพลาด ขออภัย
Tong n_n เขียน:1.ผมสงงัยครับว่า เรื่องคราวนี้เป็นของรัฐบาลทั้งสหรัฐ และยุโรป ที่ใช้เงินเกินตัวจนฐานะการคลังย่ำแย่
ไม่ได้เกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐย่ำแย่ซะหน่อย ผลกระทบทำไมไม่จำกัดวงอยู่
แค่ ตลาดพันธบัตร หรือ จำกัดวงอยู่ในแค่ ตลาดทองคำครับ เพราะดูยังไงตลาดทุนก็ไม่น่าเกี่ยวกับ
สถานะการคลังของประเทศย่ำแย่ แล้วยิ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับตลาดทุนประเทศในเอเชียด้วยเลยนี่ครับ

ต้องถามก่อนว่า ปกติแล้วรายไ้ด้หลักของรัฐบาล มาจากอะไรครับ? ภาษีหรือเปล่า? พันธบัตรใช่มั้ย?
ทำไงรัฐบาลจะได้เงินมาจ่ายหนี้ละครับ?
1. ขึ้นภาษี -> กระทบ บริษัท เอกชนมั้ยครับ? กระทบคนทำงานมั้ย?
2. พันธบัตร -> รัฐบาลเป็นหนี้ชาวอเมริกันมากมาย จะหาเงินมาใช้คืนยังไงครับ? (ไม่แม่นตัวเล็ก แต่เคยอ่านมาว่าประมาณ 70-80% ของ ประชากรอเมริกัน เป็นเจ้าหนี้รัฐบาล ผิดพลาดขออภัย)
3. กู้ก่อนใหม่ มาจ่ายก่อนเก่า -> ออกพันธบัตรมาอีก? จะปลดหนี้ได้จริงๆ หรือ หนี้มั่วขึ้น มากขึ้น...


2.ผมอ่านข่าวเรื่อง เพดานหนี้ กับ จะอัดฉีดเงินในระบบเพิ่ม QE3 เแล้วก็สงงัยอีก
เท่าที่ผมเข้าใจ ประเทศสหรัฐ อเมริกาสามารถ พิมแบงค์ได้เองไม่จำกัดโดยที่ไม่ต้อง
ทรัพย์สินหนุนหลังเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมต้องเพิ่มเพดานหนี้ด้วยครับทั้งๆ
ที่สามารถเสกเงินเท่าไรก็ได้จากอากาศอยู่แล้ว

พี่กันก็เหมือนคนรวยครับ เครดิตเยอะท่วมหัว ใครก็เชื่อถือ พิมพ์แบงค์เองไม่จำเป็นต้องมีทองคำมาค้ำ คนก็ยังเชื่อถือ
ที่ไหนได้ถังแตกอยู่


คำถาคงจะดูไร้เดียงสามากแต่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ขอความกรุณาด้วยครับ

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 9:59 am
โดย aonzzung
แก้คำผิด

ไม่แม่นตัวเล็ก -> ไม่แม่นตัวเลข
กู้ก่อนใหม่ มาจ่ายก่อนเก่า -> กู้ก้อนใหม่ มาจ่ายก้อนเก่า

ทำไม thaivi ไม่มีปุ่ม edit ให้มั่งนะ?

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 11:42 am
โดย Likhit
ถามสั้นแต่ตอบยาวนะครับ

การพิมพ์แบงค์ของเมกาจริงอยู่ว่าไม่ต้องมีทองคำมารองรับ แต่ก็ต้องมีกฏหมายรองรับนะครับ

ไม่อย่างนั้นทุกครัวเรือนก็ตั้งแป้นพิมพ์กันเอง ไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ พิมพ์กันอย่างเดียว

นอนตีพุงดูดโอเลี้ยงกันสบายๆ :D :D :D

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 11:46 am
โดย Likhit
คิดดูถ้าพิมพ์ได้เสรี พวกก็ไปตั้งโรงพิมพ์แบงค์กันที่เมกา หรือพยายามไปอยู่เมกา

ไปเอากรีนการ์ด หรือให้ญาติพี่น้องส่งเงินเมกามาแล้วไปแลกเป็นเงินบาทก็นอนตีพุงดูด

โอเลี้ยงกันสบายทั้งโลก จะเข้าสู่ยุคพระศรีอารย์กันละทีนี้

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 11:52 am
โดย chukieat30
Likhit เขียน:ถามสั้นแต่ตอบยาวนะครับ

การพิมพ์แบงค์ของเมกาจริงอยู่ว่าไม่ต้องมีทองคำมารองรับ แต่ก็ต้องมีกฏหมายรองรับนะครับ

ไม่อย่างนั้นทุกครัวเรือนก็ตั้งแป้นพิมพ์กันเอง ไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ พิมพ์กันอย่างเดียว

นอนตีพุงดูดโอเลี้ยงกันสบายๆ :D :D :D

เอากิฟไปเลยครับ ถูกใจ แถมต้มยำมันกุ้ง ควิกให้แพคนึงครับ

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 12:13 pm
โดย phar314
ถึงพิมพ์แบงค์ได้โดยไม่ต้องมีสินทรัพย์หนุน แต่เงินจะไหลเข้าตลาดล้นเกิน ทำให้เงินเฟ้ออยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 1:06 pm
โดย Mp808
just to add na krub. The U.S. Government and the Federal Reserve are two separate entities.

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 1:10 pm
โดย istyle
US government doesn't Print money, Fed does.

They have to increase debt ceiling in order to borrow money from Fed and investors.

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 1:20 pm
โดย Tong n_n
istyle เขียน:US government doesn't Print money, Fed does.

They have to increase debt ceiling in order to borrow money from Fed and investors.
หมายถึงว่า รัฐบาลเพิ่มเพดานหนี้ เพิ่มให้ธนาคารกลาง(fed) สามารถพิมเงินเพิ่มได้หรอครับ
ไม่รู้ผมเข้าถูกไหมถ้า ไม่เพิ่มเพดานหนี้ให้ ประเทศอื่นๆถึงครองดอลล่าล์เพิ่มผ่านทางพันธบัตร
แล้วธนาคารกลาง(fed) หลับหู หลับตาพิมแบงค์อย่างเดียวจะทำให้สกุลเงินดอลล่าร์อ่อนลงเร็วมาก
แต่ถ้าประเทศอื่นๆถือครองดอลล่าร์เพิ่มขึ้นก็จะทำให้ ดอลล่าร์อ่อนค่าน้อยลงเพราะทรัพย์สินโดยรวม
ของประเทศนั้นๆที่นำมาหนุนหลังการพิมธนบัตรในสกุลอื่น ก็จะอ่อนลงไปด้วย ทำให้อ่อนไปพร้อมๆกัน
ดอลล่าร์ก็จะไม่ตกลงอย่างรวดเร็ว

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 3:38 pm
โดย ginju
1.ตลาดทุนก็มีผลกระทบนะครับ ยิ่งรัฐบาลมีปัญหามาก,หนี้มาก,ขาดดุลมาก,เก็บภาษีไม่พอจ่าย ปัญหาพวกนี้จะทำให้รัฐบาลมีปัญหาในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น เหมือนกับมีทางเลือกน้อยลงในการกระตุ้น และอีกข้อก็จะเป็นเรื่องดอกเบี้ยกับความเชื่อมั่นที่ FED เพิ่งออกมาประกาศคงดอกเบี้ยจนถึงปี 2013 ส่วนนี้จึงถูกแก้ไขไป


2.การพิมพ์แบงค์ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือออกมาจ่ายหนี้ก็มีข้อจำกัดครับ ยกตัวอย่างประเทศซัมบับเว(น่าจะใช่)ในอดีตที่เป็นหนี้IMFแล้วรัฐบาลดันพิมพ์แบงค์จ่ายหนี้ทั้งหมด ภายหลังจากนั้นพันธบัตรซิมบับเวจึงมีมากมายล้นเหลือทำให้เกิด Hyperinflation ขึ้นมานั่นเอง การพิมพ์แบงค์ออกมามากๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจ่ายหนี้นั้นมีข้อจำกัดคือหลังจากนั้นพันธบัตรทั้งหมดจะยังคงอยู่ในตลาด และเมื่อทุกคนมีเงินมากๆจึงเกิดเงินปัญหาเงินเฟ้อและข้าวของแพงขึ้นแบบเป็นทวีคูณเลยนั่นเอง

ดังนั้น QE1 ,QE2, QE..... ที่จะตามมานั้น ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องวิเคราะห์และระวังว่าจุดไหนควรปล่อยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปถ้ายังไม่ฝืดจนเกินไป(ดังเช่นFEDที่ทำในเวลานี้) หรือถ้าแย่จริงๆก็อาจจะมี QE3 ออกมา(ซึ่งก็เป็นหน้าที่FEDที่ต้องคำนวนว่าแล้วพันธบัตรเท่าไหร่ล่ะที่จะเหมาะสมไม่ให้เกิดเงินเฟ้อมากเกินไป)

และที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่แฝงอยู่(ในความคิดผมนะ)คือ "อัตราการว่างงาน" อันนี้แหละที่คิดว่าอันตรายที่สุดที่รัฐบาลหรือFEDก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะถึงออก QE 4 5 6 ออกมา แต่บริษัทเอกชนทั้งหลายคิดว่าพนักงานในตอนนี้พอเพียงกับการดำเนินกิจการแล้วนั้น พวกเขาก็ย่อมไม่จ้างงาน "คนตกงาน"ทั้งหลายแหล่ก็จะเป็นภาระให้กับรัฐบาลที่ไม่สามารถเก็บภาษี แถมในระบบสวัสดิการของสหรัฐยังต้องมีสวัสดิการสำหรับคนตกงานที่รัฐจะต้องปล่อยให้ภาษีรั่วไปอย่างไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจอีกด้วย

ปล.ยาวไปไหม คือ จะอธิบายว่าสิ่งที่นักลงทุนกังวลตอนนี้คือ GDP ในอนาคตว่าจะลดลงซึ่งมาจากการหั่นอันดับความเชื่อมั่นที่นำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ย แต่ตอนนี้FEDก็คงดอกเบี้ยไปเรียบร้อย ดังนั้นผมฟันธงว่านี่ไม่ใช่วิกฤตจริงๆ แต่วิกฤตจริงๆมันซ่อนมาจากปี 2008 - 2011 ที่อัตราว่างงานยังคงที่อยู่เหนือ 9% นั่นเอง

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 10:35 pm
โดย chukieat30
ginju เขียน:1.ตลาดทุนก็มีผลกระทบนะครับ ยิ่งรัฐบาลมีปัญหามาก,หนี้มาก,ขาดดุลมาก,เก็บภาษีไม่พอจ่าย ปัญหาพวกนี้จะทำให้รัฐบาลมีปัญหาในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น เหมือนกับมีทางเลือกน้อยลงในการกระตุ้น และอีกข้อก็จะเป็นเรื่องดอกเบี้ยกับความเชื่อมั่นที่ FED เพิ่งออกมาประกาศคงดอกเบี้ยจนถึงปี 2013 ส่วนนี้จึงถูกแก้ไขไป


2.การพิมพ์แบงค์ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือออกมาจ่ายหนี้ก็มีข้อจำกัดครับ ยกตัวอย่างประเทศซัมบับเว(น่าจะใช่)ในอดีตที่เป็นหนี้IMFแล้วรัฐบาลดันพิมพ์แบงค์จ่ายหนี้ทั้งหมด ภายหลังจากนั้นพันธบัตรซิมบับเวจึงมีมากมายล้นเหลือทำให้เกิด Hyperinflation ขึ้นมานั่นเอง การพิมพ์แบงค์ออกมามากๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจ่ายหนี้นั้นมีข้อจำกัดคือหลังจากนั้นพันธบัตรทั้งหมดจะยังคงอยู่ในตลาด และเมื่อทุกคนมีเงินมากๆจึงเกิดเงินปัญหาเงินเฟ้อและข้าวของแพงขึ้นแบบเป็นทวีคูณเลยนั่นเอง

ดังนั้น QE1 ,QE2, QE..... ที่จะตามมานั้น ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องวิเคราะห์และระวังว่าจุดไหนควรปล่อยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปถ้ายังไม่ฝืดจนเกินไป(ดังเช่นFEDที่ทำในเวลานี้) หรือถ้าแย่จริงๆก็อาจจะมี QE3 ออกมา(ซึ่งก็เป็นหน้าที่FEDที่ต้องคำนวนว่าแล้วพันธบัตรเท่าไหร่ล่ะที่จะเหมาะสมไม่ให้เกิดเงินเฟ้อมากเกินไป)

และที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่แฝงอยู่(ในความคิดผมนะ)คือ "อัตราการว่างงาน" อันนี้แหละที่คิดว่าอันตรายที่สุดที่รัฐบาลหรือFEDก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะถึงออก QE 4 5 6 ออกมา แต่บริษัทเอกชนทั้งหลายคิดว่าพนักงานในตอนนี้พอเพียงกับการดำเนินกิจการแล้วนั้น พวกเขาก็ย่อมไม่จ้างงาน "คนตกงาน"ทั้งหลายแหล่ก็จะเป็นภาระให้กับรัฐบาลที่ไม่สามารถเก็บภาษี แถมในระบบสวัสดิการของสหรัฐยังต้องมีสวัสดิการสำหรับคนตกงานที่รัฐจะต้องปล่อยให้ภาษีรั่วไปอย่างไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจอีกด้วย

ปล.ยาวไปไหม คือ จะอธิบายว่าสิ่งที่นักลงทุนกังวลตอนนี้คือ GDP ในอนาคตว่าจะลดลงซึ่งมาจากการหั่นอันดับความเชื่อมั่นที่นำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ย แต่ตอนนี้FEDก็คงดอกเบี้ยไปเรียบร้อย ดังนั้นผมฟันธงว่านี่ไม่ใช่วิกฤตจริงๆ แต่วิกฤตจริงๆมันซ่อนมาจากปี 2008 - 2011 ที่อัตราว่างงานยังคงที่อยู่เหนือ 9% นั่นเอง

ผมก้คิดว่ามะกัน ตอนนี้ไม่ใช่นะ แต่ที่เน่า น่าจะเป็นยุโรป

ธนาคารหลายแห่งในยุโรป ล้ม แต่ในมะกัน ยังไม่มีแบงค์ไหนออกมาล้ม

พวกวนธนกิจยังรวยกว่า รัฐบาลเลยครับตอนนี้

นี่กระมั้ง ปู่บัฟเฟตถึงยังคงเชื่อมั่น ว่า 3เอ

แต่การพิมพ์เงิน เงินที่อยู่ในประเทศเองแค่ 20 อีก80 มันไหลไปข้างนอกหมด

ก้น่ากลัวนะครับ ถ้าวันนึง มันไหลออกจากทุกประเทศ

รวมถึงประเทศไทย เราจะแก้ไขยังไง

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 10:49 pm
โดย MO101
1. คนมีปืนจะเลือกอย่างไรระหว่างปล้นกับ ตัดรายจ่ายใช้หนี้ ถ้าไม่อยากให้คนมีปืนเลือกก็จงเพิ่มวงเงินมาซะดีๆ
2. กฎหมายของประเทศเขาจะเพิ่มวงเงินกู้ต้องขออนุมัติจาก 2 สภา ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้วอนุมัติทุกครั้งที่ขอ
ถ้าเมกาทำ EQ3 EQ4 แบงค์เขาจะกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก แต่ว่าแบงค์อะไรจะกลายเป็นตัวแทน $
มันไม่มีใช่ไหม ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกถือทองเอาไว้ปลอดภัยที่สุด

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2011 10:50 pm
โดย chukieat30
และถ้าไหลออกหมดจน ระบบพัง แบบที่ จีนหรือรัสเซีย กลัว

ผมว่า USA ก้คือ กาฝากตัวนึงหรือ ปรสิตย่อมๆ ที่อาศัยคนอื่นโตพออิ่มก้จากไป

ก้คงได้เห็น เงินออกจากทุกตลาดแหล่ะครับ แต่มีคนนึงที่ทันเกม เค้าคือ โซรอส

จอรชโซรอส ยุบควอนตั้มฟันด์ มันต้องมีเหตุผลมากกว่าข้อกฏหมายแน่นอน

เค้าคงมองออกว่า เฟด จะทำยังไง ถ้ามันไม่มีทางอื่นแก้ เช่นคิวอี3

บางทีคำเตือนสุดท้ายของโซรอส อาจจะจริง ทองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะไป

หากหมดหนทางกระตุ้นแล้ว ท้ายสุด เบนเบอนันเก้ คงบอกว่า

เงินที่ออกไป ก้จงไหลเข้ากลับบ้านคืนทั้งหมด เพื่อใช้หนี้ ที่ก่อไว้

ส่วนตัวผมคิดว่า จ อรช โซรอสไม่ใช่นักเก็งกำไร เค้าก้เป็น Value Investorคนนึง โดย

ขอเรียกว่า NVI หรือ Natural Value Investor เหมือนเค้าจะรู้สัจธรรมว่าท้ายสุด

อะไรทำแล้วจะเกิดอะไร เหมือนเค้ารู้ ว่าเหตุแบบไหนจะชักนำให้เกิดผลแบบไหนครับ

ซึ่งตรงกับหลักของพุทธศาสนาเรา

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 13, 2011 7:45 pm
โดย Tong n_n
บางทีคำเตือนสุดท้ายของโซรอส อาจจะจริง ทองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะไป

จากประโยคข้างบน หมายความว่า ทองคำจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะถือเชื่อมากที่สุดหรือเปล่าครับ
หรือว่าหมายความว่าไงครับ

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 13, 2011 8:57 pm
โดย suranush1
Likhit เขียน:ถามสั้นแต่ตอบยาวนะครับ

การพิมพ์แบงค์ของเมกาจริงอยู่ว่าไม่ต้องมีทองคำมารองรับ แต่ก็ต้องมีกฏหมายรองรับนะครับ

ไม่อย่างนั้นทุกครัวเรือนก็ตั้งแป้นพิมพ์กันเอง ไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ พิมพ์กันอย่างเดียว

นอนตีพุงดูดโอเลี้ยงกันสบายๆ :D :D :D
การพิมพ์ธนบัตร ทุกประเทศที่พิมพ์มันก็ต้องมี กม.รองรับให้พิมพ์ได้กันทั้งนั้นแหละครับ
แต่ประเทศต่างๆทั่วโลก ต้องสำรองทองคำหรือ usd,euro หรือเงินสกุลอื่นๆ ที่ กม.บังคับต้องสำรอง
ไม่งั้นก็เฟ้อสิครับ อยากพิมพ์เท่าไร ก็พิมพ์ เป็ฯเหมือนเยอรมันช่วงสงคราม หรือปัจจุบันก็
ดอลลาร์ซิมบับเว ไงครับ และ USD ก็กำลังเริ่มเฟ้อ ลดค่าลงเรื่อยๆ เปลี่ยนไปถือทองคำแทน

Re: ขอถามแบบซื่อๆหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 13, 2011 9:45 pm
โดย chukieat30
Tong n_n เขียน:บางทีคำเตือนสุดท้ายของโซรอส อาจจะจริง ทองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะไป

จากประโยคข้างบน หมายความว่า ทองคำจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะถือเชื่อมากที่สุดหรือเปล่าครับ
หรือว่าหมายความว่าไงครับ
ผมเข้าใจว่า ทองคำเป็นสิ่งสุดท้าย คือ หลังจากนั้น

เค้าจะเอาทุกอย่างคืนเข้าประเทศ เหมือนไวรัสไงครับ พอเข้าเซลล์ได้ ก้ไปแบ่งตัว

พอจากนั้นก้แตกเซลล์ และบุกเซลล์อื่น

แต่จากการที่เฟด ออกมาบอกว่าคงดอกเบี้ย เงินที่คิวอีออกมา 2 รอบ

ก้จะกระจายอยู่ เหมือนเดิม เมื่อใดขึ้นดอกเบี้ย ก้ล้มกระดานทั้งโลก

ถึงตอนนั้น ก้ปี 2013 พอดี ตรงกับที่ ดร รูบินี่พูดไว้เป๊ะๆๆ

ดังนั้น ณ ตอนนี้ คนที่น่าห่วง คือ ยุโรป

ไม่ใช่มะกันครับ คุณจะเปลี่ยนตะกร้าเิงินหรือ คุณคงไม่โค้ดหนี้ เป็นเงินเยนหรอกน่า

หรือจะเอาเงินหยวนมาเป็นตะกร้าใบใหม่ คุณคงไม่มีหยวนมากพอความต้องการของ

ตลาด ดังนั้น จีนและรัสเซีย จึงต้องอดทนเพราะ ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้นใคร ที่คิดว่า วอเรนท์ บัฟเฟตหลง หรือ มองไม่ขาด คิดให้ใหม่เลย

เค้ารวยระดับนี้ แล้ว มีหรือ จะมองไม่ขาด เราตะหากที่ มองเค้าไม่ทัน