หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 15, 2011 11:43 am
โดย mentalist
ผมได้อ่านการจำแนกหุ้น6ประเภทของ Peter Lynch
1.หุ้นโตช้า
2.หุ้นแข็งแกร่ง
3.หุ้นโตเร็ว
4.หุ้นวัฎจักร
5.หุ้นฟื้นตัว
6.หุ้นทรัพย์สินมาก
ใครมีข้ออธิบายเพิ่มเติมของแต่ละกลุ่ม หรือมีตัวอย่างของหุ้นในปัจจุบันว่า หุ้นตัวใดอยู่กลุ่มไหนบ้างขอความรู้ด้วยครับ ปล. ผมรับปรึกษาปัญหาโรคเหงือกและฟันเป็นการตอบแทนทที่ห้องสุขภาพนะครับเชิญผู้สนใจเข้าไปถามได้คับ ขอบคุณคับ
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 16, 2011 5:57 pm
โดย aonzzung
ผมว่าลองซื้อ One up on the Wall Street มาอ่านดีมั้ย
เล่มแปลไทยก็มี ไม่แพงครับ
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 6:20 pm
โดย mentalist
อ่านแล้วครับผมเพียงอยากถามความคิดเห็นว่าหุ้นในไทยตัวไหนอยู่ในกลุ่มไหนบ้าง
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 19, 2011 10:35 am
โดย ikitten
ถามยากเลยนะครับ ผมว่ามุมมองของแต่ละคนในการจำแนกก็ต่างกันออกไปนะ
จะใช้อะไรจำแนกบ้าง? เติบโตคงที่ปีละ ...%? ปริมาณหนี้และความสามาารถในการชำระหนี้? ROA ROE? %กำไรสุทธิ?
อุตสาหกรรม? ความเป็นไปได้ในการขยายกิจการ?
ผมว่า Perter Lynch แบ่งไว้เพื่อความสะดวกของแกเองนะ ในหนังสือเองก็ไม่ได้บอกอย่างละเอียดว่าใช่อะไรเป็นปัจจัยจำแนกบ้าง 1 2 3 ...
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 31, 2016 6:57 pm
โดย Krasapkan
ผมเห็นว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ดีมาก เพราะเท่าที่ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาไม่ต่ำกว่า 50 เล่ม ทั้งของคนไทย และหนังสือแปล
หนังสือ One up on the wall street เป็นหนังสือที่แนะนำการลงทุนในหุ้นได้ดีมากๆ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้มาแล้ว 10 รอบ และว่างๆ ก็จะจับขึ้นมาอ่านเรื่อยๆ หาหุ้นได้ตามคำแนะนำของหนังสืออยู่ 6 ตัว เพราะผมต้องทำงานประจำ จึงไม่มีเวลามากพอที่จะติดตามหุ้นได้มาก
และอีกอย่างผมมีความเข้าในหนังสือเพียงบางเรื่องเท่านั้น บางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจ ผมจึงหาหุ้นได้ไม่เยอะ เช่น
1. หุ้น Ford ที่ peter lynch ตัดสินใจซื้อ ซึ่งนักวิเคราะห์คนอื่นๆ บอกว่าเป็นหุ้นวัฏจักร
2. หุ้นที่มีค่า % of Growth/PE มากกว่า 2 อย่างต่อเนื่อง
3. หุ้นที่นักวิเคราะห์ไม่สนใจ
4. หุ้นที่มีหนี้ระยะยาวน้อยมาก หรือไม่มีเลย
5. หุ้นที่มีเรื่องที่น่าติดตามในอนาคต และสามารถทำให้กำไรในอนาคตเพิ่มขึ้น ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เพื่อนๆ ช่วยถามสิ่งที่ยังไม่เข้าใจในหนังสือ และรบกวนผู้รู้ช่วยกันตอบเพื่อเป็นวิทยาทานกับผู้ไม่รู้ครับ
ปล. ผมเพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้นเมื่อประมาณกลางปี 58 ความรู้และประสบการณ์ของผมยังอ่อนมากครับ ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 31, 2016 7:06 pm
โดย theerasak24
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 31, 2016 8:17 pm
โดย Krasapkan
ผมเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ และผลงาน คุณโจคือผู้เข้าใจหลักการลงทุนของ One up on the wall street อย่างลึกซึ้ง ครับ
หากรายการ Money talk มีการจัดเสวนาเรื่อง One up on the wall street ก็ดีนะครับ โดยการนำแต่ละบทของหนังสือมาทำให้กระจ่างโดยผู้ที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของหนังสือ One up on the wall street
ผมคิดว่านักลงทุน VI. ส่วนใหญ่ก็อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกันครับ
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 31, 2016 9:38 pm
โดย XO
Krasapkan เขียน:ผมเห็นว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ดีมาก เพราะเท่าที่ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาไม่ต่ำกว่า 50 เล่ม ทั้งของคนไทย และหนังสือแปล
หนังสือ One up on the wall street เป็นหนังสือที่แนะนำการลงทุนในหุ้นได้ดีมากๆ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้มาแล้ว 10 รอบ และว่างๆ ก็จะจับขึ้นมาอ่านเรื่อยๆ หาหุ้นได้ตามคำแนะนำของหนังสืออยู่ 6 ตัว เพราะผมต้องทำงานประจำ จึงไม่มีเวลามากพอที่จะติดตามหุ้นได้มาก
และอีกอย่างผมมีความเข้าในหนังสือเพียงบางเรื่องเท่านั้น บางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจ ผมจึงหาหุ้นได้ไม่เยอะ เช่น
1. หุ้น Ford ที่ peter lynch ตัดสินใจซื้อ ซึ่งนักวิเคราะห์คนอื่นๆ บอกว่าเป็นหุ้นวัฏจักร
2. หุ้นที่มีค่า % of Growth/PE มากกว่า 2 อย่างต่อเนื่อง
3. หุ้นที่นักวิเคราะห์ไม่สนใจ
4. หุ้นที่มีหนี้ระยะยาวน้อยมาก หรือไม่มีเลย
5. หุ้นที่มีเรื่องที่น่าติดตามในอนาคต และสามารถทำให้กำไรในอนาคตเพิ่มขึ้น ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เพื่อนๆ ช่วยถามสิ่งที่ยังไม่เข้าใจในหนังสือ และรบกวนผู้รู้ช่วยกันตอบเพื่อเป็นวิทยาทานกับผู้ไม่รู้ครับ
ปล. ผมเพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้นเมื่อประมาณกลางปี 58 ความรู้และประสบการณ์ของผมยังอ่อนมากครับ ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
เพิ่งเริ่มลงทุน เมื่อกลางปี 58 แต่กลับอ่านหนังสือมาแล้วกว่า 50 เล่ม ขอนับถือในความมานะครับ
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 31, 2016 10:25 pm
โดย Krasapkan
ขอบคุณครับ คุณ XO
ผมมีความคิดก่อนเริ่มการลงทุนในหุ้นว่าเป็นการพนันแบบหนึ่ง และไม่เคยคิดที่จะนำเงินที่เก็บสะสมมา มาลงทุนในหุ้น แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยติดดิน และไม่มีวี่แววที่จะเพิ่มขึ้น จึงเริ่มเข้าร้านหนังสือหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอ่าน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเล่มแรกที่อ่านคือหนังสืออะไร เริ่มจากเล่มเล็กๆ ที่ดูแล้วเข้าใจง่าย เขียนโดยคนไทย จากนั้นก็ค่อยๆ หาหนังสือที่ยากขึ้นมาอ่าน สุดท้ายก็มาชอบหนังสือแปลเล่มนี้ ซึ่งแปลโดย ดร.นิเวศน์ เมื่อได้อ่านแล้วก็คิดว่าการลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องยาก ขอให้มีวินัยในตนเอง และทำตามหลักการที่ตนเองเชื่อมั่น ครับ
เข้าห้างทีไรต้องแวะไปที่ร้านหนังสือทุกครั้ง เพื่อหาหนังสือใหม่ๆ อ่าน
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 01, 2016 2:55 pm
โดย b4solid
http://www.dekisugi.net/page/7
ไฟล์เสียงของคุณนรินทร์นะครับ ตอนนี้เปิดใหเฟังฟรีแล้ว
Re: ขอความรู้เรื่อง หุ้น 6 ประเภทของ peter lynch คับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 01, 2016 3:13 pm
โดย nut776
ผมไม่รู้นะ ว่า แบ่งกันไปทำไม สำหรับคนอื่น
แต่เท่าที่ผมอ่านแล้วตีความได้คือ
ลินช์ ใช้กำหนด ผลตอบแทน กับ วางกลยุทธ ในการจัดพอร์ท
และวางกรอบระยะเวลาในการถือครองหุ้นในแต่ละประเภท
ยกตัวอย่าง
ถ้าถือหุ้นบลูชิพ ลินช์ต้องการผลตอบแทน 20-30% ต่อปี
โดย ให้น้ำหนัก ในพอร์ท เกือบครึ่ง(ไปลองอ่านดูได้ สักบทนึง
ลินช์ พูดเองว่า คนมักมองเขาเป็นนักเล่น หุ้นเติบโต กับ turn around
แต่ในความเป็นจริง หุ้นกลุ่มนี้ เขาถือ ไม่ถึง 50%
และหุ้นที่ทำเงินได้มากสุด เป็นจำนวนรวมมากสุด ของลินช์
ก็เป็นกลุ่ม leasing and loan ไม่ใช่พวกวัฎจักร แบบรถ)
ถ้าเป็น growthหรือturn around ลินช์ จะมองผลตอบแทนมากกว่านั้น
เช่นเป็นเด้ง และมีระยะเวลาถือครองนาน แต่สัดส่วนไม่ได้ มากเป็น
70-80% พอร์ท
ส่วนท่านอื่น แบ่งไปทำไม เพื่ออะไร
ผมอยากทราบ กลยุทธเหมือนกันคับ
ขอบคุณคับ
ปล เฟรดดี้เม แฟนนี่แมค น่าจะเป็นหุ้นที่ทำเงินให้ลินช์มากสุด
อ้างอิง จาก beating the street สักบท แต่
story มันจบ ก่อน subprime ไม่งั้น พงศาวดารลินช์
จะเปลี่ยนไปยังไง ผมกะไม่รู้คับ