หน้า 1 จากทั้งหมด 1

บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 10:54 am
โดย CheNz
บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัดแบบนี้เขารอความชัดเจนของอะไรกันครับ
ที่กังวลกันคงเนื่องจากปัญหา ศก.ในฝั่งยุโรป ว่าวิกฤติจะมาหรือเปล่า
มาตรการที่ชัดเจนของการแก้ปัญหาหนี้สินฟากฝั่งยุโรป สหรัฐ
หรือจะก่อหนี้เพิ่มไปเรื่อยๆแล้วรอระเบิดตูมเดียว
ปัญหาหนี้อีกหลายๆประเทศที่จะตามๆกันมาเป็นขบวน ไม่ว่าจะเป็นสเปน อิตาลี

หรือผมอึดอัดไปเองคนเดียว :?

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 11:07 am
โดย aonzzung
You'll never feel alone.

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 11:15 am
โดย Unstablemind
“The reason is that a man may see straight and clearly and yet become impatient or doubtful when the market takes its time about doing as he figured it must do. That is why so many men in Wall Street, who are not at all in the sucker class, not even in the third grade, nevertheless lose money. The market does not beat them. They beat themselves, because though they have brains they cannot sit tight.”

Jesse Lauriston Livermore ~~

ถึงคนนี้จะต่างจากVIอย่างมากแต่เขามีข้อคิดดีๆที่VIนำไปใช้ได้ในตลาดอึดอับแบบนี้

ขอให้สำเร็จกับการลงทุนคร้าบ :D

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 11:24 am
โดย densin
ช่วงนี้ข่าวหุ้นตก เพื่อนผมที่ซื้อกองทุนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มาเปิดดูNAV
แล้วถามผมว่ามันตกยังไงเขายังกำไรตั้งเยอะ
แล้วถามผมว่าจะเก็บได้ไหมเนี่ย อยากได้ถูกเหมือนปีที่แล้ว

คนที่จ้องตลาดบ่อยๆทุกข์มากกว่านักลงทุนมือสมัครเล่นที่ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนคนปรกติ

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 1:14 pm
โดย murder_doll
densin เขียน:ช่วงนี้ข่าวหุ้นตก เพื่อนผมที่ซื้อกองทุนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มาเปิดดูNAV
แล้วถามผมว่ามันตกยังไงเขายังกำไรตั้งเยอะ
แล้วถามผมว่าจะเก็บได้ไหมเนี่ย อยากได้ถูกเหมือนปีที่แล้ว

คนที่จ้องตลาดบ่อยๆทุกข์มากกว่านักลงทุนมือสมัครเล่นที่ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนคนปรกติ
ถูกต้องครับ :D

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 2:25 pm
โดย CheNz
densin เขียน:ช่วงนี้ข่าวหุ้นตก เพื่อนผมที่ซื้อกองทุนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มาเปิดดูNAV
แล้วถามผมว่ามันตกยังไงเขายังกำไรตั้งเยอะ
แล้วถามผมว่าจะเก็บได้ไหมเนี่ย อยากได้ถูกเหมือนปีที่แล้ว

คนที่จ้องตลาดบ่อยๆทุกข์มากกว่านักลงทุนมือสมัครเล่นที่ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนคนปรกติ
เห็นด้วยครับ แต่สำหรับผมมองว่า

การตามติดตลาดโดยไม่ใช้อารมณ์คล้อยตามราคาหุ้นที่ผันผวน
ในบางสถานการณ์ทำให้เรามีโอกาสในการลงทุนมากขึ้นกว่าการที่ถือหุ้นดี แล้วทิ้งไว้ไม่หันไปมอง หรือนานๆที่มองทีครับ
ยกตัวอย่างเช่น การ Panic sell ที่มีผลจากเหตุการณ์ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐ และความกังวลหนี้ยุโรป
หากใครตามติดสถานการณ์และจ้องมองตลาดอยู่ทุกระยะ สามารถที่จะทำผลตอบแทนจากความต๊กกะใจของนักลงทุนครั้งนี้ได้

เช่น ผมมีหุ้น 2 ตัว มอง upside ไว้ 100% ทั้งคู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หุ้น A ราคาร่วงไป 20% ทำให้ upside หุ้น A เพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนหุ้น B ราคาลงไป 5% ทำให้หุ้น A มี upside สูงกว่า ทั้งๆที่หากช่วงเวลาปกติหุ้นทั้ง 2 ตัวมี upside เท่ากัน
ทำให้ผมสามารถ Switch หุ้นไปหาตัวที่ Upside สูงกว่าได้

ซึ่งเหตุการณ์นี้ใช้เวลาเพียง 2 วัน หุ้น A ก็ปรับตัวเข้าสู่ราคาเดิม ก่อน Panic

จะเห็นว่าแม้วิธีการหรือหลักปฏิบัติจะเป็น Value Investor แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ตลอดเวลาครับ :D

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 17, 2011 2:38 pm
โดย noooon010
ขออนุญาตินำข้อคิดมาจากหนังสือ "เทคนิคพิชิตหุ้น ของ ดร.นิเวศน์ หน้า158" นะครับ

อย่ากลัวจนทิ้งตลาดหุ้นครับ
เพราะสุภาษิตที่โด่งดังในวงการหุ้นก็คือ

หุ้นนั้น ปีนกำแพงแห่งความกังวล

ความหมายคือ ถ้าคนยังวิตกกังวลอยู่ หุ้นจะขึ้นไปได้
เมื่อใดที่คนลงทุนในหุ้นอย่าง ไร้กังวล อย่างที่เกิดขึ้นในปลายปี 2546
เมื่อนั้นหุ้นจะน่ากลัวที่สุดจริงๆ

-------------------------------------
หุ้นมีขึ้น มีลง มีอยู่นิ่งๆ
เราจะทำอย่างไรกับการลงทุนของเรา จะแบ่งเงินลงทุนอย่างไร ระยะเวลาลงทุนนานแค่ไหน
และอะไรเป็นกิจการที่เราเข้าใจ

เป็นสิ่งที่เราต้องตอบตัวเราเองครับ

มีสติและความสุขกับการลงทุนนะครับผม :D

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2011 5:17 am
โดย luangrit
CheNz เขียน:
densin เขียน:ช่วงนี้ข่าวหุ้นตก เพื่อนผมที่ซื้อกองทุนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มาเปิดดูNAV
แล้วถามผมว่ามันตกยังไงเขายังกำไรตั้งเยอะ
แล้วถามผมว่าจะเก็บได้ไหมเนี่ย อยากได้ถูกเหมือนปีที่แล้ว

คนที่จ้องตลาดบ่อยๆทุกข์มากกว่านักลงทุนมือสมัครเล่นที่ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนคนปรกติ
เห็นด้วยครับ แต่สำหรับผมมองว่า

การตามติดตลาดโดยไม่ใช้อารมณ์คล้อยตามราคาหุ้นที่ผันผวน
ในบางสถานการณ์ทำให้เรามีโอกาสในการลงทุนมากขึ้นกว่าการที่ถือหุ้นดี แล้วทิ้งไว้ไม่หันไปมอง หรือนานๆที่มองทีครับ
ยกตัวอย่างเช่น การ Panic sell ที่มีผลจากเหตุการณ์ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐ และความกังวลหนี้ยุโรป
หากใครตามติดสถานการณ์และจ้องมองตลาดอยู่ทุกระยะ สามารถที่จะทำผลตอบแทนจากความต๊กกะใจของนักลงทุนครั้งนี้ได้

เช่น ผมมีหุ้น 2 ตัว มอง upside ไว้ 100% ทั้งคู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หุ้น A ราคาร่วงไป 20% ทำให้ upside หุ้น A เพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนหุ้น B ราคาลงไป 5% ทำให้หุ้น A มี upside สูงกว่า ทั้งๆที่หากช่วงเวลาปกติหุ้นทั้ง 2 ตัวมี upside เท่ากัน
ทำให้ผมสามารถ Switch หุ้นไปหาตัวที่ Upside สูงกว่าได้

ซึ่งเหตุการณ์นี้ใช้เวลาเพียง 2 วัน หุ้น A ก็ปรับตัวเข้าสู่ราคาเดิม ก่อน Panic

จะเห็นว่าแม้วิธีการหรือหลักปฏิบัติจะเป็น Value Investor แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ตลอดเวลาครับ :D
ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องอึดอัดแล้วครับ
คุณได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้เต็มๆ

Re: บรรยากาศตลาดที่น่าอึดอัด

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2011 11:02 am
โดย CheNz
luangrit เขียน:
CheNz เขียน:
densin เขียน:ช่วงนี้ข่าวหุ้นตก เพื่อนผมที่ซื้อกองทุนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มาเปิดดูNAV
แล้วถามผมว่ามันตกยังไงเขายังกำไรตั้งเยอะ
แล้วถามผมว่าจะเก็บได้ไหมเนี่ย อยากได้ถูกเหมือนปีที่แล้ว

คนที่จ้องตลาดบ่อยๆทุกข์มากกว่านักลงทุนมือสมัครเล่นที่ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนคนปรกติ
เห็นด้วยครับ แต่สำหรับผมมองว่า

การตามติดตลาดโดยไม่ใช้อารมณ์คล้อยตามราคาหุ้นที่ผันผวน
ในบางสถานการณ์ทำให้เรามีโอกาสในการลงทุนมากขึ้นกว่าการที่ถือหุ้นดี แล้วทิ้งไว้ไม่หันไปมอง หรือนานๆที่มองทีครับ
ยกตัวอย่างเช่น การ Panic sell ที่มีผลจากเหตุการณ์ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐ และความกังวลหนี้ยุโรป
หากใครตามติดสถานการณ์และจ้องมองตลาดอยู่ทุกระยะ สามารถที่จะทำผลตอบแทนจากความต๊กกะใจของนักลงทุนครั้งนี้ได้

เช่น ผมมีหุ้น 2 ตัว มอง upside ไว้ 100% ทั้งคู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หุ้น A ราคาร่วงไป 20% ทำให้ upside หุ้น A เพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนหุ้น B ราคาลงไป 5% ทำให้หุ้น A มี upside สูงกว่า ทั้งๆที่หากช่วงเวลาปกติหุ้นทั้ง 2 ตัวมี upside เท่ากัน
ทำให้ผมสามารถ Switch หุ้นไปหาตัวที่ Upside สูงกว่าได้

ซึ่งเหตุการณ์นี้ใช้เวลาเพียง 2 วัน หุ้น A ก็ปรับตัวเข้าสู่ราคาเดิม ก่อน Panic

จะเห็นว่าแม้วิธีการหรือหลักปฏิบัติจะเป็น Value Investor แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ตลอดเวลาครับ :D
ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องอึดอัดแล้วครับ
คุณได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้เต็มๆ
นั่นสินะครับ :ep:

แต่ประเด็นคือ ส่วนตัวผมถือเงินสดเกือบ 40% จะลงก็เกรงว่าจะเสียโอกาสในกรณีเกิดวิกฤตหรือเหตุการณ์ที่นอกเหนือความคาดหมาย
เหตุการณ์ต่างๆยังไม่ชัดเจน และหุ้นตัวที่มองไว้ ในระยะสั้นที่ผ่านมาถึงแม้จะลงไป 10-20% แต่ก็มองว่ายังมี MOS ไม่มากพอ

VI เราสอนว่าอย่าเดาตลาด แต่นักลงทุนอย่างผมก็กลัวว่าจะเสียโอกาส :mrgreen: